ต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานลัดเลาะไปตามเส้นทางกว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้สำรวจูเาลูกนี้อย่างชัดเจน
ระหว่างทาง เคอโยวหรานหยิบแผนที่ทั้งสองแผ่นออกมาจากมิติวิเศษแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า
“ซานหลางท่านดู นี่คือแผนที่ที่ได้มาจากบนกายของกุ่ยโส่ว ส่วนนี่คือแผนที่ที่ได้มาจากอั้นจิ่ว พวกเราได้แผนที่มาตั้งสองแผ่นโดยไม่ตั้งใจด้วยซ้ำเ้าค่ะ!”
ต้วนเหลยถิง “...”
์ เคอโยวหรานของเขามีพื้นเพเช่นไรกัน?
สิ่งที่ผู้อื่นแย่งชิงกันแทบตาย ทุ่มเททั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์สุดความสามารถทว่าก็ยังหาไม่พบ แต่เมื่อเป็โยวหราน กลับกลายเป็เื่ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ตามที่อั้นจิ่วกล่าวมา ผู้มีอิทธิพลต่างก็กำลังตามหาแผนที่เหล่านี้กันทั้งสิ้น นึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยของเขาจะได้มาถือไว้ในมือถึงสองแผ่นโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด
ขณะภายในใจของต้วนเหลยถิงกำลังอุทานอยู่นั้น เขาก็โอบกอดเคอโยวหรานแน่นกว่าเดิมพลางเอ่ยด้วยความดีใจว่า
“โยวหราน เก็บแผนที่ไว้กับเ้าเสียก่อน รอกระทั่งพวกเราหาแผนที่ได้มากกว่านี้ค่อยเอามารวมเป็แผ่นสมบูรณ์ จากนั้นมาจัดการเื่เหล่านี้ให้เรียบร้อยกันเถิด”
“ได้ ล้วนแต่ฟังท่านเ้าค่ะ” เคอโยวหรานคลี่ยิ้มขณะเก็บแผนที่ไว้ในมิติวิเศษ
ต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานหารู้ไม่ว่า แผนที่นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิติภายในถ้ำของหมาป่าน้อยเป็อย่างยิ่ง
เพราะเคอโยวหรานเก็บแผนที่ไว้ในมิติวิเศษ ทำให้กระแสปราณบนแผนที่ถูกแยกออกจากถ้ำ เป็เหตุให้พวกต้วนเหลยถิงค้นพบความลับอีกประการหนึ่งของแผนที่ได้ล่าช้ายิ่งนัก
สำหรับต้วนเหลยถิงแล้ว จากหุบเขาที่พวกพั่วหุนอาศัยอยู่มาถึงถ้ำของหมาป่าน้อยเป็ระยะทางเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
ขณะที่เขาอุ้มเคอโยวหรานยืนอยู่หน้าปากถ้ำ คนทั้งสองพลันเกิดภาพมายาราวกับถูกแยกออกจากโลกใบนี้
ปากถ้ำที่แต่เดิมว่างเปล่า ยามนี้บนกำแพงหินกลับมีตะไคร่น้ำบางเบาหนึ่งชั้นทอประกายดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า ทั้งยังมีแสงสีเงินอ่อนสะท้อนออกมาเป็ครั้งคราว
ครั้นมองดูในยามนี้ นี่ไม่เหมือนตะไคร่น้ำแต่อย่างใด ช่างราวกับเป็หญ้าเซียนชนิดหนึ่ง
เคอโยวหรานกับต้วนเหลยถิงหันมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความประหลาดใจในดวงตาซึ่งกัน
คนทั้งสองแทรกกายเข้าไปในถ้ำ หินงอกหินย้อยกับอุโมงค์ทางเดินภายในถ้ำล้วนทอประกายเจ็ดสีสดใสออกมา
คล้ายทุกสิ่งของที่นี่จะต่างออกไปจากเดิม แต่ก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าต่างออกไปเยี่ยงไร
ครั้นเข้าใกล้หมาป่าน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ เคอโยวหรานก็รู้สึกร้อนรนใจอยากเห็นหน้าหมาป่าน้อยยิ่งกว่าเดิม
