มันเทศ 20 ชั่งต่อคนสองคนอย่างไรเสียก็อยู่ได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ผลผลิตใหม่ของปีนี้ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว เซี่ยต้าจวินกลับมาเมื่อไรย่อมต้องมาตามหาหลิวเฟินกลับไปแน่นอนแต่บ้านเซี่ยจะให้อภัยเสี่ยวหลานหรือไม่? หลิวเฟินกำลังคิดจะกลับบ้านแม่ตัวเองไปหาทางออกก่อน แม้บ้านตระกูลหลิวเองก็จนเหมือนกันแต่ลุงของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนจนที่เอื้อเฟื้อไม่มีทางยอมมองหลานสาวอดตายต่อหน้าหรอก
ในขณะที่หลิวเฟินกำลังครุ่นคิดเซี่ยเสี่ยวหลานก็หอบกิ่งไม้แห้งกลับมา ั์ตาเป็ประกาย ออกปากว่าอยากกินมันเผาหลิวเฟินเห็นเธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ทำเอารู้สึกว่าจะทนทุกข์แค่ไหนล้วนเต็มใจทำเพื่อลูกทั้งนั้น
“ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่เผามันให้นะลูก”
เธอกลับเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานแหวกฟืนออก เผยให้เห็นไข่เป็ดป่า
หลิวเฟินดีใจไม่น้อย ไข่เป็ดป่ามีขนาดพอๆ กับไข่ไก่แค่เห็นก็รู้ได้ว่าไปเก็บมาจากดงต้นอ้อ พอมีไข่จำนวนนี้แล้วเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้กินของที่สามารถบำรุงร่างกายบ้างตอนนี้ลูกสาวซูบผอมเสียจนลมพัดทียังล้มได้ หลิวเฟินเป็ห่วงยิ่งนัก
"ไว้แม่ต้มไข่เป็ดให้ลูกด้วย”
บ้านเก่าโทรมหลังนี้ไม่มีเครื่องครัว เนื่องจากคนในชนบทไม่ค่อยเื่มากใช้แค่หม้อกระเบื้องเคลือบต้มไข่ย่อมไม่มีปัญหาเซี่ยเสี่ยวหลานกลับยั้งมารดาเอาไว้
“ยังกินตอนนี้ไม่ได้นะแม่ ชีวิตดีๆของพวกเราขึ้นอยู่กับไข่เป็ดแล้วนะ ตอนนี้ชาวบ้านกำลังกังวลเื่ผลผลิตในไร่นาไม่มีเวลาตัดต้นอ้อ ฉันอยากหาไข่เป็ดไปขายในเมืองเพิ่มอีกหน่อยคืนนี้พวกเราไปดงต้นอ้อกันเถอะ เจอไข่เป็ดอีกสักใบสองใบก็ยังดี”
หลิวเฟินไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
ตระกูลเซี่ยยังไม่แยกครอบครัวกันปกติแล้วไข่ไก่ที่เก็บมาได้จะถูกนำไปขายในเมืองโดยแม่สามีกับพี่สะใภ้ใหญ่ จากหมู่บ้านต้าเหอเข้าไปยังตัวเมืองใช้เวลาถึงสองชั่วโมง หากไม่มีธุระทุกคนก็ไม่ไปที่นั่น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานมีวาทศิลป์นักหลิวเฟินไม่สามารถโน้มน้าวลูกสาวได้ เดิมทีตนเองก็ชินกับการเชื่อฟังอยู่แล้วจึงหาคำปฏิเสธใดๆ ไม่ได้เลย
สองแม่ลูกกินมันเผากันคนละหัว หลิวเฟินคิดว่าหากจะนำไข่เป็ดเข้าไปขายในเมืองอย่างน้อยต้องมีตะกร้าสักสองใบ จึงออกไปหาก้านต้นอ้อมาจำนวนหนึ่งแล้วนำมาทำเป็ตะกร้าใบน้อย
“ไม่มีเครื่องมือแถมยังไม่ได้แช่น้ำ ใช้ได้ไม่ถึงเดือนก็คงพัง”
หลิวเฟินใช้หินทับตะกร้าสานแล้วเอาไปแช่ในแม่น้ำ ดูๆไปแล้วก็นึกชังฝีมือประดิดประดอยของตนเองอยู่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับคิดว่านั่นคืองานหัตถกรรมจักสานแล้วอย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งร่างเดิมและร่างใหม่ก็ทำของแบบนี้ไม่เป็หรอก!
