เ่ิูใ
และไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน
ไม่ได้อยู่เป็หนึ่งในสิบย่อมทำเขาฉงนไม่น้อยอยู่แล้ว ทว่าหากว่ากันตามจริง เขาไม่ได้แยแสรายชื่อสิบคนนี่เลยสักนิด ยิ่งได้มากเท่าไรก็ยิ่งต้องจ่ายออกไปเท่านั้น เขาไม่อยากมีพันธะผูกมัดกับสำนักกวางขาวมากนัก
เ่ิูเชื่อมั่นในพร์ของตัวเองอย่างแรงกล้า
ความเชื่อมั่นของเขาราวกับติดตัวมาแต่เกิด เขาเชื่อสุดหัวใจ ว่าถึงจะไม่ได้รับเลือกเป็หนึ่งในสิบ แต่ความสำเร็จและผลงานของเขาจักก้าวล้ำข้ามทั้งสิบคนนั้นไปได้
ไม่ว่าจะด้วยกระบวนวิธีไหน เขาก็ไม่เคยนับฉินอู๋ซวง เยี่ยนสิงเทียนหรือใครก็ตามเป็คู่แข่งเลย
เขาไม่เคยคิดว่าจะเสียเวลาสี่ปีในสำนักกวางขาวเพื่อร่ำเรียนพื้นฐานวิชายุทธ์เลยแม้แต่น้อย
เ่ิูจะใช้เวลาหนึ่งปีนี้ เสร็จสิ้นเส้นทางที่คนอื่นใช้เวลาสี่ปีเต็มให้สำเร็จ
เขาแข่งกับเวลา ไม่แข่งกับใครอื่น
“ตามจริงแล้ว ั้แ่ต้นนั้น คนแรกที่ข้าเลือกเป็อันดับแรกในสิบรายชื่อก็คือเ้า เหตุก็เพราะนอกจากการแนะนำเอาจริงเอาจังของอาจารย์ข่งคงแล้ว ข้าเองก็ได้ไปร่วมดูการทดสอบของเ้าที่สนามอย่างลับๆ ได้ยินอาจารย์คุมสอบประเมินเ้าสูงลิบไม่ขาดสาย บอกตามตรง ถ้าหากต้องเลือกคนแค่คนเดียวในสิบนั้น คนๆ นั้นย่อมเป็เ้า เ่ิู”
หวังเยี่ยนว่าพลางถอนใจ
เ่ิูเผยรอยยิ้มบาง แล้วพยักหน้านอบน้อม “ขอบคุณท่าน”
สำหรับผู้แข็งแกร่งทระนงคนใดก็ตามแล้ว คำพูดเหล่านี้ถือเป็ประโยชน์อย่างมากเช่นกัน
“แต่ว่า วินาทีก่อนข้าจักประกาศรายชื่อ ก็ได้รับคำสั่งจากท่านเ้าสำนักมา เพราะเหตุผลอย่างหนึ่ง เ้าจึงไม่อาจเข้าเป็หนึ่งในสิบคนนี้ได้” ทุกคำที่นางกล่าวล้วนแล้วแต่มองสำรวจอาการของเ่ิูไปด้วย
ทว่ากลับพบว่าใบหน้าของเขามิได้มีเศษเสี้ยวความโมโหหรือกระวนกระวายเพราะคำพูดนางเป็เหตุเลยสักนิด สงบราบเรียบราวกับบ่อน้ำไร้คลื่น ทอดกายใต้สายลมและอาทิตย์ยามสายัณห์ นางจึงได้รู้ตัวว่าตนนั้นดูถูกคนผู้นี้เกินไป
“เพื่อเป็การชดเชย ข้าจักให้สิทธิพิเศษเล็กๆ แก่เ้า” หวังเยี่ยนว่าพลางคลี่ยิ้ม เห็นเ่ิูจะส่ายหน้าก็ยกมือห้าม “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเลย นี่คือบัตรอนุญาตให้เข้าเขตของปีสองและปีสามได้ เ้าสามารถใช้มันเป็บัตรผ่านเข้าหอสมุดสาธารณะของสำนักเราได้ แล้วยืมคัมภีร์วรยุทธ์มาศึกษา”
เ่ิูชะงักครู่หนึ่ง
ข้อเสนอเช่นนี้ ไม่จำเป็ต้องปฏิเสธอีกต่อไป
เพราะสิทธิพิเศษเล็กๆ น้อยๆ นี่แลที่ขาดมิได้ที่สุด
“ขอบพระคุณท่านหัวหน้าหมวดหวัง” เขาค้อมกายเคารพ ยื่นมือรับบัตรนั้นจากนาง
หวังเยี่ยนระบายยิ้มกว้างเต็มหน้า ก่อนหันหลังกลับก็ถามทิ้งท้าย “รู้หรือเปล่าว่าทำไมข้าถึงได้ใส่ใจเ้านัก?”
