ในป่ามืดมิดไม่มีเสียงตอบกลับ
แต่เกาทัณฑ์ชุดใหม่ระดมยิงเข้ามาอีกรอบ
เหลียนเซวียนควบคุมอาชาเคลื่อนไปซ้ายไปขวา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีคนชุดดำรวมตัวกันเป็กลุ่มใหญ่ ล้อมเข้ามาเป็วงกลม
ดวงเนตรเยือกเย็นกวาดมอง เฟ้นหาตำแหน่งดีที่สุดสำหรับการฝ่าวงล้อม แล้วซัดลูกดอกซัวเปียวพุ่งตรงไปด้านหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่กล้าเปล่งเสียง รู้ว่าเขาไม่ได้พกพาอาวุธ จึงค้นหาลูกดอกซัวเปียวที่เหลือจากกระเป๋าออกมา
เหลียนเซวียนรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ หลุบตามองดวงหน้าเล็กจ้อยเกลี้ยงเกลาดุจหยก ในอกพลันเกิดคลื่นลมซัดสาด
เขาจะไม่ให้นางเกิดเื่เป็อันขาด
เหลียนเซวียนรับลูกดอกมา ตะบึงอาชามุ่งไปยังมุมมืดในป่า
ตรงจุดนั้นมีคนชุดดำอยู่น้อยที่สุด เ้าคนทรยศเหลิ่งอีก็ซุ่มอยู่ในที่ลับ
อาชาทะยานออกไปราวกับสายฟ้าแลบมุ่งไปยังชายป่าด้านหนึ่ง
"ฟิ้วๆๆ" เกาทัณฑ์นับไม่ถ้วนยังคงยิงไล่หลังพวกเขามา
เหลียนเซวียนสะบัดแขนเสื้อหลวมกว้างปัดเกาทัณฑ์เ่าั้ร่วงกราวลงไป
แต่อาชาสีเปลือกพุทรากลับร้องโหยหวนเสียงลั่น ร่างโงนเงนแทบจะล้มกับพื้น
เห็นได้ชัดว่ามันถูกยิงเข้าแล้ว
เหลียนเซวียนคิ้วขมวด มือซ้ายโอบเซวียเสี่ยวหรั่นแล้วะโลงมา ทั้งสองไม่เข้าไปในป่า
ทันทีที่เท้าแตะพื้น ก็ซัดลูกดอกซัวเปียวในมือขวาออกไปอย่างรวดเร็ว
ลูกดอกซัวเปียวขนาดเล็กพุ่งไปยังมุมหนึ่งในที่มืด
"อ๊าก" เสียงเสียบเข้าเนื้อดังขึ้น มุมปากของเหลียนเซวียนเผยแววยิ้มเยาะหยัน
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่สนใจว่าจะถูกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงจนเวียนหัว ไม่แม้กระทั่งจะหันไปมองอาชาแดงที่ได้รับาเ็ตัวนั้น เธอทำได้เพียงแค่โอบเอวของเหลียนเซวียนไว้อย่างแ่า ไม่อยากสร้างปัญหาให้เขา
คนชุดดำจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมกรอบ แล้วเหวี่ยงมีดบุกโจมตีพร้อมกัน
เหลียนเซวียนเตะออกข้าง ท่อนขายาวพร้อมกับกำลังดุดันเตะจนมีดยาวในมือของคนชุดดำหลุดกระเด็นไป
ก่อนหมุนตัวหลบกระบี่ที่จ้วงแทงเข้ามา
มือขวาบีบข้อมือของคนชุดดำปานสายฟ้าแลบ แล้วดึงข้อมือพลิกกลับ ฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากกระบี่ในมือคนผู้นั้น ต้านดาบจากคนชุดดำอีกคนไว้
หลังจากนั้นก็ยกเท้าถีบเ้าของกระบี่ออกไป พร้อมกับ่ชิงอาวุธมาจากมือเขา
ทันใดนั้นกระบี่ในมือของเขาก็ได้สำแดงเดช บุกตะลุยไปข้างหน้าดุจผ่าลำไผ่
ทุกกระบี่ที่พุ่งออกไปต้องได้อาบโลหิตยามชักกลับมา
