“โลกมายา!” เย่เฟิงนิ่งงันไปชั่วขณะ ลวดลายที่ชายชราสร้างขึ้นก็คือโลกมายา ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
ทันใดนั้นอำนาจแห่งฟ้าดินมากัน ก่อนจะกลายเป็แรงโน้มถ่วงเข้ากดทับเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงรู้สึกตัวหนักอึ้ง เพียงแค่จะก้าวออกไป กลับทำได้ยากลำบากและผลาญพลังงานไปมาก
“โฮก!” นาทีต่อมามีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้น มันดูกระหายเื คล้ายเขมือบกินได้ทุกสิ่งอย่าง จากนั้นมีสัตว์อสูรสี่ตนเข้าปิดล้อมเย่เฟิง และล้วนแต่อยู่จุดสูงสุดของระดับเก้า เทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา และพลังโจมตีของพวกมันก็ไม่ด้อยไปกว่าของมนุษย์
“วูบ!” อุ้งเท้าของปีศาจหมีเข้าตะปบร่างเย่เฟิง ซึ่งการโจมตีของสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไปอัดแน่นไปด้วยอำนาจฟ้าดิน ทำให้การโจมตีของสัตว์อสูรตนนี้น่าสะพรึงกลัวขึ้นหลายส่วน
เย่เฟิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกและอำนาจฟ้าดินออกไป และพลังก็ไม่ด้อยไปกว่าอำนาจฟ้าดินที่แฝงอยู่ในการโจมตีของปีศาจหมีตนนั้น ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ปีศาจหมีถูกฝ่ามือของเย่เฟิงซัดกระเด็นถอยหลังพร้อมอ้าปากส่งเสียงคำราม
“ตายซะเถอะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมแทงหอกัเงินประกายออกไป ซึ่งอัดแน่นไปด้วยอำนาจหอกขั้นผันแปรราวกับทะลวงทุกสิ่ง พลังรังสีหอกทะลวงศีรษะของปีศาจหมี ก่อนร่างใหญ่ั์จะล้มลงไป
แต่ตอนนั้นเองสัตว์อสูรเสือขาวพุ่งเข้าใส่เย่เฟิงพร้อมแยกเขี้ยวหมายเขมือบร่างเย่เฟิง เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ก่อนมีรังสีหอกแทงออกไปอีกครั้ง พลันกลายเป็ลำแสง ทะลวงร่างสัตว์อสูรเสือขาว เืสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ
รอบกายเย่เฟิงเต็มไปด้วยรังสีหอกอันน่าสะพรึงกลัว พร้อมทำลายทุกสิ่ง ก่อนจะเข้าปกคลุมสัตว์อสูรอีกสองตน สัตว์อสูรสองตนนั้นแผดเสียงคำรามดังกึกก้อง ไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้นจากพันธนาการของรังสีหอกอันมหาศาลได้ จากนั้นรังสีหอกเชือดเฉือนร่างกายของพวกมัน
สัตว์อสูรทั้งสี่ตนถูกฆ่าตายในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ จากนั้นโลกมายาหายไป ก่อนโลกแห่งความจริงจะปรากฏ เย่เฟิงยังแอบเลื่อมใสชายชราที่สร้างค่ายกลได้อย่างน่ามหัศจรรย์มาก
“ผู้าุโ นี่ถือว่าฝ่าค่ายกลสำเร็จหรือไม่?” เย่เฟิงเอ่ยถามชายชรา ชายชราที่กำลังหลับตานอน พอได้ยินเสียงเย่เฟิงก็ต้องลืมตาขึ้นฉับพลันแล้วหันไปมองเย่เฟิงด้วยความประหลาดใจ
“อืม” ชายชราผงกศีรษะขึ้นลงโดยพูดน้อยคำ แต่ในใจกลับผันผวนไม่สงบนิ่ง
“ไปเถิด เลือกคัมภีร์ได้สองเล่มจากชั้นที่สอง แต่ห้ามเกินหนึ่งชั่วยาม” ชายชรากล่าว
“ขอบคุณผู้าุโ!” เย่เฟิงโค้งคำนับชายชรา จากนั้นเดินไปยังชั้นที่สอง
“อยู่ภายใต้แรงกดดันของอำนาจฟ้าดิน แต่สังหารสัตว์อสูรระดับเก้าทั้งสี่ตนได้ในเวลาสั้น ๆ เด็กคนนี้ร้ายกาจมาก” ชายชราพึมพำในใจขณะมองแผ่นหลังของเย่เฟิง
