เล่มที่ 6 บทที่ 151 ชนะต่อเนื่อง
“เ้าหนู ความสัมพันธ์ระหว่างเ้ากับผู้หญิงคนนั้นคืออะไร?” โยวกู่จือถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“อ้อ เป็สหายนะ”
“สหายหรือ? ฮิๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงของนางเมื่อครู่ ดูจะใส่ใจเ้าไม่น้อยนะ หรือเ้าไม่รับผิดชอบ...”
“ผู้าุโ! พูดอะไรน่ะ?!” ฉู่อวิ๋นหน้าแดงและเอ่ยว่า “นางเป็สหายที่ดีที่สุดของข้า คอยเคียงข้างข้ามาั้แ่เมืองไป๋หยางจนถึงป่าสีเื ฝาฟันอันตรายด้วยกันมามาก”
“ในเมื่อพวกเ้าสนิทกันเช่นนั้น เหตุใดเ้าถึงไม่แสดงตน?”
“สำหรับนางแล้ว ให้รู้ตัวตนของข้าในตอนนี้อาจไม่ใช่เื่ที่ดีนัก ข้าไม่อยากลากนางมาเดือดร้อนด้วย ข้าจะรู้สึกผิดยิ่งนัก” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ
ไม่นาน การประชันห้าัก็เริ่มต้นขึ้น!
“ผู้ท้าชิงการประชันห้าัครั้งนี้คือนักล่าชาวป่า และเป็นักรบระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ”
พร้อมกับเสียงเรียกของผู้ประกาศ ฉู่อวิ๋นก้าวขึ้นไปบนเวทีต่อสู้ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางอย่างสงบ โดยยังคงสวมหน้ากากคริสตัลสีดำไว้บนใบหน้า
เมื่อได้ยินการแนะนำของผู้ประกาศ ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ใและมองหน้ากัน
“อะไรนะ?! คนที่ท้าทายการประชันห้าัครั้งนี้เป็แค่เด็กคนหนึ่งหรือ?”
“เด็กแล้วอย่างไร? ซิวหลัวหน้าผีนั่นก็ยังหนุ่มแน่น แต่เ้าเด็กชาวป่านั่นกลับกล้าขึ้นเวทีด้วยขอบเขตควบแน่นพลังปราณ? เขาไม่กลัวตายหรือ?”
“ฮ่าๆ ตาเฒ่าเช่นข้าลงเดิมพันว่าเขาจะแพ้ั้แ่รอบแรก เด็กคนนี้สวมหน้ากากเพราะอยากเลียนแบบหรือ? เขาแย่กว่าซิวหลัวหน้าผีอยู่โขเชียว”
ผู้ชมทั้งหมดหัวเราะร่า เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นที่สวมหน้ากากอยู่ ต่างก็คิดว่ามันน่าตลก
ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครึกครื้น อื้ออึงจนหูแทบแตก
เมื่อได้ยินเสียงโห่และเสียงหัวเราะ ทุกคนในที่นั่งบนชั้นพิเศษก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป บางคนก็ยินดีกับคราวเคราะห์ของคนอื่น ในขณะที่บางคนก็ค่อนข้างกังวล
“อวิ๋นเอ๋อร์…” เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ฉู่ซินเหยาก็กำมือกัดปาก แต่ไม่กล้าท่าทีว่าใส่ใจ จึงค่อนข้างทนทุกข์ในใจ
“คุณหนูฉู่ไม่ต้องกังวลไป” เสวี่ยหรูเยียนยกยิ้มสง่างาม เมื่อเห็นดวงตาของฉู่ซินเหยาสั่นไหว “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าคุณหนูฉู่จะยังไม่ค่อยรู้จักคุณชายอวิ๋นดีสักเท่าไหร่ ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ซินเหยาก็ตอบด้วยเสียง “อ้อ” เบาๆ โดยไม่ออกอาการมากนัก
แต่หัวใจของนางกลับรู้สึกบีบเค้น นางคนนี้สอดปากเก่งยิ่งนัก เื่ของอวิ๋นเอ๋อร์ยังต้องให้นางมาสอนหรือ?
ในไม่ช้า การประชันห้าัอบแรกก็กำลังจะเริ่มขึ้น
คู่ต่อสู้คนแรกของฉู่อวิ๋น คือชายฉกรรจ์สูงเจ็ดฉื่อ[[1]]เปลือยท่อนบน รูปร่างสูงใหญ่ ถือค้อนดาวตก หนามแหลมบนค้อนส่องประกายสีเื เห็นได้ชัดว่าชุ่มไปด้วยเืมนุษย์
ชายร่างใหญ่คนนี้เป็ศิษย์จากสำนักร้อยอสูร ทันทีที่เขาปรากฏตัวบนเวที ก็ได้รับการยอมรับจากผู้ชมมากมายเพราะมาเยือนเวทีประลองแห่งนี้บ่อยครั้ง
“ตึง!”