แต่เหลียนเซวียนไม่กล้าพัวพันกับการต่อสู้นานเกินไป ยังมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากตามมาด้านหลัง ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาล้อมจับได้อีก
หลังจากถอนกระบี่จากคนสุดท้าย เขาก็โอบเซวียเสี่ยวหรั่นแล้วะโขึ้นไปยืนบนต้นไม้สูง ก่อนจะแตะเท้าะโไปยังต้นไม้ใหญ่อีกต้น
เวลาเพียงชั่วพริบตา เขาก็พาเซวียเสี่ยวหรั่นะโข้ามต้นไม้ใหญ่สองต้นซึ่งไม่ได้ใกล้กันเลย
แม้เซวียเสี่ยวหรั่นจะกัดฟันไม่เปล่งเสียง แต่ยามทะยานอยู่ในอากาศโดยปราศจากสัญญาณเตือนล่วงหน้า ก็ใจนปากอ้าตาค้าง
ที่แท้การทะยานข้ามชายคาปีนกำแพงก็มีอยู่จริง
ขณะที่เพิ่งทอดถอนใจ ก็ได้ยินเสียงของมีคมแหวกอากาศชวนให้คนหนาวสะท้านขึ้นมาอีกหน
เกาทัณฑ์มากมายดั่งดาวตกพุ่งโจมตีเหลียนเซวียนจากด้านหลัง
สีหน้าเขาเย็นะเื หมุนตัวกลับมาตวัดกระบี่ยาวปัดเกาทัณฑ์ร่วงลงไป
แต่มันก็ยังคงระดมยิงเข้ามาไม่ขาดสายจากรอบทิศ
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าซีดเผือด มองเห็นวิกฤติอยู่เบื้องหน้า ลำแสงเย็นะเืแต่ละสายพุ่งเข้ามาราวกับพายุฝน
มือของเหลียนเซวียนแทบจะไม่ได้หยุดพัก เสียงชิ้งๆๆ อยู่ใกล้แค่ข้างหู ทำเอาเธอปวดหูไปหมด
ขณะที่ยังมึนงง เหลียนเซวียนก็พาเธอเหาะข้ามไปยังต้นไม้อีกต้น
ลมหายใจของเขาเริ่มหนักหน่วง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเด่นชัด
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกขึ้นได้ พิษของเขาเพิ่งจะขับออกไปไม่กี่วัน ร่างกายน่าจะยังไม่ฟื้นฟูทั้งหมด ชั่วขณะนั้นเธอก็รู้สึกร้าวร้านใจ
เหลียนเซวียนยังคงะโข้ามต้นไม้ใหญ่ต่อไป แต่เกาทัณฑ์จากด้านหลังก็ยังตามตอแยไม่เลิก
เขาไม่หยุดที่ต้นไม้ต้นใดนานเกินไปนัก อุ้มเซวียเสี่ยวหรั่นะโข้ามไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องคอยระวังเกาทัณฑ์จากด้านหลังอยู่เป็พักๆ
เคราะห์ดี ยิ่งเข้ามาถึงด้านหลัง การจู่โจมก็เริ่มเบาบางลง
แต่เหลียนเซวียนยังคงไม่หยุดพัก ผู้ติดตามอยู่ด้านหลังคือเหลิ่งอี
บุรุษเืเย็นผู้นั้นติดตามตนเองอยู่ในที่ลับมาหลายปี ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดี หากเกิดการเผชิญหน้าขึ้นมาจริงๆ จะต้องเป็สถานการณ์ที่ต้องตายกันไปข้าง
เขาพาเซวียเสี่ยวหรั่นมาด้วย มิอาจเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นได้
เสียงโจมตีจากด้านหลังไกลออกไปเรื่อยๆ แต่เหลียนเซวียนรู้ว่าเหลิ่งอีไม่มีทางเลิกไล่ล่า แม้ว่าจะต้องลูกดอกซัวเปียวของตนเองไปก็ตาม
ดังนั้นเขาจะหยุดไม่ได้
"เสี่ยวหรั่นขึ้นมาเกาะหลังข้า"