เ่ิูพยักหน้าทันที
“หลังจากนี้เ้าก็จะรู้เอง”
นางยิ้มหยอกเย้า ร่างลับหายไปไร้วี่แววต่อหน้าต่อตาเ่ิู ผมดำๆ สีหน้าว่างเปล่า ดุจฟองสบู่แตกสลายในอากาศ
อาณาโดยรอบที่เคยหยุดชะงักกลับมาเป็ปรกติ
ใบไม้ซึ่งคั่งค้างกลางมวลอากาศ ท้ายสุดก็ปลิดปลิวลงมาเชื่องช้า
“เป็หัวหน้าหมวดแท้ๆ มาเล่นสนุกกับลูกศิษย์เสียได้? ฮึๆ...นี่คือพลังของจอมยุทธ์ระดับเหนือฟ้างั้นหรือ? พลังปราณมากมายจนถึงขั้นปิดผนึกพื้นที่รอบกายในร้อยเมตรได้เลย?” เ่ิูหวานอมขมกลืนพิลึก
ได้พบปะกับพลังที่แท้ของหวังเยี่ยน ใจที่ฝักใฝ่วรยุทธ์และพลังของเขาก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้นอีก
มีแต่จะต้องได้พลังมาเท่านั้น จึงจักไขปริศนานานาของตัวเองได้
มีแต่จะต้องได้พลังมาเท่านั้น จึงจักปลดปล่อยโชคชะตาของตัวเองมิให้ใครควบคุม ความยุติธรรมเที่ยงตรงจึงจักได้รับการเหลียวแล
...
...
ยามบ่าย
ลานแสดงยุทธ์หมายเลขเจ็ด
“เขตแรกที่เรียกว่าเขตหนัง ต้องทำให้ิัเหนียวทรหด หอกดาบใดโจมตีก็เหมือนแทงเข้าตอไม้ตายแล้ว การฝึกส่วนนี้หากพึ่งแต่ความมุมานะอย่างเดียวนั้นไม่มีทางสำเร็จ ต้องฝึกหนักหน่วงติดต่อกันเท่านั้นจึงจักสัมฤทธิ์ผล...”
เข้าเรียนคาบฝึกวรยุทธ์ อาจารย์ร่างสูงกำยำค่อยๆ สอนกลวิธีสู่การบรรลุเขตยุทธ์ทั้งหลายแหล่ให้ศิษย์ค่อยๆ ซึมซาบตาม
วิธีการของสำนักกวางขาวมีประสิทธิผลสูงมาก
เมื่อเช้าหัวหน้าหมวดหวังเพิ่งบอกว่าจะแบ่งการสอนออกตามจุดอ่อนของศิษย์แต่ละคน พอตอนคาบฝึกยุทธ์ในคาบบ่าย การแบ่งชั้นก็เสร็จสิ้นไปแล้ว
เ่ิูกับคนอื่นอีกสิบแปดคนถูกแบ่งมาอยู่ด้วยกัน เข้ารับการสอนวรยุทธ์พื้นฐานที่สุด
คนเหล่านี้ไร้พื้นฐานวรยุทธ์ ล้วนแล้วแต่เป็ลูกคนยาก ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จักเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตตน
เป็ที่แน่นอนว่า เยี่ยนสิงเทียนเหมือนจะเป็อัจฉริยะที่เรียนรู้พื้นฐานลึกซึ้งถึงแก่นมาแล้ว ไม่มีทางปรากฏตัวในคาบเรียนเช่นนี้แน่
อาจารย์ฝึกร่างกำยำเริ่มการถ่ายทอดวรยุทธ์
ทุกถ้อยที่เขาพูดล้วนแล้วแต่ตะเบ็งเสียงทั้งสิ้น ป่วนปั่นเหมือนฟ้าฟาดพสุธาก็ไม่ปาน
“หกเขตน้อยๆ ของวรยุทธ์อาณาพิภพนี้ ิั กล้ามเนื้อ กระดูก สามชั้นนี้ไม่มีขั้นตอนก่อนหลัง สามารถฝึกไปพร้อมกันได้เลย...”
