ด้านนอกประตูว่างเปล่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่เงายังไม่ปรากฏ
ขณะนี้ใบหน้าของชายร่างกำยำผิวทำต่างขาวโพลน ลูกตาดำกลอกกลิ้งไปทางตรอกซอยอันแสนมืดมิดขณะเดียวกันร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็หิน
“ใครมาเคาะประตูอย่างนั้นหรือ?”
เพื่อนที่อยู่ด้านหลังยังไม่เข้าใจสถานการณ์เขาคิดว่าคนของจวนมาถึงแล้ว
“ไม่...ไม่มีใครเคาะประตู...ผี...ผี...”
เสียงร้องของชายร่างกำยำดังขึ้น ขณะเดียวกันสาวเท้ายาวๆ ออกวิ่งหายไปในตรอกความเร็วประหนึ่งม้าพันลี้
“นายหญิง คิกๆ เขาวิ่งเร็วมากเลยเ้าค่ะ!”
ป๋ายซ่าวที่แฝงตัวอยู่ในความมืดหัวเราะคิกคักขณะแอบมองร่างของชายผู้นั้นที่วิ่งหายไป
พวกนางทุกคนล้วนสวมใส่ชุดสีดำและเร้นกายอยู่ภายใต้ความมืดนอกจากดวงตาสีขาวทั้งสองข้างแล้วจึงไม่มีใครพบเห็นร่างของพวกนางเลย
“วิ่งเร็วจริงเชียว เอาล่ะ พวกเ้าหลอกพวกเขาต่อไปแต่อย่าทำให้เสียเื่”
คนสิบกว่าคนล้วนสวมใส่เสื้อคลุมสีดำส่วนหลินเมิ้งหยาห่อตัวเองอย่างหนาแน่น
เมื่อครู่นางแอบไปดูเหล่าคนงานที่สลบไสลแล้ว
ยังดีที่พวกเขาถูกวางเพียงยาเบื่อธรรมดา นอนหลับสักคืนก็ดีขึ้นแล้ว
นี่เป็หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “ผี”ในโรงน้ำชาล้วนไม่อยากให้ใครรู้ความลับเื่ทอง
เหล่าองครักษ์มากความสามารถปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพงจากนั้นส่ายโคมไฟสีแดงที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีดำกับไม้แท่งบางๆ
ครู่ต่อมา เหล่าผู้คนที่ได้สติแล้วรีบร้อนวิ่งหนีอุตลุดทันที
ทั้งร้อง ทั้งะโร้องขอชีวิตจากภูตผีปีศาจอีกทั้งยังเอ่ยว่าจะไม่บังอาจอีกแล้ว
หลินเมิ้งหยาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เฮ้อ งมงายอะไรเช่นนี้!
ภายใต้ท้องฟ้าอันแสนมืดมิด สิบกว่าคนจึงย่องเข้าไปภายในโรงน้ำชา
บรรยากาศอึมครึม ยิ่งมีคนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนพื้นยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าช้า
หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่ทางด้านหลังสุด นางมองสถานการณ์ภายในโรงน้ำชา
คิกๆ เ้าจิ้งจอกตัวนั้นยังอยู่!
ชิงหูนวดหว่างคิ้ว ยาพิษบนร่างของเขาส่งกลิ่นออกมา แม้จะอยู่ไกลกันทว่าสมองยังคงร้องเตือนชื่อยาและสรรพคุณไม่หยุด
มาสอดแนมนางยังพอทน แต่เหตุใดจึงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเื่นี้ด้วย!
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยาตั้งมั่นคราวหน้านางจะเพิ่มฤทธิ์ของปาโต้วเข้าไปอีกจะได้สั่งสอนเ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ให้ตายไปเลย!