คืนนี้ สองแม่ลูกจะเป็ ‘โจรขโมยไข่’ เมื่อสานตะกร้ากันเสร็จจึงรีบเข้านอนประตูที่ลงกลอนไม่ได้ก็เอาท่อนไม้มาขัดไว้ก่อน ในบ้านไม่มีเตียงเซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำก้านอ้อที่สะอาดมาปูบนพื้น โชคดีที่ตอนนี้เป็เดือนสิงหามิเช่นนั้นบ้านซ่อมซ่อที่มีรูลมผ่านอยู่ทั่วหลังนี้คงจะทำเอาหนาวสั่นจนเจ็บป่วยได้
ไม่มีนาฬิกาบอกเวลา อีกทั้งในใจก็มีเื่เก็บไว้ เซี่ยเสี่ยวหลานนอนหลับได้ไม่นานก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงดังกรอบแกรบที่แท้เป็เพราะหลิวเฟินได้นำตะกร้าสานขึ้นมาจากแม่น้ำแล้ว
“ลูกนอนอีกสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวแม่ไปหาก่อน”
ต้นอ้อบาดผิวทำเอาแสบไปหมด หากไข่เป็ดไปอยู่ในที่ที่หาเจอง่าย ตรงนั้นจะไม่มีคนไปเก็บได้อย่างไร? งานนี้ถือว่าเหนื่อยเอาเื่ หลิวเฟินไม่อยากให้ลูกสาวลำบากเซี่ยเสี่ยวหลานเดิมทีออกจะถนิมสร้อย ไม่ค่อยทำงานในนาในไร่เท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหัว “เราไปด้วยกันนี่แหละ”
สองคนหาได้ว่องไวอีกทั้งปลอดภัยทั้งคู่ด้วยพวกเธอไม่มีแม้แต่ไฟฉายสักกระบอก จึงได้แต่อาศัยแสงจันทร์ส่องยังดีที่คืนนี้แสงจันทร์สุกสกาวมาก คาดว่าพรุ่งนี้อากาศจะแจ่มใสแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาหิ้วตะกร้าใบน้อยพยายามไปค้นหาในจุดที่ดูร้าง พอเจอกับดงต้นอ้อเข้าพวกเป็ดป่าก็ใบินหนีกว่าจะเจอรังเป็ดสักรังหนึ่ง ทว่าข้างในดันว่างเปล่าเสียได้
ยังไม่ทันจะเจอรังที่มีไข่ก็ดันไปทำสุนัขเฝ้าคอกวัวใเข้า
ตาเฒ่าหวังที่เฝ้าคอกวัวอยู่คนเดียวรับรู้ได้ไวมาก “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!”
แสงจากไฟฉายสาดส่องไปมาอยู่ชั่วครู่หลิวเฟินให้เซี่ยเสี่ยวหลานหลบอยู่ด้านหลัง ตนเองรู้สึกอับอายเอามากๆ
“ลุงจ๊ะ ฉันเอง มาเก็บไข่ไปให้ลูกบำรุงหน่อยน่ะจ้ะ”
“อ้าว คนบ้านต้าจวินเองหรือ?”
ชายชราหวังเห็นสองแม่ลูกที่บนศีรษะเต็มไปด้วยเศษหญ้า
เื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานโดนขับออกจากบ้านนั้นทั้งหมู่บ้านล้วนรู้กันหมดชายแก่ผู้นี้เองก็ไม่ได้เอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานสักเท่าไรต่อให้ไม่มีปัญหาเื่กิริยาท่าทาง เด็กสาวคนนี้ดันไม่เห็นหัวผู้ใหญ่นักปกติแล้วไม่แม้แต่จะทักทายคนอื่น อย่างไรก็ตามหลิวเฟินช่างน่าสงสารผ้าพันแผลบนหน้าผากเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ยังมีเืซึมอยู่เขาครุ่นคิดสักพักจึงเอาไฟฉายในมือส่งให้หลิวเฟิน
“พรุ่งนี้ค่อยคืนฉัน”
หลิวเฟินซาบซึ้งใจเสียจนเบ้าตาเจือสีแดง
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้มีแต่คนใจร้ายไปเสียหมดเธอจึงกล่าวด้วยใจจริง
“ขอบคุณปู่หวังนะจ๊ะ”
ชายชรารู้สึกประหลาดเล็กน้อย เขาชำเลืองมองเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วจูงสุนัขกลับเข้าคอกวัวไปไม่ใส่ใจกับเื่ของสองแม่ลูกอีก
พอมีไฟฉายช่วยอีกแรง รังเป็ดป่าผืนนี้ถือว่าถึงคราวซวยแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาเดินหาไม่กี่ชั่วโมงก็เก็บไข่เป็ดได้ถึงเจ็ดแปดสิบใบ ทั้งสองคนใช้ตะกร้าสานบรรจุไข่ทั้งหมดเอาไว้ตัวหลิวเฟินเองยังคงงุนงงอยู่
นอกเหนือจากไข่เป็ดแล้ว พวกเธอยังพบรังที่มีลูกเป็ดฟักออกมาแล้วด้วย
“พวกเราเลี้ยงมันได้นะ”