นางดึงต้วนเหลยถิงวิ่งเหยาะไปตลอดทาง หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลุมศพหมาป่าขาวที่คุ้นเคย จากนั้นสอดส่องมองหาเงาของหมาป่าน้อยกับหมาป่าดำจากทั่วทุกทิศ
ทว่าสิ่งที่ต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานไม่รู้ก็คือ หลังจากพวกเขาเข้ามาในถ้ำ ขณะที่ปากถ้ำจวนจะปิดลง มีเงาสองเงาได้ไล่ตามหลังพวกเขาเข้ามาด้วยความเร็วไม่ต่างกับสายฟ้าแลบ
เคอโยวหรานชะเง้อมองทุกหนแห่ง กลับไม่พบโม่เจวี๋ยกับอิ๋นเยวี่ย กระทั่งเงาของหมาป่าดำก็ยังไม่มี
เพียงแต่ยามนี้ม่านหมอกได้ล่าถอยออกไป สามารถมองเห็นอาคารเล็กสองชั้นที่ทำจากไม้จินซือหนานหนึ่งหลังตั้งอยู่ไม่ไกลได้
เคอโยวหรานลอบตกตะลึงอยู่ในใจ หอเล็กหลังนี้มีการแกะสลักคานและลงสีเสาอย่างประณีตงดงาม โครงสร้างทั้งหมดดูคล้ายคฤหาสน์สมัยใหม่อย่างยิ่ง
บนหอยังแขวนป้ายหนึ่งแผ่น ข้อความ้าคือ ‘หอเล็กฝานหวา’
โดยรอบของ ‘หอเล็กฝานหวา’ มีพืชพรรณนานาชนิด ูเาปลอมกับศาลาริมน้ำตรงหน้าประดับตกแต่งด้วยเครือหวายม่วงและไผ่มรกต
กำแพงโดยรอบปลูกกุหลาบเลื้อยกับกุหลาบจันทร์เอาไว้เป็จำนวนไม่น้อย จัดการล้อมรอบอาคารเล็กหลังนี้เอาไว้อย่างหนาแน่น
ในยามนี้ ดอกกุหลาบเหล่านี้กำลังบานสะพรั่ง โดยมีดอกตูมขนาดใหญ่หลากสีสันปกคลุมทั่วทั้งผนัง ช่างดูงดงามยิ่งนัก
บนดอกและใบยังมองเห็นหยดน้ำใสราวผลึกแก้ว งดงามเสียจนให้ความรู้สึกคล้ายได้เข้าสู่โลกแห่งเทพนิยายแห่งหนึ่ง
นี่ใช่โลกที่มีอยู่จริงหรือไม่? เหตุใดเคอโยวหรานจึงรู้สึกราวกับว่าที่นี่เหมือนสวนดอกไม้ส่วนตัวขององค์หญิงเลยเล่า?
ขณะไม่ทันรู้ตัว เคอโยวหรานก็ถูก ‘หอเล็กฝานหวา’ ดึงดูดให้ค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปบนทางสายเล็กทีละก้าวอย่างเชื่องช้า
ครั้นเดินเข้าไปใกล้จึงพบว่าด้านหลัง ‘หอเล็กฝานหวา’ มีหอคอยย้อนยุคสองหลังตั้งตระหง่านทั้งฝั่งซ้ายขวา
หอคอยทั้งสองหลังนี้สร้างขึ้นมาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน คล้ายกับกำลังปกป้อง ‘คฤหาสน์’ ที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้
มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือ หอคอยทางฝั่งซ้ายแขวนป้ายที่เขียนไว้ด้วยตัวอักษรสะดุดตาว่า ‘แพทย์’ ส่วนหอคอยทางฝั่งขวาแขวนไว้ด้วยป้ายที่เขียนว่า ‘พิษ’
“ที่นี่แปลกมา พวกเราเข้าไปดูสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ?” เคอโยวหรานอดถามต้วนเหลยถิงมิได้
ไม่รอให้เขาตอบกลับ นางพลันจับจูงมือต้วนเหลยถิงเดินเข้าไปในอาคารเล็กสองชั้นที่ถูกปกคลุมด้วยกุหลาบเลื้อยและกุหลาบจันทร์หลังนี้เสียแล้ว
นึกไม่ถึงว่าบนผนังของ ‘หอเล็กฝานหวา’ จะฝังไว้ด้วยไข่มุกราตรี ทำให้ห้องนี้สว่างไสวราวกับเป็ยามกลางวัน
ต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานจับมือกันเดินสำรวจหนึ่งรอบ มีทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องแต่งตัวอย่างครบครัน
ภายในห้องครัวจัดวางไว้ด้วยถ้วยชาม เสบียงอาหาร และผักผลไม้อย่างเป็ระเบียบ
ภายในห้องแต่งตัวมีทั้งเสื้อผ้ารูปแบบต่างๆ เครื่องประดับ รองเท้าถุงเท้า และเครื่องหัวครบชุดของสตรีกับบุรุษอย่างครบถ้วน