แผนการยังคงดำเนินต่อไป หลินเมิ้งหยาสั่งให้ลูกน้องนำโคมแดงเข้าไปติดไว้ในห้องด้านในสุดของโรงน้ำชา
ขณะนี้โรงน้ำชาที่เคยมืดมิดจึงปรากฏแสงสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ
โชคดีที่สวนแห่งนี้ไร้ซึ่งคนเป็ มิเช่นนั้นคงทำให้พวกเขาตื่นตะลึง
ไม่นานก็เกิดเสียงการเคลื่อนไหวขึ้นภายในโรงน้ำชาแสงสีเงินส่องประกายจากใบมีดพุ่งไปทางโคมสีแดง
แต่ใครจะคาดคิดเล่าว่าขณะที่มีดพุ่งเข้าไป เปลวไฟจะสว่างวาบอีกทั้งยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจวัสดุที่ใช้ในการสร้างโคมไฟอันนี้เป็ผ้าไหมอย่างดีที่มีความเหนียวมากเป็พิเศษ
อาวุธธรรมดาทั่วไปทำได้แต่เพียงทำให้เกิดรอยขีดข่วนเท่านั้น
ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่มีดบินผ่านไปเช่นนี้ขึ้น
ชั่วเวลาอึดใจต่อมา “ผี” ที่น่ากลัวแห่งโรงน้ำชานิ่งอึ้ง
โคมไฟยังคงบินไปมา ผีที่ได้เห็นดังนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ไม่นานก็ได้เห็นร่างดำโผล่ออกมา
หลินเมิ้งหยารีบส่งสัญญาณ ปลากินเบ็ดแล้วตอนนี้ต้องเตรียมกระตุกคันเบ็ด!
ด้านข้างของเงาดำพลันปรากฏร่างของผีในชุดแดงออกมาหลายร่างใบหน้าถูกบดบังด้วยเส้นผมรกรุงรังจนมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน
ขณะนี้เงาดำร่างนั้นตื่นตระหนก “ว๊าก” ส่งเสียงร้องก่อนจะรีบผลุบตัวเข้าไปในโรงน้ำชา
หลินเมิ้งหยาเกือบหลุดขำพรืดออกมาทว่าร่างผีสาวในชุดแดงกลับไม่ตามเข้าไป แต่กลับรีบซ่อนตัวหายไปในความมืด
ตอนนี้นอกจากโคมไฟสีแดงแล้วก็ไม่ปรากฏร่างอื่นใดอีก
“นายหญิง ถ้าพวกเขาหนีไปจะทำเช่นไรเ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวยังคงมีความใจกล้าอีกทั้งยังมองทางโรงน้ำชาด้วยอารมณ์นึกสนุก
“หากพวกเขาหนีไปแล้ว เช่นนั้นแม้เราจะทุบโรงน้ำชาแห่งนี้ทิ้งพวกเราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร”
แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับไม่คิดว่าคนเ่าั้จะยอมหนีจากไปแต่โดยดีหรอก
แสงจันทร์สาดส่องลงมา ขณะนี้บริเวณสวนจึงสว่างมากขึ้น
คนที่อยู่ภายในโรงน้ำชาต่างมีรูปร่างกำยำพวกเขาพากันเดินออกมาดูสถานการณ์
หลินเมิ้งหยาลองนับจำนวน พวกเขามีราวห้าคนอีกทั้ง...ยังมีท่าทางหวาดกลัวอีกด้วย
เมื่อพวกเขาเดินออกมาถึงบริเวณใจกลางของสวน มือเล็กๆ ของหลินเมิ้งหยายกขึ้นองครักษ์ในชุดดำจึงพุ่งพรวดเข้าไป
ได้ยินเสียงตุ้บตั้บดังลอยมาสุดท้ายชายร่างกำยำเ่าั้ถูกทหารองครักษ์จับมัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกไม่สบายใจ ไม่นะชิงหูไม่อยู่ในกลุ่มชายห้าคนนี้!
ขณะที่คิดจะเข้าไปดู เอวบางถูกมือแขนข้างหนึ่งรั้งเอาไว้
กลิ่นหอมเย็นะเืเตะเข้ามาที่จมูกหลินเมิ้งหยาแอบร้องว่าแย่แล้วในใจ ทว่าเสียงเกียจคร้านของชิงหูกลับดังขึ้น
“โหยว เหยียก็สงสัยอยู่ว่าใครกันมาแสร้งทำตัวเป็ผีหลอกอยู่ที่นี่ที่แท้ก็เ้าเด็กน้อยนี่เอง ในเมื่อถูกเ้ามองออกหมดแล้วถ้าเช่นนั้นไปกับเหยียก็แล้วกัน!”
