“หากท่านอยากพูด ข้าไม่ถามท่านก็บอก หากท่านไม่อยากบอก ข้าถามไปก็เท่านั้น”
เวินซีหันกลับไปมองจ้าวต้านที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าซับซ้อน นางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นี่เป็เื่ส่วนตัวของเขา นางไม่อยากถาม
“...”
เพียงคำพูดเบาๆ หนึ่งประโยค แต่กลับกระแทกร่างของจ้าวต้านอย่างหนักหน่วง ภายในค่ำคืนที่มืดมิด แววตาของเขามืดลง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่นขึ้นด้วยความไม่พอใจ
เขากลัวว่านางจะหึง จึงว้าวุ่นใจเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ไม่คิดเลยว่านางจะไม่ได้สนใจแม้เพียงสักนิด
จนถึงตอนนี้...นางเห็นเขาเป็ผู้ใดกันแน่? ยังเป็สามีปลอมๆ อยู่หรือ? นางจะรู้หรือไม่ว่าเขามิได้อยากเป็สามีภรรยาปลอมๆ กับนางแล้ว
“ไปเถิด ยังต้องถามสืออีว่าจะส่งสารนี้ให้ทหารลับหลานเยว่เฉิงได้เช่นไรถึงจะไม่ถูกสงสัยเข้า ่หลายวันมานี้พวกที่เฝ้าดูร้านเครื่องหอมมีเยอะมาก เราต้องจัดการได้แล้ว”
เวินซีเห็นว่าเขามิได้เอ่ยอะไรอยู่นานจึงเอ่ยเร่ง ยามนี้ท้องฟ้ามืดสนิทจนนางมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
“เวินซี” ทว่าจ้าวต้านก็เรียกนางไว้ด้วยท่าทีจริงจัง
“มีอันใดหรือ?”
“ไม่มีอันใด รอข้าด้วย”
คำเป็หมื่นเป็พันกลับเหลือเพียงแค่ประโยคเดียว จ้าวต้านเก็บอารมณ์เอาไว้พลางเดินลงบันไดไปข้างกายนาง สายตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของนางตลอดเวลา
ในเวลานั้นทั้งสองเดินไปที่ห้องของสืออี
วันพรุ่งเป็วันที่พิษจะออกฤทธิ์ สืออีทำใจยอมรับความตายไว้นานแล้ว ยามนี้เขานั่งอยู่บนโต๊ะเพื่อเขียนจดหมายด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เมื่อเห็นเวินซีกับจ้าวต้านเดินเข้ามา เขาก็นำจดหมายนั้นพลิกคว่ำลงบนโต๊ะ
“คุณหนูเวินซี คุณชายจ้าว” เขาเดินเข้าไปหาทั้งสอง กำลังจะคุกเข่าทำความเคารพ
“ลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องเคารพข้าหรอก” เวินซีพยุงให้เขาลุกขึ้น “ร่างกายเป็เช่นไรบ้าง?”
“ไม่มีอันใดผิดปกติขอรับ คุณหนูเวินซีมาที่นี่มีอันใดหรือขอรับ?”
“มานี่สิ ดูนี่หน่อย” เวินซีเดินไปที่หน้าโต๊ะ กางจดหมายสองฉบับออกมา
“คุณหนูเวินซี นี่...อาจารย์เขียนเอง หรือคุณชายหลานเขียนหรือขอรับ?” สืออีมองดูลายมือนั้นด้วยความประหลาดใจ
เขาเอื้อมมือไปหยิบจดหมายขึ้นมาดูอย่างละเอียด ก่อนจะมั่นใจว่าหลานเยว่เฉิงเป็คนเขียนจริง สายตาที่เขามองเวินซีพลันเต็มไปด้วยความชื่นชม
เขานึกว่านางจะเป็เพียงสตรีธรรมดาผู้หนึ่งที่อาศัยแม่ทัพต้านมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินนางต่ำเกินไป
“สืออี เ้าอยู่ภายใต้การดูแลของหลานเยว่เฉิงมานานสี่ปี จดหมายนี้จะส่งไปหาทหารลับอย่างไรโดยมิให้มีผู้ใดสงสัย?” เวินซีนั่งลงที่โต๊ะ หยิบถ้วยชาที่อยู่บนนั้นมาเล่น
“คุณหนูเวินซี ปกติสารพวกนี้จะต้องมีทหารลับคนหนึ่งรับไปจากมือของนายท่านขอรับ หากมันถูกส่งออกไป แม้จะเป็ลายมือของเขาจริง แต่ก็เป็ที่น่าสงสัย”
