ทั้งที่สามแม่ลูก “พ่ายแพ้ราบคาบ” ไปเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ยังฉุกคิดไม่ได้ว่าซูิเยว่ไม่ใช่คนเลอะเลือนอีกต่อไปแล้ว
สุดท้าย หลู่ซื่อก็ถูกไม้ซักผ้าตีจนต้องกุมหัววิ่งหนีไป
ซูิเยว่พยุงอาเหนียนกลับไปที่เตียงฟังพลางฟังเสียงหลู่ซื่อสาปแช่งตลอดทางที่นางกลับไป อาเหนียนจ้องซูต้าที่ห้อยอยู่กลางอากาศก่อนจะพูดออกมาอย่างหวาดกลัว
“ท่านพี่ จะทำอย่างไรดี?”
ดวงตาของซูิเยว่กลอกไปมาก่อนจะพูดออกมาตรงๆ “ไม่ว่าอย่างไรพวกเราต้องหาวิธีรับมือได้แน่”
นางคาดการณ์ไว้ว่าหลู่ซื่อไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ ซูิเยว่เหลือบตาขึ้นมองเวลาก็ยังไม่ถือว่ามืด นางจึงเดินไปด้านนอกก็เห็นเรือนของหลิวซื่อซึ่งห่างออกไปสิบกว่าหมี่(เมตร)ยังคงมีแสงไฟอยู่ นางเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูเรือนของหลิวซื่อ ไฟตะเกียงก็ดับลง คนด้านในคงกำลังจะพักผ่อน
ซูิเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพุ่งไปเคาะประตูด้วยความร้อนรน “ปังๆ ๆ ๆ พี่สะใภ้หลิว ช่วยด้วยเ้าค่ะ....”
คำว่าช่วยด้วยสองคำนั้นมีอานุภาพมาก เพียงครู่เดียวประตูก็เปิดออกทันที หลิวซื่อยื่นหัวออกมาถาม “แม่นางซู เป็อะไรหรือ?”
“พี่สะใภ้หลิว ที่เรือนข้ามีโจรบุกเข้ามาเ้าค่ะ” ซูิเยว่ร้อนใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
“โจร? โจรอยู่ที่ไหนหรือ? แม่นางซู เ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?” หวังต้าลี่สวมเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินออกมา
“ในเรือนของข้า”
“พระเ้า ข้าจะไปเรียกคนมา ต้าลี่ เ้ารีบตามแม่นางซูไปดูเร็ว ในเรือนนางยังมีน้องชายอยู่” หลิวซื่อกระตือรือร้นมาก เมื่อสั่งการเสร็จก็พุ่งออกจากเรือนไปทันทีพร้ะโกนเรียกเพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวา
ซูิเยว่รีบพาหวังต้าลี่มาที่เรือน ด้านหลังก็ได้ยินหลิวซื่อะโเสียงดัง “เ้าข้าเอ้ย จับโจรเร็ว มาจับโจรเร็ว...”
เสียงแหลมใสดังทะลุเมฆอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ ไม่นานนักทุกเรือนในหมู่บ้านก็แทบจะจุดตะเกียงไฟขึ้นมาในคราวเดียวกัน แม้ตะเกียงไฟจะให้แสงที่ไม่สว่างมากนัก แต่พอมีหลายบ้านรวมกัน เมื่อมองแล้วก็ดูมีอำนาจจนน่ากลัว นี่เป็ครั้งแรกที่คนในหมู่บ้านร่วมมือกันอย่างกระตือรือร้น
ทั้งหมู่บ้านเสียงดังเอะอะ ไม่นานนักชาวบ้านจำนวนมากจากทุกทิศก็รีบเดินมาพร้อมกับอาวุธต่างๆ
“โจรอยู่ที่ไหน?”
“โจรล่ะ?”
