หมี่หลันเยว่ให้เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยหยุดงาน ทั้งสองคนอยากอยู่ช่วยหลันเยว่ แต่หลันเยว่ยืนกรานไม่ยอม เพราะใกล้ตรุษจีนแล้ว ทั้งสองคนช่วยเธอมาตลอดครึ่งปี แม้จะได้เงินเดือน แต่ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย
"พี่หย่งจิ้น พี่เผิงเฟย นี่มันวันสำคัญนะคะ ฉันจะให้กลับไปก่อนไม่ดีเหรอคะ ยังไงก็ต้องช่วยงานบ้านบ้างสิคะ ไม่งั้นละก็ ป้าต้องโกรธฉันแน่ๆ จะต้องว่าหมี่หลันเยว่นี่มันจอมรีดเืเนื้อชัดๆ นี่มันจะตรุษจีนแล้ว ยังไม่ยอมปล่อยลูกชายพวกเขากลับบ้านอีก จะให้ตื่นั้แ่ไก่โห่มาทำงานรึไงกัน"
หมี่หลันเยว่บีบจมูกทำเสียงประหลาดๆ จนเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยหัวเราะออกมา
"หมี่หลันเยว่ ถ้าเธอกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ฉันอีกรอบนะ ฉันจะให้ซองแดงปึกใหญ่เลย"
หลินเผิงเฟยขู่หลันเยว่ แต่หลันเยว่ไม่หลงกลหรอก
"ฉันไม่ได้โง่นะ จะทำเื่โง่ๆ แบบนั้นทำไม อีกอย่างถึงพวกพี่กลับไปฟ้องป้า ป้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าฉันพูด"
ก็แน่ล่ะ หมี่หลันเยว่ปกติเป็เด็กดีเกินไป พวกป้าๆ ไม่มีทางสงสัยเธอได้หรอก
"หมี่หลันเยว่ เธอนี่ร้ายจริงๆ"
เฉียนหย่งจิ้นเอื้อมมือจะจิ้มจมูกหลันเยว่ แต่หลันเยว่หลบได้สบายๆ แล้วไล่เขาเสียงดัง
"ให้หยุดแล้วยังไม่รีบกลับบ้านกันอีกเหรอคะ ถ้ามัวแต่อืดอาด อย่ามาหาว่าฉันไม่ให้หยุดนะ"
"เอาน่าๆ พวกนายสองคนรีบกลับไปเถอะ ของตัวอย่างเหลือแค่นี้เอง ไม่ต้องใช้คนเยอะขนาดนั้นหรอก มีฉันอยู่เป็เพื่อนหลัวเยว่ที่นี่ พวกนายรีบกลับไปเถอะ จำไว้ด้วยล่ะ ต้องเอาเงินเดือนกับอั่งเปาให้ที่บ้านนะ ถึงเขาจะไม่เอาก็เื่ของเขา ห้ามเก็บไว้เองเด็ดขาด"
หมี่หลันหยางคอยกำชับทั้งสองคน ไม่ว่าจะได้เงินที่โรงงานเท่าไหร่ ต้องให้ที่บ้านรู้หมด ไม่ใช่จะอวดว่าหมี่หลันเยว่ให้เงินเดือนและสวัสดิการดีแค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้พวกเขาเอาเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เด็กหนุ่มวัยสิบสามสิบสี่หลายคนเริ่มแอบสูบบุหรี่ดื่มเหล้าแล้ว นิสัยไม่ดีพวกนี้ห้ามให้พวกเขาแตะต้องเด็ดขาด
"รู้แล้วน่า หลันหยาง นายบ่นจนหูฉันจะเน่าแล้ว"
เฉียนหย่งจิ้นทำท่าควักหู หมี่หลันหยางยกมือฟาดหลังเขาเต็มแรง เฉียนหย่งจิ้นร้องเสียงหลงแล้ววิ่งออกไป หลินเผิงเฟยก็วิ่งตามเขาออกไป
"แบบนี้ค่อยสงบหูสบายตาหน่อย"
หมี่หลันเยว่มองดูของในร้านที่เหลือไม่ถึงครึ่ง คิดว่าจะทำยังไงให้มันดูดีกว่านี้ ส่วนหมี่หลันหยางก็เริ่มลงมือแล้ว
"พี่คะ พี่ไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง นี่ฉันก็กำลังจะทำอยู่พอดีไงคะ”