หาก้าฝ่าค่ายกลที่เขาสร้างขึ้น โอกาสผ่านมีความเป็ไปได้น้อยมาก เวลาหนึ่งก้านธูปก็ไม่เพียงพอ และคนส่วนใหญ่ก็มีน้อยคนที่จะผ่าน ส่วนค่ายกลที่เขาสร้างขึ้นเมื่อครู่นี้คือจงใจให้เย่เฟิงยอมแพ้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบกับอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดเข้าเสียแล้ว ฝ่าค่ายกลของเขาในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป หากตาเฒ่าเ่าั้รู้เื่นี้ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
เย่เฟิงขึ้นไปยังชั้นที่สอง ชั้นนี้มีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งยังมีผู้คนอยู่มากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่
“หือ?” ทันทีที่เย่เฟิงมาถึงก็ดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย เมื่อพวกเขาเห็นระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงก็ต้องเผยสีหน้าประหลาดใจ
“สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ทำไมขึ้นมาที่ชั้นสองได้?” มีคนหนึ่งเรียกเย่เฟิงว่าสวะตรง ๆ ในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่เหล่านี้ เย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ไม่นับเป็สิ่งใด
“เฒ่าจิงคงไม่ได้สังเกตเห็น สวะนี่ก็เลยขึ้นมาได้” มีผู้ฝึกยุทธ์กล่าวเสริม
เย่เฟิงกวาดตามองคนเหล่านี้ด้วยแววตาเย็นเยียบ พร้อมกล่าวขึ้น “ที่ข้าขึ้นมายังชั้นสองได้ก็ย่อมมีเหตุผล เฒ่าจิงเป็คนอนุญาตเอง แล้วพวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ข้า? เห็นตัวเองมีระดับการบ่มเพาะสูงก็เอาแต่ดูถูกคนอื่นว่าเป็สวะ หรือพวกเ้าใช้วิธีนี้เพื่อปกปิดความต่ำทรามของพวกเ้า?” ในขณะที่กล่าว เย่เฟิงก็เดินไปยังด้านหน้าชั้นวางหนังสือโดยไม่สนใจคนเ่าั้ ก่อนจะเริ่มหยิบคัมภีร์ทักษะบนชั้นขึ้นมาดู
“ช่างเป็คนที่โอหังยิ่งนัก!” ทุกคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเพราะคำพูดของเย่เฟิง พลางแววตาเผยประกายเย็นเยียบ
“ในเมื่อเ้าขึ้นมาได้ ดูท่าข้าจะประเมินพลังของคนชั้นต่ำนี่มากไป”
เย่เฟิงที่เพิ่งหยิบคัมภีร์อ่านก็ได้ยินเสียงเ็าดังมาจากข้าง ๆ จากนั้นเขาหันไปมอง ก่อนจะเห็นชายรูปงามและสหายขั้นรวมชี่ของเขาที่เจอก่อนหน้านี้ และพวกเขากำลังมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน
“มันเื่ของข้าไม่เกี่ยวกับเ้า ข้าก็แค่พูดว่าคนบางคนชอบทำตัวโอหัง คิดว่าตัวเองสูงส่ง แต่ในสายตาข้าก็เป็ได้แค่ตัวตลก” เย่เฟิงกล่าวด้วยสายตาเย็นเยียบ
ชายรูปงามผู้นั้นได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็หน้าถอดสี ก่อนจะได้ยินชายหนุ่มขั้นรวมชี่ที่อยู่ข้าง ๆ เขาตะคอกใส่เย่เฟิงว่า “เหิมเกริม จ้าวเฉินอ๋องเล็กมีฐานะสูงศักดิ์ ไม่ใช่คนชั้นต่ำอย่างเ้าจะมาดูิ่ได้”
ในขณะเดียวกันผู้คนก็หันมามองทางด้านนี้ด้วยความสนใจ และพบว่ากำลังมีชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 กำลังมีเื่กับอ๋องเล็ก
“หมอนี่ใจกล้ามาก กล้ายั่วยุจ้าวเฉินอ๋องเล็ก รนหาที่ตายชัด ๆ!” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม
“จ้าวเฉินมีฐานะสูงศักดิ์ บุตรแห่งเซิ่งอ๋อง ลูกหลานสายตรงแห่งราชวงศ์ ทั้งยังเป็อัจฉริยะมากพร์ อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาและปลุกิญญาาจิ้งจอกขาว บัดนี้อยู่อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ลือกันว่าเขาแข็งแกร่งมากจนเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ได้ง่าย ๆ แม้แต่จงเทาที่อยู่อันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ยังติดตามอยู่ข้างกาย แล้วในสำนักยุทธ์จะมีคนที่สองได้อย่างไร?” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ราวกับเขารู้เื่ของจ้าวเฉินอ๋องเล็ก ขณะพูด แววตาก็ยังเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสศรัทธา คนอื่น ๆ พากันพยักหน้า แม้พวกเขาจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ แต่สายตาที่มองชายรูปงามผู้นั้นกลับแฝงด้วยความหวาดกลัว
“บุตรแห่งเซิ่งอ๋อง จ้าวเฉินอ๋องเล็ก?” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มิน่าชายรูปงามผู้นี้ถึงทำตัวยโสโอหัง ไม่ว่าใครก็เคารพนับถือเขา รวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่
“ฐานะและตำแหน่งสามารถเปลี่ยนแปลงกฎได้” เย่เฟิงนึกถึงคำพูดพวกนั้นของเฒ่าจิง ด้วยฐานะที่สูงศักดิ์เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าที่สำนักยุทธ์จะเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อเขา ยกเว้นโดยการให้จ้าวเฉินเลือกคัมภีร์ทักษะของชั้นที่สองในหอวิชา
เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองจ้าวเฉินด้วยสายตาเย็นเยียบเช่นเดิม การล่มสลายของตระกูลเย่เขาเกี่ยวข้องกับเซิ่งอ๋อง หรือกล่าวได้ว่าเซิ่งอ๋องคือศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเย่ บัดนี้เย่เฟิงยังพบเจอบุตรชายของเซิ่งอ๋องที่สำนักยุทธ์ แล้วเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร
“ถูกต้อง ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเ้าก็คือจ้าวเฉินบุตรแห่งเซิ่งอ๋องคนปัจจุบัน เ้าไม่เคารพอ๋องเล็ก ทั้งยังล่วงเกิน เ้าว่าข้าควรจัดการเ้าอย่างไรดี?” จงเทาที่อยู่ข้าง ๆ จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น พร้อมปล่อยพลังขั้นรวมชี่เข้ากดดันเย่เฟิง
“จัดการข้า? เ้ามีสิทธิ์อะไร?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองจ้าวเฉินไม่วางตา โดยที่ไม่สนใจคำพูดของจงเทาแม้แต่น้อย
“ถึงเ้าจะมีฐานะไม่ธรรมดา แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของสำนักยุทธ์ อย่าสำคัญตัวเองมากเกินไป ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร ถ้าอยากให้ข้ายอมศิโรราบก็ต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อน ในทางตรงกันข้ามหากเ้าอ่อนแอก็อย่าโอ้อวดกำลัง!” เย่เฟิงกล่าวเสียงแข็งกร้าวพลางสองมือไพล่หลัง สีหน้าก็ยังคงเรียบนิ่ง แม้จะเผชิญหน้ากับจ้าวเฉินอ๋องเล็กที่ผู้คนเคารพนับถือ แต่เย่เฟิงก็ไม่มีทางก้มหัวให้ง่าย ๆ
“ดี ดีมาก!” ดวงตาของจ้าวเฉินฉายแววสนใจ ไม่ว่าจะเป็สำนักยุทธ์เทียนเสวียนหรือเมืองหลวง นี่ก็เป็ครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขา
“คนชั้นต่ำอย่างเ้าดูเหมือนจะมั่นใจในพลังของตนมาก ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะมีน้ำยาสักแค่ไหนกันเชียวถึงกล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า? อีกเดี๋ยวพวกเราไปเจอกันที่ข้างนอกหอวิชา คิดว่าไง?” จ้าวเฉินกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายแสงอันชั่วร้าย คนทั้งคนราวกับกลายเป็จิ้งจอกขาวที่สามารถทำให้จิตใจของผู้อื่นเกิดความสับสนได้ ซึ่งิญญาานั้นเปลี่ยนลักษณะของคนได้ ประโยคที่กล่าวมาจึงเป็ความจริง หากมีผู้หญิงคนใดปลุกิญญาาประเภทเดียวกับจ้าวเฉินได้ เช่นนั้นนางคงต้องเป็ผู้หญิงที่นำมาซึ่งหายนะ
“ยินดีสนองความ้า!” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นเดินผ่านอีกฝ่ายไปโดยไม่รอให้จ้าวเฉินพูดอะไร ก่อนจะไปเลือกคัมภีร์ทักษะที่เหมาะกับตัวเองต่อ
“สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 คนนี้ช่างโอหังยิ่งนัก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่จ้าวเฉินก็ยังกล้ายั่วยุ เกรงว่าอีกเดี๋ยวเขาคงได้ตายแบบไม่รู้ตัว” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน แม้แต่พวกเขาที่อยู่ขั้นรวมชี่ก็ยังเคารพนับถือจ้าวเฉิน แล้วนับประสาอะไรกับสวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 คนหนึ่ง
“อ๋องเล็กแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่หลายคนต้องพ่ายแพ้ให้กับอ๋องเล็ก แม้แต่ข้าก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้หรือไม่ สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 นั่น เกรงว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของอ๋องเล็กก็รับไม่ได้” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 กล่าว แม้เขาไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะจ้าวเฉิน แต่ก็ไม่รู้ว่าพลังของจ้าวเฉินแข็งแกร่งมากเพียงใด แล้วเย่เฟิงเล่าจะยืนหยัดได้กี่กระบวนท่าของจ้าวเฉิน?
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แต่เย่เฟิงไม่สนใจ ตอนนี้เขากำลังเลือกคัมภีร์ทักษะ ครู่ต่อมามีทักษะบ่มเพาะกายาหนึ่งเล่มและทักษะอีกเล่มอยู่ในมือเขา
“ทักษะหอกปลิดชีวี!”
“คัมภีร์หล่อกายาเทพา!” ขณะมองทักษะทั้งสองเล่มที่เลือกมา เย่เฟิงก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
ทักษะหอกปลิดชีวีเป็เคล็ดวิชาระดับสูงขั้นเหลือง มีทั้งหมดสามกระบวนท่า เมื่อฝึกสำเร็จก็จะปลิดชีวิตของศัตรูได้ในสามกระบวนท่า แม้ระดับจะไม่สูงเท่าไร แต่ก็เหมาะสมกับเย่เฟิง เมื่อผสานกับเคล็ดวิชาหอกเงินประกาย จะทำให้เย่เฟิงก้าวหน้าไม่น้อย
คัมภีร์หล่อกายาเทพาเป็คัมภีร์ที่เย่เฟิงเจออยู่มุมหนึ่งในชั้นวางหนังสือ มันมีสภาพที่เก่ามากน่าจะไม่มีใครแตะต้องทักษะเล่มนี้มานานแล้ว
ทุกคนต่างทราบกันดีว่า ทักษะบ่มเพาะกายาฝึกได้ยากมาก ในระหว่างการฝึกจะต้องทนกับความเ็ป ทั้งยังเป็การทดสอบร่างกายและจิตใจของผู้ฝึก หากยืนหยัดไม่ได้ ธาตุไฟอาจเข้าแทรก หรือไม่ก็เส้นลมปราณเสียหายจนสูญเสียวรยุทธ์ไป
ดังนั้นแม้ทักษะบ่มเพาะกายาจะทรงพลัง แต่หากฝึกสำเร็จก็จะมีร่างกายสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก และปัจจุบันที่ทวีปหลิงเทียนมีไม่กี่คนที่ฝึกทักษะประเภทนี้สำเร็จ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้