ท่ามกลางลานต่อสู้กลางท้องฟ้า กระแสพลังปราณธรมชาตินับไม่ถ้วนกระหน่ำเข้าจู่โจมเหล่าผู้แกร่งกล้าทั้งสิบที่กำลังร่วมมือทำลายหมุดค่ายกลตรงหน้านี้อย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านี้ก็เป็ถึงราชทินนามเทวะิญญาขั้นสูงย่างก้าวราชันิญญาขั้นต้นกันทั้งสิ้น พลังฝีมือแต่ละคนดุดันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ไม่ได้ทุ่มเทพลังปราณทั้งหมดก็สามารถสร้างแรงะเืทำลายไปได้ไม่น้อย สิ่งนี้อาศัยแต่เพียงเวลาเท่านั้น
เสาศิลาอันเป็หมุดค่ายกลจากธรรมชาตินี้คล้ายกับปราการป้องกันอันแข็งแกร่งของทางสำนักเทพมารทมิฬคงไม่เกินจริงไปนัก แต่ถึงอย่างไรนั้นสุดยอดพลังปราณทำลายล้างที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งได้กระหน่ำลงไปยังพสุธาเบื้องล่างอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้พลังปราณธรรมชาติที่คอยค้ำจุนเสาศิลาหมุดค่ายกลนี้ถูกขัดขวางไหลเวียนไม่ราบรื่น เสาศิลาบังเกิดเป็รอยร้าวที่เริ่มถูกกะเทาะแตกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยามนี้
"เสริมพลังปราณค้ำจุนเสาหลักหมุดค่ายกลนี้สุดกำลัง ค้ำยันม่านพลังป้องกันนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะกระทำได้!!!" ชายวัยกลางคนที่คาดว่าอาจเป็หนึ่งในผู้าุโสำคัญของทางสำนักเทพมารทมิฬร้องะโขึ้น
สิ้นเสียงคำสั่งดังกล่าว เงาร่างของบรรดาสุดยอดฝีมือที่ทางสำนักเทพมารทมิฬได้บ่มเพาะมาเป็เวลาหลายสิบปีได้ปรากฎขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พลังปราณที่แฝงด้วยพลังมารนั้นถึงกับเสริมแกร่งเสาศิลาเหล่านี้ให้ต้านรับได้อย่างไม่เสียเปรียบเท่าใดนัก
"ผู้าุโจางซิ่น พวกเราใกล้จะต้านรับไม่ไหวแล้วนะขอรับ กองกำลังที่ประมุขหวังจิ่งหลงนำมานั้นเหนือชั้นกว่าที่ท่านเ้าสำนักคาดการณ์ไว้อยู่มาก..." น้ำเสียงของหนึ่งในนั้นที่เริ่มเข้าสู่วงต่อสู้ั้แ่แรกเริ่มเอ่ยขึ้นด้วยความสัตย์จริง
"หากสิ่งนั้นที่ท่านเ้าสำนักตระเตรียมไว้เสร็จสมบูรณ์พร้อมแล้ว สถานการณ์จะต้องพลิกกลับเป็ฝ่ายเราที่ได้เปรียบแน่ อย่างน้อยสิ่งที่กำลังกระทำอยู่นี้คงพอถ่วงเวลาได้อยู่บ้างกระมัง..." จางซิ่นตอบกลับไปในทันที แม้ว่าน้ำเสียงจะมีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง
อย่างไรแล้วสำนักเทพมารทมิฬได้มีการหยั่งลึกตั้งรกรากอยู่บนมหาทวีปบูรพานี้เป็เวลาเนิ่นนานยิ่งนัก และไม่นับรวมถึงท่านผู้นั้นที่คอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลืออยู่เื้ัตลอดหลายปีมานี้ ดังนั้นหาก้าทำลายสำนักเทพมารทมิฬให้สิ้นชื่อนั้นย่อมไม่ใช่เื่ที่กระทำได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
