ในตำหนักใหญ่ของวิทยาลัยเซิ่งตู
อาจารย์ใหญ่หญิงงามแห่งวิทยาลัยโอสถเห็นสี่คนที่ถูกตนเคลื่อนย้ายกลับมาก็สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง พวกเขาทั้งสี่ที่ยืนอยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้ายพลันล้มหน้าทิ่ม หมอบอยู่กับพื้น
“สารเลวนัก? อะไรคือกฎของวิทยาลัยเซิ่งตูยังสู้สุนัขผายลมไม่ได้หรือ? ช่างกล้าดีนี่ พวกเ้าช่วยพูดให้ข้าฟังอีกหนสิ!” นางเกรี้ยวกราดชี้หน้าสั่งทั้งสี่คน
“ข้า ข้า...”
“นี่ นี่...”
ได้ยินคำพูดนั้น ทั้งสี่คนจับต้นชนปลายไม่ถูก ในใจคิด ‘พวกเขาพูดกันที่เขาเทียนมู่ อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรเล่า? แล้วเมื่อครู่พวกเขายังอยู่บนเขานะ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาที่นี่ได้?’
“พวกเ้าสี่คนไม่เพียงฝ่าฝืนกฎข้อที่สิบเอ็ด ปล้นชิงของที่ได้มาจากชัยชนะของผู้อื่น แต่ยังดูแคลนกฎของวิทยาลัยเซิ่งตูอย่างเปิดเผย มีอย่างที่ไหนถึงกล้าคิดเช่นนี้” อาจารย์ใหญ่ร่างอ้วนมองทั้งสี่ด้วยสีหน้าไม่เป็มิตร
“พวกเรา พวกเราไม่ได้พูดนะขอรับ!” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งส่ายศีรษะ รีบร้อนปฏิเสธ
“ไม่ได้พูด? อยากให้ข้าฉายการกระทำของพวกเ้าให้ดูไหม?” อาจารย์ใหญ่หญิงงามเอ่ยพลางชี้กระจกของตน
เมื่อเห็นภาพพวกหลิ่วเทียนฉีเร่งเดินทางอยู่ในกระจก พวกเขานิ่งอึ้ง ที่แท้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การสอดส่องของอาจารย์ใหญ่ทั้งหมด
“ใครสักคนมานี่สิ เอาคนพวกนี้ออกไปที!”
“ขอรับ!” ศิษย์วิทยาลัยโอสถคนหนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าเ็าพาทั้งสี่คนออกจากตำหนักใหญ่ไป
“มีอย่างที่ไหน ใครเขาคิดกันแบบนี้ฮะ!” ต้องขอบคุณเ้าพวกสารเลวนั่น อาจารย์ใหญ่หญิงงามถึงมีเพลิงโทสะเต็มอกเช่นนี้
“หงหง อย่าโมโห อย่าโมโหสิ!” อาจารย์ใหญ่ร่างอ้วนรีบเดินเข้ามากล่อมนางที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เฮอะ ไม่สนกฎไม่สนฟ้า กล้าลบหลู่วิทยาลัยของพวกเราได้อย่างไรกัน!” คิดถึงสารเลวสี่คนนั้น นางพลันโมโหขึ้นไปอีก
“เอาล่ะๆ อย่าถือสาพวกเขาเลย พวกเราดูต่อกันเถอะ!” อาจารย์ใหญ่ร่างอ้วนหัวเราะแห้งๆ พยายามปลอบอีกฝ่ายสุดกำลัง
อาจารย์ใหญ่หญิงงามได้ยินเข้าก็ถลึงตามองทีหนึ่ง “เ้าอ้วนน่าตาย!”
อาจารย์ใหญ่ร่างอ้วนเห็นอาจารย์ใหญ่วิทยาลัยโอสถด่าตนหนึ่งคำก่อนกลับไปนั่งบนเก้าอี้ของตน เขาดีใจเล็กน้อย ค่อยกลับไปนั่งบนเก้าอี้ของตนด้วย
.........
