ในระหว่างที่กำลังวิ่งหนีด้วยความเร็วร่างของเสือดำลายพรางก็พลันมีอาการบิดเขม็งเกร็งขึ้นอย่างผิดปกติฉินโจ้วจึงเอี้ยวตัวกลับไปดู ก็พบเงาดำสลัวนั้นใกล้เข้ามาอย่างไม่ทันรู้ตัว เป็มดทหารแห่งทะเลทรายสองตัวกำลังกัดเข้าที่บริเวณสะโพกด้านหลังเขี้ยวขนาดใหญ่ราวกับดาบโค้งคมกริบเกี่ยวกระชากเข้าไปในเนื้อ ลึกเข้าไปราวฟุตด้วยการกัดเพียงครั้งเดียวทุกการเคลื่อนไหวส่งผลให้เืพุ่งออกไปเป็สายบริเวณบั้นท้ายของเสือดำลายพรางเต็มไปด้วยเืไหลชุ่มโชก
ฉินโจ้วจึงรีบปล่อย ''หนามกระดูก''ออกไปสังหารมดทหารแห่งทะเลทรายทันทีแต่เขาเองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออาการาเ็ที่เกิดขึ้นกับเสือดำลายพรางได้เนื่องจากอูฐเป็สัตว์ขี่จึงสามารถใช้ยาน้ำรักษาได้ แต่เสือดำลายพรางเป็มอนสเตอร์ดังนั้นยาน้ำของมนุษย์จึงไม่สามารถใช้กับเหล่ามอนสเตอร์ได้นอกเสียจากต้องมีทักษะลับบางอย่างซึ่งเขาเองก็ไม่รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ว่านั่นเลย
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังโหวกเหวกขึ้นเบื้องหน้าของเขาเมื่อฉินโจ้วเงยหน้าขึ้นมองก็รู้สึกดีใจกลุ่มหมาป่าทะเลทรายที่เคยไล่ล่าเขาก่อนหน้านี้กำลังถูกพวกมดทหารแห่งทะเลทรายห้อมล้อมไว้ในเวลานี้จำนวนลดน้อยลงเหลือไม่ถึงร้อยตัวไม่รู้ว่าพวกมันแยกย้ายกันหลบหนีหรือถูกไล่สังหาร ทุกตัวล้วนได้รับาเ็ท่าทางหดหู่ สิ้นหวังเป็อย่างมาก
เสี่ยวหลัวลี่ปล่อยเวท ''บอละเิเพลิง''ในมือออกไปเป็สาย ฉินโจ้วก็โจมตีด้วย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''ออกไปสองครั้ง เพื่อสังหารหมาป่าทะเลทรายนับสิบตัวที่อยู่ด้านหน้าใน่เวลาที่กำลังหนีตายอยู่เช่นนี้ ทำให้พวกหมาป่าทะเลทรายนั้นไม่มีเวลาจะเข้ามารบกวนพาหนะสัตว์ขี่ทั้งหลาย่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ไยจะมีเวลาสนใจเื่พวกนี้กันผลจากเสียงะเิที่รุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้หมาป่าทะเลทรายเปลี่ยนทิศทางวิ่งเฉียดผ่านฉินโจ้วไปโดยไม่ได้สร้างปัญหาขึ้นแม้แต่น้อย
หลังจากวิ่งต่อไปได้ห้าถึงหกนาทีก็มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเร่งความเร็วขึ้นมาจากทางฝั่งซ้ายราวเจ็ดถึงแปดคน ต่างก็เต็มไปด้วยริ้วรอยาแฟกช้ำไปทั่วในขณะที่กำลังหนีตายอยู่นั้น เสียงม้าก็ได้ร้องเตือนขึ้นเมื่อได้เห็นฉินโจ้วพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง เขาก็ะโขึ้นอย่างมีไมตรี"ฝั่งนี้ถูกปิดล้อมไว้หมดแล้ว วิ่งไปหาทางอื่น" หลังจากที่พูดจบก็ตะบึงห้อพุ่งผ่านราวกับลมกระโชกไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาได้พบกับผู้เล่นอีกหลายคนซึ่งเป็กลุ่มที่มีอยู่สามคนบ้าง ห้าคนบ้าง ต่างล้วนถูกมดทหารแห่งทะเลทรายล้อมจู่โจมด้วยกันทั้งสิ้นหลังจากผ่านศึกดังกล่าว ทุกคนล้วนตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพวกเขาได้ลองไปมาทุกทางแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็คล้ายกับฉินโจ้วที่้าหาทางออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ละคนไม่มีใครอยากที่จะพูดคุยต่างรีบร้อนที่จะไปจากที่นี่