หวังจิ่งหลงบัญชาการวิหคเพลิงพุ่งเข้าโจมตีม่านพลังที่คุ้มกันเสาศิลาหมุดค่ายกลตรงเบื้องล่างอย่างไม่ยั้งมือเพียงนิด สะเก็ดเพลิงสีส้มเข้มข้นประกายแพรวพราวสาดส่องระยิบระยับหมุนวนแผดเผาไม่หยุดยั้ง ยิ่งได้รับการเสริมแกร่งจากผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาทั้งสามท่านด้านหลังแล้ว สะเก็ดเพลิงอันอหังการนี้ยังคงสร้างความเสียหายที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แววตาของหวังจิ่งหลงผู้ที่สูญเสียหลานชายของตนไปนั้นยามนี้หาได้หลงเหลือแววตาเมตตากรุณาอย่างเช่นเคยไม่ ยามนี้กลิ่นอายสังหารฆ่าฟันต่างปะทุไปทั่วทั้งร่างกายดูน่าหวั่นเกรงยิ่ง หากมีคนของสำนักเทพมารทมิฬปรากฎอยู่ในระยะสายตาการรับรู้ เพียงตวัดมือออกไปหนึ่งครั้งเท่านั้น ร่างกายของผู้ร่วมพันธมิตรหรือสุดยอดฝีมือฝั่งตรงข้ามต่างถูกบดขยี้ตกตายไปทันที
เสาศิลาหมุดค่ายกลดังกล่าวส่อแววอ่อนกำลังลงในทุกขณะ การแตกสลายสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตรงข้ามกับทางฝั่งของหวังจิ่งหลงที่ยังคงกล้าแกร่งดังเดิมไม่ถดถอยน้อยลง ขุมพลังอันอหังการของสิบผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะิญญาที่ยังคงถ่ายเทพลังกระหน่ำเข้าหักหาญทำลายอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนแปรปรวนนั้นสายตาแลพประสาทััอันเฉียบคมของผู้ฝึกตนระดับสูงนั้นต่างรับรู้ได้ว่าอีกไม่นานเท่านั้นเสาศิลาอันเป็หมุดค่ายกลนี้ย่อมถูกทำลายลงไปอย่างแน่นอน
อัญเชิญกระถางิญญาสามขาดาราทอง์!!!
ไม่รอช้าหวังจิ่งหลงได้เรียกสมบัติวิเศษออกมาเบื้องหน้าอย่างฉับไว ทว่าฉับพลันนั้นก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นพรวดพราดก่อนจะปรากฎอักขระพิศดารสีทองไหลเวียนอยู่โดยรอบก่อนจะพุ่งหายเข้าไปด้านใน กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นก็เพียงพอจะคาดเดาได้ว่าคงเป็สมบัติวิเศษที่ยอดเยี่ยมเหนือล้ำไม่ด้อยกว่าสมบัติวิเศษระดับตำนานเป็แน่
แรงสะกดข่มจากกระถางิญญาสามขาดารา์ได้ดูดซับพลังปราณธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงเสาศิลาอันเป็หมดค่ายกลนี้จนแทบจะหมดสิ้น กลุ่มผู้กล้าแกร่งที่กระหน่ำลงมือตรงด้านข้างไม่ไกลเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเร่งถ่ายเทพลังปราณทำลายล้างอีกครั้ง เสียงแตกทลายดังก้องไปทั่วก่อนที่เสาศิลานับสิบต้นได้แตกหักขาดครึ่งลงไปในที่สุด ยามนี้ปราการป้องกันชั้นในของทางสำนักเทพมารทมิฬได้ถูกเปิดออกแล้วในที่สุด