ชายร่างใหญ่วางค้อนลงบนพื้นด้วยสีหน้าขบขัน ยืดแขนขาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ
เขาดูผ่อนคลาย วางมือเท้าเอว เดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีผยอง มองฉู่อวิ๋นอย่างถือตัว และเอ่ยยิ้มๆ “ฮ่าๆๆๆ! เ้าหนุ่มที่ละอ่อนขนาดนี้กล้าขึ้นมาบนเวทีประลองด้วยหรือ?”
ฉู่อวิ๋นไม่แสดงสีหน้าใดๆ เพียงยกมือไพล่หลัง ไม่ขยับตัว และพูดคำเดียวเบาๆ “อ้อ”
“อะฮ่าๆๆ!” รอยยิ้มของชายร่างใหญ่ก็ยิ่งเกินจริงเข้าไปอีก เขาโยกตัวไปมา จากนั้นหน้าก็เริ่มบึ้งตึง ยกกล้ามแขนขึ้นจนเห็นเส้นเืที่ขดตัวเป็เขาั กล้ามเนื้อสะท้อนแสงแวววาว แลดูแข็งแกร่ง
“เ้าหนูเห็นหรือไม่? ว่ากล้ามเนื้อคืออะไร? ฮะ ย๊าก!” ชายร่างใหญ่ยังคงอวดกล้ามเนื้ออันทรงพลังไม่หยุดเคลื่อนไหวเป็ท่าทางต่างๆ ราวกับไม่เห็นฉู่อวิ๋นอยู่ในสายตา
“...” ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก มุมปากระตุกเล็กน้อย ไม่คิดว่ารอบแรกก็จะได้เจอคนประหลาดเช่นนี้ มั่นใจเกินไปแล้ว...
ในเวลาเดียวกัน ผู้ชมในลานก็หัวเราะร่าขึ้นมาเรื่อยๆ
“ดูเด็กคนนั้นสิ เขากลัวเ้าตัวใหญ่คนนั้นมากเลยหรือ? ไม่กล้าขยับตัวด้วยซ้ำ?”
“ก็ไม่แปลก กล้ามเนื้อของเ้าตัวใหญ่นับว่าแข็งแกร่งไม่น้อยในระดับแรกของขั้นมหาสมุทร ใหญ่โตเกินจริงเสียขนาดนั้น เ้าหนุ่มนั่นจะใกลัวก็ไม่แปลก”
“รีบฆ่าเด็กนั่นเร็วเข้า! ข้ายังรอเก็บเงินเดิมพันก้อนใหญ่อยู่นะ!”
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ชมทั้งหมดส่งเสียงโห่กันกระหึ่ม รุ่มร้อนอย่างยิ่ง
ทุกคนกำลังรอให้ฉู่อวิ๋นพ่ายแพ้
“ถุย!” ชายร่างใหญ่ถ่มน้ำลายลงบนพื้น ยืดคลายกระดูกอีกครั้ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เ้าหนู ได้มาเจอข้าในรอบแรก ช่างโชคร้ายเสียจริง”
“เห็นกล้ามที่เป็มัดๆ นี่หรือไม่? มันเต็มไปด้วยพลัง! ถ้าไม่อยากโดนตบหน้าบวม ข้าแนะนำให้รีบออกจากเวทีนี้ไปเสีย”
“อ้อ” ฉู่อวิ๋นตอบอย่างสงบ ยืนเอามือไพล่หลังอย่างไม่แยแส
เห็นเช่นนี้ ชายร่างใหญ่ก็เลิกคิ้วหนาและพูดตะคอก “หึ! ยกสุรามงคลให้ไม่คิดดื่ม กลับอยากลองดีดื่มสุราทำโทษ ข้าจะชกให้ยับ กลับบ้านไปกินนมเสียเถอะ!"
พูดจบ หมัดของเขาก็เบ่งบาน พลังปราณเพิ่มขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้ามาชกหน้าฉู่อวิ๋น!
ชายร่างใหญ่คนนี้ไม่ได้ใช้อาวุธของตัวเองด้วยซ้ำ เขามั่นใจมากจนคิดว่าจะโจมตีฉู่อวิ๋นให้พ่ายด้วยแรงกายได้
“ควับ!”