“จดหมายที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ภายในสายตาพวกเขาไม่ต่างอะไรกับเศษขยะขอรับ แต่จดหมายฉบับนี้สามารถส่งไปที่พระราชวังก่อนได้”
“นายท่านกับฮ่องเต้จะใช้นกพิราบในการสื่อสารกันขอรับ เมื่อนกพิราบได้ยินเสียงเรียกจะบินมารับจดหมายเอง”
สืออีม้วนจดหมายที่จะส่งไปให้ฮ่องเต้พลันเดินไปที่หน้าต่าง เขาเปิดหน้าต่างออกให้เป็ช่องเล็กๆ
เสียงที่ราวกับเสียงร้องของนกไป่หลิงดังออกมาจากปากเขา ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มีนกพิราบบินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่าง
นกพิราบตัวนั้นมีกล่องจดหมายผูกติดกับเท้า หลังจากที่สืออีนำจดหมายใส่เข้าไปในกล่อง นกพิราบก็บินออกไป
จากนั้นเขาก็เดินกลับมาหาเวินซี
“เ้าช่วยสอนข้าได้หรือไม่?” ดวงตาของเวินซีเป็ประกายในความมืด
หากนางทำเสียงนี้ได้ ต่อไปจดหมายที่ฮ่องเต้และหลานเยว่เฉิงส่งหากัน นางจะเปิดดูเมื่อใดก็ได้
“คุณหนูเวินซี เกรงว่าจะมิได้ขอรับ เพื่อป้องกันคนหักหลัง นายท่านมักจะเปลี่ยนเสียงเรียกนกบ่อยๆ ขอรับ”
“เข้าใจแล้ว”
“คุณหนูเวินซี ส่วนจดหมายอีกฉบับนี้อาจจะต้องให้ข้าไปส่งเองแล้วล่ะขอรับ”
“วันนั้นเ้าปรากฏตัวที่หน้าตระกูลเวินแล้วนี่ ทหารลับของหลานเยว่เฉิงต้องรู้แล้วแน่ว่าเ้าทรยศเขา หากเ้าไปส่งเอง จะไม่โดนพวกเขาฆ่าหรือ?”
“ข้าบอกแล้วนี่ว่าพิษในร่างของเ้าน่ะ ข้าถอนได้ เ้าไม่จำเป็ต้องไปเสี่ยงอันตรายหรอก”
เวินซีขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเฉียบขาด
หากกลับไปเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับไปตาย ในเมื่อนางรับปากแล้วว่าจะช่วย ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาไปตายง่ายๆ แน่
“คุณหนูเวินซี นายท่านมักจะให้ทหารลับออกไปทำภารกิจผู้เดียวขอรับ เราลองดูได้ หากไม่ลอง ข้าเกรงว่าจดหมายฉบับนี้จะใช้มิได้ผลนะขอรับ”
“หากขาดการติดต่อจากนายท่านเป็เวลายาวนานเกินสิบสองชั่วยาม ทหารลับทั้งหมดจะระดมพลออกค้นหาอย่างเต็มกำลัง หากพวกเขาขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ เช่นนั้นจดหมายที่เพิ่งจะส่งออกไปเมื่อครู่นี้จะยิ่งน่าสงสัยขึ้นไปใหญ่”
“คุณหนูเวินซี เหล่าทหารลับมิได้รู้จักกันส่วนตัว ต้องมีคนเชื่อแน่ หากมีป้ายโองการของนายท่านจะมีคนเชื่อเยอะขึ้น โดยเฉพาะคนที่เคยออกไปทำภารกิจเดี่ยว”
“หากท่านไม่วางใจ จะกลับไปกับข้าก็ได้นะขอรับ” เมื่อเห็นว่านางมีสีหน้าครุ่นคิด สืออีจึงเอ่ยปากเสนอ
“มิได้” ทันทีที่เขาพูดจบ จ้าวต้านก็ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเ็า ภายใต้แสงเทียน สายตาที่เขามองสืออีนั้นเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ
แม้ว่าทหารลับของหลานเยว่เฉิงจะยอมจำนนแล้ว แต่กันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า จะปล่อยให้เวินซีไปเสี่ยงอันตรายมิได้