หมี่หลันเยว่รีบห้ามพี่ชาย การขนส่งสินค้า่นี้ ทำให้พี่ชายเหนื่อยสายตัวแทบขาด เื่อะไรๆ ก็ต้องรีบไปทำก่อนคนอื่น จนเป็ตัวอย่างที่ดีของพนักงานไปหมดแล้ว เขากลัวว่าจะทำงานน้อยไป
"ไม่เป็ไร เราสองคนช่วยกัน จะได้เสร็จเร็วๆ จัดของตรงนี้ใหม่เสร็จ พี่ก็จะพักแล้ว"
หมี่หลันหยางจัดของตัวอย่างเก่งมาก การออกแบบตัวอย่างหน้าร้าน ส่วนใหญ่เป็ฝีมือของหมี่หลันหยางทั้งนั้น ดังนั้น พอหมี่หลันเยว่เห็นพี่ชายจัดของตัวอย่างได้คล่องแคล่วภายในไม่กี่ที เธอก็รู้สึกหงุดหงิด
"พี่คะ ถ้าไม่มีพี่ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย"
หมี่หลันเยว่กอด และเอาหัวซบไหล่พี่ชาย การที่น้องสาวออดอ้อนแบบนี้ หมี่หลันหยางไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ ดังนั้น ในใจเขาก็รู้สึกทั้งขม ทั้งหวาน ขมเพราะน้องสาวต้องลำบากั้แ่ยังเล็ก แต่ก็หวานเพราะเขามีน้องสาวที่เก่งขนาดนี้ น่าภูมิใจจริงๆ
"ไม่มีฉัน เธอก็ต้องได้ดีอยู่ดี น้องสาวฉันเก่งขนาดนี้ ต่อให้ขาดใครไป เธอก็ยังเปล่งประกายได้อยู่ดี"
หมี่หลันหยางเป็คนทำตัวเป็ผู้ใหญ่มาั้แ่เด็ก พอจู่ๆ ก็พูดอะไรซึ้งๆ แบบนี้ออกมา หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน นี่ก็อีกตรุษจีนแล้ว ชีวิตไม่มีวันหยุดนิ่งจริงๆ
"ไหนๆ ตรงนี้ก็จัดเสร็จแล้ว พี่กลับบ้านเถอะ ที่บ้านก็มีงานให้ทำไม่น้อย พี่กลับไปพักผ่อน แล้วช่วยงานบ้านบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยพ่อแม่ดูร้านก็ยังดี จะได้ไม่ยุ่งกันจนเกินไป งานที่ต้องเตรียมก่อนตรุษจีนก็เยอะเหมือนกันนะ"
ถ้าหมี่หลันเยว่แค่บอกให้พี่ชายกลับไปพัก หมี่หลันหยางไม่มีทางกลับไปเอง เขาจะต้องอยู่ที่นี่เป็เพื่อนเธอแน่ๆ แต่พอน้องสาวบอกให้เขากลับไปช่วยพ่อแม่เตรียมงานก่อนตรุษจีน เขาก็ทำได้แค่ยอมกลับไปแต่โดยดี และกำชับให้น้องสาวระวังตัว ให้กลับบ้านเร็วๆ หมี่หลันหยางถึงจะวางใจกลับบ้านไปได้
หมี่หลันเยว่อยู่ร้านคนเดียว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงา แม้วันนี้จะเป็วันที่ 29 แล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าหลายคนเข้ามาดูเสื้อผ้าในร้าน ดูเหมือนว่าลูกค้าหลายคนไม่ได้หยุดงานใน่วันสิ้นปี ก็เลยพลาดโอกาสซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่่ตรุษจีนไป นี่เป็โอกาสสุดท้ายที่พวกเขาต้องรีบหาเวลามาซื้อ
ไม่คิดเลยว่า ใน่บ่ายของวันที่ 29 หมี่หลันเยว่จะยุ่งขึ้นมาจริงๆ เธอวุ่นกับการให้ลูกค้าลองเสื้อผ้าไปๆ มาๆ ของตัวอย่างในร้านก็ถูกซื้อออกไปอีกครึ่ง หมี่หลันเยว่รู้สึกภูมิใจมาก เธอจินตนาการว่า ถ้าในร้านของเธอ สามารถขายเสื้อผ้าตัวอย่างออกไปได้หมดก่อนที่จะปิดร้านในวันที่ 30 มันคงเป็เื่ที่เจ๋งสุดๆ ไปเลย