หลายวันให้หลัง
ขณะที่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปตามทาง พวกเขาได้ยินเสียงต่อสู้อยู่เลือนราง
“ด้านหน้าเหมือนมีคนพบสัตว์อสูรเลยนะ?” เฉียวรุ่ยกะพริบตาปริบๆ ก่อนพูด
“เหมือนจะใช่ พวกเราไปดูไหม?” ต่งเฟิงมองหลิ่วเทียนฉีแล้วถาม
“สัตว์อสูรที่นี่ต้องเป็ขั้นสามแน่ ทางที่ดีพวกเราอย่าลงน้ำขุ่นไปด้วยเลย อ้อมไปด้านนี้กันเถอะ!” หลิ่วเทียนฉีบอกพลางชี้ทางเส้นเล็กที่อยู่ด้านข้าง
“อืม!” อีกสองคนพยักหน้า ไร้ข้อโต้แย้ง
เดิมที คิดว่าอ้อมทางเส้นเล็กไปจะไม่มีปัญหา แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเส้นทางนี้ก็มีสัตว์อสูรเหมือนกัน
เมื่อเห็นสัตว์อสูรขั้นสามสูงเท่าคน หัวเป็สุนัขล่าเนื้อ ร่างเป็แมงมุม ช่างดูอัปลักษณ์อย่างยิ่งกำลังต่อสู้กับผู้ฝึกตนหญิงสองคน หลิ่วเทียนฉีพลันอับจนวาจา ในใจคิด ‘อยากหลบก็หลบไม่พ้นเสียจริง’
“พวกเ้ามัวอึ้งอะไรอยู่? ทำไมยังไม่เข้ามาช่วยพวกเราอีก?” ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งััได้ว่ามีผู้ฝึกตนคนอื่นเดินเข้ามา จึงส่งเสียงะโใส่พวกเขาทั้งสาม
หลิ่วเทียนฉีได้ยินเสียงของผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นก็เลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็ฉินซวงซวงกับฉินฟางฟาง พี่น้องสองคนที่เมืองเทียนซินเองหรือ?
“เฮ้ พวกเ้าคิดว่าพวกเราเป็คนใช้บ้านเ้าหรือ อาศัยอะไรมาตวาดใส่พวกเราเล่า?” ต่งเฟิงได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนหญิง เขาก็โต้กลับไปอย่างไม่พอใจ
แต่เดิม เห็นผู้ฝึกตนหญิงนุ่มนิ่มสองคนรับมือสัตว์อสูรขั้นสามตัวหนึ่งด้วยความยากลำบาก เขาก็มีใจจะช่วยเหลือ แต่พอได้ยินวาจาออกคำสั่งกับการชี้นิ้วบงการนั่น ต่งเฟิงก็ไม่ยินดีจะช่วยแล้ว
“ใช่แล้ว พวกเ้าพูดเช่นนี้ได้หรือ?” เฉียวรุ่ยถลึงตามอง ไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
“พวกเราไปเถอะ ข้าคิดว่าสองพี่น้องฉินน่าจะจัดการเองได้!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางจูงมือเฉียวรุ่ยเดินอ้อมสนามรบไปทันที ต่งเฟิงรีบตามไปอย่างไวเพื่อจากไปด้วย
“ชั่วช้าสารเลว! พวกเ้าเห็นคนจะตาย กลับไม่คิดช่วยเลยหรือ?” ฉินซวงซวงกับฉินฟางฟางเห็นทั้งสามคนไม่สนใจพวกนางแล้วจากไปก็ตกตะลึงยิ่ง ความตะลึงผ่านพ้นแปรเปลี่ยนเป็ความโกรธเกรี้ยว เคียดแค้นพวกเขาที่ไร้น้ำใจ ไม่สนความเป็ความตายของพวกนางเช่นนี้!