“แต่เมื่อถึงเวลา ขนถ่ายเืเปลี่ยนไขกระดูกเหล็กแล้วค่อยอวัยวะ ต้องแบ่งแยกก่อนหลังชัดเจน เพราะยิ่งมากจำนวนเท่าไร วรยุทธ์ก็ยิ่งลึกซึ้งมากเท่านั้น โลหิต ไขกระดูก อวัยวะ สามชั้นนี้รวมวิชายุทธ์ภายในด้วยแล้ว จักเป็ตัววัดพื้นฐานทั้งวันนี้หรือวันพรุ่ง หากฝึกฝนผิดพลาด อาจต้องเดือดร้อนไปทั้งชีวิตได้ง่ายๆ!”
“ตอนนี้ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิธีการฝึกชั้นหนัง กล้ามเนื้อและกระดูกให้พวกเ้า พวกเ้าไม่จำเป็ต้องเข้าใจ แต่จงท่องตามข้า จำจนขึ้นใจแล้วค่อยทำความเข้าใจช้าๆ ถ้าสามวันห้าวันนี้ยังมีจุดไหนไม่เข้าใจค่อยมาถามเอาความกับข้า เข้าใจแล้วหรือยัง?”
อาจารย์ร่างบึกบึนตะเบ็งเต็มเสียง
“เข้าใจแล้วขอรับ!” ลูกศิษย์ะโกลับ
“ดี ในเมื่อพวกเ้าตั้งใจฟังข้าดีหมดแล้ว...เคล็ดลับมีคำเดียว...ฝีก! พวกเ้าอาจคิดว่าฝึกอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำคือ...นับั้แ่วินาทีเป็ต้นไป ต้องให้ไหล่สัมพันธ์กับสะโพก ศอกสัมพันธ์กับเข่า มือสัมพันธ์เท้า...ใจสัมพันธ์จิต จิตสัมพันธ์อารมณ์ อารมณ์สัมพันธ์กำลัง...ในหยินนอกหยางส่งผ่านลมปราณ หากไม่คล่องแคล่ว เท่ากับยากจะสัมฤทธิ์ผล!”
