ตัวอักษรของหลินหร่าน...ทั้งใหญ่และเอียง ขี้เหร่อย่าบอกใคร
ตัวอักษรทั้งหมดใหญ่โตและเต็มไปด้วยตัวเอียงๆ เบี้ยวๆ ดูเข้มบ้างอ่อนบ้าง
ซูชิงเฟิงที่ได้รับกระดาษคำตอบมาถึงกับพูดไม่ออก เขามองไปทางหลินหร่านก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่อยากรู้ว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับกระดาษคำตอบนั้น
หลังจากนั้น ซูชิงเฟิงจึงได้หันไปมองอวี้ฉู่จาว
อวี้ฉู่จาวสบตาเขา กะพริบตาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าราวกับกำลังกล่าวว่า ‘ชิงเฟิง ยกโทษให้อวิ๋นซีของข้าด้วย’
ก่อนหน้านี้ซูชิงเฟิงยังไม่เคยมีโอกาสได้ชื่นชมตัวอักษรของหลินหร่านมาก่อน แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่า…จะเป็เช่นนี้
“เอ่อ...กระดาษคำตอบนี้ ประเดี๋ยวข้าจะตรวจให้เ้า เรียนมายาวนานเป็เดือนแล้ว วันนี้เ้าพักผ่อนเถิด”
เมื่อมองดูท่าทีของหลินหร่าน ซูชิงเฟิงก็รับรู้ได้ทันที ซึ่งมันน่าจะเป็การดีกว่าถ้าเขาจะไม่เอ่ยเื่ตัวอักษรของพระชายา
แต่…ก็ควรต้องบอก เพราะอย่างไรก็ถือว่าเป็ลูกศิษย์ของเขา ดั่งที่อวี้ฉู่จาวเคยกล่าว หากออกไปแล้วสร้างความอับอายขายหน้า เขาก็จะอับอายไปด้วยเพราะนี่คือศิษย์ของเขา
“หากพระชายามีเวลา อย่างไรก็ขอให้ท่านอ๋องช่วยหาอาจารย์สอนเขียนพู่กันให้สักคนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“หือ?” หลินหร่านรู้สึกงุนงง ครู่หนึ่งเขาขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปยังกระดาษคำตอบของตนเอง
“ท่านอาจารย์รังเกียจตัวอักษรข้า มองว่าตัวอักษรของข้าไม่สวยหรือขอรับ?” หลินหร่านเอียงหัวถามด้วยท่าทีไร้เดียงสา แต่ก็ดูจริงใจ
ซูชิงเฟิงไม่รู้ว่าควรเอ่ยอย่างไรดี
“อืม...ข้าไม่ได้ไม่รังเกียจ เพียงแต่มัน...ตัวอักษรของเ้า…”
“ขี้เหร่หรือขอรับ?”
หลินหร่านเอ่ยถามออกมาตามตรง
“เอ่อ...ก็นิดหน่อย”
หลังจากนั้น หลินหร่านก็หันไปมองอวี้ฉู่จาวที่นั่งอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ
และแล้วหลินหร่านถึงเอ่ยออกมาด้วยความผิดหวัง “ท่านอ๋อง ดูท่าจะไม่ได้มีเพียงท่านที่รังเกียจตัวอักษรของข้า แม้แต่ท่านอาจารย์ก็รังเกียจเช่นกัน…”
ตอนแรกหลินหร่านยังแอบปลอบใจตนเองเื่ตัวอักษรที่เขียนออกมา แต่วันนี้กลับมีคนที่รับไม่ได้โผล่ออกมาอีกหนึ่งคน ซึ่งเขาคงทำได้เพียงต้องแก้ไขที่ตนเองเท่านั้น
อวี้ฉู่จาววางถ้วยชาลงแล้วมองพระชายาของตนเองที่มีท่าทีท้อแท้ใจ ทำให้เขาไม่อาจมองดูอย่างนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
อวี้ฉู่จาวกวักมือ เรียกให้หลินหร่านมาด้านหน้าตนเอง
เขาดึงหลินหร่านเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมเอ่ยปลอบโยน “ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร พวกเราแค่คิดว่าเ้าจะต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน ไม่ว่าอย่างไร ต่อจากนี้ข้าจะเป็อาจารย์สอนเขียนพู่กันให้เ้าเอง”
อวี้ฉู่จาวจะเป็อาจารย์สอนเขียนพู่กันให้กับหลินหร่าน ที่สอนทั้งเขียนพู่กันและเขียนตัวอักษรด้วยตนเอง
พอลองนึกภาพได้จับมือกัน หลินหร่านก็ไม่กังวลว่าจะถูกรังเกียจในเื่ตัวอักษรของตนเองอีก รีบตอบตกลงในทันที
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ต่อจากนั้น ซูชิงเฟิงจึงได้ทำการตรวจกระดาษคำตอบของหลินหร่าน ซึ่งโดยรวมแล้วเป็ที่น่าพึงพอใจ
หลินหร่านเรียนรู้ได้เป็อย่างดี เขาเข้าใจพื้นฐานเกือบทั้งหมดแล้ว
ต่อหน้าอวี้ฉู่จาว ซูชิงเฟิงชมหลินหร่านแบบตระหนี่เล็กน้อย เพราะเขากลัวว่าหากชมมากไปหลินหร่านจะดีใจจนลืมตัว
.........