“เทียนฉี? พวกนางคือใคร? เ้ารู้จักพวกนางหรือ?” เฉียวรุ่ยมองหลิ่วเทียนฉีอย่างสงสัยพลางเอ่ยถาม
“เ้าจำไม่ได้แล้วสินะ พวกนางคือสองพี่น้องตระกูลฉินที่พวกเราพบที่โรงหินพนันเมืองเทียนซินไงเล่า?” หลิ่วเทียนฉียิ้มเล็กน้อย เขาเอ่ยเตือนความทรงจำ
“ที่แท้เป็พวกนางนี่เอง! ข้าก็ว่าอยู่ เสียงพูดทำไมคุ้นหูเช่นนี้? เป็ยัยอัปลักษณ์สองคนนั้นสินะ” เฉียวรุ่ยคิดถึงสาวน้อยทั้งสองที่เคยเยาะเย้ยตนที่โรงหินพนันพลันรู้สึกชิงชังนัก
“เทียนฉี เฉียวรุ่ย พวกเ้ารีบวิ่งเร็ว ยัยอัปลักษณ์พวกนั้นล่อสัตว์อสูรมาแล้ว!” ต่งเฟิงที่หันหลังไปเห็นเห็นยัยอัปลักษณ์สองคนกับสัตว์อสูรแปดขาวิ่งเข้ามารีบบอก
“น่าชังนัก!” หลิ่วเทียนฉีหันกลับไปมองทีหนึ่งก่อนจูงมือเฉียวรุ่ยวิ่ง ต่งเฟิงเองก็เช่นกัน
แต่สองขาวิ่งเร็วอีกเท่าใดก็สู้แปดขาไม่ได้ ไม่นานสัตว์อสูรอ้อมมาถึงด้านหน้าของทั้งห้าคน ขวางทางไปของพวกเขาเอาไว้
พวกเขาทั้งหมดหยุดฝีเท้า สีหน้าระแวดระวังมองสัตว์อสูรที่ขวางทางอยู่
“ไปตายเสียเถอะ!” สองพี่น้องตระกูลฉินที่วิ่งมาด้านหลังสุด ยื่นมือผลักต่งเฟิงกับเฉียวรุ่ยซึ่งอยู่ใกล้พวกนางเข้าไปหาสัตว์อสูร ส่วนพวกนางรีบฉวยโอกาสหนี
“เสี่ยวรุ่ย!” หลิ่วเทียนฉีเห็นเขี้ยวพิษคู่หนึ่งของสัตว์อสูรแทงเข้าใส่เฉียวรุ่ยกับต่งเฟิงคนละข้างก็ร้องใ มือรีบผลักเฉียวรุ่ยออกไป
“อ๊าก...”
เื่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ต่งเฟิงไม่ได้ระวังคนด้านหลัง ความสนใจของเขาอยู่ที่สัตว์อสูร ดังนั้น เมื่อฉินฟางฟางผลักทีหนึ่ง เขาจึงโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
ยังไม่ทันที่จะป้องกัน เขี้ยวพิษข้างซ้ายของสัตว์อสูรก็แทงเข้าใส่หน้าอก เขาส่งเสียงกรีดร้อง เืย้อมชุดจนแดงฉานทันที
“อั้ก...” หลิ่วเทียนฉีเห็นเขี้ยวพิษแทงทะลุไหล่ซ้ายของตนก็ครางเสียงต่ำ
“เทียนฉี!” เฉียวรุ่ยมองหัวไหล่ของหลิ่วเทียนฉีถูกเืย้อมแดงฉานพลันขอบตาแดง ไม่รอให้สัตว์อสูรดึงเขี้ยวพิษที่แทงทะลุหัวไหล่ของหลิ่วเทียนฉีออก เขายกขวานฟันเขี้ยวพิษของมันจนขาดสะบั้น
เฉียวรุ่ยสะบัดขวานในมือ คลุ้มคลั่งเข้าไปฟันเขี้ยวพิษอีกข้างหนึ่งของสัตว์อสูร
สัตว์อสูรลนลานหนัก หดเขี้ยวที่แทงหน้าอกของต่งเฟิงกลับไป พร้อมสะบัดเขี้ยวโจมตีใส่เฉียวรุ่ย
เฉียวรุ่ยจามขวานอีกหลายหน หักเลี้ยวตัวหลบ วิ่งล่อสัตว์อสูรไปด้านข้าง
“เทียนฉี พวกเ้าสองคนรีบหนีเร็ว ข้าจะล่อมันออกไปเอง!” เฉียวรุ่ยอ้าปากบอกทั้งสองคนที่ได้รับาเ็
“ไม่ เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน เ้าล่อมันเข้ามา ข้ากับต่งเฟิงจัดการมันเอง!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางเอายันต์ผนึกน้ำแข็งสิบแผ่นออกมา ส่งให้ต่งเฟิงห้าแผ่น
“ข้าจะตายอยู่แล้ว เ้า เ้ายังจะให้ข้าผลาญพลังทิพย์อีก!” ต่งเฟิงมองยันต์ที่ส่งมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ไม่สังหารสัตว์อสูรตัวนี้ พวกเราก็ต้องตายอยู่ที่นี่!”
