“พอใจแล้วใช่ไหม! ข้าขอโทษจริงๆ นะน้องชาย”
หัวหน้าโจรสลัดจับมือเริ่นเสี้ยวเทียนไว้ ทำท่าทางเห็นอกเห็นใจ เหมือนกับเป็ครอบครัวเดียวกัน การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลคือจุดแข็งของเขา
“ช้าก่อน ช้าก่อน เ้าปล่อยข้าแล้วถอยหลังไปเลย”
“ได้ๆ ข้าถอยแล้ว”
หัวหน้าโจรสลัดอากาศถอยหลังไปสามก้าว พลางมองพวกเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้ม
เริ่นเสี้ยวเทียนยังตั้งสติไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เมื่อครู่เขายังคิดเอาชีวิตอีกฝ่ายอยู่เลย ตอนนี้อีกฝ่ายกลับใช้อุบายนี้กับเขา และอีกฝ่ายยังเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิอีกด้วย
นี่คือสิ่งที่ขั้นจักรพรรดิควรทำอย่างนั้นหรือ
“อย่างนั้นแล้วที่เ้าถูกโจมตีก็แล้วกันไปเลยหรือ”
เสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ลืมที่จะกล่าวเสียดแทงออกไป
เพราะเขารู้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว การต่อสู้นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
อันดับแรกเลย ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความแค้นต่อกัน
สอง หากต้องสู้กันจริงๆ พวกเขาไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายได้เลย เื่นี้เริ่นเสี้ยวเทียนรู้ดีกว่าใคร เนื่องจากไม้ตายของเสิ่นเสวียนก็ไม่ใช่ว่าอยากให้ออกมาแล้วจะออกมาได้เลย และสู้กันมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมาอีก เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็ไปได้
และอีกอย่างคือ การลอบสังหารของเสิ่นเลี่ยนไม่ใช่ว่าจะเสียเปล่า อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวขึ้นมาได้และไม่กล้าสู้ต่อ
เพราะเขาไม่กล้ารับรองว่าเสิ่นเลี่ยนจะโจมตีครั้งที่สองได้ไหม
ในเมื่อมีหลายทางเลือก รวมกับท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว สู้ต่อไม่ได้เลยจริงๆ
“ข้า...”
เริ่นเสี้ยวเทียนในตอนนี้รู้สึกน้ำท่วมปาก ลำบากใจที่จะกล่าวออกมา
“สหาย ข้ายอมรับเ้าเป็น้องชายแล้ว หลังจากนี้หากมีปัญหาอะไร พวกเราจะได้ช่วยเหลือกันและกันอย่างไรล่ะ”
หัวหน้าโจรสลัดในตอนนี้ไม่มีความน่าเกรงขามเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว โดนเสิ่นเลี่ยนทำลายความเชื่อมั่นไปในกระบวนท่าเดียว
“เ้าคิดอะไรอยู่”
เริ่นเสี้ยวเทียนส่ายหัว พลางถามอีกฝ่ายด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ไม่สู้แล้ว มาเป็มิตรกันดีกว่า เมื่อครู่ที่โจมตีน้องชายไปพวกข้าจะขอโทษ เ้าจะว่าอย่างไร” หัวหน้าโจรสลัดอากาศกล่าวด้วยท่าทีจริงใจ
พวกเขาเดินในเส้นทางโจรสลัดอากาศมานานหลายปี มีสายตาค่อนข้างเฉียบแหลมว่าใครเป็ใคร อย่างน้อยที่สุดพวกเสิ่นเสวียนทั้งสามคนยังเป็เพียงเด็กหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ แต่ละคนมีตัวตนที่น่ากลัว จากที่เขารู้มาคือมีสำนักบุปผาแล้วคือเริ่นเสี้ยวเทียน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเสิ่นเสวียนกับเสิ่นเลี่ยนเลย
หากสังหารพวกเขาตายไปจริงๆ เขาคาดว่าตนเองคงห่างจากความตายอีกไม่ไกลแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะโดนใครสังหารก็ยังไม่แน่ชัดเลย!