"พี่คาวบอย ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีทางออกคุณอยู่ในทะเลทรายมานาน ตามความเห็นของคุณ พวกเราควรจะต้องทำเช่นไร?" ฉินโจ้วเริ่มชะลอความเร็วลง
"ผมเองก็รู้สึกละอายใจเหลือเกินั้แ่ที่ผมเข้าเกมมา ผมใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายมาตลอด ซึ่งเป็เวลานานพอสมควร แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ได้พบกับมดทหารแห่งทะเลทรายราวอาทิตย์ก่อน ผมเองก็ได้ยินข่าวลือมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็เื่ใหญ่โตอะไรแต่พอวันนี้ได้มาประสบพบเจอด้วยตาตนเองถึงได้รู้ในส่วนของคำแนะนำว่าควรจะต้องทำอย่างไรนั้น คงต้องแล้วแต่์ทรงโปรดแล้ว" ชิ้นเนื้อที่บริเวณต้นขาของคาวบอยตะวันตกที่ฉีกขาดออกไปนั้น เวลานี้เพิ่งจะเริ่มส่งผลเขาเกิดอาการคันขึ้นจนแทบทนไม่ไหว ทำให้ท่านั่งของเขาดูแปลกประหลาดไป
"ช่วย... ช่วยด้วยยยย" ผู้เล่นรูปร่างผอมบางคนหนึ่งวิ่งฝ่าออกมาจากความมืดะโไปพลางเหลียวหลังไปพลาง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ฉินโจ้วและคาวบอยตะวันตกต่อให้ไม่เห็นอย่างชัดเจนต่างก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหัว ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียพาหนะสัตว์ขี่ไปแล้วสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ การช่วยเหลือก็ไม่ต่างจากการราดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก(ตัวภาระ)
แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่า ผู้เล่นคนนี้จะยึดฉินโจ้วและคนอื่นที่เหลือราวกับฟางเส้นสุดท้ายเขารวบรวมความกล้าก่อนจะเร่งความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจนสามารถวิ่งไล่ตามคาวบอยตะวันตกได้ทัน ก่อนที่จะมาขวางม้าเอาไว้ และพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า"พี่ชาย... พี่ชาย... ได้โปรดเถอะ ให้ผมไปด้วยคน ผมวิ่งหนีมาหลายชั่วโมงแล้วตอนนี้แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว ได้โปรดนะ..."
คาวบอยตะวันตกก็เริ่มใจอ่อนจึงได้หยุดก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก็ได้... แต่นายควรจะคิดให้ดีก่อนนะ พวกเราก็กำลังหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เหมือนกันผลของการติดตามเรามาก็ไม่ต่างจากการตายเท่าไรหรอก"
ผู้เล่นคนดังกล่าวดีใจเป็อย่างมากรีบรับปากอย่างรวดเร็ว "ผมเข้าใจดี อย่างน้อยมีชีวิตรอดต่อไปอีกเฮือกหนึ่งก็ยังดีขอบคุณพี่ชาย ขอบคุณพี่ชายมาก"
"ชิงชิง... ให้เขาขึ้นไปด้วย"คาวบอยตะวันตกหันมาออกคำสั่ง ชิงชิงเป็ผู้เล่นคนเดียวที่เหลืออยู่ในกลุ่มของคาวบอยตะวันตกซึ่งเธอเป็คนที่ไม่ค่อยพูด ถึงแม้ว่าชิงชิงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธจึงขยับตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ในบรรดาพาหนะสัตว์ขี่ของคนทั้งหลายสัตว์ขี่ของเธอนั้นยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะก่อนหน้านี้คาวบอยตะวันตกได้คอยดูแลเธอเป็อย่างดีโดยเลือกพาหนะสัตว์ขี่ที่ดีที่สุดให้ ดังนั้นพาหนะของเธอจึงสามารถบรรทุกคนได้ถึงสองคน
