ไม่ใช่ว่าชิงอีไม่เคยคิดว่า ชายหนุ่มที่โดนนางขืนใจในวันนั้นเป็ใคร?
พอคิดไปคิดมา ก็เหลือเพียงเซ่อเจิ้งอ๋อง หรือเซียวเจวี๋ยคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่า...
คำว่าลาก่อนที่บอกไป ไม่จำเป็ต้องกลับมาเจอเร็วกันขนาดนี้
ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วเหรอว่าจะไม่เจอกันอีก ต่อให้มีพรหมลิขิตก็จะไม่มีทางเจอนี่?
เื่น่าเบื่อก็ยังน่าเบื่ออยู่วันยังค่ำ แต่จะให้ราชินีแห่งภูตผีชิงอีเตี้ยนแห่งปรโลกผู้นี้ยอมหงอหรือ บนโลกใบนี้คนที่สามารถทำให้นางยอมสยบในหน้าประวัติศาสตร์ คงมีเพียงาาเป่ยอินผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างปรโลกในตำนานเท่านั้นแหละ
เป็แค่มนุษย์ผู้อ่อนแอ ไม่มีทางทำอะไรนางได้หรอก
วินาทีที่เซียวเจวี๋ยเห็นหญิงสาว เขาถึงกับชะงัก แววตาแปรเปลี่ยนไปราวกับกำลังครุ่นคิด
“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” ฉู่จื่ออวี้มองนางอย่างเ็า สำหรับพี่หญิงคนโตคนนี้ เขาเองก็ไม่ได้เกลียดชังนางจนเข้ากระดูกดำ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นชื่นชอบนัก
ชิงอีจำได้ว่าฉู่จื่ออวี้เป็ใคร เขาคือองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน ทั้งยังเป็น้องชายแท้ๆ ของเ้าของร่าง แต่เขามักจะดูถูกพี่หญิงอย่างฉู่ชิงอีเสมอๆ อันที่จริงแล้วตอนยังเยาว์วัย ทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทว่า ่สองสามปีถัดมา ฉู่ชิงอีถูกลดตำแหน่งและส่งไปอบรมสั่งสอนที่เมืองหย่งเย่ จนกระทั่งหนึ่งปีก่อน นางเพิ่งจะกลับมายังวังหลวง
่แรกๆ ฉู่จื่ออวี้ยังคงอ่อนโยนและสนิทสนมกับฉู่ชิงอี ทว่า ภายหลังก็เริ่มถอยห่างจากนางไปเรื่อยๆ และแม้จะพบหน้ากันก็มิได้พูดคุยกันมากมาย
“เ้าถามใครล่ะ?” ชิงอีเอ่ยด้วยเสียงที่ยโสกว่าอีกฝ่าย พลางเลิกคิ้วจ้องไปที่ฉู่จื่ออวี้
ฉู่จื่ออวี้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แต่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พลางขมวดคิ้วและมองนางอย่างแปลกใจ ฉู่ชิงอีในคืนนี้ทำไมถึงได้ดูแปลกไปนัก เมื่อก่อนทำตัวอย่างกับเ้าหนูที่เจอแมว ขนาดเถียงกลับก็ยังไม่กล้า
แค่ไม่ได้เจอกันพักเดียว อารมณ์ร้ายขึ้นขนาดนี้เชียว?
เฮอะ เกรงว่าดวงตะวันแห่งราชวงศ์เหยียนคงจะขึ้นทางด้านทิศตะวันตกเสียแล้วกระมัง
“ข้าถามท่านนั่นแหละ การที่คืนนี้ท่านอยู่ที่นี่ คงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตู้ิเยวี่ยใช่ไหม?” เสียงของฉู่จื่ออวี้ต่ำลง พร้อมสีหน้าเคร่งขรึม ตู้ิเยวี่ยเพิ่งจะตายไป นางก็มาปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ หรือว่ามันเป็แค่เื่บังเอิญ? พอมาคิดดู เื่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับตู้ิเยวี่ยแล้ว ฉู่จื่ออวี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาเคยเตือนนางไปแล้ว ว่าอย่าไปคบหากับตู้ิเยวี่ย! ทว่า หญิงโง่นี่กลับถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น!