“...”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองอีกฝ่ายด้วยความลังเล ไม่รู้ควรตอบกลับอย่างไร
ส่วนเสิ่นเสวียนในตอนนี้ก็ยืนอยู่ข้างๆ ปล่อยให้เริ่นเสี้ยวเทียนครุ่นคิดไป แม้เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เสิ่นเสวียนไม่มีทางเอาความคิดของตนเองไปบีบบังคับเริ่นเสี้ยวเทียนเด็ดขาด คนที่โดนโจมตีคือเริ่นเสี้ยวเทียน ผลลัพธ์จะเป็ไปในทิศทางใดให้เริ่นเสี้ยวเทียนได้ตัดสินใจเอง
“เอาล่ะ ข้าชื่อเริ่นเสี้ยวเทียน แล้วเ้าชื่ออะไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองพวกเสิ่นเสวียนแล้วหันมองไปทางโจรสลัดอากาศ จากนั้นจึงพยักหน้ายอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย
“ข้าชื่อเฉินชิงชิง พวกเขาต่างเรียกข้าว่าอาจารย์เฉิน ข้าอายุมากกว่าพวกเ้า เรียกข้าพี่ใหญ่คงไม่มากเกินไปกระมัง!”
“เฉินชิงชิง ชื่อเหมือนผู้หญิงเลย”
หลังจากพวกเสิ่นเสวียนได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจ ชื่อเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ ช่างไม่เหมาะสมกับท่าทีที่แสดงออกของอีกฝ่ายเลย
“ชื่อนี้หรือ พ่อแม่ข้าตั้งให้ ไม่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของข้า ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังชอบมันมากอีกด้วย ชิงชิงที่แปลว่าเขียวขจี อย่างทุ่งหญ้าเขียวขจีมีชีวิตชีวา ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เหมาะสมกับโจรสลัดอากาศอย่างพวกข้าที่ต้องซ่อนตัวอยู่ในป่า ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ”
เฉินชิงชิงไม่ใส่ใจ และยังพอใจกับชื่อของตนเองมาก
“พวกน้องชายจะไปไหนกันหรือ”
เฉินชิงชิงกลัวว่าบรรยากาศจะอึดอัด จึงหาประเด็นสนทนากัน
“ไปท่องเที่ยวที่เขตตะวันตก” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าว
“เขตตะวันตกเป็สถานที่ที่ดี ข้าเองก็มาจากเขตตะวันตกเช่นกัน อันนี้ข้าให้เ้า นับว่าเป็การชดเชยให้เ้าในฐานะพี่ชาย”
ขณะที่กล่าว แส้ทองด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเฉินชิงชิง ตรงด้ามของมันสลักลวดลายสีทองคำว่า ‘ชิง’ เอาไว้ แส้มีความยาวราวเก้าฉื่อ ลักษณะคล้ายัหรืองู ดูน่าเกรงขามไม่ธรรมดา
เริ่นเสี้ยวเทียนยังไม่พอใจในตอนแรก แต่เมื่อเห็นแส้ทองด้ามนี้แล้วเริ่มรู้สึกสนใจ
นี่ไม่ใช่แส้ธรรมดา
แต่นี่คือศาสตราวิเศษขั้นปฐี แส้นี้ใช้ได้ทั้งโจมตีและป้องกัน ดีกว่าศาสตราวุธที่อาจารย์ให้เขามามากเลยทีเดียว
“ของล้ำค่าชิ้นนี้ข้าค้นหาและคัดสรรอยู่นานหลายปีกว่าจะได้มา เห็นเ้านกตัวใหญ่ด้านหลังไหม มันโดนแส้นี้ปราบมา”
ขณะที่เฉินชิงชิงกำลังบอกเล่า สายตาที่มองแส้ทองยังมีความไม่เต็มใจแฝงอยู่ ทว่าหากคิดจับหมาป่าต้องไม่กลัวรองเท้าเสียหาย มีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงสามารถปลอบประโลมจิตใจของเริ่นเสี้ยวเทียนได้ แส้ด้ามหนึ่งสามารถสร้างสัมพันธ์กับอัจฉริยะระดับสูงถึงสามคน นับว่าคุ้มค่าแล้ว
“ได้เห็นแส้ด้ามนี้ข้าพออภัยให้เ้าได้ แล้วบัตรเหล่านี้ล่ะ”
เริ่นเสี้ยวเทียนหันมองบัตรกองพะเนิน นับรวมกันแล้วมีมูลค่ากว่าเจ็ดสิบล้านเหรียญทอง ซึ่งเป็จำนวนมหาศาล แม้แต่เขายังรู้สึกหวั่นไหว
“คือว่า น้องชายทั้งสามไม่อยากให้ข้าเอาไปใช่ไหม แต่กว่าพวกเราจะออกปล้นสักครั้งไม่ใช่เื่ง่ายเลย ต้องได้กำไรบ้างถูกไหม!”