ยามค่ำ หลินหร่านกับอวี้ฉู่จาวกำลังนอนเอนกายอยู่บนเตียง
“ท่านอ๋องคิดว่าข้าทำได้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
่กลางวันซูชิงเฟิงเพิ่งชมหลินหร่านไป ตอนนี้เขาจึงยังมีท่าทีกระตือรือร้น ้าคำยืนยันจากอวี้ฉู่จาวอีกที
อวี้ฉู่จาวพิงหัวเตียงพลางมองหลินหร่านที่มองมาที่เขาอย่างรอคำตอบ มุมปากเขายังคงระบายยิ้มอยู่เสมอ
ฝ่ามือของอวี้ฉู่จาวลูบไล้ไปที่เอวบางของหลินหร่าน แล้วดึงอีกคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“เก่ง อวิ๋นซีเก่งมาก”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากท่านอ๋อง หลินหร่านก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของอวี้ฉู่จาวแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เขาเอียงศีรษะลงไปบนหน้าอกของท่านอ๋องจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง
ครู่ต่อมา หลินหร่านพลันนึกบางอย่างขึ้นมาในใจ
“เช่นนั้นท่านอ๋องจะไม่ให้รางวัลข้าหรือ?”
หลินหร่านเอ่ยออกมา โดยที่ฝ่ามือกอดลำคอของอวี้ฉู่จาวไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับทีละนิดจนลงมาที่หน้าอกของอีกคน นิ้วไล่วนวาดเป็วงกลมแล้วขยับลงไปเรื่อยๆ
มือเล็กๆ นั้นเขินอายเกินกว่าจะทำอะไรไปมากกว่านั้น แต่การกระทำที่มักระมัดระวังเช่นนี้กลับทำให้อวี้ฉู่จาวหายใจถี่ขึ้น
ชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคง ณ ตอนนี้ ทำให้สิ่งที่หลินหร่านตั้งตารอมากที่สุดไม่พ้นเื่ที่ตนเองจะให้กำเนิดบุตรให้ท่านอ๋อง
อวี้ฉู่จาวคว้ามือเล็กๆ ของหลินหร่านไว้ “อวิ๋นซีอยากได้รางวัลเช่นนี้เองหรือ พูดได้ดี”
จากนั้นอวี้ฉู่จาวก็พลิกตัวหลินหร่านให้มาทาบทับอยู่บนตัวของตน หลินหร่านที่จู่ๆ ถูกพลิกตัวขึ้นมาอยู่้าไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ดวงตากลมโตได้แต่กะพริบตาปริบ
หลินหร่านในทุกๆ มุมมองช่างดึงดูดอวี้ฉู่จาวเป็อย่างสูง เขาจูบลงบนริมฝีปากของหลินหร่าน ค่อยๆ อย่างอ่อนโยนและหนักแน่น
หลังจากเสื้อที่สวมอยู่เพียงชุดเดียวของหลินหร่านถูกอวี้ฉู่จาวถอดออกหมด หลินหร่านก็ได้รับความตื่นตัวจากอวี้ฉู่จาวทันที
ฝ่ามือของเขาโอบรอบลำคอของอวี้ฉู่จาวแน่น จูบตอบด้วยความตั้งใจ
่เวลาหลังจากนั้น กลับกลายเป็เป็ค่ำคืนที่ร้อนแรงราวกับไฟ
ทั้งสองคนกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อชีวิตที่ดีของพวกเขาในภายภาคหน้า
.........