อาจารย์บึกบึนมีเคล็ดวิชา เท่าไรก็ตะเบ็งออกมาจนหมด
เหล่าศิษย์ตาดำๆ ก็ะโท่องตามอาจารย์
การฝึกวรยุทธ์ ก่อนอื่นต้องให้ความสำคัญกับบรรยากาศ สิ่งที่เรียกว่าบรรยากาศนี้ ก็คืออารมณ์ ทุกกระบวนการฝึกฝน ต้องทำให้ตัวเองตื่นตัว ตะคอกดังๆ เพิ่มแรงดันโลหิต ให้ทั้งร่างตื่นเต้นให้หมด
เ่ิูยืนอยู่ท่ามกลางหมู่คน ตะเบ็งดังลั่นเช่นกัน
ถึงเขาจะเชื่อมั่นในพร์ตัวเองมากมายเพียงใด แต่เขาก็รู้ดี ว่าเส้นทางสายฝึกต้องเหยียบเดินไปทีละก้าวๆ ถึงจะเป็ฟ้าประทานแต่ก็ต้องฝึกฝนหนักหน่วง ดังนั้นจึงไม่คิดมากหรือหมดอาลัยตายอยาก ในทางตรงกันข้ามกลับควรฝึกฝนหนักกว่าคนอื่นร้อยเท่าทวีคูณ
“ที่ข้าเพิ่งสอนพวกเ้าไปนั้น เป็ข้อสรุปรวมของการฝึกฝน สิงที่ข้าจะสอนต่อไปเป็ แปดกระบวนท่าอสรพิษ ท่าทั้งแปดนี้เป็การเจียระไนใจอันลึกล้ำของจอมยุทธ์อัจฉริยะในสำนักกวางขาวนับรุ่นไม่ถ้วน เหมาะสมกับการฝึกร่างกายเพื่อวรยุทธ์ในภายภาคหน้าที่สุด และกระบวนท่าอสรพิษนี้ก็ถูกขนานนามว่าเป็กลวิธีแรกสู่เขตหนัง ยอดยุทธ์ยิ่งยวด...”
อาจารย์ร่างกำยำว่าถึงตรงนี้ก็ะโก้อง ขยับตัวเริ่มแสดงกระบวนท่าอสรพิษ
“ท่าแรก งูทองโรมรัน!”
อาจารย์บิดกาย ร่างที่แข็งแรงผึ่งผายพลันอ่อนยวบยาบประหนึ่งไร้กระดูก เลื้อยไปเบื้องหน้า ฝ่ามือประดุจอสรพิษ พลิกกายไปมาเปี่ยมชีวิตชีวา ทุกผู้ทุกนายล้วนรู้สึกราวกับเทพเ้างูทอง พุ่งขึ้นมั่นมาดมาปรากฏบนผิวดินอย่างไรอย่างนั้น
กลางสายอากาศมีเสียงฟอดฟ่อดังเบาบางลวงตา ประดุจพญางูแลบลิ้นข่มขู่ ทำใครหน้าไหนพบเจอเป็ต้องกลัวหัวหดเข้ากระดอง
นักเรียนทุกคนล้วนเบิกตากว้าง สำรวจตรวจตราทุกการกระทำของอาจารย์โดยละเอียดอย่างหนัก
“ท่าที่สอง งูบินทลายหมอก!”
อาจารย์กำยำครึ่งกายแนบติดพื้น บิดโค้งงอประหลาด ราวงูบินเลื้อยคลานบนแผ่นดิน ดูเหมือนเชื่องช้า ทว่าไวว่องเหลือคาด ม่านหมอกบางชั้นล่องลอยอยู่รอบข้าง
ภาพนั้นดั่งอสรพิษบินโฉบเฉี่ยวแหวกเมฆผ่านหมอกแท้จริง ทั้งศักดิ์สิทธิ์และน่ากลัว
เ่ิูครุ่นคิด
สาเหตุที่กระบวนท่าอสรพิษเหมาะกับการฝึกหนังมากที่สุด ก็เป็เพราะงูยามเลื้อยนั้นตัวติดพื้น เสียดสีกับปฐี ทำให้ิัถูกเสียดไม่ว่างเว้น เปลี่ยนรูปเป็ทรหด กลวิธีเหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของอสรพิษ แท้จริงแล้วเป็การฝึกหนังที่เยี่ยมยอดเป็หนึ่งไม่มีสอง
“ท่าที่สาม งูเขาสะบัดหาง!”
อาจารย์เปลี่ยนกิริยาท่าทางกายอีกแล้ว ดั่งว่าเป็งูหลามตัวเป็ๆ แหวกเลื้อยคล้ายของจริงเหลือ
“ท่าที่สี่ งูลับแน่นหนัก!”
“ท่าที่ห้า งูขาวขู่ขวัญ!”
“ท่าที่หก งูลมพันพฤกษ์!”
“ท่าที่เจ็ด งูพิษพ่นฟอง!”
