ณ โรงเรียนเซิ่งหลัน
ชายสูงวัยหนวดเคราและผมเผ้าขาวโพลนผู้หนึ่ง ขณะนี้กำลังจ้องมองเซียวหนิงเอ๋อผู้งดงามตรึงใจที่อยู่ตรงหน้า ผู้เฒ่าท่านนี้ก็คือท่านรองอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนเซิ่งหลัน ท่านเยี่ยเซิ่ง
“เซียวหนิงเอ๋อ เ้าแน่ใจหรือว่า้าเข้าไปในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน?” เยี่ยเซิ่งสองคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย “เ้าควรรู้เอาไว้นะ การเข้าไปในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนมีอันตรายอย่างมาก ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนเซิ่งหลัน มีนักเรียนของพวกเราหลายคน เมื่อกลับออกมาจากด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนแล้ว อาณาเขติญญาของพวกเขาก็เกิดปัญหาขึ้น”
“ท่านรองอาจารย์ใหญ่ ข้ามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปยังด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนหรือไม่?” เซียวหนิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นจ้องมองและเอ่ยถามเยี่ยเซิ่ง ดวงตาฉายแววตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“แน่นอน พร์ของเ้านั้นเพียงพออย่างยิ่ง หากได้เข้าไปในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนก่อนถึงระดับเงิน จะเป็ประโยชน์อย่างใหญ่หลวง!” เยี่ยเซิ่งพยักหน้า เขาไม่ได้เห็นนักเรียนที่มีพร์โดดเด่นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
“ข้ามั่นใจว่าข้า้าจะเข้าไปในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน!” เซียวหนิงเอ๋อพยักหน้าอย่างหนักแน่น ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“แล้วบิดาของเ้าเล่า? เขาก็เห็นชอบกับการตัดสินใจของเ้าด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว!” เซียวหนิงเอ๋อพยักหน้า อันที่จริง นางแอบหนีออกมาจากบ้าน
“ดี หากเป็เช่นนั้น ข้าก็จะช่วยให้เ้าสมปรารถนา!” เยี่ยเซิ่งพยักหน้า เดินไปพร้อมกับอาจารย์หลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พาเซียวหนิงเอ๋อเดินไปถึงสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนเซิ่งหลัน
อาจารย์ของโรงเรียนเซิ่งหลันหลายคนต่างมองหน้ากัน กล่าวตามความสัตย์ พวกเขาค่อนข้างนับถือความกล้าหาญของเซียวหนิงเอ๋อ นางกล้าพอที่จะเข้าสู่ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนนี้เป็สถานที่ลึกลับยิ่ง มีเพียงผู้มีพร์อันยอดเยี่ยมที่สุดของโรงเรียนเซิ่งหลันเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ ผู้มีพร์ที่เคยเข้าไป หลายคนออกมาแล้วมีปัญหามากมายกับจิติญญาของตน บางคนก็ไม่ได้อะไรออกมา มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถผ่านด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนออกมาได้ แน่นอน ผู้ที่ผ่านด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนออกมาได้ทุกคน ล้วนได้สืบทอดพลังไร้เทียมทานอย่างหนึ่ง อนาคตกลายเป็ยอดคนผู้แข็งแกร่งอย่างน้อยระดับทองดำ ยังมีเยี่ยโม่ ผู้ซึ่งขณะนี้กลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนาน
ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนเป็ตำนานอย่างหนึ่ง หากผ่านด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนออกมาได้สำเร็จ คนผู้นั้นจะกลายเป็ยอดอัจฉริยะในหมู่ผู้มีพร์ทั่วเมืองกวงฮุย ยอดอัจฉริยะเช่นนี้ย่อมได้รับการปกป้องคุ้มครองจากทางจวนเ้าเมืองกวงฮุย ทางจวนเ้าเมืองจะรับประกันความปลอดภัยของยอดอัจฉริยะผู้นี้ ไม่มีผู้ใดสามารถรบกวนการฝึกยุทธ์ของยอดอัจฉริยะผู้นี้ได้ ทั้งยังจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย
