เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ความเพียรควบคุมตนเอง เธอไม่อาจปล่อยให้ตารางทบทวนการเรียนเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
เธอมาห้องสมุดซางต้าเพื่อเรียนด้วยตนเองดั่งเดิม เพราะเมื่ออยู่ที่นี่จะหาสภาวะอันเหมาะสมแก่การเรียนได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากกว่าการทบทวนคนเดียวที่บ้านเสียอีก ไม่ว่าอย่างไรผู้คนรอบตัวล้วนอ่านหนังสือกันหมด จึงเป็การได้รับอิทธิพลจากภายนอก
เวลาหกโมงเย็น เธอทบทวนบทเรียนประจำวันนี้เสร็จสิ้น จึงได้เก็บข้าวของออกจากห้องสมุด
พอออกจากประตูของห้องสมุด เธอก็ได้ยินเสียงเรียก ‘เสี่ยวหลาน’ ที่คุ้นเคยมากเหลือเกิน เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าเธอตึงเครียดเกินไปจนเกิดหูแว่ว แต่เสียงยังฟังผิดได้ แล้วภาพตรงหน้าคือภาพหลอนที่ปรากฏออกมาพร้อมกันด้วยอย่างนั้นหรือ?
เรียวขายาวได้เปรียบ โจวเฉิงมาถึงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานภายในไม่กี่ก้าว
“เสี่ยวหลาน ฉันมาแล้ว เธออย่ากลัวเลย! ”
มือของโจวเฉิงกำลังแตะแขนเธออยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกถึงเนื้อหนังที่แท้จริงจนได้ โอ้ ที่แท้นี่มิใช่ภาพหลอน มือของโจวเฉิงมีน้ำหนักทีเดียว เขาคือตัวจริง! โจวเฉิงมาแล้วจริงๆ โทรศัพท์คุยกันเมื่อคืนวาน และวันนี้เขาก็ปรากฏตัวที่ซางตูทันใด แถมตามมาหาที่ห้องสมุดซางต้าอีกด้วย เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีความรังเกียจและโกรธเคืองเกี่ยวกับเื่นี้อยู่ ทั้งครอบครัวหลิวฟาง ทั้งฝานเจิ้นชวนที่เคยเจอฝั่งตรงข้ามถนน ทั้งน้าหลี่ที่มักเรียกเธอไปสนทนาเวลามาซื้อเสื้อผ้าในร้าน พวกเขาทุกคนเลือกสรรเซี่ยเสี่ยวหลานราวกับว่าเธอเป็สินค้า ดังนั้นความรู้สึกของเซี่ยเสี่ยวหลานคือทั้งขยะแขยงและโมโห!
เมื่อพบกับโจวเฉิงอย่างไม่คาดคิด เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเกิดความน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อยโดยไร้ที่มาที่ไป
สำหรับประธานเซี่ย ความรู้สึกน้อยใจคืออารมณ์ที่ไร้ประโยชน์ที่สุด เธอลำบากยากเย็นเพียงใดก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ เธอจะน้อยใจให้ใครดูเล่า? ข้างหลังเธอนั้นว่างเปล่าไม่มีใครยืนอยู่สักคน เธอทำได้แค่สร้างเปลือกนอกอันคงกระพันให้แก่ตนเอง ไม่อนุญาตให้มีความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์นี้เกิดขึ้น ผ่านไปเรื่อยๆ เธอก็เหมือนจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองได้!