ขณะที่กล่าว หัวหน้าโจรสลัดอากาศเคลื่อนตัวเข้าไปหาบัตรเ่าั้โดยที่พวกเสิ่นเสวียนไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็สะบัดมือเก็บบัตรเ่าั้เข้าไปในแหวนทันที
“น้องชาย เขตตะวันตกเต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจ ภายหน้าหากเผชิญหน้ากับความไม่เป็ธรรมให้นำแส้นี้ออกมา แล้วจะไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเ้า ข้าคงต้องไปก่อนแล้ว”
แล้วเฉินชิงชิงก็ะโขึ้นไปบนซือจิ้วตัวใหญ่ของเขา
“น้องชายทั้งสาม ภายหน้าพวกเราคงได้พบกันอีก ข้าไปล่ะ ไม่ต้องส่ง”
เฉินชิงชิงโบกมือให้ทุกคนด้วยท่าทางสนิทสนม
หลังจากนั้น โจรสลัดอากาศคนหนึ่งคว้าร่างของบุรุษร่างกำยำที่โดนเริ่นเสี้ยวเทียนโจมตีจนหมดสติไปเอาไว้ แล้วซือจิ้วสิบกว่าตัวก็พุ่งทะยานขึ้นไปพร้อมกัน สายลมรุนแรงพัดโหมเสื้อผ้าของทุกคนที่พื้นจนสะบัดพลิ้วเสียงดังพึ่บพั่บ เป็ภาพที่งดงามอย่างน่าประหลาด
ซือจิ้วเ่าั้บินอยู่กับที่ระยะหนึ่ง แล้วจึงบินห่างออกไป
ม่านพลังป้องกันของเรือเสวียนอู่มิอาจป้องกันซือจิ้วเ่าั้ได้เลย
ซือจิ้วเป็พาหนะที่มหัศจรรย์มากและยังมีชีวิตอีกด้วย น่าเสียดาย แม้พวกมันจะมีระดับขั้นค่อนข้างสูง แต่์ยังคงเป็ธรรม ทำให้พวกมันต้องสูญเสียบางอย่างไป
อย่างเช่น สติปัญญา
สัตว์วิเศษส่วนมากหลังจากถึงขั้นหกแล้วจะมีสติปัญญาคล้ายมนุษย์ สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ซือจิ้วกลับทำไม่ได้ เมื่อถึงขั้นเจ็ดแล้วจะสามารถแปลงกายเป็มนุษย์ได้ ซึ่งซือจิ้วก็ทำไม่ได้เช่นกัน
อย่าว่าแต่ขั้นเจ็ดเลย แม้แต่ขั้นแปดก็ยังมิอาจมีสติปัญญาอย่างมนุษย์และแปลงกายเป็มนุษย์ได้
ซึ่งนี่คือสิ่งที่เป็ไปตามธรรมชาติ
หลังจากซือจิ้วพาโจรสลัดอากาศออกไปแล้ว เรือเสวียนอู่กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เสิ่นเสวียนมองซือจิ้วเ่าั้ พลางครุ่นคิดไปต่างๆ นานา
“ไม่ได้ล่ะ ข้าตัดสินใจแล้วว่าต้องจับสัตว์ขี่มาสักตัวหนึ่ง ข้าอยากลิ้มลองรสชาติของการบินไปบนท้องฟ้าอย่างแท้จริง”
เริ่นเสี้ยวเทียนยืนอยู่ข้างๆ เขาถือแส้ทองเอาไว้พลางกล่าวอย่างมีจุดมุ่งหมาย ก่อนหน้านี้เขาไม่มั่นใจเลย แต่หลังจากได้ถือครองแส้ทองด้ามนี้ ความเชื่อมั่นของเขากลับเพิ่มขึ้นมาก
เฉินชิงชิงใช้แส้ทองด้ามนี้จับตัวซือจิ้วขั้นหกระดับสูงสุดตัวนั้นมาได้ เขาก็ทำได้เช่นกัน
“สหายเสิ่น เ้าไม่อยากได้หรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนเห็นเสิ่นเสวียนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จึงหันไปถามเขาอีกครั้ง
“ข้า? ไม่อยาก”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว อย่างไรก็ตามเสิ่นเสวียนคิดหลอมรวมกระบี่เซียนที่เก็บไว้ในผังเมืองซานเหอมากกว่า
อานุภาพของกระบี่เซียนแข็งแกร่งกว่าสัตว์ขี่มาก
“สหายทั้งหลาย ทางนั้นมีคนอยากคุยกับพวกเ้าสักหน่อย”
ในขณะนั้นผู้คุมเรือคนหนึ่งของเรือเสวียนอู่เดินมาหาเสิ่นเสวียนด้วยความระมัดระวัง พลางกล่าวเสียงเบา