เสียงโห่ร้องยินดีของกองกำลังที่หวังจิ่งหลงพามานั้นต่างส่งเสียงดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งผืนป่าแห่งนี้กล่าวได้ว่าพวกเขามีชัยชนะไปกว่าครึ่งแล้วคงไม่เกินจริงไปนัก ม่านพลังป้องกันธรรมชาตินี้เป็สิ่งหนึ่งที่คอยป้องกันสำนักเทพมารทมิฬจากผู้บุกรุกมาอย่างช้านาน แต่ถึงอย่างไรนั้นความแข็งแกร่งนี้ยังไม่อาจเทียบเท่ากับม่านปราการส่วนชั้นในสุดได้ ดังนั้นการกระทำหลังจากนี้พวกเขาต้องรอบคอบและไม่อาจประมาทได้
"ท่านประมุขหวังจิ่งหลง..." ขณะที่กองกำลังด้านหลังนั้นกำลังพักฟื้นร่างกาย เร่งดูดซับปราณฟ้าดินและโอสถรักษาเพื่อเตรียมร่างกายให้ฟื้นคืนกลับมาให้มากที่สุด
ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งได้ปรากฏขึ้นจากห้วงอากาศว่างเปล่าด้านข้าง สตรีท่านนี้มีรูปร่างอรชรที่งดงามยิ่ง เพียงแต่ว่าใบหน้านั้นอาจติดเรียบเฉยไปนิด แต่ถึงอย่างไรท่าทีของนางยังคงอ่อนน้อมนับถือหวังจิ่งหลงเป็อย่างยิ่ง
"สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วกระมัง??" หวังจิ่งหลงถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
"ทางสำนักเทพมารทมิฬได้เสริมแกร่งม่านพลังด้านในระดับสูงสุด คาดว่าคงตั้งรับกองกำลังของพวกเราอย่างเต็มที่ในศึกสุดท้ายนี้..." สตรีคนดังกล่าวรายงานให้รับทราบ
"ให้ผู้าุโเจิ้นเทานำผู้กล้าแกร่งราชทินนามราชันิญญาสิบคนล่วงหน้าไปก่อน จัดการวางค่ายกลตรึงม่านมิติโดยรอบให้เรียบร้อย ไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่อาจยื่นมือเข้ามาขัดขวางได้ทั้งสิ้น!!!" หวังจิ่งหลงส่งการออกคำสั่งเสร็จสตรีดังกล่าวจึงหายลับไปในทันที เงาร่างที่วูบหายไปหลากหลายสายนั่นย่อมหมายถึงคำสั่งการนี้ได้รับการส่งต่อเข้าจัดการแล้ว
หวังจิ่งหลงพอคาดเดาได้อยู่บ้าง การที่พวกมันหดหัวไม่ปรากฎตัวเช่นนี้นั่นเป็เพราะกำลังรอกำลังเสริมจากผู้ที่อยู่เื้ัช่วยเหลือ ถึงอย่างไรการรวบรวมกองกำลังครั้งนี้ได้มีการวางแผนที่รอบคอบรัดกุ่มยิ่ง การวางค่ายกลปิดผนึกห้วงมิติโดยรอบพื้นที่สำนักเทพมารทมิฬจึงเป็อีกในหนึ่งแผนการที่มั่นใจว่าย่อมไม่มีผู้ใดเข้าขัดขวางการทำลายตำหนักเทพมารทมิฬนี้ได้
"ประมุขตระมูลหวังช่างโอหังยิ่งนัก ศาตราวุธของข้าชิ้นนี้คงพอให้หายโง่เขลาบ้างกระมัง!!" เงาร่างสายหนึ่งเหินทะยานลัดฟ้าปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า ก่อนที่ค้อนั์สีดำขนาดมหึมาจะขยายตัวพรวดพราดด้วยแรงหนุนจากพลังปราณของผู้บัญชาการ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวดุดันสะกดข่มไปทั่วก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีด้วยความรวดเร็ว
ตู้ม!!!
