ในขณะที่รถม้าของเยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล่นโคลงเคลง เดินทางมุ่งหน้าไปยังจวนเยวี่ย หรือจะเรียกว่ากลับไปยังจวนเยวี่ยก็ได้
เนื่องจากได้รับข่าวที่จวนเยี่ยนส่งมาก่อนแล้ว ว่าหลังจากงานฉลองวังหลวงจะชดเชยให้กับธรรมเนียมการคารวะบ้านฝ่ายหญิงที่พลาดไป ดังนั้นทางจวนเยวี่ยจึงเตรียมการกันอย่างดี
แต่การเตรียมการในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อเป็การให้เกียรติจวนเยี่ยน แต่เพื่อสั่งสอนบทเรียนให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เดิมทีฮูหยินเยวี่ยที่แต่งกับมหาบัณฑิตเยวี่ยนั้นเป็เด็กสาวสูงศักดิ์ในสังคมชั้นสูงทั่วไป จากเด็กสาวเติบใหญ่เป็หญิงสาว ได้รับการสั่งสอนแบบตามใจมาตลอด นานวันเข้าจึงกลายเป็คนเ้าอารมณ์ ดูจากตัวเยวี่ยเจาหรานลูกชายแท้ๆ ของนางก็เห็นได้ชัด!
ลูกสาวของตนนั้นกลัวการแต่งงานที่ฮ่องเต้พระราชทานให้จนหนีไป ทำให้ลูกชายที่อยู่ดีๆ ก็ต้องปลอมเป็หญิงไปแต่งงานกับสามี สำหรับฮูหยินเยวี่ยแล้วยิ่งสุมความแค้นเคืองเข้าไปอีก
ยังมีเื่ที่เยวี่ยเจาหรานเข้าไปในตระกูลเยี่ยนได้ไม่เท่าไรก็ถูกตีจนตาปูดตาช้ำตั้งสองครั้ง จนหน้าตาหล่อเหลาถูกทำลายไปหนึ่งในสาม แล้วฮูหยินเยวี่ยจะยอมกล้ำกลืนได้อย่างไร นางจึงคิดจะใช้โอกาสในการกลับบ้านครั้งนี้จัดการกับเยี่ยนอวิ๋นเฟย แสดงอำนาจให้เขาได้รู้จักความร้ายกาจเสียบ้าง!
รถม้าที่พาลูกชายและ ‘ลูกเขย’ กลับมาบ้านได้หยุดลง ผู้ที่มาต้อนรับขับสู้นั้นกลับเป็สายลมเย็นสดชื่นหอบใหญ่ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ลงจากรถมาก่อนเบิกตากว้าง ไม่เห็นมีใครเลย?! ประตูของจวนเยวี่ยว่างเปล่า เงียบสงัดราวกับสุสานคนตาย ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ข้าว่า บ้านเ้าคงฮวงจุ้ยไม่ดี ก็เลยไม่กล้าให้คนมาเฝ้าประตูสินะ?”
แม้จะบอกว่ามีวิถีที่แตกต่างจากบ้านของตน แต่คนมีความคิดทื่อๆ ทำอะไรมุทะลุอย่างเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยังรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ อีกใจหนึ่งก็ยังคิดว่าจวนเยี่ยนช่างใจแคบจนไม่ยอมจ้างคนเฝ้าประตูเสียนี่!
เยวี่ยเจาหรานมือข้างหนึ่งถกกระโปรง พลางแหวกม่านของรถม้าออก เมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อก่อนนี้ตอนอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้เป็เช่นนี้นี่นา หรือจะเป็ไปได้ไหมว่าภายในคืนเดียว จวนเยวี่ยจะเกิดเหตุสังหารหมู่ทั้งตระกูล?
ทันใดนั้นเยวี่ยเจาหรานที่จินตนาการไปไกลก็ตื่นตระหนก ปักใจคิดว่าตนต้องส่งบุพการีไปล่วงหน้าถึงหลายสิบปี ฉับพลันความคิดที่จะทะเลาะกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็มลายหายไป เขาสับฝีเท้าพุ่งตัวเข้าไปในประตู ทิ้งให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วงุนงงอยู่คนเดียวกับกองของขวัญตามธรรมเนียมกลับบ้านฝ่ายหญิงที่กองเป็ูเาเต็มคันรถ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ห้ามเ้าตัวไม่อยู่สุดท้ายจึงตบต้นขาทีหนึ่งแล้วถอนหายใจ “เ้าจะวิ่งทำไม คิดว่าข้าจะให้เ้าถือคนเดียวหรืออย่างไร...” แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่มองไปยังกองของขวัญเต็มคันรถก็เกิดอารมณ์เช่นเด็กสาวขึ้นมาบ้าง บอกกับตนเองในใจอย่างเงียบๆ ‘เ้าก็เป็ผู้หญิงคนหนึ่ง หากจะถือไม่ไหวก็ถือว่าเข้าใจได้ล่ะนะ’
นางจึงเดินตามเยวี่ยเจาหรานเข้าประตูโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
สุดท้ายคนที่ถูกทิ้งไว้มีเพียงคนขับรถม้าผู้ตรากตรำ เขาจึงแอบบ่นอยู่ในใจ ‘ตอนที่ทำเื่ไม่ดีทำไมไม่บอกว่าตนเป็ผู้หญิงบ้างเล่า?’