ขนบนตัวมันขึ้นเต็มแล้ว หลิวเฟินดีใจอยู่ทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกถึงบ้านที่เก่าจนกันได้แค่คนมาดีแต่ไม่กันคนมาร้าย[1] และส่ายหัว “เลี้ยงจนโตก็ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์อะไรขายไปด้วยเถอะแม่”
หลิวเฟินแอบเสียดาย
แต่ขนาดเื่ปากท้องของตัวเธอและเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีปัญหาเลี้ยงเป็ดป่าสองสามตัวก็ดูจะสะดุดตาไปสักหน่อย
ทั้งสองกลับบ้านและตรวจไข่ทีละใบ รวมกับไข่ 12 ใบที่เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บมาได้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดรวมเป็ไข่ที่ฟักไม่ได้ 82 ใบ ยังไม่ทันรอถึงรุ่งสางเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินก็ออกเดินทางเข้าเมืองด้วยกันสองแม่ลูกไม่ลืมคว้ามันเทศสองหัวมาสำรองเป็อาหารด้วย
ของกินอย่างมันเผาสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานที่กินในมื้อแรกก็คิดว่าสดใหม่และดูเป็เสน่ห์ของชนบทดี
แต่พอกินติดกันสองมื้อแล้วเธอดันรู้สึกไม่พอใจนักยังดีที่ตอนเด็กเธอลำบากมามาก ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังพอยืนหยัดอยู่ได้หากไป๋ฟู่เหม่ยต้องมาใช้ชีวิตเช่นนี้ ไม่ทันพ้นวันแรกก็คงบ้าคลั่งไปแล้ว
มีชีวิตอยู่สิต้องอยู่ในยุคนี้ให้ได้ถึงจะมีสิทธิ์หวังกับชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยความยึดมั่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานรีบก้มหน้าก้มตาเดินทางพอมาถึงตัวเมืองฟ้าจึงเริ่มสาง แม้หมู่บ้านต้าเหอจะยากจน แต่เศรษฐกิจในตัวเมืองชิ่งอัน[2] กลับไม่เลวนักที่นีมีโรงงานค้าเนื้อสัตว์และโรงงานเครื่องจักรการเกษตรเลี้ยงคนงานจำนวนหลายชีวิตวัวที่หมู่บ้านต้าเหอเลี้ยงก็ต้องส่งมาขายให้กับโรงงานค้าเนื้อนี้เช่นกัน
แม้แต่คนงานของโรงงานเนื้อก็พอจะสามารถหาซื้อพวกเนื้อสัตว์ได้ทว่าไข่กลับเป็ของหาซื้อยาก หมู่บ้านที่อยู่ภายใต้ตัวเมืองอันชิ่ง[3] นี้จะเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวเสียมากกว่า ส่วนสัตว์ปีกนั้นค่อนข้างน้อย
“ไปขายที่ไหนกันดี?”
ในอันชิ่งมีโรงงานขนาดใหญ่อยู่สองแห่ง คนงานที่นี่มีเงิน สินค้าตลาดมืดก็หมุนเวียนได้ด้วยสองโรงงานนี้แต่โรงงานเนื้อสัตว์นั้นผลประกอบการดี กระเป๋าเงินของคนงานย่อมหนักกว่าหากวิเคราะห์จากที่หลิวเฟินกล่าวก็ควรเอาไข่ไปขายข้างโรงงานที่นั่น
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเลือกทำตรงกันข้าม
“พวกเราไปวนๆ ดูข้างนอกโรงงานเครื่องจักรเกษตรกันเถอะ”
โรงงานเครื่องจักรเกษตรคนงานเยอะเซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงงานแบบนี้มากกว่า
เมื่อไปถึงโรงงานเครื่องจักรเกษตรแล้วฟ้าก็สว่างพอดีเหล่าคนงานขี่จักรยานเข้างาน เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นข้างทางมีคนถือของชนิดต่างๆมาเช่นกัน ดูแล้วก็รู้ว่าเป็เพื่อนร่วมวงการค้าขาย ดีจริง มีคนถือไก่หิ้วมันเทศสดที่ขุดใหม่ๆ วันนี้เธอไร้คู่แข่งในการขายไข่แล้ว
เพิ่งได้เจอที่ขายของ ก็มีป้าๆ ถือกระเป๋าจ่ายตลาดเข้ามาล้อมรอบ
“ขายไข่ไก่หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดทำท่าทางกลับกลอก “ไข่เป็ดป่าจ้ะ ใหม่ทั้งนั้นเลยนะ ถ้าอยากได้เดี๋ยวฉันขายให้ราคาถูกกว่าไข่ไก่อีกจ้ะ”
ลักษณะไข่เป็ดป่ากับไข่ไก่มันก็คล้ายกันกันนั่นแหละ! ถูกกว่าไข่ไก่แบบนี้มันก็คุ้มค่ากว่าอยู่แล้วรสััจะนุ่มนวลหรือไม่จะสนอะไรเยอะแยะ!