ถึงหลานเยว่เฉิงจะตกอยู่ในมือของจ้าวต้าน และตัวตนของจ้าวต้านจะถูกเปิดเผยจริงๆ แต่คนเ่าั้ยังคงรอบคอบ ไม่เคลื่อนไหวง่ายๆ นอกเสียจากว่าชีวิตของหลานเยว่เฉิงจะไม่มีความสำคัญกับพวกเขาแล้ว
“แม่ทัพต้าน ในเมื่อข้าเลือกรับใช้คุณหนูเวินซีแล้ว ย่อมมิทำเื่ใดที่เป็การทำร้ายนาง หากนางกลับไปกับข้า ข้าจะปกป้องนางอย่างดี แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”
สืออีรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อใจ จึงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพทันที
“…” จ้าวต้านเม้มริมฝีปากมองเขา ไม่สามารถบอกอารมณ์ใดๆ ในสายตาได้
หลานเยว่เฉิงเป็คนเ้าเล่ห์ ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่านี่มิใช่แผนของเขา
“ลุกขึ้นเถิด ทำตามที่เ้าบอกกัน” เวินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบรับ
สืออีลุกขึ้นยืนอย่างดีใจทันใด “ขอรับ”
“เวินซี...” จ้าวต้านลังเลพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านนำคนให้ตามหลังเราไปด้วยเถิด หากมีเื่อันใดจริงๆ เราจะได้ปราบทหารลับของหลานเยว่เฉิงได้”
หากส่งจดหมายฉบับนี้ออกไปมิได้ ตัวตนของจ้าวต้านก็จะถูกเปิดเผย พวกเขาจึงไม่จำเป็ต้องกังวลเื่อื่นแล้ว
เมื่อได้ยินเวินซีพูดเช่นนั้น จ้าวต้านก็พยักหน้าเห็นด้วยในที่สุด
“คุณหนูเวินซี เราจะเอาป้ายโองการจากนายท่านมาได้เช่นไรขอรับ?” สืออีเอ่ยถาม
“ตามข้ามา”
เวินซีลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตู สืออีจึงตามมาอย่างสงสัย จ้าวต้านก็เดินตามหลังมาด้วย
เมื่อไปถึงประตูห้องเก็บฟืน นางก็ผลักมันให้เปิดออก
กลิ่นหอมฉุนพุ่งออกมาจากด้านใน หลังจากที่ยื่นยาแก้พิษให้สืออีแล้ว ทั้งสามคนก็เดินเข้าไป
สืออีสบตาเข้ากับหลานเยว่เฉิงในห้องเก็บฟืน เขารู้สึกประหลาดใจและก้มหน้าลงด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
หลานเยว่เฉิงเห็นเช่นนั้นก็พ่นลมอย่างเ็าและมองไปที่เวินซี
“คุณหนูเวินซี ผ้าห่มของข้าล่ะ? คงจะไม่ปล่อยให้ข้านอนแข็งตายไปจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“ลืมไปเลย ประเดี๋ยวจะให้สืออีเอามาส่งให้” เวินซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้หลานเยว่เฉิง แล้วสังเกตไปทั่วร่างของเขา
“คุณหนูเวินซี นี่...หรือว่าจะชอบข้าเข้าแล้ว?” หลานเยว่เฉิงเห็นนางนั่งยองอยู่ตรงหน้า ก็เอ่ยปากพูดหยอก
เวินซีไม่สนใจเขา เมื่อเห็นป้ายโองการนั้นก็เอื้อมมือไปดึงมา
“ยืมใช้หน่อยนะเ้าคะ”
“เอาไปเถิด คิดเสียว่าเป็ของแทนใจที่ข้าให้คุณหนูเวินซี พูดตามตรง ั้แ่ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคุณหนูเวินซีก็ชอบคุณหนูมาก คุณหนูเวินซี มาอยู่กับข้าเถิด ข้าสัญญาว่าจะปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี ข้า...อู้...อู้...”
ผ้าคลุมผืนหนึ่งถูกยัดเข้าไปมั่วๆ ในปากของเขา ก่อนที่เวินซีจะลุกขึ้นมาอย่างรำคาญ
หลังจากที่เดินออกไปได้สองก้าว หลานเยว่เฉิงก็คายผ้าออกมา มองดูแผ่นหลังของนางด้วยสีหน้าสนุกสนาน “คุณหนูเวินซี เ้ารู้หรือไม่ว่าสืออีจะตายวันพรุ่งนี้?”