เธอเชื่อใจหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมย ทว่าสองคนนี้ต่างไม่สามารถทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานสบายใจได้
เพราะทั้งสองไม่มีความเก่งกล้าพอที่จะปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลาน พวกเธอทนแรงกดดันสู้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่โจวเฉิงไม่เหมือนกัน
โจวเฉิงได้รับโทรศัพท์ปุ๊บ ก็ออกจากปักกิ่งมาถึงซางตูปั๊บ เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าโจวเฉิงจะขอให้คนอื่นช่วยเหลือ อาจเป็คุณลุงของเส้ากวงหรง หรืออาจเป็คนอื่นๆ ในเมื่อครอบครัวโจวเฉิงฐานะดีขนาดนั้น เครือข่ายของโจวเฉิงคือสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถรู้จักดีได้อย่างสิ้นเชิง... แต่การวานคนอื่นช่วยเหลือกับการที่โจวเฉิงรีบเร่งด้วยตนเองอย่างไม่หยุดพัก ให้ความรู้สึกแตกต่างกันต่อเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างแน่นอน! ยิ่งโจวเฉิงให้ความสำคัญกับเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งมีหัวจิตหัวใจของสาวน้อยแสนบอบบาง อสูรร้ายป่าเถื่อนจะมอบด้านหลัง [1] ให้แก่สหายที่ไว้ใจได้ พอเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ซึ้งถึงน้ำใจของโจวเฉิง ความน้อยใจที่ไร้ประโยชน์ของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมาแล้ว
โจวเฉิงถนอมเธอขนาดนี้ กลับมีพวกผู้ชายน่ารำคาญมาละโมบในตัวเธอเสมอ
เช่นหัวหน้าอันธพาลเคออีสยฺง หรือฝานเจิ้นชวนจากเขตเหอตง เมื่อถูกผู้ชายแบบนี้ชอบเข้า เซี่ยเสี่ยวหลานััถึงความภาคภูมิใจใดๆ ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“โจวเฉิง...”
น้ำเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานอ่อนหวานมาั้แ่ไหนแต่ไร ปกติพยายามทำให้ไม่ชัดเจน ตอนนี้เจือไปด้วยอารมณ์น้อยใจ นั่นยิ่งเพิ่มพลังทำลายล้างเป็ทวีคูณ เพียงเพื่อทำให้เปาซื่อสำราญ กษัตริย์โจวโยวไม่ลังเลที่จะจุดหอไฟหลอกเหล่าจูโหว เป็เหตุให้บ้านเมืองย่อยยับ [2] ตอนโจวเฉิงฟังปู่เล่าประวัติศาสตร์เื่นี้ เขายังไม่เข้าใจนัก กษัตริย์องค์หนึ่งจะกระทำเื่โง่เง่าเช่นนี้ได้อย่างไร ตัวเองเบาปัญญาไร้ความสามารถ แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์กลับเอาเหตุผลที่แผ่นดินล่มสลายไปกล่าวโทษสตรีนางหนึ่ง ช่างน่าหัวเราะเสียนี่กระไร... ทว่า ณ เวลานี้ โจวเฉิงคิดว่าทัศนคติของตนเองช่างคับแคบเหลือเกิน พอได้ฟังน้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของภรรยา เขาก็อยากจะแยกร่างคนที่ขัดใจภรรยาเขาเป็ชิ้นๆ !
ในดวงตาของทั้งสองไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
จั๋วน่าและเหล่านักศึกษาหญิงรู้สึกประหลาดใจและเสียดายเท่านั้น อย่างไรเสียโจวเฉิงก็เพิ่งปรากฏตัวในซางต้า พบหน้าหนเดียว แค่คนเขามีแฟนจำเป็ต้องจะเป็จะตายเชียวหรือ?
แต่มิใช่กับเหล่านักศึกษาชายซางต้า
สำหรับเหล่านักเรียนดีเด่นแขนงต่างๆ ที่ดิ้นรนแย่งชิงที่นั่งข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลาน เมื่อเห็นฉากนี้เข้าไป ต้องหัวใจแหลกสลายเป็แน่!
ในเมื่อยังไม่มีใครเป็อันดับหนึ่งได้ หมายความว่าทุกคนล้วนมีโอกาส ที่จะค่อยๆ สร้างความมีตัวตนต่อหน้าน้องสาว
ให้ตายเถอะ แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ชายคนหนึ่งปรากฏตัวกะทันหัน โผล่มาก็จับมือของรุ่นน้อง อีกทั้งน้องสาวไม่ได้สลัดอีกฝ่ายด้วย... ในชั่วพริบตา หัวใจชายหนุ่มตั้งเท่าไรที่ร่วงหล่นแตกสลายลงบนพื้น ถ้าเป็นักศึกษาชายสักคน ทุกคนจะไม่ยอมท้อถอย แต่ลักษณะอย่างโจวเฉิงนั้น มีคนกล้าไม่ยอมแพ้หรือ?
ไม่มีผมมันเรียบแปล้
ไม่มีตอหนวดเครา
บนใบหน้าสะอาดสะอ้านไม่มีกระทั่งสิวสักเม็ด!
