เป๊าะ!
เสียงสิ่งของแตกหักดังลั่น
หอกอัคนีจันทราส่องในมือของอู๋ิโดนสายฟ้าฟาด ทำให้มันหักจากตรงกลาง
ศาสตราวิเศษขั้นปฐีชิ้นหนึ่งกลับหักครึ่งอย่างง่ายดายเช่นนี้ และภายใต้หอกอัคนีที่หักไปคือใบหน้าหวาดกลัวของอู๋ิ
้า เสิ่นสืออีถือสากวายุอัสนีด้วยมือทั้งสองข้างราวกับเป็เทพอัสนี
ต่อมาเสิ่นสืออีแสดงพลังโจมตีลงไปบนหัวของอู๋ิ
ขั้นราชันทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นมองสากวายุอัสนีในมือของเสิ่นสืออี ค่อยๆ พุ่งลงไปที่หัวของอู๋ิอย่างเชื่องช้า
ส่วนร่างขั้นจักรพรรดิของอู๋ินั้นกำลังหลอมละลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้พลังโจมตีของสากวายุอัสนี สายฟ้ามากมายฟาดลงบนร่างของเขาจนไหม้เกรียม กลุ่มพลังจิติญญาไม่ทันได้หนีออกไปจากร่าง โดนสายฟ้าโจมตีจนแตกสลายไปเช่นกัน
ห่างออกไป หลายคนที่กำลังมุ่งหน้ามายังลานต่อสู้ได้เห็นสายฟ้าเ่าั้ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป
พวกเขาคุ้นเคยกับพลังนี้เป็อย่างมาก มีเพียงคนในราชวงศ์เฟิงเหลยเท่านั้นที่จะแสดงพลังเช่นนี้ได้
ผู้นำของกลุ่มคนนั้นเป็บุรุษหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึม มีสายฟ้าสีม่วงประทับอยู่ตรงหน้าผาก เขามองสายฟ้าเบื้องหน้าด้วยแววตาเย็นะเื พลางกระโจนไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ได้ลดลงเลย
ตูม!!!
สากวายุอัสนีทั้งสองอันพุ่งโจมตีพื้นที่อู๋ิยืนอยู่อย่างรุนแรง ก่อให้เกิดเสียงดังก้อง
เสิ่นสืออีถือสากคุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยแววตาเ็า
อู๋ิที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้หายตัวไปแล้ว เนื่องจากโดนพลังของสากวายุอัสนีโจมตีจนกลายเป็จุณ
“แข็งแกร่งมาก”
เสิ่นเสวียนยืนดูเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมนี้อยู่ข้างๆ
ั้แ่ที่ส่งสากวายุอัสนีให้เสิ่นสืออี กระทั่งถึงกำจัดอู๋ิ ผ่านไปเพียงพริบตาเท่านั้น และในพริบตาเดียวนี้ ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางคนหนึ่ง ผู้าุโแห่งตระกูลเฝิงได้จบชีวิตลงแล้ว
คนที่รับรู้ได้ชัดเจนที่สุดคือขั้นราชันสองคนที่นั่งอยู่
พวกเขารู้ดีว่าพลังของอู๋ิแข็งแกร่งเพียงใด เขาโดนสังหารรวดเร็วขนาดนี้ทำให้พวกเขาคิดว่ากำลังฝันไป
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดไว้ชีวิต! ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดไว้ชีวิต!”