เคอโยวหรานรู้สึกราวกับว่าตนมาผิดที่แล้วกระมัง? เหมือนกับสถานที่ที่นางมาเยือนมิใช่ถ้ำของหมาป่าน้อย แต่เป็ห้องเก็บสมบัติของราชวงศ์
เมื่อก่อนต้วนเหลยถิงก็เคยเห็นสมบัติโบราณมาไม่น้อย ใช้สอยของล้ำค่ามามากมาย แต่ก็ยังอดรู้สึกตกตะลึงเพราะสิ่งของในที่แห่งนี้มิได้
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังเดินชมอาคารเล็ก ข้างนอกพลันมีเสียงหอนเล็กแหลมของหมาป่าดังขึ้น
เคอโยวหรานกับต้วนเหลยถิงหันมองหน้ากัน ก่อนจะเผยสีหน้ายินดีทันใด จากนั้นจับจูงมือกันวิ่งออกไปข้างนอกด้วยความตื่นเต้น
เพราะสำหรับคนทั้งสองแล้ว สมบัติล้ำค่าหายากและอาภรณ์หรูหราภายใน ‘หอเล็กฝานหวา’ เป็เพียงของเล่นไม่สำคัญพอจะให้ค่าอันใด
ยามนี้สิ่งที่พวกเขาอยากเห็นมากที่สุดก็คือหมาป่าน้อยทั้งสองตัว พวกมันเป็ไม่ต่างกับบุตรของต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหราน ความรู้สึกราวกับเป็สายเืเดียวกันและเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมือเช่นนั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจแทนที่ได้แม้แต่นิด
คนทั้งสองเพิ่งออกจากอาคารเล็กก็เห็นโม่เจวี๋ยกับอิ๋นเยวี่ยกระโจนมาทางพวกเขาเสียแล้ว
เคอโยวหรานกับต้วนเหลยถิงย่อกายลงพร้อมกัน จากนั้นอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรับหมาป่าน้อยเอาไว้
ไม่พบกันหลายวัน เ้าตัวน้อยทั้งสองไม่ต่างกับนั่งปืนใหญ่ มิต้องเอ่ยถึงเื่เติบใหญ่ขึ้นไม่น้อย
เพราะขนของอิ๋นเยวี่ยขาวเงางามดั่งหิมะยิ่งกว่าเดิม บนเส้นขนยังทอประกายอ่อนนุ่ม ครั้นวิ่งมาถึงตรงหน้าของเคอโยวหราน ขาหลังพลันย่อลงก่อนจะะโเข้าสู่อ้อมแขนของนาง
เคอโยวหรานยกยิ้มจนดวงตาหยักโค้ง ขณะกำลังย่อกายได้กอดอิ๋นเยวี่ยเอาไว้แน่น ทั้งยังเอาหน้าถูไถกับหัวของอิ๋นเยวี่ยไม่ยอมหยุด
เมื่อเทียบกับท่าทางดีใจที่เผยออกมาของอิ๋นเยวี่ย โม่เจวี๋ยกลับดูสงวนท่าทีอยู่ไม่น้อย มันวิ่งมาตรงหน้าต้วนเหลยถิงก่อนจะหยุดลงตรงหน้า
จากนั้นค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้แล้วเลียมือของต้วนเหลยถิง ดวงตาสีครามหนึ่งคู่ของมันช่างคล้ายกับเพชรแวววาว แย้มยิ้มตาหยีขณะจ้องมองต้วนเหลยถิง
ในขณะที่เคอโยวหรานกำลังกอดหอมกับหมาป่าน้อย นิ้วชี้ข้างขวาก็ถูกอิ๋นเยวี่ยกัดหนึ่งคราโดยไม่ทันตั้งตัว
เืหนึ่งหยดไหลลงจากปลายนิ้ว ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็ดั่งไข่มุกที่ซึมเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของอิ๋นเยวี่ย
ขณะนั้นเอง ต้วนเหลยถิงที่ตั้งท่าจะอุ้มโม่เจวี๋ยขึ้นมาก็ถูกมันกัดหนึ่งครั้งในเวลาเดียวกัน
บนปลายนิ้วของต้วนเหลยถิงมีหยดเืผุดออกมาก่อนจะซึมเข้าสู่หว่างคิ้วของโม่เจวี๋ยไม่ต่างกัน จากนั้นเลือนหายไปตรงหน้าผากของมันภายในเสี้ยววินาที
หลังจากหยดเืเลือนหายไปในหว่างคิ้วของหมาป่าน้อยทั้งสอง มิติแห่งนี้ก็ทอประกายเจ็ดสีอย่างฉับพลัน
ประกายเจ็ดสีโอบล้อมต้วนเหลยถิง เคอโยวหราน และหมาป่าน้อยทั้งสองตัวไว้ข้างในจนกลายเป็ ‘รังไหม’ ขนาดใหญ่รังหนึ่ง
คล้ายกับหยดน้ำบนดอกบัวเจ็ดสี ต้นกุหลาบเลื้อยและกุหลาบจันทร์ถูกเรียกขานด้วยพลังบางประการ ต่างพากันล่องลอยไปทาง ‘รังไหม’