แน่นอนว่าข้าเป็คนจินตนาการกุคำพูดนั่นขึ้นมาเอง อย่างไรเสียเขาก็ยังคิดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคือเยี่ยนอวิ๋นเฟยคุณชายของตระกูล ดังนั้นจึงเป็การกระแนะกระแหนว่าคุณชายคนนี้ช่างไร้ความเป็ลูกผู้ชายสิ้นดีไงล่ะ!
ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองแห่งตระกูลเยวี่ยนั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ก็ช่างทำได้อย่างเป็เื่เป็ราวจริงๆ ฮูหยินเยวี่ยวางถ้วยชาในมือลง ยิ้มตาพริ้มให้กับคู่ชีวิตของตนพร้อมกับขยิบตาเอ่ย “ท่านรอดูได้เลย เยี่ยนอวิ๋นเฟยนั่นจะต้องใแน่...”
ขณะที่ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก ภายนอกพลันมีเสียงร้องได้ฟูมฟายล่วงหน้านับสิบปีของเยวี่ยเจาหรานดังขึ้น เยวี่ยเจาหรานที่ร้องะโไปด้วยในขณะที่วิ่งมายังห้องโถงกลางทำเอาฮูหยินเยวี่ยและมหาบัณฑิตเยวี่ยตกอกใ เมื่อทั้งสามเห็นสภาพของกันและกัน ก็พลันตกตะลึง และพับคำพูดท่อนหลังที่กำลังจะเอ่ยเก็บไป
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านยังสบายดีอยู่หรือ?”
เยวี่ยเจาหรานที่กำลังเช็ดน้ำตาอย่างขมขื่นเอ่ยออกมาโดยไม่ได้คิด ทำให้ฮูหยินเยวี่ยตบโต๊ะด้วยความโมโห แล้วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ว่ากันว่าลูกสาวที่ออกเรือนแล้วดั่งน้ำที่สาดออกไป แต่เ้ากลับร้ายกาจยิ่งกว่า คิดจะให้เกิดเื่ขึ้นกับให้พ่อแม่เ้าเชียวหรือ!”
เสียงบ่นดังไม่หยุด เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่มาถึงภายหลังกลับไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้บรรยากาศน่าอึดอัดเพียงใด นางหัวเราะอย่างเบิกบาน “ท่านมหาบัณฑิตเยวี่ย! ฮูหยินเยวี่ย! กุดแมวนิ่งนะ!”
กุดอะไร? แมว? ผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลเยวี่ยที่ไม่ได้เลี้ยงแมวได้ยินเช่นนั้นก็มึนงง ทั้งสี่นิ่งเงียบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยืนอยู่กลางโถงใหญ่ถูกเยวี่ยเจาหรานลากไปกระซิบเบาๆ “บ้านข้าไม่ได้เลี้ยงแมว! พูดอะไรของเ้า!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเกาหัวแล้วยิ้มอย่างเก้อเขิน “โธ่เอ๊ย! ข้าไม่ได้พูดว่าบ้านเ้าเลี้ยงแมว นั่นเป็คำที่ศิษย์พี่ใหญ่บนูเาสอนให้ข้า หมายถึงอรุณสวัสดิ์!”
นี่เป็วิธีทักทายที่ตนตั้งใจเลือกมาเลยนะ เหตุใดจึงไม่มีใครชื่นชมยินดีเลยล่ะ? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกว่าคำนี้มันสดใหม่อย่างมาก ควรจะได้รับการยกย่องถึงจะถูก! แต่คนเหล่านี้กลับไม่พูดอะไรเลย แถมทำราวกับตนเป็คนโง่เสียอย่างนั้น?