ชิงหูโอบกอดหลินเมิ้งหยา ขณะที่คิดจะพานางบินหายไปจากที่นี่เขากลับได้เห็นหลินเมิ้งหยายกมือขึ้นถอดผ้าคลุมสีดำของตัวเองออก
ขณะนี้ใบหน้าขาวนวลกลับขาวซีดประจวบกับชุดสีแดงยิ่งทำให้แสบตาและตกตะลึง
“อะไรกันเนี่ย!”
ชิงหูรีบปล่อยมือออก ทว่าเมื่อมองดูให้แน่ชัด ทั้งคิ้วทั้งจมูกล้วนเป็ของหลินเมิ้งหยามิใช่หรือ?
“เ้า...”
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เขาไหวตัวทันหลินเมิ้งหยาจะเงื้อมือนุ่มนิ่มขึ้นกลางอากาศ ขณะเดียวกันผงเล็กๆที่อยู่ภายในถุงเล็กๆพลันร่วงโรยลงมา
ชิงหูคิดจะกลั้นหายใจทว่าร่างกายของเขากลับกลายเป็อัมพาตขึ้นมาเสียดื้อๆ
อย่าว่าแต่หนีเลย ขนาดกะพริบตายังยากที่จะทำได้
ทว่าหลินเมิ้งหยากับชายสวมชุดดำเ่าั้กลับไร้ซึ่งผลกระทบใดๆ
หลินเมิ้งหยาเชิดคางขึ้น จ้องมองชิงหูที่กำลังรู้สึกแสบคันร่างกาย
มือเล็กๆ ยกขึ้นพลางเอ่ย
“เอาตัวไปให้หมด!”
ในที่สุดปฏิบัติการล่าท้าผีก็จบลงด้วยชัยชนะของหลินเมิ้งหยา
องครักษ์สวมชุดดำสิบกว่าคนเอาตัวคนที่แกล้งเป็ผีแห่งโรงน้ำชาแต่เก่าก่อนอีกหกคนกลับจวนอวี้
แม้จะเป็เวลาเที่ยงคืนแล้วทว่าบ่าวรับใช้ที่ได้รับคำสั่งยังคงแอบเปิดประตูหลังของจวนออกดู
หลินเมิ้งหยาสั่งให้นำเหล่าผีปลอมทั้งหกไปขังไว้ในคุกจากนั้นพาป๋ายซ่าวกลับไปยังสวนหลิวซิน
“พี่สาว ท่าน...”
หลินจงอวี้ที่รออยู่หน้าประตูนานแล้วได้เห็นหลินเมิ้งหยาซึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีดำเป็อย่างแรก
“ชู่ อย่าเพิ่งถามอะไร เ้ากับป๋ายจื่อรีบปิดประตูห้ามใครเข้ามาโดยเด็ดขาด ป๋ายซ่าว ป๋ายจี พวกเรารีบไปเปลี่ยนชุดกัน”
เข้าไปภายในห้อง ป๋ายจีเตรียมน้ำร้อนสองถังเอาไว้แล้ว
หลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวถอดชุดออก ล้างหน้าในอ่างจนสะอาดจากนั้นใบหน้านวลของทั้งสองจึงเผยออกมาให้เห็น
“พี่ป๋ายจีเมื่อครู่พี่ไม่ได้เห็นข้ากับนายหญิงพาองครักษ์เ่าั้ไปหลอกเป็ผีจนคนพวกนั้นกลัวจนฉี่ราด”
ป๋ายซ่าวไม่อาจทนไหวนางเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาให้ป๋ายจีฟัง
หลินเมิ้งหยาพิงกายที่ขอบถังไม้น้ำร้อนทำให้ใบหน้าขาวนวลของนางแดงระเรื่อ
แม้ป๋ายจีจะเป็คนเงียบๆทว่าเื่เล่าของป๋ายซ่าวดึงดูดความสนใจของนางได้ไม่น้อย
กลับกันกับนางที่ไม่อาจทำใจให้ผ่อนคลายลงได้
ฮองเฮาส่งคนจับตามอง แต่เป็เพราะเื่ที่เกิดขึ้นกับไท่จื่อดังนั้นฮองเฮาจึงยอมปล่อยนางไปสักระยะ
ทว่านางเป็ผู้วางยาพิษไท่จื่อเกรงว่าฮองเฮาจะยิ่งเห็นนางเป็หนามยอกอกไปเสียแล้ว
ดูเหมือนตอนนี้ชิงหูจะไม่ใช่เพียงนักฆ่าอันดับหนึ่งของเถาฮวาอู๋ธรรมดา
เขามีส่วนเกี่ยวพันกับคนที่เข้ามาสอดแนมในจวนเกรงว่าเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับนางเองก็อาจเป็แผนหนึ่งของเขา
คลื่นลูกหนึ่งยังไม่สงบ แต่คลื่นลูกใหม่กลับมาอีกระลอก