เหตุผลที่เมืองกวงฮุยสามารถยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางภัยคุกคามจากสัตว์อสูรล้วนเกี่ยวข้องกับยอดอัจฉริยะของเมืองกวงฮุย เป็เพราะความก้าวหน้าของยอดอัจฉริยะเหล่านี้ จึงสามารถรับประกันความปลอดภัยให้แก่เมืองกวงฮุยได้ ดังนั้นการคุ้มครองยอดอัจฉริยะของเมืองกวงฮุยจึงถือเป็เื่สำคัญและต้องสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
ภายใต้การนำทางของเยี่ยเซิ่งและคณาจารย์ เซียวหนิงเอ๋อเดินตรงไปทางสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง นางก้มศีรษะลง ดวงตาฉายแววครุ่นคิดจดจ่อ ไม่รู้ว่าเวลานี้เนี่ยหลีเป็อย่างไรบ้าง
“ข้าจะไล่ตามเ้าต่อไป ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเ้า จะต้องมีสักวันหนึ่งที่เ้าจะรับรู้ถึงความคงอยู่ของข้า!” เซียวหนิงเอ๋อพึมพำ ใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นมา นางหวนนึกถึงทุกอย่างที่เคยประสบกับเนี่ยหลี ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ เงาร่างของเนี่ยหลีก็ไม่อาจลบเลือนไปจากหัวใจของนางได้อีกต่อไปแล้ว
เซียวหนิงเอ๋อตั้งใจฝึกยุทธ์อย่างหนัก เหตุผลกว่าครึ่งก็เพื่อให้ได้รับความสนใจจากเนี่ยหลี
เซียวหนิงเอ๋อเงยศีรษะขึ้น สาวเท้าก้าวยาวเดินตรงไปยังเบื้องหน้า
หลายวันต่อมา สนามประลองเป่ยอู่อยู่ทางภาคเหนือของเมืองกวงฮุย
สนามประลองเป่ยอู่มีพื้นที่ซึ่งกินอาณาเขตโดยรอบหลายพันหมี่ ล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์สูง เพียงพอที่จะรองรับผู้ชมการต่อสู้หลายหมื่นคน ที่นี่มักมีการจัดการแข่งขัน เนื่องเพราะเมืองกวงฮุยให้ความสนใจกับศิลปยุทธ์เป็อันมาก ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่ หลายคนยังมาเพื่อร่วมลงพนันขันต่อทุกชนิด
เวลานี้ ผู้คนจากแต่ละครอบครัวต่างนั่งอยู่ประจำที่นั่งของตนตามจุดต่างๆ คนจากตระกูลเทียนเหินกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งทางทิศเหนือ ห่างจากตระกูลเสินเซิ่งไม่ไกลนัก
แต่ก่อนนี้ ไม่มีผู้ใดคิดจะสนใจตระกูลที่ตกต่ำตระกูลหนึ่งเช่นตระกูลเทียนเหิน
ทว่าเดี๋ยวนี้ ไม่มีครอบครัวไหนเมินเฉยต่อตระกูลเทียนเหินอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องอิจฉาตาร้อนและชิงชังก็คือ ผู้อำนวยการหยางซินแห่งสมาคมนักปรุงยาวิเศษก็มาด้วย ยังพาผู้าุโอีกสามท่านจากสมาคมนักปรุงยาวิเศษติดตามมาด้วยอีก คนเหล่านี้นั่งเคียงข้างตระกูลเทียนเหิน พวกเขากำลังสรวลเสเฮฮาอยู่กับตระกูลเทียนเหิน สิ่งนี้ทำให้ในใจของตระกูลอื่นๆ อิจฉาจนไฟลุกแล้ว
ปกติแล้วบุคคลเช่นหยางซินและผู้าุโแห่งสมาคมนักปรุงยาวิเศษ พวกเขาย่อมต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อประจบประแจงใกล้ชิดด้วย ทว่าคนเ่าั้ไม่จำเป็ต้องสนใจพวกเขา ไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา อย่างไรก็ตาม สีหน้าท่าทีของหยางซินมีความสุภาพต่อคนในตระกูลเทียนเหินอย่างยิ่ง
“น้องเนี่ยหลี หม้อของเ้าใบนั้นแทบทำร้ายพี่สาวหยางจนตายแล้ว เ้าเตรียมตัวชดเชยให้พี่สาวอย่างไรบ้างเล่า?” หยางซินจ้องมองเนี่ยหลีด้วยท่วงท่าเปี่ยมเสน่ห์ อันที่จริงเหตุการณ์ในวันนั้นมิได้หนักหนาอะไร คนที่คิดจะมาลอบสังหารนางในวันนั้นล้วนถูกผู้คุ้มกันรอบตัวนางจัดการจนหมดสิ้นแล้ว นางไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเนี่ยหลี นางกลับพูดเสียน่ากลัวเลยทีเดียว
เนี่ยหลีย่อมรู้ดีว่าหยางซิน้าอะไร เขายิ้มบางๆ และพูด “เกี่ยวกับเื่นี้ ข้าติดค้างพี่สาวหยางคราหนึ่งแล้ว”
“รู้ก็ดีแล้ว!” หยางซินคลี่ยิ้มสดใสคราหนึ่ง บิดเอวอ่อนหยุ่นเล็กน้อยและพูดว่า “เหตุใดการประลองเยาวชนผู้มีพร์ในครั้งนี้ ยังไม่เริ่มเสียทีเล่า? ข้าเริ่มจะเบื่อแล้ว น้องเนี่ยหลีก็จะลงแข่งขันด้วยใช่หรือไม่? เช่นนั้นพี่สาวก็จะต้องให้ความสนใจแล้ว!”