ไม่รอช้าหวังจิ่งหลงได้วาดมือออกเบื้องหน้าอย่างฉับไว หอกสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือถูกโยนออกไปต้านรับในทันที ทว่าฉับพลันนั้นมันก็ได้ขยายใหญ่ตั้งขึ้นมั่นคงราวกับเสาค้ำฟ้า สะเก็ดเปลวเพลิงสีส้มลุกท่วมก่อนจะตั้งรับได้อย่างไม่เสียเปรียบ สองสมบัติวิเศษปะทะกันก็บังเกิดเป็คลื่นพลังสะท้อนอหังการรุนแรง เสียงะเิดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบนี้
"โผล่หัวออกมาจนได้ นึกว่าเ้าสำนักเทพมารทมิฬจะรักตัวกลัวตายมากกว่านี้เสียอีก!!!" หวังจิ่งหลงเอ่ยนามของผู้มาใหม่นี้อย่างไม่กลัวเกรงด้วยความเดือดดาล
เ้าสำนักเทพมารทมิฬหรือนามที่ผู้คนต่างเรียกขานนั่นคือเ้าสำนักฮั่วอวี่ ราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าวราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้น ขุมพลังปราณลึกล้ำหนักแน่นปานนี้ช่างแกร่งกร้าวน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
"ไม่เลว ไม่เลว ท่านประมุขตระกูลหวังมีฝีมือน่าชื่นชมอย่างแท้จริง เช่นนั้นจงรับมือ!!!!" น้ำเสียงของฮั่วอวี่ ผู้เป็เ้าสำนักเทพมารทมิฬดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
ตรงมือขวานั้นปรากฏเป็เจดีย์สามชั้นสีดำแดงชิ้นหนึ่งที่มีรัศมีกลิ่นอายแผ่ซ่านมี่ไม่ธรรมดาสามัญ เพียงตวัดมือไปเพียงครั้งเจดีย์สามชั้นนี้ได้ขยายใหญ่ขึ้นราวกับูเาลูกหนึ่งก็ไม่ปาน สมบัติชิ้นนี้มีความลึกล้ำอาณุภาพไม่อ่อนด้อยกว่าสมบัติวิเศษระดับเทวะอย่างแท้จริง
พลังปราณลึกล้ำเข้มข้นบริสุทธิ์แผ่ซ่านกำจายไปทั่ว โอบล้อมพื้นที่ส่วนด้านในของสำนักเทพมารทมิฬทั้งหมด กลิ่นอายกล้าแกร่งเฉพาะของผู้ฝึกตนนั้นยิ่งเข้มข้นทบทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็ที่น่าหวั่นเกรงยิ่ง
ไร้ซึ่งคำสั่งบัญชาการใดใด จากผู้นำทั้งสองในยามนี้ บรรดาผู้าุโั้แ่รุ่นเก่าก่อนจนถึงรุ่นปัจจุบัน รวมไปถึงผู้กล้าแกร่งทั้งหมดในลานสังหารนี้ไม่ว่าจะเป็กองกำลังที่หวังจิ่งหลงรวบรวมมาได้และกองกำลังของทางสำนักเทพมารทมิฬต่างดาหน้าเข้าปะทะกันขนิดที่ว่าชีวิตแลกชีวิตคงไม่เกินจริงไปนัก
"นำหนิงอ้ายหลานชายข้าคืนมาเดี๋ยวนี้!!!!" หวังจิ่งหลงะโดังก้องก่อนจะพุ่งทะยานออกไปด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับกระบี่สีดำสนิทในมือ
เงาร่างของสุดยอดผู้ฝึกตนที่ทางสำนักเทพมารทมิฬได้บ่มเพาะมาตลอดหลายปีนี้ได้เข้าล้อมหวังจิ่งหลงที่มุ่งตรงมาอย่างไม่หวั่นเกรง ฮั่วอวี่เข่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เงาร่างดังกล่าวจะหายไปในที่สุด
แม้ต้องตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมนับเกือบสิบกว่าคน สิ่งนี้หาได้ส่งผลให้หวังจิ่งหลงต้องรู้สึกหวั่นเกรงทั้งสิ้น เงากระบี่ถูกฟันไปมาซ้ายขวารวดเร็วราวกับแสงดาวตก ก่อนที่ศีรษะของกลุ่มคนตรงหน้าล้วนตกลงสู่เบื้องล่างทั้งสิ้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้ใจดีถึงเพียงนั้น เพียงบัญชาการทักษะิญญายุทธ์ออกมาได้ปรากฎเป็วิหคเพลิงสีส้มประกายเข้าแผดเผาร่างกายและจิติญญาของพวกมันไปสิ้น ตัดเส้นทางการหวนคืนด้วยกลวิธีพิศดารใดใด
หวังจิ่งหลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวได้ย่ำเท้าพุ่งทะยานเข้าจู่โจมสังหารบรรดาผู้ฝึกตนที่เป็พันธมิตรกับสำนักเทพมารทมิฬจนตกตายกันไปสิ้น แสงสีดำประกายส้มทอแสงวูบวาบทุกครั้งเมื่อถูกตวัดกวัดแกร่งสังหาร ใข้เวลาเพียงไม่นาน บรรดาผู้กร้าแกร่งที่มีพลังไม่อ่อนด้อยกว่าราชทินนามราชันิญญาได้ตกตายไปเป็จำนวนมากจนน่าตะลึง
ฉับพลันนั้นเองได้มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฎขึ้นตรงด้านหลังของหวังจิ่งหลง ผู้ที่ปรากฎขึ้นนั้นเป็ชายวัยกลางคนที่มีเรือนผมสีดำสนิทลากยาวไปกับพื้นสวมใส่อาภรณ์สีดำแดงอันเป็สีประจำของทางสำนักเทพมารทมิฬแห่งนี้ พินิจจากพู่หยกสีดำที่แขวนห้อยอยู่ตรงข้างเอวนั่น คนผู้นี้คือผู้าุโสูงสุดหม่าหลุนเป็แน่
รอบร่างบุรุษนี้ตลบอบอวนพลังปราณมารสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ยิ่งได้รับการเสริมแกร่งจากเจดีย์สามชั้นที่ตอนนี้แผ่กลิ่นอายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า จึงพอจะสะกดข่มให้หวังจิ่งหลงถึงกับต้องสูญเสียจังหวะไป่หนึ่งเลยทีเดียว
ตู้ม!!!