ผู้เล่นผอมบางคนดังกล่าวถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหมุนตัวขึ้นนั่งด้วยท่าทีที่คล่องแคล่วว่องไวจากนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณสาวงาม ขอบคุณสาวงาม บุญคุณอันยิ่งใหญ่เมตตาเป็ล้นพ้น วันหน้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน" ชิงชิงถึงกับส่ายหัวแต่ก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
เนื่องจากเกิดความล่าช้า ดูเหมือนคลื่นสีดำเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีทุกคนจึงไม่อาจเสียเวลาได้อีก จึงรีบออกเดินทางทันที ในเวลานั้นอุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงเป็อย่างมากในขณะที่พาหนะกำลังเคลื่อนที่อยู่นั้น ลมหนาวเย็นเยือกประดุจคมมีดพุ่งปะทะเข้าใส่บนผิวหน้าใบหน้าของแต่ละคนเริ่มมีน้ำแข็งเกาะจนกลายเป็สีเขียว มือเท้าเริ่มแข็งทื่อการวิ่งหลบหนีในสภาพอากาศเช่นนี้เป็เื่ที่ไม่น่าสนุกเลยสักนิด
"ดูนั่นสิ... ม้าเหงื่อโลหิตกลับมาอีกแล้ว"ัตาเดียวะโบอกก่อนจะรีบพุ่งออกไปด้านหน้าทันทีเนื่องจากเขารับหน้าที่ในการสำรวจสภาพแวดล้อม เขาหันมองไปรอบๆ และเริ่มฟังเสียงจากสิ่งรอบๆตัว เขาเป็คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายมาโดยตลอด งานนี้สำหรับเขาแล้วช่างง่ายดายยิ่งนัก
แสงสีแดงขนาดเล็กเริ่มปรากฏให้เห็นต่อหน้าและเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่ร่างของ ''ยุงนรกโลกันตร์'' ปรากฏขึ้นให้เห็นในสายตา เสียงกีบเท้าห้อตะบึงนั้นก็ค่อยๆ ดังขึ้นทีละน้อยอย่างแช่มช้าม้าเหงื่อโลหิตเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว สมดั่งคำร่ำลือที่ได้ชื่อว่าเป็ม้าระดับเทพ
"ดูเหมือนลมเริ่มพัดแรงขึ้น" จู่ๆคาวบอยตะวันตกก็พูดโพล่งขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ฉินโจ้วก็รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อยทันทีที่ได้ยินก่อนหน้านี้เขาดูจะไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไร และเริ่มเคลื่อนที่ช้าลงจนเมื่อพบว่ามีลมกำลังพัดมา ฝุ่นทรายสีเหลืองเริ่มถูกพัดปลิวขึ้นในอากาศจนทำให้เกิดฝุ่นสีเหลืองขุ่นมัวขึ้นปกคลุมแสงยามราตรี และลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
นี่เป็เื่ที่พบเห็นได้ยากยิ่งเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็ทะเลทราย จึงทำให้พบเห็นลมแรงได้น้อย
"นั่นมัน... อูฐเทพสีขาวปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว"เสี่ยวหลัวลี่ะโขึ้น และอดไม่ได้ที่จะชี้นิ้วไปยังทิศทางเบื้องหน้า
ทุกคนต่างตกตะลึงราวกับถูกไฟช็อตหลังแล้วมองไปทางด้านหลังของยุงนรกโลกันตร์จู่ๆ ก็มีจุดสีขาวปรากฏขึ้น และขยายขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นคืออูฐเทพสีขาวที่ได้นำพาพวกเขามาที่นี่ หลังจากที่พามาถึงก็ได้หายตัวไปซึ่งไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมาปรากฏกายให้เห็นอีกครั้ง
ความเร็วของอูฐเทพสีขาวนั้นแทบจะทำลายสถิติในโลกแห่งนี้มันใช้เวลาเพียงแค่สองวินาทีในการไล่แซงม้าเหงื่อโลหิตที่ถือได้ว่าเป็ม้าที่วิ่งเร็วที่สุดก่อนจะกลายสภาพไปเป็สายฟ้าสีขาวพุ่งผ่านไปอีกฟากหนึ่ง
อูฐเทพสีขาว...ในที่สุดก็ได้พบกับอูฐเทพสีขาวอีกครั้ง!