ตอนที่รู้ว่ามีโจรบุกเข้ามาในเรือนของซูิเยว่ ทุกคนก็แห่กรูกันมา วินาทีแรกที่จับโจรได้ก็พากันรุมกระทืบก่อนจะลากมาที่กลางเรือน
“อั้ยหยา” สองพี่น้องสกุลซูกอดกันกลมด้วยสภาพหวาดกลัวจนตัวสั่น
ซูต้าะโเสียงดัง “ท่านแม่ ท่านแม่อยู่ที่ไหน ช่วยข้าด้วย”
“เอ๋ นี่มันลูกชายของเรือนซูกุ้ยไม่ใช่หรือ?” มีคนจำพวกเขาได้จึงพูดออกมาด้วยความใ
“หา จริงๆ ด้วย”
ตอนนี้ทุกคนต่างหวาดกลัวกันเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าหลู่ซื่อภรรยาของซูกุ้ยนั้นไม่น่าหาเื่สักเท่าไร หากนางรู้ว่าลูกชายทั้งสองคนถูกทำร้ายจนกลายเป็แบบนี้จะต้องไม่ยอมรามือแน่
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าหลู่ซื่อมาถึงั้แ่เมื่อไหร่ นางรีบพุ่งเข้าไปหาลูกชายของตัวเอง “ลูกเอ๋ย แม่มาช้าไปจนทำให้พวกเ้าต้องเจ็บตัวเลย”
ลูกชายทั้งสองคนก็ให้ความร่วมมือมาก พวกเขากอดมารดากลม
หลู่ซื่อร้องไห้เสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นตวาด “เป็นางชั่วคนนั้นที่ทำร้ายลูกชายข้าจนเป็เช่นนี้ ข้าจะให้นางได้เห็นดีแน่!”
เหตุวิวาทก็ได้แยกย้ายกันั้แ่ตอนนี้ แต่หลายวันต่อมากลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดจากหลู่ซื่อ ราวกับว่าครอบครัวนี้ได้เงียบสงบลงในชั่วข้ามคืนอย่างไรอย่างนั้น
แต่ซูิเยว่กลับไม่กล้าลดการระแวดระวังลง อาเหนียนยังต้องพักฟื้น นางจึงไม่อาจออกไปซื้อยาได้
ไกลออกไปนั้น โม่เหยียนเซิน ลูกชายคนที่สามของผู้ใหญ่บ้านแอบมองซูิเยว่มาหลายวันแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ
แต่วันนี้ไม่รู้ว่าซูิเยว่ที่เดินออกไปไกลแล้วจะกลับมาตอนไหน ทันใดนั้นนางก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและจับสายตาที่แอบมองเธอได้อยู่หมัด
“แม่ แม่นางซู” โม่เหยียนเซินได้สติกลับมาก็รีบก้มหน้าลงด้วยความประดักประเดิด
“คุณชายโม่” ซูิเยว่ยิ้มน้อยๆ
จากนั้นซูิเยว่ก็มอบภารกิจในการดูแลน้องชายให้กับโม่เหยียนเสิ่น ส่วนตัวนางก็ออกจากเรือนได้อย่างวางใจ
.....
หลังจากขายสมุนไพรที่เก็บมาจากป่าลึกเรียบร้อยแล้ว ซูิเยว่ก็มายืนอยู่ที่ถนนในเมืองหลวง แววตาเ็าจ้องไปยังร้านค้าหนึ่งแถวที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง
ที่นั่นมีหลายร้านซึ่งเดิมทีเป็ของสกุลซู ตอนนั้นครอบครัวนางเปิดร้านที่ครึกครื้นมากกว่านี้ น่าเสียดาย...