“ท่าที่แปด งูเทพเปลี่ยนจันทร์!”
อาจารย์ผู้บึกบึนนักยังเปลี่ยนท่าทางไม่หยุดหย่อน
และไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเท่าใด ในสายตาของเ่ิูค่อยๆ มองไม่เห็นร่างของคนสอน ทว่ากลับมองเห็นเสมือนงูั์ป่าเถื่อนกำลังเลื้อยคืบคลาน ทั้งขู่ฟ่อ ดุร้าย หนักแน่น พ่นพิษ...
บรรยากาศดุจงูเหลือมดุร้าย โเี้ เกรี้ยวกราดและทารุณลอยมาปะทะหน้า ทำเ่ิูรู้สึกเหมือนอยู่กลางวงล้อมบรรดาอสรพิษั์ใหญ่!
“เอาล่ะ วันนี้ข้าสอนพวกเ้าทั้งแปดท่านี้ อย่าดูถูกพวกมันนัก ความลึกซึ้งของวรยุทธ์ แน่นอนว่าไม่มีคำว่าง่ายดาย แต่ตามสัจธรรมความจริงแล้ว ล้วนมีเหตุผลเดียวกันนี้ หนุ่มน้อยทั้งหลาย หากพวกเ้าสามารถทำความเข้าใจให้คุ้นเคยกับสาระสำคัญของกระบวนท่าแปดท่านี้ไว้ได้ในครึ่งเดือน เส้นทางสู่เขตหนังของพวกเ้าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว!”
อาจารย์ตะเบ็งอีกครั้งเมื่อแสดงให้ดูจบ
เขากวาดสายตามองนักเรียนทุกคน พบว่าจำนวนมากกำลังคิดอย่างหนักใจ และมีเด็กหนุ่มใจร้อนกำลังคึกอยากลองเลียนแบบดูบ้าง
เขาหัวเราะพลางพยักหน้าให้
อย่างไรก็เป็เหล่าเด็กอัจฉริยะที่ผ่านการคัดเลือกมาโชกโชน หากมีแบบก็สามารถพอจะลอกเลียน รับเอาไปให้คลับคล้ายตัวอย่างได้
“เอ๋?”
สายตาของอาจารย์ จับจ้องมองยังเ่ิูชะงักงันไปชั่วคราว แข็งค้างทันใด เขาอุทานเสียงต่ำ
เห็นร่างเ่ิูพละพลิ้วเหมือนงู กำลังแสดงกระบวนท่าอสรพิษอย่างช้าๆ และยืดหยุ่น
ใต้แสงแห่งดวงตะวัน กายเขายืดหยุ่น ท่าแรก ‘งูทองโรมรัน’ ได้แสดงจบไปแล้ว ทุกรายละเอียดของแต่ละท่าทางไม่มีผิดเพี้ยนจากต้นฉบับเลยแม้แต่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจแนวทางของทุกกิริยาอย่างถ่องแท้ถึงแก่น
“น่าสนใจไม่ใช่น้อย ทำได้ในเวลารวดเร็วขนาดนี้...”
อาจารย์ร่างกำยำพยักหน้าเงียบๆ ในใจ เ่ิูคือต้นกล้าสำคัญของชั้นเรียน เขาเองก็ให้ความสนใจมาั้แ่ก่อนหน้า
‘กระบวนท่าอสรพิษ’ นี้ถึงจะมองดูง่ายดายแค่ไหน แต่สัจธรรมแท้จริงกลับแอบแฝงความหมายลึกซึ้งบริสุทธิ์ของการฝึกร่างกายไว้อย่างมิดชิด เป็สิ่งที่เจียระไนมาแล้วจากเืเนื้อและิญญาของคนรุ่นก่อน และ ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ทั้งหมดของสำนักกวางขาว แตกต่างจากของแห่งอื่นที่ย่นย่อลงมากนัก ตระการตากว่า เพื่อให้เมื่อใดที่หวนนึกถึง ก็จะรื่นรมย์กับความทรงจำได้เมื่อนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้