"ลักลอบกระทำอย่างมุสิกขี้ขลาดเช่นนี้ ช่างสมกับสวะรับใช้สำนักเทพมารทมิฬเสียจริง ท่านประมุขติดตามไล่ล่าเ้าสำนักฮั่วอวี่เพื่อหาเบาะแสของคุณชายเล็กก่อนเถิดขอรับ ทางนี้ข้าจะเป็ผู้รับมือเอง!!!" หวังฮุ่ยที่คอยเฝ้าระวังอยู่ไม่ไกลนั้นได้เข้ามาขัดขวางการลอบสังหารครั้งนี้อย่างทันท่วงที
ทางฝั่งของหวังจิ่งหลงเมื่อหลุดจากพันธนาการสะกดข่มเมื่อครู่จึงรีบโคจรพลังปราณในร่างกายให้เตรียมพร้อมอีกครั้งและเพิ่มการระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะพุ่งทะยานไปยังทิศทางที่เ้าสำนักฮั่วอวี่ได้หายไปเมื่อครู่
"เ้าเป็ใครกันจึงได้สอดมือขัดขวางเช่นนี้!!!" หม่าหลุนถลึงตาพร้อมกับะโขึ้นด้วยความกราดเกรี้ยว หากไม่ถูกขัดขวางแล้วละก็ชีวิตของประมุขตระกูลหวังย่อมตกตายไปด้วยน้ำมือของเขาอย่างแน่นอน
วิชายุทธ์กรงเล็บพิฆาตเมื่อครู่เกิดจากขุมพลังพิศดารที่ประสานเข้ากับปราณมารบริสุทธิ์จึงขึ้นชื่อในเื่ของการแหวกม่านมิติและการลอบโจมตี ทว่าตอนนี้กลับถูกทำลายลงด้วยผู้ที่สอดมือเข้ามาวุ่นวายนี้
"คิดจะถามนามของข้าแต่กลับไม่แนะนพตนเองเสียก่อน ชนชั้นต่ำทรามอย่างสำนักเทพมารทมิฬย่อมไม่คุ้นชินในเื่ของมารยาทของผู้ฝึกตน อันนี้ข้าเข้าใจได้!!!" หวังฮุ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยังคงท่วงท่าอันสง่างามยิ่ง
"ผู้าุโสูงสุดหม่าหลุน หนึ่งในสี่ผู้าุโประจำสำนักเทพมารทมิฬ!!!" กล่าวจบลงก็แสดงท่าทีหยิ่งผยอง พลังปราณธาตุน้ำผันแปรจนเกิดเป็ลมปราณที่หนาวเหน็บสะท้าน ยิ่งได้รับกระแสพลังปราณจากเจดีย์สามชั้นที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั่วทั้งร่างแผ่ซ่านลมปราณอันเยือกเย็นที่ประสานเข้ากับพลังปราณมารที่พวยพุ่งรอบตัวราวกับอสรพิษบ้าคลั่ง
"นามของข้าคือหวังฮุ่ย ผู้ติดตามท่านประมุขหวังจิ่งหลง ฉายามัจจุราชสังหารไร้เงา..." หวังฮุ่ยกล่าวตอบไปอย่างไม่ยินดียินร้าย คล้ายกับพึ่งเอ่ยถึงเื่ธรรมดาทั่วไปหาใช่สิ่งสำคัญ