หน้าตาหล่อเหลายังไม่พออีกหรือ ขาจะยาวขนาดนั้นไปเพื่ออะไร น้องสาวรูปร่างสะโอดสะอง เหล่านักศึกษาชายหัวดีที่ความสูงไม่เพียงพอกำลังค้นคว้าว่าควรทำอย่างไรให้ตนเองคู่ควรมากกว่านี้... ความหล่อเหลาและสูงโปร่งของโจวเฉิงโจมตีจุดตายของพวกเขาในบัดดล
เหล่านักศึกษาชายหนุ่มที่รีบอวดตนพ่ายแพ้ราบคาบทันที
หากสัตว์เพศผู้อาศัยขนอันสวยงามดึงดูดเพศเมีย โจวเฉิงก็คือนกยูงที่งดงาม ส่วนพวกเขาคือไก่ป่ามอมแมมนั่นเอง
หรือจะบอกว่าค่านิยมของผู้คนในตอนนี้เรียบง่ายและน่ารักก็ได้ คนสองคนที่รูปลักษณ์เจริญตาเจริญใจคบหากัน ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือคิดว่าเหมาะสม ไม่มีใครคิดไปถึงขั้นคุณสมบัติของโจวเฉิงเป็อย่างไร คู่ควรกับเซี่ยเสี่ยวหลานหรือไม่ พวกเขาสองคนเป็คู่รักกันแน่นอน
โจวเฉิงกำลังคิดว่าจะปลอบโยนภรรยาตนเองอย่างไร ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็กำลังคิดว่าควรจะร้องทุกข์อย่างไร
พฤติกรรมทรมานคนโสดราวกับรอบข้างไม่มีใครอื่นเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย โจวเฉิงรับข้าวของที่เซี่ยเสี่ยวหลานหอบอยู่มาไว้ในมือตนเอง จากนั้นทั้งสองก็จากไป ส่วนหัวใจของใครจะแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วยเล่า
จักรยานที่เซี่ยเสี่ยวหลานขี่มาซางต้าทุกวันเป็รุ่นสำหรับผู้หญิง
ส่วนสูงของเธอขี่ได้พอดี แต่ขาของโจวเฉิงยาว พอขี่ก็ต้องหดขา ดูอิหลักอิเหลื่อยิ่งนัก โจวเฉิงจึงเข็นจักรยานเสียเลย ทั้งสองคนต่างไม่ใส่ใจจะพูดถึงตระกูลฝาน ไม่ได้พบหน้ากันตั้งหนึ่งเดือน คู่รักหนุ่มสาวมีเื่ราวของตนเองให้สนทนา โจวเฉิงพับแขนเสื้อขึ้นหนึ่งทบ เผยโรเล็กซ์เรือนนั้นออกมา และบอกว่าเขาชอบนาฬิกานี้
“เสียแค่ตรงที่แพงไปหน่อย เธอยังมีเงินอยู่ใช่หรือเปล่า?”
โจวเฉิงรู้ดีว่าเซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจและมีรายได้ค่อนข้างดี เทียบกับคนทั่วไปถือว่ามีเงินเหลือเฟือ
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทรัพย์สินอะไรนัก หลังหลุดพ้นจากตระกูลเซี่ย สองแม่ลูกอยู่ชนบทโดยขออาศัยบ้านหลิวหย่ง อยู่ในเมืองโดยเช่าบ้านย่าอวี๋ จวบจนบัดเดี๋ยวนี้ยังไม่มี ‘บ้าน’ ที่เป็ของสองแม่ลูกอย่างแท้จริงด้วยซ้ำ ภาระของภรรยาเขาหนักหนา หาเงินได้ไม่น้อย ทว่าส่วนที่ต้องใช้จ่ายเงินยิ่งไม่น้อยไปกว่ากัน หลังสอบเกาเข่าจะปลูกบ้านในชนบท แถมจะทำธุรกิจวัสดุตกแต่งภายในกับคังเหว่ยอีก เงินพวกนี้ล้วนต้องอาศัยเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ผู้หามาพร้อมศึกษาเล่าเรียนไปด้วย
โจวเฉิงสงสารภรรยาของเขาจับใจ
เขายังจำตอนที่ทั้งสองไปหยางเฉิงเพื่อรับสินค้าด้วยกันได้ ทั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานค้าขายเสื้อผ้าสตรี แต่กลับทำใจไม่ได้ที่จะสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ ใช้ราคาส่งคำนวณ เสื้อผ้าหนึ่งชุดราคาแค่เท่าไรกันเชียว? เซี่ยเสี่ยวหลานทำใจใส่เสื้อผ้าราคาไม่กี่สิบหยวนไม่ได้ ทว่ายอมซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ราคาเป็พันให้เขาได้ ถ้าโจวเฉิงไม่ซาบซึ้ง เขาก็คือไอ้สารเลวเืเย็นนี่เอง!