หมัดั์พุ่งเข้ามาหาฉู่อวิ๋นทันที ชายร่างใหญ่ยกยิ้ม คิดว่าเด็กคนนี้คงทึมทื่อหลบเลี่ยงไม่ทัน ยื่นชัยชนะให้เขาเองกับมือ เขาถึงกับเริ่มคิดเื่ผลรางวัลแล้ว
ทว่าทันใดนั้น ขณะที่หมัดั์กำลังจะฟาดไปที่หน้าของฉู่อวิ๋น
“ฟิ้ว!”
มองเห็นหมัดของเด็กหนุ่มก็ถูกฟาดออกไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเช่นกัน มันค่อยๆ ไต่พลังขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด เรียบง่ายและตรงไปตรงมา กระทบกับหมัดของชายร่างใหญ่ตรงหน้า!
“ตูม!”
“กร๊อบ--“
เสียงหมัดปะทะกันและเสียงกระดูกหักดังขึ้นพร้อมๆ กัน เสียงดังมากจนพูดได้ว่าได้ยินไปทั่ว แม้แต่คนบนชั้นสามก็ยังได้ยิน
ทุกคนงุนงงเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นร่างๆ หนึ่งลอยละลิ่วตกลงไปที่ด้านข้างของจัตุรัส จนเกิดรอยแตกในกำแพงหิน กรวดหินกระเด็นไปทุกที่
ทุกคนตกตะลึง หันหน้ามองไปยังที่ที่เศษหินกำลังปลิวว่อน
วัตถุปริศนาที่ลอยไปคือชายร่างใหญ่ที่เมื่อครู่นี้เกือบจะคว้าชัย ทว่าในตอนนี้เมื่อหันกลับมามอง มุมปากกลับมีฟองสีขาวฟอดอยู่ มือขวาผิดรูป และเห็นได้ชัดว่าแม้แต่กระดูกมือของเขาก็หัก
“นี่…”
“ข้าตาฝาดไปหรือ?”
ทั่วทั้งลานเงียบงัน
เสียงหัวเราะครื้นเครงหายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสนิท
แม้แต่กรรมการก็ยังตกตะลึงจนลืมประกาศผลการแข่งขัน
“รีบประกาศเสียที ข้ายังรีบไปต่อ”
ทันใดนั้น เสียงของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น จริงๆ มันก็ไม่ดังนัก แต่ในเวทีประลองที่เงียบสงบนี้ มันฟังดูดังมาก คล้ายคลื่นเสียงที่กระทบแก้วหูของทุกคน
ในที่สุด ทุกคนก็รู้สึกตัวและคล้ายจะหายใจไม่ออก จนทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจ
“ชายหนุ่มคนนั้นจากขอบเขตควบแน่นพลังปราณ... เอาชนะขั้นมหาสมุทรได้?”
“แค่หมัดเดียวเอง… จนอีกคนปลิวไป…”
“เด็กป่าคนนั้นแทบจะไม่ขยับตัวเลยนะ…”
ทุกคนนิ่งอึ้งด้วยสีหน้าไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นหลักฐานชัดเจนว่าฉู่อวิ๋นยังอยู่ในสภาพปกติจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ นี่ทำให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้วจริงๆ
“การประลองรอบแรก อวิ๋นชูชนะ เข้าสู่รอบที่สองของการประชันห้าั”
เมื่อคำตัดสินดังขึ้น ผู้ชมจึงรู้สึกตัวว่าตนไม่ได้ฝันไป
“นี่มันการแข่งขันหลอกตาหรือเปล่า?” บางคนถึงกับตั้งคำถาม แต่ต่อมาก็ต้องยอมรับ เพราะคู่ต่อสู้ของผู้ท้าชิงการประชันห้าัล้วนได้รับการสุ่มจากผู้าุโที่เป็ที่เคารพนับถือ ไม่อาจหลอกได้
“ก็แค่บังเอิญกระมัง ข้าไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้จะสามารถเอาชนะนักรบระดับสองขั้นมหาสมุทรได้หรอกนะ!” บางคนก็ไม่คิดจะเชื่อแม้แต่น้อย เพราะตนเดิมพันหมดหน้าตักไปกับการพ่ายแพ้ั้แ่ครั้งแรกของฉู่อวิ๋น และชัดเจนว่าเขาเสียเงินทั้งหมดไปแล้ว
“คุณชายคนป่าเก่งกาจยิ่ง” ฉู่ซินเหยาเผยรอยยิ้มหวานด้วยอดใจไม่ไหว เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่นางได้ดูฉู่อวิ๋นแข่งขันพลังยุทธ์ เมื่อเห็นท่าทางที่กล้าหาญของเขา ในใจนางก็พองโตอย่างสุขใจ
ส่วนเสวี่ยหานเฟยก็ย่อมแค่นเสียงไม่สบอารมณ์ อิจฉาตาร้อนยิ่งนัก
จากนั้น การประชันห้าัรอบที่สองก็เริ่มขึ้น!