ราคากลางของไข่ไก่อยู่ที่ชั่งละ 1.2 หยวน ทั้งยังต้องจ่ายด้วยตั๋วซื้ออาหาร [4] ส่วนไข่ที่พวกเกษตรกรนำมาขายเองไม่จำเป็ต้องใช้ตั๋วราคาอยู่ที่ชั่งละ 1.5 หยวนเซี่ยเสี่ยวหลานสืบเสาะมาแล้ว ใต้จมูกคนเรามีหนึ่งปาก ทักทายคนอย่างสุภาพสักนิดปากหวานสักหน่อย ไม่มีใครเขาเก็บราคาขายเป็ความลับสุดยอดหรอก
เห็นเหล่าแม่บ้านยืนนิ่งไปไปไหน เห็นชัดว่าสนใจเข้าแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าต้องทำอะไรต่อ
“ถ้าซื้อน้อยกว่า 10 ใบ ฉันขายให้ใบละหนึ่งเหมาสามเฟินจ้ะ[5] ถ้าซื้อ 10 ใบขึ้นไปฉันให้ใบละหนึ่งเหมาสองเฟิน ถ้า 20 ใบขึ้นไป เอาไปใบละหนึ่งเหมาหนึ่งเฟินเลยจ้ะ!”
ราคาขายแบบขั้นบันไดทำเอาเหล่าแม่บ้านงงงวย
มีของถูกขนาดนี้ไม่ซื้อก็โง่แล้วคุณป้าที่เดิมทีจะซื้อแค่เล็กน้อยก็ควักเงินออกมาซื้อไป 21 ใบ อย่าริดูถูกมันสมองในการใช้ชีวิตของเหล่าแม่บ้านเชียวของถูกก็ต้องรีบคว้า ไม่ถือว่าเสียสติจริงๆ สักหน่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานรับเงินมาสองหยวนสามเหมาส่วนหนึ่งเฟินที่ขาดไปก็ลดให้
เธอส่งเงินใส่มือหลิวเฟินที่ยังไม่ทันหายใด้วยซ้ำ คนขายของรอบๆก็หันมามองเซี่ยเสี่ยวหลาน ผู้หญิงคนนี้ดูอรชรอ้อนแอ้น ไม่คาดคิดว่าจะค้าขายได้คล่องแคล่วกระตือรือร้นเช่นนี้
เชิงออรถ
[1]防君子,不妨小人 กันคนมาดีไม่กันคนมาร้าย ในที่นี้หมายถึง บ้านซอมซ่อของเซี่ยเสี่ยวหลานผุพังมากหากคนมาดีเจอเข้า แม้จะเห็นว่าเข้าไปได้ง่ายดาย แต่จะไม่ถือวิสาสะเข้าไปกลับกันถ้าคนมาร้ายพบเข้า คงเข้าไปเลยโดยไม่รีรอ
[2]庆安 ชิ่งอันที่เดียวกับ [3]
[3]安庆 อันชิ่ง ที่เดียวกับ [2]
[4]粮票 ตั๋วซื้ออาหาร คือตั๋วแทนเงินที่รัฐบาลออกให้ประชาชนใช้ซื้ออาหารเลี้ยงชีพใน่ยุค 50 ถึงต้นยุค 90 เนื่องจากประเทศจีนประสบปัญหาภาวะขาดแคลนอย่างหนัก
[5]毛เหมา คือหน่อยเงินย่อยรองจากหยวน 10 เหมามีค่าเท่ากับ 1 หยวน
分เฟิน คือหน่วยเงินย่อยรองจากเหมา 10 เฟินมีค่าเท่ากับ 1 เหมา