แต่จินตนาการก็คือจินตนาการ เื่แบบนี้จะเป็จริงได้เหรอ คำตอบก็คือ เป็ไปไม่ได้แน่นอน วันที่ 29 ขายของตัวอย่างที่ขายไม่ค่อยออกไปได้ก็จริง แต่พอถึงวันที่ 30 ในร้านแทบจะไม่มีคนเลย หมี่หลันเยว่ถือโอกาสใน่ที่ว่างๆ เอาสมุดวาดแบบออกมาเริ่มวาดรูป
"พี่ฮะ กระเป๋าเสื้อตัวนี้มันน่าเกลียดจัง ถ้าทำเป็แบบโค้งๆ จะสวยกว่านะ"
หมี่หลันเยว่เพิ่งจะกางสมุดออกมา เสียงของหมี่หลันซิงก็ดังขึ้น หมี่หลันเยว่ต้องรีบเอาใจเ้าตัวแสบคนนี้ เธอไม่มีทางเลือก เพราะั้แ่เช้า เขาก็ยืนกรานจะตามมาด้วย ห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่
"นายเล่นไปก่อนนะ หลันซิง พี่จะวาดรูปทำงานก่อน พอพี่วาดเสร็จแล้วค่อยเล่นด้วยกันนะ"
ในหัวของหมี่หลันเยว่กำลังมีความคิดแบบร่างใหม่อยู่พอดี เธอพูดไปแบบนั้น ก็ไม่ได้ยินเสียงโวยวายของหลันซิงอีก เธอเลยตั้งใจจดจ่ออยู่กับสมุดภาพ พอคนเราตั้งใจทำอะไรแล้ว อิทธิพลจากภายนอกก็จะน้อยลง
พอวาดเสร็จเป็เส้นสุดท้าย หมี่หลันเยว่ก็มองดูอีกครั้งแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ เธอยกมือขึ้นบิดคอไปมา มองไปรอบๆ ร้าน แล้วนึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้ตัวเองพาน้องชายมาดูร้านนี่นา ทำไมพอวาดแบบแล้วถึงได้ลืมน้องกับลืมร้านไปได้ล่ะเนี่ย
เธอรีบเดินวนไปวนมา มองหาหลันซิง เห็นหลันซิงยกเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงประตูอย่างเรียบร้อย ทำให้หมี่หลันเยว่ประหลาดใจมาก น้องชายของเธอ ตอนอยู่ที่บ้านเหมือนเป็โรคอยู่ไม่นิ่ง ไม่มีตอนไหนที่อยู่นิ่งๆ ได้เลย ดังนั้น หมี่หลันเยว่ถึงไม่เคยพาเขามาที่ร้าน เพราะกลัวว่าเขาจะอาละวาดขึ้นมาแล้วจะไม่มีใครเอาอยู่
"หลันซิง ทำอะไรอยู่เหรอ"
หมี่หลันเยว่รู้สึกผิดที่ลืมน้องชายไป น้องชายยังเด็กอยู่ ผ่านปีนี้ไปก็เพิ่งจะเก้าขวบ เธอเป็พี่สาวที่ไม่เอาไหนเลย
"พี่สาววาดรูปเสร็จแล้วเหรอ ดูสิ ผมเรียบร้อยไหม"
พอได้ยินพี่สาวเรียกตัวเอง หมี่หลันซิงก็ะโลงมาจากเก้าอี้ ทำให้หมี่หลันเยว่ใแทบแย่ โชคดีที่ไม่ล้ม หลันซิงวิ่งไปหาพี่สาวอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกมาเหมือนจะขอรางวัล
"ผมกำลังรอให้ลูกค้าเข้าร้านมาไงฮะ ดูสิ นี่เงินที่ผมขายของได้"
พอเห็นเงินที่อยู่ในมือของหลันซิง หมี่หลันเยว่ก็อึ้งไปเลย เธอรู้ว่าในอนาคต น้องชายมีหัวการค้า แต่ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนเขาเท่าไหร่ ก็เลยทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ พอเป็พิธี แล้วก็ไปทำงานประจำ
หมี่หลันเยว่ไม่คิดเลยว่า ตอนที่น้องชายยังเล็กขนาดนี้ ก็มีหัวทางด้านธุรกิจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เธอสอนเขาได้ใช่ไหมนะ... ในชาติก่อนน้องชายเรียนไม่ค่อยสูง ก็เลยได้งานที่ไม่ค่อยดี ต้องทำงานหนัก แต่เงินเดือนก็น้อยนิด หมี่หลันเยว่สงสารเขามาก
"หลันซิง นี่ขายเสื้อผ้าไปกี่ตัวแล้วเนี่ย?"