เพียงแต่สิ้นเสียงวาจาที่ได้ยินนั้น หม่าหลุนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตกตะลึง แน่นอนว่าบนทวีปบูรพาแห่งนี้ย่อมมีผู้ที่มากไปด้วยฝีมือที่ปลีกตัวซ่อนเร้นอยู่ทั่วทั้งมหาพิภพ ฟังว่ากลุ่มสุดยอดผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ล้วนปลีกตัวจากความวุ่นวายและเลือกที่จะใช้ฉายาเรียกขานมากกว่าชื่อแซ่ที่แท้จริงของตน
สิ่งหนึ่งที่หม่าหลุนคาดไม่ถึงนั่นคือ หวังฮุ่ยผู้นี้แม้อีกฝ่ายจะแนะนำตนว่าเป็เพียงผู้ติดตามของประมุขตระกูลหวังก็จริง ทว่าฉายามัจจุราชสังหารไร้เงา นามกรนี้ต่างหากเล่าที่สะกดข่มขวัญอย่างแท้จริง
"ถึงกับเป็มัจจุราชสังหารไร้เงาอย่างนั้นรึ!!" หม่าหลุนกล่าวด้วยสีหน้ามืดทะมึนดวงตาจับจ้องอย่างไม่ละสายตา นามกรอันเลื่องชื่อของอีกฝ่ายเขาย่อมคุ้นชินเป็อย่างดีเลยทีเดียว เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะเป็ถึงผู้ติดตามของประมุขหวังท่านนี้ ชื่อเสียงเล่าลือได้ถูกเล่าขานแต่งเสริมอยากมากมายจนยากจะเชื่อ ทว่าวิชายุทธ์พิฆาตที่เข้าขัดขวางการลอบสังหารเมื่อครู่ก็เพียงพอบอกได้แล้วว่าระดับฝีมือความสามารถของหวังฮุ่ยผู้นี้ไม่ธรรมดาสามัญ
"ตัวตนของตำหนักเทพมารทมิฬได้กระทำต่ำช้าอย่างอุกอาจบนทวีปบูรพาแห่งนี้มาช้านาน อีกทั้งอยู่เื้ัการหายตัวไปของคุณชายเล็กหวังหนิงอ้าย สิ่งเดียวที่ท่านประมุขหวังจิ่งหลง้าคือทำลายสำนักเทพมารทมิฬให้สิ้นซาก!!!" จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดของหวังฮุ่ยเข้าถาโถมสะกดข่มลงมาทั่วบริเวณ บรรยากาศหนักอึ้งในพรึบตาเดียว ท่าร่างวิชาตัวเบาสยบอัสนีเมฆาอันเลื่องชื่อของตระกูลหวังได้ถูกเรียกใช้อย่างเชี่ยวชาญก่อนจะเข้าจู่โจมทันที
ดวงตาของหม่าหลุนเบิกกว้างได้ความตกตะลึง พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมานั้นเข้มข้นเป็อย่างยิ่ง กระแสพลังปราณธาตุลมที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมานั้นไม่ต่างจากห้วงวายุอันบ้าคลั่ง เนื่องจากไม่อาจต้านรับคลื่นทำลายล้างนี้ได้โดยตรง หม่าหลุนจึงรีดเค้นโคจรพลังปราณก่อนจะรวบรวมพลังปราณในมือผลักสายลมคลั่งนั้นออกไปจนเกิดเสียงะเิดังลั่นอย่างรุนแรง สุดยอดขุมพลังปราณทั้งสองที่เข้าปะทะได้ส่งผลให้ห้วงมิติโดยรอบถึงกับฉีกขาดเป็แนวยาวเลยทีเดียว
กรงเล็บมารพสุธาทมิฬสังหาร!!!