“พรึ่บ” เสียงดังขึ้น ป๋ายซ่าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นจากถังไม้นางสวมใส่ชุดธรรมดาและยืนด้านหลังหลินเมิ้งหยาก่อนจะช่วยป๋ายจีอาบน้ำให้กับหลินเมิ้งหยา
“นายหญิง เหตุใดคนที่ปลอมตัวเป็ผีเ่าั้จึงกลัวพวกเราที่ปลอมตัวเป็ผีหรือเ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวที่ยังผมเปียกอยู่เอ่ยถามนายหญิงขณะที่กำลังขัดหลังให้กับหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ในมือถือรังบวบขัดผิวกายของตนเอง
“เ้าคิดว่าคนที่ปลอมตัวเป็ผีไม่กลัวผีอย่างนั้นหรือ? คนที่ปลอมตัวเป็ผีแต่กลับได้เจอผีตัวจริงเพราะเหตุนั้นความกลัวในใจของพวกเขาจึงมีมากกว่าคนปกติทั่วไปอย่างไรเล่าอีกอย่างพวกเขาล้วนเป็คนมือเปื้อนเื พวกเราเป็เพียงตัวชักจูงทว่าสิ่งที่พวกเขากลัวจริงๆ ล้วนเป็ความกลัวในหัวใจ”
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้ คำกล่าวของนักบวชที่ว่าหากไม่ได้ทำผิดมโนธรรมก็ไม่จำเป็ต้องกลัวผีมาเคาะประตูก็คงมีเหตุมีผลเช่นนี้สินะ”
คำพูดทั้งหมดของป๋ายซ่าวเป็ความเชื่อมาจากศาสนาพุทธซึ่งนางค่อนข้างเชื่อในหลักคำสอนเหล่านี้มาก
แต่หลังจากค่ำคืนนี้ผ่านไปนางกลับพบว่าบางครั้งมนุษย์กลับน่ากลัวกว่าผี
“อืม ก็คงเป็เหตุผลเช่นนี้ เอาล่ะเหนื่อยมาจนถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว พวกเ้าเองก็คงเหนื่อยมากแล้วเหมือนกันตอนนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ”
นายหญิง พวกเรายังต้องพาท่านเข้าห้องนอนนะเ้าคะ”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า ตบมือของทั้งสองเบาๆ
แม้พวกนางจะรับใช้นางได้ไม่นาน แต่กลับจริงใจต่อนางเหลือเกิน
ทั้งที่ดวงตากลายเป็สีแดงก่ำแล้ว แต่กลับยังยืนรับใช้นางอีก
“ก็ได้เพคะ ถ้าเช่นนั้นนายหญิงอย่าอาบนานนักนะเ้าคะ หนู่ปี้ทูลลา”
ป๋ายซ่าวและป๋ายจีกลับออกจากห้องไป ก่อนจะปิดประตู
ห้องใหญ่แห่งนี้จึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียวนางนอนอาบน้ำอยู่อีกฝั่ง ในที่สุดใบหน้าก็เผยความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น
นับั้แ่วันที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในเกี้ยวจนกระทั่งตอนนี้นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน
นางในตอนนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความตื่นเต้นและเ็ปที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกจิตใจไม่สงบ
ราวกับว่าเหตุผลที่นางเกิดมาก็เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการแบกรับชีวิตเช่นนี้
แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้ดีว่าการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการต่อสู้แย่งชิงในเวลานี้อันตรายมากมายขนาดไหน