สิ่งที่ฉู่จื่ออวี้ยังไม่รู้ คือยามนี้มีผีสาวยืนอยู่ข้างๆ เขา และทอดมองด้วยความเศร้าโศก
เห็นชัดว่า ผีสาวฉู่ชิงอียังคงมีความรู้สึกที่ดีกับน้องชายของตนอยู่
หลังจากที่นางตายไป ถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ท่าทีของฉู่จื่ออวี้ที่มีต่อนางถึงเปลี่ยนไปจากเดิมขนาดนี้ ทั้งหมดเป็เพราะนางไม่ได้เื่ อีกทั้งยังเพิกเฉยต่อคำเตือนของเขาอีก มัวแต่หลงตู้ิเยวี่ย ราวกับคนหูหนวกตาบอด
ผีสาวก้มหน้าลง การตายของนางจะไปโทษใครได้ นอกจากตู้ิเยวี่ยกับคนที่อยู่เื้ัเื่นี้ แล้วก็คงจะเป็ตัวนางเองสินะ?
แต่ชิงอีไม่ได้มีความอดทนมากพอ ที่จะมองดูผีสาวแสดงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพี่น้องหรอกนะ ทั้งไม่มีอารมณ์ที่จะปล่อยให้เด็กน้อยพวกนี้มาเหิมเกริมใส่นาง
ป้าบ
ฉู่จื่ออวี้ถูกตีเข้าที่หน้าผาก เขาถึงกับรู้สึกมึนงง
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? นี่เขา เขาโดนฉู่ชิงอีตีหรือ?
ชิงอีนวดคลึงข้อมือของตัวเอง พลางพูดว่า “เด็กน้อย เ้าคิดว่าเ้ากำลังขึ้นเสียงใส่ใครอยู่กันฮะ?”
สีหน้าของฉู่จื่ออวี้เปลี่ยนไปเป็ถมึงทึง กัดฟันกรอด พร้อมกับถลึงตาใส่นาง “นี่ท่านกล้าตีข้าหรือ? ”
ป้าบ
ฝ่ามือฟาดลงมาอีกครั้ง
“นี่ท่าน”
ในขณะที่ชิงเงื้อมือขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่จื่ออวี้ก็รีบเอามือกุมศีรษะของตนไว้ เขามองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความระแวง แต่ขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความรู้สึกคิดถึงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ครู่หนึ่งที่เขารู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปวัยเด็กอีกครั้ง ตอนนั้น เวลาที่เขาไม่เชื่อฟัง ฉู่ชิงอีมักจะเข้ามาตีหน้าผากของเขาแบบนี้ประจำ
แต่หลังจากนั้น...
สายตาของฉู่จื่ออวี้แข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง เขาลดมือตัวเองลง พลางกำหมัดแน่นจ้องชิงอีตาเขม็ง “ข้าไม่สนว่าทำไมคืนนี้ท่านถึงมาอยู่ที่นี่ รีบกลับไปที่ตำหนักเชียนชิวของท่านซะ ่นี้ท่านก็ออกไปไหนให้น้อยลงหน่อย”
สายตาของชิงอีฉายแววขี้เล่น เอ่ยถามทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้ว “ทำไมล่ะ?”
“ตู้ิเยวี่ยตายแล้ว”
“อ๋อ”
ฉู่จื่ออวี้มองนางด้วยความแปลกใจยิ่งนัก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินน้ำเสียงเรียบเฉยจากปากพี่หญิงของตน ซึ่งพูดออกมาราวกับคนที่ตายนั้นมิใช่ตู้ิเยวี่ย แต่เป็เพียงสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งเท่านั้น
“ตายก็ตายไปสิ”
“ท่านไม่เสียใจหรือ?”
“หากมีหมูตัวหนึ่งตายในห้องเครื่อง เ้าจะเสียใจไหมล่ะ?”
การอุปมานี้...
ฉู่จื่ออวี้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่จ้องมองนางด้วยแววตาสับสน ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ คือพี่หญิงของตนจริงๆ หรือ?