ปลอดภัยแล้ว ประกายแห่งความหวังได้ถูกจุดขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้งอูฐเทพสีขาวนั้นไม่ต่างจากผู้ส่งสารที่์ประทานมาให้ความช่วยเหลือมวลมนุษย์ในยามที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพื่อคอยช่วยบรรเทาไม่ให้พบกับความตาย
ในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับอูฐเทพสีขาวอยู่นั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อคาวบอยตะวันตกหันกลับไปมองเขาถึงกับต้องขบฟันแน่นจนแทบปริแตก ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจ สีหน้าแสดงถึงความโกรธะโขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว "ไอ้สารเลว... ฉันจะสับแกเป็หมื่นชิ้น"
ตุบ! ร่างของชิงชิงร่วงกระแทกลงบนพื้นทรายสีเหลืองมีเืไหลออกจากบริเวณหัวใจ ซึ่งน่าจะเกิดจากการโดนมีดสั้นแทงจนเสียชีวิตผู้เล่นผอมบางคนดังกล่าวควบม้าพุ่งตรงออกไปทันที เมื่อคนหายไปหนึ่งคน ม้าก็สามารถวิ่งได้เร็วยิ่งขึ้นเพียงพริบตาเดียวก็วิ่งออกไปได้ไกลราวสิบเมตรแล้วดูเหมือนจะสายเกินกว่าจะไล่ตามได้ทัน ฉินโจ้วกำลังตัดสินใจที่จะโจมตีพวกคนที่เนรคุณเช่นนี้แต่ทันใดนั้นก็พบว่าคาวบอยตะวันตกได้มีการเคลื่อนไหวบางอย่าง คันธนูและหอกเงินก็ปรากฏขึ้นง้างเล็งตรงไปยังผู้เล่นคนดังกล่าว ก่อนจะส่งเสียงออกมาอย่างแ่เบา
"ไป...!"
ลำแสงสีเงินขนาดเล็กเท่าเส้นผมส่องประกายขึ้นก่อนจะถูกปล่อยพุ่งออกไปคล้ายกับหอกแหลมแหวกผ่านห้วงอากาศพุ่งเข้าใส่ร่างของชายคนดังกล่าวที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตรได้ในพริบตาเวลาดูเหมือนแทบจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ มีแสงสว่างจ้า ร่างของผู้เล่นคนนั้นก็ะเิขึ้นเืเนื้อปลิวกระจายว่อนไกลออกไปหลายสิบเมตร เสียงะเิดังสนั่นไม่ต่างจากฟ้าผ่าผู้เล่นคนอื่นถึงกับหูอื้อไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อฝุ่นควันจางหายไปก็มีหลุมขนาดใหญ่ลึกราวสองเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางราวห้าเมตรปรากฏอยู่ ในเวลานี้ร่างของผู้เล่นและม้าไม่ต่างอะไรกับเศษเนื้อ ฉินโจ้วรู้สึกใอยู่ไม่น้อย เป็ทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัยความรุนแรงระดับนี้ถ้าเป็เขาเองที่โดน ก็คงจะคั่งแค้นไม่ต่างกัน
เงาสีขาวกะพริบเลือนอูฐเทพสีขาวก็พลันวิ่งอยู่เบื้องหน้าแล้ว ัตาเดียวจึงได้ะโขึ้นอย่างเร่งรีบ"ไล่ตาม... รีบไล่ตามไป นั่นเป็ความหวังสุดท้ายของพวกเรา"ก่อนจะหันหัวม้าและรีบควบตามไปทันที
"พี่คาวบอย เราต้องรีบแล้ว" ฉินโจ้วร้องบอกพร้อมกับเสี่ยวหลัวลี่ไปพร้อมกันและพุ่งตามออกไป
"ผมเป็คนทำร้ายคุณ ชิงชิง" คาวบอยตะวันตกะโลงจากหลังม้าหยิบสิ่งของที่ชิงชิงทำตกเอาไว้ ก่อนจะกลับขึ้นม้าไป ทันทีที่อยู่บนหลังม้าสีหน้าก็ปรากฏให้เห็นถึงความเศร้าโศก จากนั้นไม่นานสีหน้าก็กลับมาเข้มแข็งดั่งหินผาอีกครั้ง ขากระตุ้นเตือนม้าก็พุ่งพรวดออกไปราวกับลูกธนูปล่อยจากแล่ง
ลมดูเหมือนจะพัดแรงขึ้น...