เด็กหนุ่มๆ จากตระกูลอื่นที่อยู่ห่างออกไปมองเห็นสัดส่วนยวนตาตรึงใจของหยางซิน แต่ละคนเบิกตากว้าง จ้องมองตาค้างแทบไม่ยอมกระพริบ ครั้นเห็นทรวงอกอวบอิ่มยามบิดเอวของนาง แต่ละคนก็อดกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกมิได้ บางคนกระทั่งเผลอคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจแล้ว
แม้หยางซินมีรูปโฉมงดงามหาใดเปรียบ ทว่าด้วยฐานะของนาง จึงไม่มีสักคนที่ไม่รู้จักยั้งคิด กล้าเป็ฝ่ายเข้ามาพูดคุยหรือล้อเล่นกับนางก่อน อีกฝ่ายเป็บุคคลที่สามารถตัดสินชะตากรรมของตระกูลหนึ่งได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ผู้ใดยังจะกล้าไม่ยั้งคิดเล่า?
สำหรับสายตาอันเร่าร้อนเหล่านี้ หยางซินดูเหมือนจะชินชาไปเสียแล้ว จึงทำเป็มองไม่เห็น สองตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของเนี่ยหลีเป็พักๆ
ชั่วขณะที่เนี่ยหลีและหยางซินกำลังสนทนากันอยู่นั่นเอง มีคนหลายคนเดินเข้ามายังที่นั่งของตระกูลเทียนเหิน ผู้ที่นำหน้าก็คือผู้าุโใหญ่ของตระกูลเสินเซิ่ง เสิ่นิ
“ผู้อำนวยการหยาง ไม่พบท่านเสียนาน คิดไม่ถึงว่าผู้อำนวนการหยางจะสนใจการประลองเยาวชนผู้มีพร์ของแต่ละตระกูลเช่นนี้ด้วย?” เสิ่นิยิ้มแย้มพูด สายตาแฝงแววเกรงกลัวอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าตระกูลเทียนเหินจะเก่งกาจปานนี้ สามารถเชิญผู้อำนวยการหยางและผู้าุโอีกสามท่านของสมาคมนักปรุงยาวิเศษมาร่วมชมการประลองด้วย
แม้ตระกูลเสินเซิ่งเป็หนึ่งในสามตระกูลหลัก ทว่ายามเผชิญหน้ากับั์ใหญ่เช่นสมาคมนักปรุงยาวิเศษ ก็ยังมีความหวาดเกรงอยู่เป็อันมาก ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น ลำพังแค่เื่ที่ทุกๆ ปี ตระกูลเสินเซิ่งต้องซื้อยาวิเศษทุกชนิดจากสมาคมนักปรุงยาวิเศษเป็จำนวนมาก หากทางสมาคมนักปรุงยาวิเศษลดปริมาณยาที่จะปันขายให้แก่ตระกูลเสินเซิ่งลง เช่นนั้นตระกูลเสินเซิ่งก็ย่อมต้องลำบากแล้ว
“ข้าไม่มีความสนใจในการประลองเยาวชนสำหรับผู้มีพร์นี้ ข้าเพียงมาดูน้องเนี่ยหลีของข้า ข้าอาจจะร่วมพนันด้วย ได้ยินมาว่าตระกูลเสินเซิ่งเป็เ้ามือของปีนี้” หยางซินยิ้มแย้มพูด
น้องเนี่ยหลีรึ? สายตาของเสิ่นิกวาดมองหน้าของเนี่ยหลีคราหนึ่ง ในใจแอบคาดเดาเอาไว้ ระหว่างเนี่ยหลีและหยางซินมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
“ไม่ผิด ปีนี้ตระกูลเสินเซิ่งของพวกเราเป็เ้ามือ ผู้อำนวยการหยางก็สนใจจะเล่นสักตาหนึ่งหรือ?” สีหน้าของเสิ่นิแข็งทื่อเล็กน้อย ผู้ใดจะไม่รู้ว่าสมาคมนักปรุงยาวิเศษเวลานี้ร่ำรวยเพียงใด ต่อให้เป็ตระกูลเสินเซิ่งก็ยังยากจะเล่นด้วยได้
“ข้าก็แค่คิดเล่นสนุกๆ เพียง้าพนันข้างน้องเนี่ยหลีของข้าเท่านั้น ท่านผู้ช่วยเสิ่นไม่จำเป็ต้องใส่ใจ ฮ่าๆ!” หยางซินหัวเราะเบาๆ
สายตาของเนี่ยหลีหันไปมองเสิ่นิ จากนั้นก็ตกอยู่ที่เสิ่นเฟยซึ่งยืนอยู่ข้างเสิ่นิ เห็นสายตาราวกับอสรพิษของเสิ่นเฟยกำลังจ้องมองเขาอยู่ เคียดแค้นที่ถูกชิงคนรัก เสิ่นเฟยเวลานี้เกลียดชังเนี่ยหลีจนแทบจะบ้าตายแล้ว หากมิใช่เพราะเนี่ยหลีมีหยางซินคอยหนุนหลังอยู่ เวลานี้เขาคงปราดเข้าไปทำร้ายเนี่ยหลีสักหมัดหนึ่งแล้ว
“ฮ่าๆ คุณชายเสิ่น ไม่พบท่านเสียนาน!” เนี่ยหลีไม่สนใจสายตาอันชั่วร้ายของเสิ่นเฟยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงหัวเราะฮาๆ ขึ้นมาคราหนึ่ง ราวกับไม่รู้ถึงปมขัดแย้งของคนทั้งสอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้