นั่นใช่ฉู่ชิงอีที่ตาถั่ว ไร้สมอง ไร้ความสามารถ ขลาดกลัวกับทุกเื่ และมักถูกรังแกคนนั้นจริงๆ เหรอ?
หรือว่า การตายของตู้ิเยวี่ยจะเกี่ยวข้องกับนาง? ความคิดนี้ผุดเข้ามาในหัวฉู่จื่ออวี้ แต่แค่เพียงแวบเดียวก็ถูกปัดตกไป เป็ไปไม่ได้หรอก! แม้ว่าฉู่ชิงอีจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่นางก็ไม่มีทางที่จะกล้าฆ่าใครได้หรอกน่า?
ขนาดมดในสวนตาย นางยังร้องไห้ตั้งสามสี่วัน
เซียวเจวี๋ยที่ยืนเงียบมานาน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น
“องค์หญิงใหญ่กับบุตรชายท่านอัครมหาเสนาบดีสนิทสนมกันหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
น้ำเสียงของเซียวเจวี๋ยเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แค่ประโยคเดียวก็ทำให้บรรยากาศเย็นลงทันที
จู่ๆ ฉู่จื่ออวี้ปวดหัวแปล๊บขึ้นมา นี่เขาโดนคนไม่ได้เื่อย่างฉู่ชิงอียั่วโมโห จนลืมเื่นั้นไปได้อย่างไรว่านางกับเซียวเจวี๋ยได้มีการหมั้นหมายกันไว้!
แม้ว่าเขาเองรู้สึกว่าพี่หญิงของตนนั้นมิคู่ควรกับเซียวเจวี๋ย ทว่า จะให้เขาทำลายการหมั้นหมายนี้ ก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรนัก
จะว่าไปแล้ว เซียวเจวี๋ยคงไม่รู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ชิงอีกับตู้ิเยวี่ยสินะ?
คิดได้ดังนั้น ฉู่จื่ออวี้ก็เงียบปากลงทันที สายตาของเขายังคงเลิ่กลั่ก เอาเถอะ อย่างไรเสีย ไม่ช้าก็เร็วเื่นี้ก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี ตู้ิเยวี่ยเองก็ตายไปแล้ว ยังจะต้องกลัวอะไรอีก
ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด น้ำเสียงเยือกเย็นของชิงอีก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เ้านายกำลังคุยกันอยู่ เป็แค่บ่าวแท้ๆ แต่กลับบังอาจมาพูดแทรก”
ฉู่จื่ออวี้มีสีหน้าใ เมื่อครู่ที่ชิงอีตบหน้าผาก ยังไม่น่าใเท่ายามนี้เลย
คืนนี้พี่หญิงโดนผีเข้าสิงหรือไง?
นางรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับใคร?
บ่าวเนี่ยนะ?!
มุมปากของฉู่จื่ออวี้กระตุก ไม่รู้ว่าทำไมความใเมื่อครู่ ถึงกลายเป็ขำขันแทนเสียเฉยๆ คงเพราะหลายปีมานี้ ไม่มีผู้ใดกล้าไม่ไว้หน้าเซียวเจวี๋ยตรงๆ เช่นนี้กระมัง?
คนที่ขนาดเสด็จพ่อที่เป็ถึงฮ่องเต้ ยังทรงหวั่นเกรงและยังทรงให้เกียรติเชียวเนี่ยนะ?
ทว่า นอกจากเซียวเจวี๋ยจะไม่รู้สึกโกรธเคืองแล้ว กลับปรากฏรอยยิ้มจางๆ ผ่านทางสายตา แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่มีความอบอุ่นแต่อย่างใด
น้ำเสียงกับสำนวนการพูดนี่ ฟังดูคุ้นหูจริงๆ ...