ปราณมารผสานเข้ากับปราณธาตุดินก่อตัวเป็กระบี่นับสิบเล่มก่อนจะพวยพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว กลิ่นอายของกระบี่เหล่านี้มีความรุนแรงและกลิ่นอายเทียบเท่าวิชายุทธ์สังหารของราชทินนามราชันิญญาขั้นกลาง ที่แฝงไปด้วยปราณมารอันน่าตกตะลึง
หนึ่งกระบี่วายุดาราทลายฟ้า!!!
แม้วิชายุทธ์โจมตีของหม่าหลุนจะน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด ทว่าหวังฮุ่ยยังคงท่าทางสงบไม่หวั่นไหว ก่อนจะโคจรพลังปราณในร่างสำแดงวิชายุทธ์ชนิดหนึ่งออกมา เหนือท้องฟ้า้าปรากฎเป็กระบี่สีเงินประกายสว่างไสวก่อนจะเข้ารับพายุกระบี่พิศดารตรงหน้า
สายลมอันเกิดจากปราณธาตุลมก่อตัวเป็กระแสวายุบ้าคลั่ง ขุมพลังลมปราณที่หล่อเลี้ยงกล่าวว่าลึกล้ำเป็อย่างยิ่ง แรงะเิจากขุมพลังของราชทินนามราชันิญญาได้สร้างความสั่นะเืฟ้า หนี่งกระบี่วายุพุ่งเข้าทำลายฟาดฟันกระบี่อันเกิดจากการประสานปราณมารจนซ่านสลายไป เงาร่างของทั้งสองยังคงเข้าฟาดฟันกันด้วยความรวดเร็วจนยากที่จะเห็นได้แล้วยามนี้ บรรดาผู้แกร่งกล้าที่เหลือต่างเว้นระยะให้บริเวณนี้เป็ลานต่อสู้ของทั้งสองไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดของผู้แกร่งกล้าของหวังจิ่งหลงและฝั่งของสำนักเทพมารทมิฬได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักไปทั่วทั้งบริเวณแห่งนี้จนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิมเสียด้วยซ้ำ วิชายุทธ์สังหาร สมบัติวิเศษประจำตัวต่างถูกเรียกใช้ออกมาทั้งสิ้น แม้ว่าผู้แกร่งกล้าทางฝั่งของสำนักเทพมารทมิฬจะได้รับกลวิธีพิสดารในการเลื่อนระดับพลัง แต่ถึงอย่างไรแล้วรากฐานบ่มเพาะกล่าวได้ว่ายังไม่หนักแน่นมากนัก แต่ก็นับได้ว่าล้วนเป็ตัวตนที่เป็สุดยอดฝีมือชั้นสูงแถวหน้าที่ขึ้นชื่อเช่นกัน
พลังจิติญญาของหวังจิ่งหลงแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว แม้กองกำลังของเขาจะมากไปด้วยฝีมือเหนือชั้นว่าก็จริง ทว่าทางฝั่งของสำนักเทพมารทมิฬก็ไม่อาจสังหารได้โดยง่ายเช่นกันด้วยสมบัติวิเศษประจำตัวที่เพิ่มพูนพลังลมปราณที่แฝงไปด้วยปราณมารอันแข็งแกร่งจนเกิดเป็เขตแดนเสริมกำลัง ไม่เพียงเท่านั้นด้วยลักษณะเฉพาะของปราณมารพิสดารนี้ยังทำให้การรีดเค้นโคจรพลังลมปราณของผู้ฝึกตนที่มีพลังฝีมือระดับเทวะิญญาขั้นกลางลงมาเริ่มติดขัดไม่สามารถบัญชาการได้ตามที่ควร ทำให้หลายครั้งถึงกับพลาดพลั้งได้รับาเ็ไปไม่น้อยเช่นกัน
"หวังจิ่งหลงเ้าอย่าได้เหิมเกริมมากนัก สำนักเทพมารทมิฬหาได้ล่วงเกินโดยง่าย ขุมพลังหนุนหลังที่ไม่อาจบอกได้ยามนี้หาใช่ตัวตนที่เ้าสามารถต่อกรได้ เ้ากระทำอุกอาจไม่หวั่นเกรงเช่นนี้คงเตรียมใจมาบ้างแล้วกระมัง!!" ฮั่วอวี่ตวาดกร้าวออกมาเสียงแข็ง ยามนี้สำนักเทพมารทมิฬของมันเกิดความเสียหายเป็อย่างมาก ไม่รู้ว่าเทียบเชิญที่ส่งออกไปก่อนหน้าท่านผู้นั้นจะตอบรับหรือไม่
"เพื่อหนิงอ้ายหลานของข้า ต่อให้ต้องเป็ศัตรูกับผู้ใดข้าก็ไม่หวั่นเกรงทั้งสิ้น!!" หวังจิ่งหลงตอบไปพร้อมกับะเิขุมกำลังของราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าวเทพยุทธ์ิญญาขั้นต้นออกมากว่าเดิมหลายเท่า
"หลานของเ้าถูกท่านผู้นั้นจับตัวไปด้วยตนเอง เืและพลังปราณต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนที่มีิญญายุทธมากกว่าหนึ่งล้ำค่ามากเพียงใด ยามนี้คงเหลือแต่เพียงเศษซากร่างไร้ิญญาไปเสียแล้วกระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า!!"