เขาอยากเกื้อหนุนเงินทองแก่เซี่ยเสี่ยวหลาน อยากถวายเงินเก็บของตนเองทั้งหมด ทว่าภรรยาเขากลับไม่้า โจวเฉิงนับถือการยืนหยัดด้วยตนเองของเธอ ในขณะเดียวกันก็เห็นใจการยืนหยัดด้วยตนเองของเธอ เป็ไปตามคาด พอกล่าวถึงเื่นี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนประเด็นโดยพลัน
“ปีนี้เธอไม่มีวันหยุดแล้ว มาซางตูได้อย่างไร?”
“มีคนข่มเหงเธอ ฉันไม่มาได้หรือ?”
รู้คำตอบอยู่แล้วแท้ๆ ก็ยังถาม โจวเฉิงไม่รำคาญเลยสักนิดเดียว เมื่อครู่ที่เพิ่งเจอหน้ากัน เขาดูออกทันที เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานพบเขาแล้วก็น้อยใจอย่างเสียไม่ได้ คนเราจะแสดงความน้อยใจต่อหน้าคนสนิทของตนเท่านั้น โจวเฉิงรู้สึกยินดียิ่งนัก เหมือนว่าเขาและภรรยาสนิทสนมกันมากขึ้นอีกเล็กน้อย ไม่ใช่ความสนิทสนมประเภทโอบกอดหอมจูบ ทว่าเป็ระยะห่างระหว่างหัวใจกำลังลดลง
ทุกครั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานก้าวเล็กๆ ขยับเข้ามาทางเขา สำหรับโจวเฉิงคือความปลื้มปีติอันยิ่งใหญ่
เขาชอบเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน ตามจีบเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน เขามั่นใจว่าขอเซี่ยเสี่ยวหลานแต่งงานได้แน่นอน... ทุกวันนี้โจวเฉิงกระตือรือร้นมากในการทุ่มเทความจริงใจเต็มเปี่ยมฝ่ายเดียว ถึงกระนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่คาดหวังการตอบรับ!
โจวเฉิงใช้มือเดียวกำด้ามจับจักรยาน อีกมือหนึ่งจับมือของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้อย่างเป็ธรรมชาติ
“ไม่ต้องกลัวนะ ใครก็รังแกภรรยาของฉันไม่ได้ทั้งนั้น”
เชิงอรรถ
[1]把后背留给信任的人 มอบหลังให้คนที่ไว้ใจ เนื่องจากด้านหลังคือบริเวณที่มองไม่เห็น แขนขาปกป้องแผ่นหลังได้ยาก ถือว่าเป็จุดที่อ่อนแอ การมอบหลังให้คนที่ไว้ใจจึงแปลว่าเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายอย่างสนิทใจ
[2]周幽王为博褒姒一笑,不惜烽火戏诸侯 เพียงเพื่อทำให้เปาซื่อสำราญ กษัตริย์โจวโยวไม่ลังเลที่จะจุดหอไฟหลอกเหล่าจูโหว เป็เื่ราวของกษัตริย์โจวโยว กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โจวตะวันตก พระองค์มีสนมโปรดนามว่า เปาซื่อ ซึ่งสนมเปาซื่อมักไม่ค่อยยิ้มแย้ม กษัตริย์โจวโยวยอมทำทุกอย่างเพื่อให้นางยิ้ม ถึงขั้นจุดหอไฟส่งสัญญาณหลอกเหล่าจูโหว (จูโหว คือ เ้าครองแคว้นต่างๆ ) พวกเขาเข้าใจผิดว่าข้าศึกบุกดินแดน การหลอกเช่นนี้ทำให้สนมเปาซื่อชอบใจมาก กษัตริย์โจวโยวจึงจุดหอไฟครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่าจูโหวพากันไม่เชื่อและไม่ส่งกองทัพมาอีกต่อไป สุดท้ายศัตรูบุกจริง จุดหอไฟส่งสัญญาณครั้งนี้ไม่เป็ผลแล้ว กษัตริย์โจวโยวพ่ายแพ้ รัชสมัยโจวตะวันตกสิ้นสุดลง และเปาซื่อถูกขนานนามเป็หญิงงามล่มเมือง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้