เม็ดทรายถูกพัดลอยฟุ้งขึ้นสู่อากาศถึงกับทำให้ัตาเดียวต้องหรี่ตาข้างหนึ่งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเม็ดทรายที่พุ่งเข้าใส่ได้ จนถึงกับน้ำตาไหลแต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่กล้าที่จะหลับตา เขากังวลว่า ถ้าเกิดลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอูฐเทพสีขาวอาจจะหายตัวไปแล้ว ถึงเวลานั้นก็คงต้องเสียใจ
"ทำไมลมถึงได้พัดแรงเช่นนี้? นี่ไม่ใช่ว่าจะมีพายุไต้ฝุ่นหรอกหรือ ? อ่า... ถุยๆ...ทันทีที่เสี่ยวหลัวลี่เปิดปากพูด ทั้งลมและทรายก็พัดเข้าไปเต็มปาก สีหน้าของเธอเหยเก
ทันใดนั้นคาวบอยตะวันตกถึงกับตื่นตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดนก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีเทาอย่างครุ่นคิด จนในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้าว่า"ถูกต้องแล้ว ดูท่าจะเป็พายุไต้ฝุ่นจริงๆและดูเหมือนจะเป็ไต้ฝุ่นที่เกิดได้ยาก แต่เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นนั้นเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกที่นี่เราเรียกมันว่า พายุเฮอริเคน"
วู้... วู้...
ลมเริ่มพัดแรงขึ้นๆ ทุกทีเสียงหวีดหวิวราวกับเสียงร้องโหยหวนของภูตผีที่มาจากนรกทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัวทันใดนั้นม้าของเขาก็เริ่มลดความเร็วลงจนแทบจะเป็การเดิน ัตาเดียวหันกลับมาสีหน้าซีดเผือดน้ำเสียงดูราวกับขวัญเสียก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "อูฐเทพสีขาวหายไปแล้วเราคลาดกับมันเสียแล้ว"
แต่อย่างไรก็ดีคาวบอยตะวันตกดูเหมือนจะดีใจมากก่อนจะพูดขึ้นว่า"ถ้ามีพายุเฮอริเคนมา พวกมดทหารแห่งทะเลทรายก็จะต้องล่าถอยกลับไปไม่อย่างนั้นพวกมันจะต้องตายเราจะยังปลอดภัยอยู่ตราบใดที่เราสามารถหลีกเลี่ยงพายุเฮอริเคนได้"
"ถ้าอย่างนั้นเราควรจะไปทางไหนดี?" ัตาเดียวถามขึ้นอย่างตรงประเด็น เสียงของคาวบอยตะวันตกก็สะดุดหยุดลงโดยพลัน
ลมกระโชกแรงขึ้น ผู้คนต่างก็ตัวสั่นสะท้านคล้ายจะปลิวออกจากสัตว์ขี่ได้ทุกเมื่อเสี่ยวหลัวลี่เองก็อุทานขึ้นอย่างใก่อนจะกอดม้าของเธอเอาไว้แน่น เนื่องจากตัวของเธอนั้นค่อนข้างเบามากในเวลาเดียวกันนั้นเองเธอก็รู้สึกราวกับจะค่อยๆ ลอยขึ้น สีหน้าของเธอซีดเผือด
ฉินโจ้วก้าวออกไป ก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที เมื่อเขามองไปรอบๆก็พบเพียงแต่ทะเลทรายสีเหลืองที่อ้างว้าง ทัศนวิสัยถูกปิดกั้น ทำให้มองเห็นได้ในระยะไม่เกินกว่าห้าเมตรเท่านั้น
ลมดูเหมือนจะแรงขึ้นทุกขณะ จนทำให้ร่างของสัตว์ขี่ทั้งหลายเริ่มสั่นไหวเม็ดทรายกระทบถูกร่างกายราวกับเข็มทิ่มแทง ท้องฟ้าพลันมืดสลัวลงอย่างรวดเร็วคาวบอยตะวันตกผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายั้แ่เข้าเกม เวลานี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีสีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ความรุนแรงของลมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทรายสีเหลืองในเวลานี้ไม่ต่างจากถังที่ถูกทุ่มเข้าใส่ร่างใบหน้าของัตาเดียวเริ่มปรากฏรอยเืเป็ทางยาว พลังชีวิตเริ่มลดลงทีละน้อย
ฉินโจ้วก็รู้สึกเป็กังวลในเื่นี้อยู่เช่นกันเพราะนี่เป็ความรุนแรงตามธรรมชาติ เป็ความโกรธเกรี้ยวของ์และปฐีความรุนแรงดังกล่าวนี้ต่อให้นำม้วนคัมภีร์ระดับสูงสุดนับสิบม้วนมาก็ยังมิอาจเทียบได้เขาเองก็มีลางสังหรณ์อยู่ในใจเช่นกัน ดูท่าว่าเขาอาจจะต้องตายก็ได้งานนี้
"บ้าเอ๊ย... นี่มันทอร์นาโดนี่นา..."
พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่พัดถางพื้นที่เป็แนวเส้นตรงไปไกลกว่าห้าสิบเมตรแรงดึงดูดอันมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้นในพริบตาได้ดูดกลืนผู้เล่นที่กำลังยืนนิ่งอยู่อย่างโง่งมไม่เว้นแม้กระทั่งม้า โดยไม่ต่างอะไรกับการซู้ดเส้นก๋วยเตี๋ยว ทันทีที่สิ้นเสียงพวกเขาก็หายสาบสูญไป นั่นเป็วาระสุดท้ายของคาวบอยตะวันตกด้วยเช่นกัน
พายุทอร์นาโดนั้นเป็ผลมาจากพายุเฮอริเคน ซึ่งเป็หนึ่งในพลังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยจะก่อตัวจากชั้นของเมฆไหลวนเป็กรวยเกลียวลงมาสู่พื้นดิน ในมหาสมุทรแปซิฟิกกรวยของเมฆนั้นมองดูคล้ายกับงวงช้างจึงถูกเรียกว่า ''ัสูบน้ำ''แต่พอมาเกิดในทะเลทราย ก็เลยเรียกว่า ''ัสูบทราย''แทน ทุกแห่งที่พายุได้เคลื่อนผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกดูดออกไปจนหมดสิ้น
ถ้าในเวลานี้หากได้ยืนอยู่ด้านนอกของทะเลทรายก็จะพบว่าทั้งทะเลทรายในเวลานี้กำลังเดือดพล่าน ทะเลทรายสีเหลืองกำลังเต้นเร่า ในบรรยากาศล้วนเต็มไปด้วยทรายเป็จำนวนมากเกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่าไปทั่ว สายฟ้าสีขาวถักทอกันเป็สาย ส่องประกายสว่างวาบอยู่ภายในท้องฟ้าที่ดำมืดพายุทอร์นาหลายสิบลูกกำลังม้วนตัวกวาดไปมา ด้วยความรุนแรงของลม หินและทรายปลิวฟุ้งไปทั่วราวกับโลกกำลังเปลี่ยนสี
พื้นที่ว่างเปล่าในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับหม้อที่ปิดตาย ต่อไปก็เริ่มย่างไฟให้สุก ใช้ไม้คนให้เข้ากันเวลานี้ล้วนมีแต่ความเงียบสงัด ราวกับฉากที่เห็นอยู่ในนรกก็ไม่ปาน
เมื่อลมพัดขึ้นสู่จุดสูงสุดความเร็วลมในเวลานั้นก็มากเกินกว่า 88 กิโลเมตรต่อวินาทีแล้วแม้แต่กำแพงเมืองโบราณก็ไม่อาจต้านทานแรงลมชนิดนี้ไม่ให้กัดกร่อนพื้นผิวได้ สำหรับตึกรามบ้านช่องทั่วไปนั้นถูกทำลายได้ในทันที่เวลานี้ทั่วทั้งดินแดนทะเลทรายฝั่งตะวันตกต่างก็ตกอยู่ภายใต้เกลียวพายุหนอนดินั์ที่อยู่ลึกลงไปถึงสามสิบเมตรก็ยังถูกทอร์นาโดม้วนกวาดขึ้นมาร่างใหญ่โตที่ยาวกว่าร้อยเมตรก็ถูกแรงลมฉีกกระชากเป็ชิ้น ราวกับน้ำเืที่ถูกคั้นเศษเนื้อปลิวกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
มวลเมฆดำหนาแน่นเป็ชั้นลอยต่ำจนไม่ว่าใครก็แทบจะเอื้อมััได้แต่พวกเขากลับพบว่า ไม่มีฝนหยดลงมาแม้เพียงสักนิดแต่กลับปรากฏสายฟ้าเส้นหนาใหญ่โตขึ้นมาแทน เสียงฟ้าร้องเข้ากับเสียงลมพายุพัดหวีดหวิวแม้อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรก็ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน
วันนี้คงเป็วันแห่งหายนะของทะเลทรายที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้