คราวนี้เป็ชายชราคนหนึ่ง การฝึกฝนของเขาหยุดอยู่ที่ระดับสองของขั้นมหาสมุทร แต่ก็พูดได้ว่าแข็งแกร่งมากในระดับนี้
ผมสีหงอกเงิน ใบหน้ามีริ้วรอย มือถือไม้เท้า เขาเอ่ยว่า “ฮ่าๆ... หลานชายของข้าก็อายุไล่ๆ กับเ้า แต่ตอนอยู่บ้านมักโดนข้าแขวนคอเอาไว้ทุบตี เ้าหนู เ้า...”
ก่อนที่จะพูดจบ ชายชราก็จ้องเขม็ง สาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คิดใช้กลยุทธ์เปิดก่อนได้เปรียบ ไม้ค้ำของเขากลายเป็ัสีเงินส่องแสงไปทุกทิศทาง
“ขิงยิ่งแก่ยิงเผ็ดจริงๆ ด้วย บอกจะลงมือก็ลงมือ แต่ว่า...”
ฉู่อวิ๋นลอบถอนหายใจ และหันหลบ เขาคว้าแย่งไม้เท้าสีเงินมาถือไว้ในมือ ยืมแรงมาตีแรง หันหลังกลับ และโยนชายชราออกจากเวทีประลอง
“ข้า... ข้าอยู่ที่ไหน?” หลังจากตกลงบนพื้น ชายชรายังคงดูงุนงง
“นี่! ตาแก่! ไม้เท้าของท่าน!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ โยนไม้เท้าที่เขาเพิ่งคว้าไปให้ชายชราแล้วพูดว่า “ชอบตีลูกตีหลานก็กลับไปตีที่บ้านเสีย เดินดีๆ ไม่ส่ง!”
พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มและโบกมือลา ทำให้ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความโกรธ จากนั้นจึงหันหลังจากไป
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง เด็กป่าคนนี้มีความแข็งแกร่งถึงขั้นใดกัน? ไร้เหตุผลเกินไปแล้วกระมัง? เขาสกัดกั้นกระบวนท่าของนักรบระดับสองขั้นมหาสมุทรได้ ซ้ำยังสามารถโยนคู่ต่อสู้ออกนอกสนามได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น ชายชราตกลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าเขาควบคุมพลังได้อย่างอ่อนโยน
“หมดกัน...” ยังมีบางคนที่หดหู่ใจ พวกเขาคือกลุ่มคนที่แพ้ในการเดิมพันรอบที่สอง ตอนนี้ฉู่อวิ๋นผ่านการประลองทั้งสองรอบมาได้ง่ายๆ เป็ผลให้พวกเขาเสียเงินหมดหน้าตัก
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่บ้าคลั่งและวิตกขึ้นมา เพราะเดิมพันว่าฉู่อวิ๋นจะแพ้ในรอบที่สาม แต่เมื่อเห็นพลังและความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้นี้ เป็ไปได้หรือไม่ที่อีกฝ่ายจะชนะขึ้นมาอีกครั้ง?!
“ฮ่าๆ พลังปราณดีเยี่ยม แต่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงอยู่ในระดับสี่และห้า การก้าวข้ามระดับสามนั้นไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย” ซิวหลัวหน้าผียิ้มกว้างอย่างไม่แปลกใจอะไร
การแข่งขันรอบที่สามได้เริ่มขึ้นแล้ว รอบนี้เป็นักรบชายที่เชี่ยวชาญทักษะแข้งขา เมื่อเทียบกับสองคนก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนับว่าดีมาก แค่เตะเพียงไม่กี่ครั้ง ลมพายุก็พัดโบก เป็พลังที่ไม่มีใครอาจเทียบ
ฉู่อวิ๋นจริงจังมากขึ้นอีกเล็กน้อย เมื่อรับรู้ว่าคนคนนี้รับมือได้ยาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้ฝ่ามือัพเนจร
ในท้ายที่สุด ฉู่อวิ๋นก็เอาชนะนักรบคนนั้นได้ด้วยกระบวนท่าที่เรียกว่าัหมอบเคลื่อนภพ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร
ยามนี้ ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็สีแดง ตื่นเต้นจนแทบคลั่ง
เพราะคู่ต่อสู้คนต่อไปของฉู่อวิ๋นคือนักรบในระดับสี่ของขั้นมหาสมุทร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเขาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็จะชนะการต่อสู้ข้ามสี่ระดับด้วยการฝึกฝนระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ!
การก้าวข้ามสี่ระดับนี้ เทียบเท่ากับการชนะเลิศของการประชันห้าั!