หมี่หลันเยว่ไม่รู้ว่าน้องชายขายเสื้อผ้าไปได้ยังไง ขายได้กำไรหรือขาดทุน เธอกำลังคิดว่า ไม่ว่าน้องชายจะขายได้ดีหรือไม่ดี ก็จะต้องชมเขาสักหน่อย ให้เขามั่นใจในการเดินบนเส้นทางธุรกิจ จะได้ไม่ต้องทนลำบากทำงานประจำที่เงินเดือนน้อยๆ แบบนั้น
"ผมขายไปสองชุดครับ นี่ไง ชุดที่แขวนอยู่ตรงนี้ แล้วก็ชุดที่แขวนอยู่ตรงนั้น"
หมี่หลันซิงชี้ไปยังที่ที่เคยแขวนเสื้อผ้าอย่างชัดเจน แล้วเล่าให้พี่สาวฟัง
"ในป้ายราคามีราคาบอกไว้ ผมก็ขายตามราคาที่บอกไว้ แค่ใบเสร็จที่ผมเขียน ผมเขียนไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า"
หมี่หลันซิงเอาใบเสร็จที่เก็บไว้มาให้พี่สาวดูด้วย พอเห็นลายมือที่ยังไม่ประสีประสาของน้องชาย เขียนตามรูปแบบข้างบนได้ชัดเจนโดยไม่มีอะไรผิดพลาด ใบรายการที่ให้ลูกค้าก็ถูกต้อง หมี่หลันเยว่อดไม่ได้ที่จะดึงน้องชายเข้ามากอด แล้วหอมแก้มเขาเต็มแรง หลันซิง เก่งมาก
"กลับบ้านกันเถอะหลันซิง เรากลับไปฉลองตรุษจีนกันนะ"
พอมองดูนาฬิกาแขวนบนผนัง ก็เที่ยงวันแล้ว หมี่หลันเยว่ลงมือเก็บของตัวอย่างทั้งหมด ใส่ถุง แล้วจะพาน้องชายกลับบ้าน
พอเห็นหลันซิงเดินตรวจดูในร้านอย่างละเอียดอีกรอบ ตรวจดูหน้าต่าง เตา อะไรพวกนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอประเมินน้องชายต่ำไป คิดว่าน้องชายยังเป็แค่เด็กที่ไม่ค่อยรู้เื่ เอาแต่เล่นซน แต่ในตอนนี้ แต่วันนี้หมี่หลันเยว่ได้เห็นหมี่หลันซิงที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เขามีความรับผิดชอบขนาดนี้ แล้วจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก หมี่หลันเยว่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันที เกี่ยวกับการปั้นน้องชายให้กลายเป็มหาเศรษฐีนักธุรกิจคนใหม่
"ไปกันเถอะพี่สาว ไม่มีอะไรแล้ว"
พอกลับมาถึงบ้าน เห็นว่าที่บ้านเตรียมของที่ต้องเตรียมไว้เกือบหมดแล้ว แม่กำลังสับไส้เกี๊ยว หมี่หลันเยว่รีบเข้าไปช่วย
"ไม่ต้องเลย ลูกยังเด็กเกินไป ระวังจะบาดมือ"
หมี่หลันเยว่อยากช่วยทำงานอื่นอีก แต่ที่ไหนมีคนกำลังทำอยู่แล้ว ส่วนงานอื่นๆ ก็ทำเสร็จหมดแล้ว เป็วันที่น่าสบายจริงๆ หมี่หลันเยว่รู้สึกผ่อนคลายมาก พอตกเย็น ทั้งครอบครัวนั่งดูทีวีสี กินเกี๊ยว ฟังเสียงประทัดที่ดังสนั่นข้างนอก หมี่หลันเยว่หลับตาลง ยิ้มจนมุมปากยกขึ้น
อีกปีหนึ่งหลังจากที่เธอได้เกิดใหม่ ก็เปิดฉากขึ้นในเสียงประทัดของคืนส่งท้ายปีเก่า ในงานเลี้ยงเกี๊ยวที่ไส้เยอะแป้งบาง ในตอนที่หมี่หลันเยว่รู้สึกง่วงๆ ก็ได้ก้าวเข้าสู่่เวลาของวันตรุษจีน หมี่หลันเยว่เห็นน้องชายกำหมัดเล็กๆ มาอวยพรตรุษจีนให้ตัวเอง ก็รีบยัดอั่งเปาปึกใหญ่ให้น้องชาย