ครืน!!!
"เอาชีวิตหลานของข้าคืนมา!!" แรงกดดันมหาศาลถาโถมกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าสร้างแรงสะกดข่มไปทั่วทุกสารทิศในลานต่อสู้กลางฟ้าเหนือสำนักเทพมารทมิฬแห่งนี้ บรรยากาศหนักอึ้งในพริบตาได้สร้างแรงกดดันอันรุนแรงจนทำให้บรรดาผู้ฝึกตนหลายคนของตำหนักเทพมารทมิฬถึงกับหน้าซีดขาว ขุมพลังอหังการปานนี้สร้างความตกตะลึงต่อผู้แกร่งกล้าอย่างแท้จริง
เสียงดังสนั่นเลือนลั่นสะท้านะเืกึกก้องกัมปนาทไม่ต่างจากฟ้าถล่ม แสงสีส้มประกายสว่างอาบย้อมทุกสรรพสิ่ง ต่อให้เป็ห้วงมิติชั้นสูงยังบังเกิดเป็รอยฉีกขาดเป็ทางยาว พลังฝีมือของหวังจิ่งหลงยามนี้กล่าวได้ว่าลึกล้ำบริสุทธิ์ถึงขีดสุด สุดยอดสมบัติวิเศษระดับสุงที่อยู่ในการต่างถูกบัญชาการเรียกใช้อย่างเต็มที่ บางชิ้นถึงกับเป็ถึงสมบัติวิเศษระดับตำนานขั้นสูงเลยทีเดียว
"ต้านรับเอาไว้ให้ได้!!" ฮั่วอวี่ออกคำสั่ง น้ำเสียงที่ดังสนั่นได้ปลุกระดมกองกำลังสนับสนุนสำนักเทพมารทมิฬให้กลับมามีกำลังใจดังเดิม ก่อนจะถ่ายเทพลังปราณเป็ค่ายกลโจมตีชนิดหนึ่ง ยามนี้หากไม่ร่วมมือกันแล้วแม้แต่ชีวิตย่อมไม่อาจรักษาได้แล้วเช่นกัน ขุมพลังที่ประมุขตระกูลหวังผู้นี้ รวมไปถึงผู้กล้าแกร่งในกองทัพที่นำพามาด้วยนั้นทรงพลังเหนือชั้นอย่างแท้จริง
เงาร่างสายหนึ่งสวมใส่เสื้อคลุมสีดำหม่นดูเก่าโทรมราวกับจะฉีกขาดได้ปรากฏขึ้นอยู่ตรงเบื้องหน้า กลุ่มควันสีดำของปราณมารชั้นสูงที่ชัดเจนได้ตลบอบอวลไปทั่ว ตรงด้านหลังเป็เหล่าผู้ที่ติดตามทั้งสามคนที่ดูผอมแห้งไม่ต่างจากซากศพเดินได้ แม้ภายนอกจะดูแก่ชรา ทว่าแววตาสีดำเปี่ยมด้วยประกายและจิตสังหารอันแรงกล้า มุมปากเชิดขึ้นอย่างถือดีก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังว่า "ข้าคงไม่ได้ออกมาต้อนรับช้าไปใช่หรือไม่?"