“อืม!” ต่งเฟิงขานตอบ รับยันต์วิเศษห้าแผ่นไป จากนั้นเอาโอสถห้ามเืสองเม็ดออกมา กลืนลงไปคนละเม็ดกับหลิ่วเทียนฉี
“เสี่ยวรุ่ย ล่อมันเข้ามา!” หลิ่วเทียนฉีะโบอก
“เทียนฉี!” เฉียวรุ่ยเห็นคนรักได้รับาเ็ย่อมไม่ยินดีล่อสัตว์อสูรกลับไป
“ล่อเข้ามา เ้าจัดการมันไม่ได้ ข้ากับต่งเฟิงจะใช้ยันต์วิเศษช่วยเ้าจัดการมันด้วยกันเอง!”
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยพยักหน้า จามขวานใส่ท้องสัตว์อสูรทีหนึ่งแล้วกลิ้งตัวมุดออกจากใต้ขามัน วิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ที่อยู่อีกฝั่ง
อีกนิดเดียวจะวิ่งมาถึงข้างกายหลิ่วเทียนฉี ทันใดนั้น สัตว์อสูรกระดกก้นขึ้น ยิงใยแมงมุมออกมาพันร่างกายเฉียวรุ่ยไว้ ทำให้เขากระดิกตัวไม่ได้
“เสี่ยวรุ่ย!” หลิ่วเทียนฉีเห็นเฉียวรุ่ยถูกมัด เขาะโลั่นอย่างใ
“ฮ่า!” เฉียวรุ่ยตวาดคำหนึ่ง เปลวเพลิงพลันพุ่งออกจากร่าง แผดเผาใยแมงมุมบนร่างให้มอดไหม้ในทันที
เห็นเฉียวรุ่ยดิ้นหลุดสำเร็จวิ่งกลับมา สัตว์อสูรไล่ตามมาติดๆ หลิ่วเทียนฉีจึงส่งสัญญาณให้ต่งเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “โยน!”
ได้ยินคำสั่ง ต่งเฟิงก็รีบโยนยันต์วิเศษออกไปพร้อมกัน
ยันต์ผนึกน้ำแข็งสิบแผ่นถูกกระตุ้น อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างฉับพลัน อากาศหนาวระลอกแล้วระลอกเล่า เย็นะเืจนทั้งสามคนตัวสั่น
“อา...”