หลังจากทิ้งระยะห่างมา่หนึ่ง เหลียนเซวียนก็วางเซวียเสี่ยวหรั่นลง แล้วย่อตัวเล็กน้อยให้นางขึ้นขี่หลัง
"อ้อ ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่กล้าพูดมาก ย้ายกระเป๋าไปด้านหลังก่อนขึ้นไปเกาะบนไปบนไหล่กว้างและแข็งแกร่ง
เพียงหยุดพักเล็กน้อยแค่นี้ ป่าเงียบสงบด้านหลัง ก็มีเสียงนกบินกระเจิงขึ้นมาอีกหน
"ตามกัดไม่ปล่อยจริงๆ" เหลียนเซวียนแค่นเสียงหึเบาๆ แบกเซวียเสี่ยวหรั่นขึ้นหลังเรียบร้อย ก็เริ่มะโข้ามต้นไม้สลับไปสลับมาในป่าอันมืดมิด ดุจเสือดาวที่แข็งแกร่ง
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดมิดไร้แสงจันทร์ มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงทอแสงระยิบระยับอยู่เป็พักๆ แต่เรือนร่างปราดเปรียวของเหลียนเซวียนยังคงเคลื่อนที่ต่อไปประหนึ่งมุ่งหน้าสู่ดินแดนที่ไร้มนุษย์
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินมืดมิดราวกับเหลือเพียงแค่เขาและนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาะอยู่บนหลังของของเขา สองมือโอบรอบไหล่กว้าง รับรู้ความตึงเครียดจากร่างกายเขาได้ตลอดเวลา รวมถึงลมหายใจที่หอบหนักอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นเนิ่นนาน เซวียเสี่ยวหรั่นก็กระซิบถามข้างหูเขาประโยคหนึ่ง
"เหลียนเซวียน เสี่ยวเหล่ยทางนั้นคงไม่เกิดเื่ใช่หรือไม่"
เธอเป็ห่วงพวกเซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวา
เสียงกระซิบแ่เบาของหญิงสาวที่ข้างหูทำให้ฝีเท้าของเหลียนเซวียนชะงักไปบ้าง แต่ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
"พวกเสี่ยวเหล่ยไม่มีปัญหาหรอก เป้าหมายของพวกเขาคือข้า"
เหลียนเซวียนควบคุมน้ำเสียงให้ต่ำลง
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังแล้ว ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง พวกเขาไม่เป็อะไรก็ดี
"ครานี้ ข้าทำให้เ้าเดือดร้อน" เหลียนเซวียนแบกนางวิ่งต่อไปพลางเอ่ยเสียงเบา
"นี่เป็เหตุสุดวิสัย ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากให้มันเกิดขึ้น" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ตำหนิเขา
เหลียนเซวียนมองไปยังป่ามืดมิด
เหลิ่งอีพากำลังคนมาเยอะเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่ารับภารกิจมาจากเบื้องบน
ดูจากสถานการณ์ที่ตามกัดไม่ปล่อย คงจะเป็คำสั่งตาย
ประเสริฐ ตนเองจะได้ไม่เสียเวลาค้นหา
คนทรยศหักหลังนายไร้ความซื่อสัตย์จงรักภักดีพรรค์นี้ หากไม่จัดการให้สิ้นซาก ก็ยากจะคลายความแค้นในหัวใจ
หลังจากรั้งความคิดกลับมา เหลียนเซวียนก็วิเคราะห์สภาพภูมิประเทศแถวนี้ในหัว