แววตาของซูิเยว่หม่นลงทันที นางไม่มีทางลืมเด็กหนุ่มที่ท่านพ่อรับมาเลี้ยง คนคนนั้นคือคู่หมั้นของนางเอง เขาสร้างความพินาศใหญ่หลวงให้กับครอบครัวของพวกนาง
บุรุษคนนั้นเหมือนกับงูพิษที่เืเย็น ไม่เพียงร่วมมือกับคนภายนอกเข้ามาขโมยสมบัติครอบครัวนาง เขายังอาศัยตอนกลางคืนมาฆ่าคนในครอบครัวนางจนหมดอีกด้วย
ท่านแม่ถูกคนจำนวนมากข่มขืนจนตาย ท่านพ่อคุกเข่าร้องไห้น้ำตาอาบหน้าเพื่อขอร้องคนที่เขาเลี้ยงดูมาหลายปี แต่คนคนนั้นกลับยกมือขึ้นสูงก่อนจะหยิบดาบขึ้นมาแทงท่านพ่อโดยไม่แม้แต่กะพริบตา
ท่านปู่ที่อายุมากแล้วมาเห็นเข้าก็คิดจะจัดการเขา แต่ก็ถูกตัดขาทั้งสองข้างและสิ้นลมตายจากไป
พี่น้องรอดมาได้เป็เพราะพ่อบ้านพาพวกนางไปซ่อนในเส้นทางลับ ต่อมาก็หนีออกมาได้เพราะพ่อบ้านเอาชีวิตเข้าแลกโดยการล่อพวกนั้นออกไป
ซูิเยว่ค่อยๆ หมุนตัวแล้วเอาผ้าคลุมหัวมาปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเอาไว้
กำแพงที่อยู่ด้านหลังเป็ภาพเหมือนของพวกนางสี่พี่น้อง ้าเขียนว่าทำผิดร้ายแรงต่อราชสำนัก
“ถอดผ้าคลุมหัวออก”
ทหารเฝ้าประตูตะคอกออกมาทำให้ซูิเยว่ได้สติกลับมา
นางถอดผ้าคลุมออก ทหารมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “เรียบร้อย เ้าไปได้แล้ว”
ภาพเหมือนของหญิงสาวบนกำแพงไม่ได้เหมือนซูิเยว่นัก เพราะบนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าวิชาเปลี่ยนใบหน้า
พอเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้าน พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าแล้ว รอบๆ ด้านคือหมู่บ้านที่ล้อมไปด้วยูเา แม้จะไม่ไกลจากเมืองหลวง แต่เพราะตำแหน่งภูมิศาสตร์หมู่จึงทำให้หมู่บ้านดูยากจนมาก
หลังจากเดินผ่านหุบเขามาได้่หนึ่ง ซูิเยว่ก็หยุดฝีเท้าลง นางเห็นรถม้าหรูหรามากคันหนึ่งจอดขวางอยู่ตรงหน้า แต่กลับพังไม่เป็ชิ้นดี ตัวรถแทบจะแตกออกมาเป็ชิ้นๆ ดูแล้วคงตกลงมาจากบนหน้าผาแน่นอน
ซูิเยว่แทบไม่อยากจะเชื่อเมื่อเหลือบตามองขึ้นไป หน้าผาสูงมากจนไม่รู้ว่ารถม้าคันนี้ตกลงมาได้อย่างไร? ภายในรถก็ไม่รู้ว่าจะมีคนรอดชีวิตอยู่หรือไม่?
ซูิเยว่สงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปถามอย่างระมัดระวัง “มีคนอยู่ด้านในหรือไม่?”
“มี”
ซูิเยว่ใ มีคนอยู่จริงๆ!
ในเมื่อมีคนรอดชีวิตอยู่ก็ต้องช่วย ซูิเยว่ยกมือขึ้นเปิดหน้าต่าง
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งด้วยท่าทางสง่างามอยู่ด้านใน บนหัวสวมกวานทอง ตอนที่ผ้าม่านถูกเปิดออก เดิมทีหนังตาที่หลุบลงมาแล้วค่อยๆ เปิดขึ้นก่อนจ้องไปยังเด็กสาวที่อยู่หน้าประตู
ซูิเยว่ชะงักไป ในหัวมีแค่คำคำเดียวมาอธิบายได้ ปีศาจ!
หน้าตาเหมือนกับเด็กหญิงงามล่มเมือง องค์ประกอบใบหน้าเหมาะสมไปหมด ผิวขาวละเอียด รูปลักษณ์งดงามมีเสน่ห์เหลือล้น หากไม่ใช่เสียงแบบบุรุษที่ดังออกมาเมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเขาครั้งแรกจะต้องคิดว่าเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแน่
แต่ “คนงาม” คนนี้กลับเป็คนคุ้นเคย!
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” แววตาของซูิเยว่มองไปทางเขา จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันที่นี่
“ขาถูกทับ” ดวงตางดงามของบุรุษขยับเล็กน้อย มือเรียวเปิดผ้าออกเผยให้เห็นขาข้างหนึ่งที่ถูกล้อรถกลืนเข้าไป
ตอนแรกซูิเยว่คิดว่าแค่ขาเข้าไปติดในล้อรถ แต่พอมองอย่างละเอียดแล้วก็ใ
ขาข้างนั้นหักไปแล้ว ั้แ่เข่าลงไปถูกทับ หน้าแข้งยื่นยาวไปบนพื้นหญ้า ส่วนต้นขามีเืสดๆ ไหลออกมา
“เ้า.....” ซูิเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดไม่ออก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้