หลังกระตุ้นยันต์วิเศษห้าแผ่น ต่งเฟิงรู้สึกเหมือนปราณทิพย์ในร่างถูกคั้นจนเหือดแห้ง ทรุดยวบลงกับพื้นทันที
หลิ่วเทียนฉีไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทรุดนั่งลงกับพื้นไปด้วย
“เทียนฉี!” เฉียวรุ่ยเห็นคนรักมีสีหน้าซีดเผือดก็ะโออกมา
“ไม่ต้องสนข้า รีบฆ่ามัน ไม่เช่นนั้นหากมันดิ้นหลุด เ้าก็ไม่มีโอกาสแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยอย่างร้อนใจ
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยพยักหน้า กำขวานในมือแน่น เหยียบขาที่ถูกแช่แข็งของสัตว์อสูรปีนขึ้นไปบนสันหลังของมัน หนึ่งขวานจามลงบนหัวอัปลักษณ์นั่นอย่างรวดเร็ว
“โครม...” หัวถูกฟันหลุด ศพของสัตว์อสูรทะลุออกมาจากในเปลือกน้ำแข็ง ล้มลงกับพื้นแน่นิ่งไป
“ฮ่า!” เฉียวรุ่ยกระโจนลงจากศพ ตวัดมือเก็บศพของสัตว์อสูรเสร็จก็วิ่งกลับมาข้างกายหลิ่วเทียนฉีกับต่งเฟิง
“เทียนฉี เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” เฉียวรุ่ยนั่งยองๆ ตรงหน้าเขา ถามขึ้นอย่างปวดใจ
“ไม่เป็ไร!” หลิ่วเทียนฉีตอบ เขากัดฟันดึงเขี้ยวพิษครึ่งหนึ่งที่เสียบอยู่บนหัวไหล่ออก เืพุ่งกระฉูดออกมาสาดเฉียวรุ่ยทั่วร่างและใบหน้า
“กินโอสถแก้พิษเม็ดหนึ่งเถอะ? เ้าตัวนี้มีพิษนะ!” ต่งเฟิงพูดขึ้น เขาโยนโอสถแก้พิษเม็ดหนึ่งกับโอสถเสริมพลังทิพย์อีกเม็ดให้หลิ่วเทียนฉี
หลิ่วเทียนฉีรับมากลืนลงไปทันที
“ต่งเฟิง? เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” เฉียวรุ่ยหันมามองอีกคน
“์ เ้าเพิ่งคิดถึงข้าได้หรือ? ไม่เป็ไร ข้าไม่ตายหรอก ที่าเ็คืออกขวา ไม่ได้าเ็ถึงหัวใจ หากไม่ถูกยันต์ห้าแผ่นของเทียนฉีของเ้าดูดพลังทิพย์ไปจนแห้งก็คงไม่อนาถปานนี้” พูดจบก็ทำหน้าหงุดหงิด
“นั่นน่ะ จะโทษเทียนฉีไม่ได้นะ หากพวกเราไม่สังหารสัตว์อสูร พวกเราก็ต้องตายนี่!” เฉียวรุ่ยพูดโดยอ้างถึงเหตุผล
“ยัยแก่ชั่วกับยัยอัปลักษณ์สองคนนั่น อย่าให้ข้าต่งเฟิงผู้นี้เห็นพวกนางอีกนะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะฉีกศพพวกนางเป็หมื่นท่อนให้จงได้!” คิดถึงผู้หญิงที่ทำร้ายตนกับเฉียวรุ่ยอย่างโเี้ ต่งเฟิงพลันชิงชังขึ้นมา
“ฉินซวงซวง ฉินฟางฟาง สารเลวสองคนนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกนางไปแน่!” เฉียวรุ่ยเห็นเทียนฉีาเ็หนัก หน้าซีดจนไร้สีเืปานนั้นก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากไปจับสองพี่น้องนั่นกลับมาขย้ำให้ตายนัก!
“พอแล้ว อย่าพูดเื่นี้อีกเลย เสี่ยวรุ่ยพาพวกเราออกไปจากที่นี่ที ที่นี่มีกลิ่นคาวเื มันจะล่อสัตว์อสูรตัวอื่นมา!” หลิ่วเทียนฉีเอายันต์เคลื่อนย้ายสามแผ่นออกมาส่งให้
ตอนนี้พลังทิพย์ของเขากับต่งฟิงถูกใช้จนหมดเกลี้ยง หากสัตว์อสูรขั้นสามมาอีกตัว เกรงว่าพวกเขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยพยักหน้า มือหนึ่งคว้าหลิ่วเทียนฉี มือหนึ่งคว้าต่งเฟิงไว้ กระตุ้นยันต์เคลื่อนย้ายพาคนาเ็ทั้งสองออกไปจากที่แห่งนี้โดยพลัน