ฮูหยินเยวี่ยและมหาบัณฑิตเยวี่ยสบตากันเล็กน้อย พลันรับรู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นเฟยผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความนัยที่ตนจงใจเก็บคนเฝ้าประตูเลยสักนิด ช่างเสียแรงเสียเวลาเปล่าเสียจริง! ทั้งสองไม่เอ่ยอะไรมากความอีก เพียงแค่ลุกขึ้นเอ่ยกับ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ และ ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ที่กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ “ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องพูดเื่แมวเื่หมาอะไรนั่นอีก ไปกินข้าวเถอะ”
เยวี่ยเจาหรานไม่เข้าใจอรุณสวัสดิ์ราตรีสวัสดิ์อะไรนั่น ทั้งสองจึงถกเถียงกันอยู่นาน เมื่อได้ยินเสียงเรียกของฮูหยินเยวี่ย จึงรีบเก็บความคิดไป แล้วขานตอบพร้อมกัน “ขอรับ/เ้าค่ะ! จะไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากเดินผ่านทางเดินคดเคี้ยวไปมา ในที่สุดทั้งสี่คนก็มาถึงห้องอาหารด้วยกัน ตลอดทางที่เดินมาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ไม่วายเริ่มบ่นในใจอีกครั้ง ท่านพ่อข้าพูดไว้ไม่มีผิด พวกปัญญาชนมักเป็พวกที่ยุ่งยากที่สุด จะกินข้าวก็ต้องเดินวนไกลขนาดนี้ เวลาปกติไม่ใช่ว่าก็ร่ำรี้ร่ำไรไปหมดเลยหรือ? มิน่าถึงไม่มีเวลาฝึกฝนมือเท้า จนมีลูกชายราวกับลูกสาวอย่างไรอย่างนั้น!
ในระหว่างที่คิดเช่นนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เหลือบมองเยวี่ยเจาหรานอย่างอดไม่ได้ ปากของนางเบ้ลง ส่งเสียงฮึ่มในลำคอเบาๆ แล้วรีบหย่อนก้นนั่งลงทันที
ฮูหยินเยวี่ยและมหาบัณฑิตเยวี่ยเห็นเช่นนั้นก็พลันโมโหจนหน้าตาดูไม่ได้ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ ผู้นี้ช่างไม่รู้จักธรรมเนียมมารยาทเอาเสียเลย ผู้าุโยังไม่ขยับ เหตุใดตนจึงนั่งลงก่อน?
หลังจากถอนหายใจยาว ถึงได้ยินฮูหยินเยวี่ยเอ่ยขึ้น “ว่ากันว่าัย่อมมีลูกเป็ั หงส์ก็ย่อมมีลูกเป็หงส์ [1] วันนี้ข้าได้เห็นแล้วว่าเป็เช่นนั้นจริงๆ !” เอ่ยดังนั้นแล้วจึงนั่งลง แน่นอนว่าเยวี่ยเจาหรานรู้ชัดแจ้งว่ามารดาของตนกำลังโกรธเคือง รังเกียจที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่รู้จักกาลเทศะ จึงยกมือกระตุกแขนเสื้อของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบาๆ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้รับ ‘สัญญาณ’ ที่เยวี่ยเจาหรานส่งให้ ก็รีบละสายตาของตนออกจากโต๊ะอาหาร ดวงตากลมโตกลิ้งไปมาเล็กน้อย ก่อนแย้มยิ้มอย่างแจ่มใส จากนั้นจึงเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “อ๋อ ใช่แล้ว ลูกของหนูก็ย่อมขุดหลุมได้ [1] คำพูดนั้นถูกต้อง ไม่ผิดเลย!”
โชคดีที่ฮูหยินเยวี่ยและมหาบัณฑิตเยวี่ยยังดื่มชาเข้าไปไม่ถึงครึ่งคำ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องพ่นออกมาข้างนอกหมดเป็แน่! เยวี่ยเจาหรานสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจทนได้ เขาหัวเราะลั่น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่รู้เื่รู้ราวมองไปยังเยวี่ยเจาหราน สายตานั้นบริสุทธิ์และไร้เดียงสานัก ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าตนได้กลายเป็ลูกหนูที่สามารถขุดหลุมได้ในสายตาของผู้อื่นไปเสียแล้ว…
เชิงอรรถ
[1] ัย่อมมีลูกเป็ั หงส์ก็ย่อมมีลูกเป็หงส์ ลูกของหนูก็ย่อมขุดหลุมได้ (龙生龙,凤生凤,老鼠的儿子会打洞) เป็สำนวนเปรียบเปรยว่า พ่อแม่เป็เช่นไร ลูกก็เป็เช่นนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้