ภายหลังระยะเวลาหนึ่งเดือนที่หลินหร่านตั้งใจเรียนจนกระทั่งสอบเสร็จ ก็ใกล้จะเข้าสู่เดือนห้าแล้ว
ในเดือนห้านี้ เป็่เวลาที่ซูชิงเฟิงออกไปทำธุระข้างนอก จึงได้ให้หลินหร่านหยุดเรียนเป็เวลาสองวัน
พอมีเวลาว่าง หลินหร่านก็ขลุกตัวอยู่ในห้องตำรา
ตำราเ่าั้ที่เขาได้มาจากผู้เป็มารดา เขาจะต้องศึกษามันอีก เพราะในนั้นเต็มไปด้วยวัตถุดิบเกี่ยวกับยา เทียบยาสมุนไพรแปลกๆ และสูตรยาสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็ยารักษาโรคอะไรก็มีหมด
หลินหร่านใช้เวลาอยู่นานกับใบเทียบยาที่รักษาภาวะมีบุตรยากอยู่ครึ่งค่อนวัน
ทว่าสุดท้าย พอเห็นว่าสูตรยานี้ใช้สำหรับสตรีจึงยอมแพ้
เหตุใดมารดาของเขาถึงไม่ศึกษาค้นคว้าเพื่อคนในเผ่าตนเองกันนะ ศึกษาเพื่อให้เหล่าชายผู้มีหลอดเืดำสองเส้นได้มีวิธีที่สามารถมีบุตรได้เร็วขึ้น
หลังจากวางตำราเื่การมีบุตรยากลง หลินหร่านก็เดินไปหาบันทึกการทดลองเล่มนั้นที่เคยอ่าน
เมื่อรวมกับสิ่งที่ซูชิงเฟิงและคนอื่นๆ พูดคุยกันในวันนั้น หลินหร่านจึงลองศึกษาเพิ่มเติมอีกครั้ง ดูว่าเขาจะสามารถหาจุดที่อาจเชื่อมต่อกันได้หรือไม่
หลังหาตำราเล่มนั้นเจอ เขาก็หยิบมันออกมาก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะศึกษาตำราแล้วจ้องมองอย่างตั้งใจ
บันทึกเล่มนี้ดูเก่าแก่ยิ่งนัก ซึ่งไม่น่าจะใช่รัชศกในปัจจุบันอย่างแน่นอน
ถึงอย่างนั้น เื่นี้เกิดขึ้นในปีอธิกสุรทิน1 เช่นนั้นแล้วปีอธิกสุรทินนั้นตรงกับยุคราชวงศ์ใดกัน?
ตอนนี้หลินหร่านอยู่ในห้องตำราคนเดียว จะถามคนอื่นก็ไม่ได้จึงเก็บงำความสงสัยนี้ไว้ก่อน เขาจดจ่ออยู่กับการอ่านอย่างจริงจัง พอมีความสงสัยจึงต้องพยายามตั้งใจอ่านมากขึ้น
หน้าแรกคือศักราชใหม่ของการปกครองในปีอธิกสุรทิน วันที่ 1 เดือน 4
วิธีการเขียนบันทึกค่อนข้างเรียบง่าย
บันทึก : เริ่มต้นจากอาการมีไข้ ชีพจรค่อนข้างปกติ…และจากการทดลองบางอย่าง เช่น สิ่งของบางอย่างที่ใช้ในการวัด
ถึงตรงนี้มีชื่อและเนื้อหาที่ค่อนข้างคลุมเครือ ซึ่งหลินหร่านอ่านไปก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
หน้าที่สอง ศักราชใหม่ของการปกครองในปีอธิกสุรทิน วันที่ 1 เดือน 5
เนื้อหาที่บันทึกค่อนข้างคล้ายกับหน้าก่อน
บันทึก : ยังคงมีไข้ ไออย่างรุนแรง มีอาการติดเชื้อในปอด
หน้าที่สาม ศักราชใหม่ของการปกครองในปีอธิกสุรทิน วันที่ 1 เดือน 6
บันทึก : อาการคล้ายไข้หวัด เริ่มมีอาการตัวสั่น
บันทึกนี้ถูกบันทึกเอาไว้เดือนละครั้งจนถึงปีที่ 48 ของปีอธิกสุรทิน โดยตำราเล่มนี้ค่อนข้างหนามาก หากจะอ่านให้หมดก็คงใช้เวลาพอสมควร และไม่ต้องถามเลยว่าหลินหร่านจะเข้าใจหรือไม่
เนื้อหาบางเื่ก็มีการบันทึกคล้ายคลึงกับการเขียนบันทึกประจำวัน ซึ่งถ้อยคำในการเขียนมีความเป็เอกลักษณ์สูง คนที่เขียนบันทึกคล้ายกับมีการถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง และบันทึกบางอันก็ทำให้เห็นว่าการทดลองนี้ไม่ใช่การกระทำเพียงคนเดียว มีผู้ที่ร่วมการทดลองด้วย บางครั้งพวกเขาก็ทะเลาะกัน มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง
------------------------------------------------
1 ปีอธิกสุรทิน หมายถึง ปีที่มีการเพิ่มหนึ่งวันหรือหนึ่งเดือน ในกรณีของปฏิทินสุริยจันทรคติ