ผีซานแววตาค่อนข้างเฉียบแหลม เขาตั้งสติได้ก่อนจึงคุกเข่าลงตรงหน้าเสิ่นเสวียนพลางโค้งกายคารวะ อ้อนวอนให้เสิ่นเสวียนไว้ชีวิต ตายไปไม่สู้เอาตัวรอด ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง เขาไม่อยากเป็เหมือนอู๋ิ
“หืม? นี่ไม่เหมือนนิสัยเ้าเลยนะ”
เสิ่นเสวียนมองผีซานด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้ในโรงเตี๊ยม ตาแก่นี่ยังคิดสังหารเขาอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปหน้าตาเฉย
แต่ยิ่งเป็แบบนี้เขาก็ยิ่งไม่อยากเก็บไว้ คนแบบนี้ยิ่งปล่อยไปยิ่งเป็อันตราย
“ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ล่วงเกินท่านผู้ยิ่งใหญ่เข้า ก่อนหน้านี้ที่บอกเล่าต่อท่านไปเป็เื่แต่งของข้าเอง พวกข้าไปหาพวกเขามาก็จริงอยู่ แต่โดนพวกเขาโจมตีจนาเ็หนัก”
ผีซานรู้ดีว่าประเด็นหลักอยู่ที่ใด หากอธิบายเื่เ่าั้ได้ เขาก็ยังมีโอกาสรอด
“ไปหาก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
เสิ่นเสวียนย่างเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย
อย่าเห็นว่าพลังยุทธ์ของทั้งสองแข็งแกร่งกว่าเขา และตัวเขาเองจิติญญาได้รับความเสียหายไปกว่าครึ่ง หากต้องสู้กันจริงๆ เขายังมั่นใจว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้
“เป็... เป็เพราะคำสั่งของเขา ใช่แล้ว เป็เพราะคำสั่งของพวกเขา”
ผีซานเริ่มลนลาน เขาชี้ไปตรงที่อู๋ิหายตัวไปก่อนหน้านี้ทันที เขากล่าวมาไม่ผิดเลย อู๋ิเป็คนพาพวกเขาไป หากไม่ใช่เพราะอู๋ิเขาคงไม่ต้องล่วงเกินคนประหลาดอย่างเสิ่นเสวียน ไม่เพียงแค่อู๋ิเท่านั้น เขายังโยนความผิดไปให้ชายชราที่อยู่ข้างๆ ตนเองอีกด้วย
“เกี่ยวอะไรกับข้า พวกเรารับคำสั่งของอู๋ิเหมือนกัน”
ชายชราคนนั้นไม่พอใจขึ้นมาทันที เขารู้ว่าผีซานร้ายกาจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ คิดดูแล้วพวกเขาทั้งสองคนต่างโดนบงการ และผีซานก็รู้ดีว่าหากพวกเขาคนใดคนหนึ่งตายไป อาจสามารถดับเพลิงโทสะของเสิ่นเสวียนได้ และผีซานก็รู้ว่าตนเองอาจรอดไปได้
“เฮอะ! หากไม่ใช่เ้าคอยยุยงอยู่ข้างๆ ข้าจะไปด้วยหรือ” ผีซานลุกขึ้นยืนพลางะโใส่อีกฝ่าย
“เหลวไหล ข้าเห็นว่าเ้าต่างหากที่กระตือรือร้นอยากไป” ชายชราคนนั้นฝีปากสู้ผีซานไม่ได้ และยังโดนผีซานว่าร้ายเข้าอีก
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะช่วยสั่งสอนเขาให้เอง ท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
ผีซานไม่รอให้เสิ่นเสวียนกล่าวสิ่งใด กระโจนเข้าโจมตีชายชราที่อยู่ข้างๆ ในทันที
กรงเล็บน่ากลัวประกายแสงสีเขียวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหัว พลางตะปบกรงเล็บแสดงพลังสังหารั้แ่แรกเริ่ม
ชายชราอีกคนหนึ่งเห็นดังนั้นก็รู้สึกคิดไม่ถึงว่าผีซานจะกล้าลงมือจริงๆ เขาจึงลุกขึ้นรับมือ แล้วทั้งสองคนก็สู้กัน
“ฟังข้านะ พวกเราจะต้องรอด ไม่อย่างนั้นก็ตายไปด้วยกัน”
ผีซานเข้าประชิดอีกฝ่ายพลางกล่าวเบาๆ
สิ่งนี้ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเข้าสู้กับผีซานอย่างไม่รีรอ
ทั้งสองโจมตีกันไปมา คลื่นพลังแผ่ซ่านออกไปทุกทิศทาง ทำให้อาณาเขตรอบๆ กลายเป็หลุมบ่อเต็มไปหมด
พลังของทั้งสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลย หากอยู่ในหุบเขาสุขาวดีสามารถเทียบเคียงาามารได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเสวียน เพื่อที่จะเอาตัวรอดพวกเขาทำได้เพียงต่อสู้กันเท่านั้น
ทว่าเสิ่นเสวียนมองความคิดของพวกเขาสองคนออก ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ในเมื่อพวกเขาอยากสู้ก็ปล่อยให้สู้กันไปก่อน
เสิ่นเสวียนเดินไปข้างๆ เสิ่นสืออี และรับสากวายุอัสนีมาจากเสิ่นสืออี
สากวายุอัสนีเป็เหมือนค้อนสองอัน เพียงแต่ว่าหัวค้อนค่อนข้างเล็ก และมีอานุภาพรุนแรงมาก
แม้แต่เสิ่นเสวียนยังคิดไม่ถึงเลยว่าสากวายุอัสนีจะแสดงอานุภาพได้ถึงขนาดนี้ หากจัดอันดับจริงๆ มันคงได้อยู่ในระดับเดียวกับศาสตราเซียน
“ดูเหมือนว่าราชวงศ์เฟิงเหลยก็มีของดีอยู่เหมือนกัน!”
เสิ่นเสวียนลูบสากวายุอัสนีเบาๆ พลางกล่าว ขณะที่ยังไม่สามารถคลายผนึกผังเมืองซานเหอได้อย่างสมบูรณ์ สากวายุอัสนีคือของล้ำค่าที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ อย่างน้อยเขาสามารถใช้ได้ และด้วยพลังยุทธ์ของเขาแล้ว เขามั่นใจว่าจะใช้สากวายุอัสนีสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นราชันได้
ในขณะเดียวกัน เว่ยเฉิงเย่ที่อยู่ภายในมิติของผังเมืองซานเหอไม่ได้ยินและไม่รับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ภายนอก หากว่าเขาได้ยินจะต้องทำสีหน้าภาคภูมิใจอย่างแน่นอน แม้ตัวตายไปแล้วแต่ยังสามารถเก็บรักษาสากวายุอัสนีเอาไว้ได้
ที่ตอนนั้นอีกฝ่ายกล้าเพียงผนึกเขาเอาไว้แต่ไม่กล้าลงมาหาเขา ก็เพราะสากวายุอัสนีคู่นี้ หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยทำให้มันกลับคืนสู่ราชวงศ์ ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
“นายท่าน มีคนมา”
เสียงที่ดูเหมือนกลไกของเสิ่นสืออีดังขึ้น พลางชี้ไปยังกลุ่มคนที่มุ่งหน้ามาจากทิศใต้
“อืม ข้ารู้แล้ว จัดการพวกเขาแล้วพวกเราไปกันเถอะ”
เสิ่นเสวียนคิดคำนวณเล็กน้อย เขายังพอมีเวลาอีกเล็กน้อยกว่าอีกฝ่ายจะมาถึง และเวลาที่ว่านี้เพียงพอจะกำจัดสองคนนั้น
เขาหันไปพลางกล่าวกับขั้นราชันสองคนนั้น
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว รับความตายไปซะ”
ในน้ำเสียงเรียบเฉยแฝงพลังอำนาจไร้ขอบเขตเอาไว้ คนที่สามารถกล่าวกับผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดสองคนได้ด้วยท่าทางสบายๆ เช่นนี้มีอยู่ไม่มาก
“จัดการ”
ผีซานขยิบตาให้ชายชราอีกคนหนึ่ง จากนั้นทั้งสองคนก็แสดงพลังโจมตีเข้าใส่เสิ่นเสวียนพร้อมๆ กัน
“ไม่รู้จักประมาณตน”
เสิ่นเสวียนไม่ได้ใช้สากวายุอัสนี แต่รับพลังโจมตีเ่าั้ด้วยมือเปล่า
เขา้าให้อีกฝ่ายรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าพลัง
ร่างของเสิ่นเสวียนปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสองคนอย่างน่าประหลาด ฝ่ามือทั้งสองข้างโจมตีใส่หน้าอกของทั้งสองคน โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พวกเขากระเด็นถอยหลังไปในพริบตา
โดยเฉพาะพลังที่พวยพุ่งออกมาจากใจกลางฝ่ามือ มันแทรกซึมเข้าไปในร่างของสองคนนั้น ทำลายชีพจรของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“มันจบแล้ว”
เสิ่นเสวียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง แล้วยื่นมือออกไปคว้าเข้าที่คอของผีซาน
ทว่าขณะที่เสิ่นเสวียนกำลังจะทำสำเร็จ ผีซานกลับหมุนตัวไปอย่างกะทันหัน ส่งร่างชายชราที่อยู่ข้างๆ เข้ามาตายแทน
ฉึก!!!
นิ้วมือแทงทะลุิัเข้าไปทำให้เืสาดกระเซ็นออกมา
“เ้า...”
ชายชราหันไปมองผีซาน กระทั่งตอนตายยังน่าเวทนา คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะติดกับผีซานจนได้
การกระทำของผีซานทำให้เสิ่นเสวียนประหลาดใจมาก ท่าร่างของอีกฝ่ายเหนือไปจากความคาดหมายของเขา
ขณะที่เสิ่นเสวียนกำลังจะโจมตีเข้าที่หัวของผีซาน พลันเกิดเื่ประหลาดขึ้น
ร่างของผีซานถูกแรงดึงดูดมหาศาลกระชากไปทางทิศใต้อย่างรวดเร็ว
“กล้าสังหารคนในเมืองเช่นนี้ เ้าเบื่อหน่ายชีวิตนักหรือไร”
เสียงเย็นะเืดังก้องมาจากทิศใต้