ชายหนุ่มเลื่อนสายตาลง จนเห็นเ้าแมวอ้วนในอ้อมแขนของนาง และคิดว่าเ้าแมวตัวนี้ดูโง่เขลานัก
“เมื่อครู่กระหม่อมกับองค์รัชทายาทอยู่แถวนี้พอดี บังเอิญได้ยินว่าฮองเฮาทรงถูกแมวป่าทำร้าย คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่ก็ทรงเลี้ยงแมวด้วย” เซียวเจวี๋ยก้าวเข้าไปทีละก้าว พลางถามต่อ “กระหม่อมสงสัยว่า เ้าแมวตัวนี้จะเป็ตัวเดียวกันกับที่ทำร้ายฮองเฮาใช่หรือไม่?”
ชิงอีไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย และไม่มีทีท่าว่าจะถอยหนี นางสบตาเขากลับอย่างสง่าผ่าเผย
บรรยากาศของคนทั้งสองไม่ได้ตึงเครียดถึงขั้นจะรบราฆ่าฟัน แต่ก็เหมือนมีปืนใหญ่ที่บรรจุดินปืน พร้อมเปิดศึกได้ทุกเมื่อ
ดูเหมือนว่าฉู่จื่ออวี้เห็นภาพเืของชิงอีสาดกระเซ็นไปทั่ว คนสุดท้ายที่พูดเช่นนี้กับเซียวเจวี๋ยนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าหญ้าบนหลุมศพจะสูงเพียงใดแล้ว?
อย่าได้หลงรูปลักษณ์ของเซียวเจวี๋ยว่าเป็เพียงหยกขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ เหล่าราชนิกุลของราชวงศ์เหยียนต่างรู้ดีว่าชายผู้นี้ฝีมือร้ายกาจและจิตใจโเี้เพียงใด
ฉู่จื่ออวี้ไม่อาจทนเห็นจุดจบน่าสังเวชเช่นนั้นของชิงอีได้ ไม่ว่าเสด็จพ่อที่ประชวรอยู่จะมีพระราชกระแสรับสั่งให้ยกเลิกการหมั้นหมายนี้หรือไม่ก็ตาม หากไม่ยกเลิก อย่างไรในอนาคตพี่หญิงของเขาก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเซียวเจวี๋ยอยู่ดี แต่ยังไม่ทันเข้าจวนก็ไม่ลงรอยกับว่าที่สามีซะแล้ว นี่นางอยากจะแต่งเข้าไป แล้วโดนสามีทอดทิ้งหรืออย่างไร?
ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปาก เพื่อทำลายบรรยากาศอึมครึมนี่ ชิงอีก็ทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ด้วยการโยนเ้าแมวอ้วนในอ้อมแขนใส่เซียวเจวี๋ย
“มันเป็คนข่วนหรือไม่ ท่านก็ลองดูเอาเองแล้วกัน”
เหมียว! เ้าแมวโมโหใหญ่ หน็อย ยัยผีบ้า อยากจะเล่นงานเ้าหนุ่มนี่ แล้วทำไมต้องใช้เขาเป็อาวุธด้วย!
เซียวเจวี๋ยไม่ได้หลบเลี่ยง เขายื่นมือไปตั้งใจจะจับเ้าแมวอ้วนไว้ แต่มันกลับว่องไว ผิดกับรูปร่างอ้วนท้วมของมันอย่างไม่น่าเชื่อ มันบิดเอวหลบเขาขณะลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะพลิกมือไปใช้กรงเล็บข่วนเซียวเจวี๋ยเข้าให้ แล้วค่อยร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับหางที่ตั้งตรงราวกับทุบผ้านั้น มันไปยืนประจำตำแหน่งอยู่ข้างเท้าของชิงชี คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่ามันคือผู้อารักขา คอยปกป้องเ้านายของมัน
เืสีแดงสดซึมออกมาจากรอยข่วนทั้งสามเส้นบนหลังมือของเซียวเจวี๋ย เขามองไปยังหลังมือของตัวเองใบหน้าคลี่ยิ้มออกมามากกว่าเดิม
หลายปีมานี้ไม่มีใครกล้าทำให้เขาเสียเื มาวันนี้กลับเสียท่าโดนเ้าแมวอ้วนเป็หมูนี่ข่วนเข้าให้?
เขี้ยวของนายแหลมคมเช่นไร เดรัจฉานที่เลี้ยงไว้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน