เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้กงเช่อที่ใกล้หมดสติขึ้นทุกทีพลันปล่อยมืออย่างกะทันหัน
ขณะที่กล่าวนั้น กงอี่โม่รีบวางกงเช่อนอนราบอยู่บนเรือลำน้อยเวลานี้กงเช่อแข็งชาไปทั้งร่าง เขาหายใจไม่ออกและไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจไตร่ตรองความมืดคืบคลานเข้ามา กงเช่อมองเห็นสีหน้าของนางไม่ชัดเขาปล่อยให้นางจัดการเขาตามใจ ทว่านิ้วหัวแม่มือยังคงวางอยู่บนปุ่มตลอดเวลาแต่เขากลับทำใจกดลงไปไม่ได้จริงๆ
กงอี่โม่เกร็งไปทั้งแผ่นหลัง ทว่ามือของนางยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาราวกับมองไม่เห็นการกระทำทั้งหมดนี้ มือข้างหนึ่งของนางสอดผ่านหลังคอของเขานางยกปลายคางของเขาขึ้น มืออีกข้างกดลงบนหน้าอก น้ำเสียงของนางหนักแน่นเด็ดขาด ราวกับว่านางได้ตัดสินใจบางอย่างแล้ว
“ทุกการกระทำของข้าต่อจากนี้ล้วนทำเพื่อช่วยเหลือท่าน หากท่าน้าท่านสามารถกดกล่องชีได้ตลอดเวลา ทว่าขอสักครั้งก็พอท่านพี่รัชทายาทลองเชื่อใจข้าสักครั้ง ท่านทราบดีข้ากงอี่โม่ไม่เคยทำให้คนอื่นผิดหวัง”
ใช่ นางไม่เคยทำให้คนอื่นผิดหวัง และจะไม่เคยตลอดไป
ขณะที่กล่าวนั้น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมหลับตาลงอย่างรวดเร็วนางโน้มตัวลงไปหาริมฝีปากซีดขาวจนกลายเป็สีม่วง
ชั่ววินาทีที่ริมฝีปากัักัน พวกเขาทั้งสองต่างสั่นสะท้าน
กงเช่อเบิ่งตาโตอย่างอดไม่ได้ สายตาเหม่อลอยเมื่อสักครู่กลับมาจดจ่อเป็จุดเดียวอีกครั้งนิ้วหัวแม่มือทำท่าจะกดอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับเกร็งค้าง
นางเชื่อถือได้จริงหรือเปล่า? เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับความเป็ความตาย ตำแหน่งฐานะ และญาติมิตรเขาเชื่อถือนางได้จริงๆ หรือเปล่า?
ทว่าเพียงชั่ววินาที เขาััได้ว่ามีลมหายใจยาวๆ ไหลเข้ามาเดิมทีเขาจำเป็ต้องใช้ยา ภาวะขาดอากาศหายใจจึงค่อยๆ หายไปทว่าหัวใจของเขายังคงเต้นระรัวอย่างรุนแรง ใบหน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวม่วง
กงอี่โม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง จากนั้นจึงจูบลงไป ครั้งนี้ความรู้สึกที่ได้จากการััชัดเจนมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากของกงเช่อนุ่มมากมันนุ่มมากจริงๆ ทำให้นางคิดถึงเวลาทานสายไหมในสมัยก่อนอย่างอดไม่ได้
ส่วนกงเช่อรู้สึกเพียงกลิ่นกายของสาวน้อยรวมทั้งกลิ่นดอกบัวบริเวณรอบๆกำลังห่อหุ้มเขาััระหว่างริมฝีปากเต็มไปด้วยความหวานระคนกลิ่นสุราที่เมื่อสักครู่พวกเขาร่วมดื่มด้วยกันดูเหมือนจะมึนเมา ปลายนิ้วของกงเช่อสั่นระริก ราวกับกำลังอยู่ในความฝันเลยทีเดียว
กงอี่โม่ผ่อนลมหายใจอีกครั้ง ในขณะเดียวกันมืออีกข้างของนางกดบนตำแหน่งหัวใจของเขาพลังภายในไหลเข้าไปไม่ขาดสาย นางหวังว่าเขาจะมีอาการดีขึ้นบ้าง
เวลานี้นางมีสีหน้าจดจ่อ ขนตายาวกำลังสั่นไหวทว่าหลังของนางกลับเกร็งค้างเย็นเฉียบนางไม่รู้ว่าการกระทำของนางจะมีประโยชน์ต่ออาการของกงเช่อในเวลานี้หรือไม่ขอแค่กงเช่อไม่เชื่อใจนาง นิ้วมือกดลงเบาๆ เท่านั้น ชีวิตน้อยๆของนางก็ไม่เหลืออีกแล้ว
กงเช่อไม่ได้เป็คนอ่อนโยนเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกของเขาตรงจุดนี้กงอี่โม่รู้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นนางกำลังเดิมพัน หวังว่ากงเช่อจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาขอให้เขาไม่ลงมือสังหารนาง
พลังภายในไหลรวมเข้าสู่ร่างของกงเช่อราวกับเป็ของไม่มีค่า ทว่าเวลานี้ความมืดค่อยๆกดทับลงมา หยดเหงื่อจากหน้าผากกงอี่โม่หยดลงบนใบหน้าของกงเช่อกงเช่อที่กึ่งหมดสติถึงกับสั่นสะท้าน เขาพลันลืมตาขึ้นมา
มือและเท้าที่เคยชาของเขาเริ่มกลับมาเหมือนเดิม ประสาทััทั้งหลายเริ่มไวขึ้น เขามองใบหน้าใกล้ชิดเบื้องหน้าริมฝีปากัักัน เขาพลันเกิดแรงกระตุ้นบางอย่างที่ไม่อาจควบคุม
ดวงตาของเขาสะท้อนประกายงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะหายเป็ปกติแล้ว?
เมื่อเขามั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้คือความจริง ในใจของเขาเริ่มเกิดความสงสัยว่านางอาจไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
กงเช่อมองนางด้วยสายตาหลงใหล ความรู้สึกมึนเมาอุ่นร้อนจากสุราแผ่ซ่านเขารู้ดีว่าไม่ควรจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกนั้น ทว่าเขากลับไม่อาจควบคุมจึงได้แต่ตกอยู่ในภวังค์ต่อไป
ริมฝีปากของนางช่างหอมเหลือเกิน มันช่างอ่อนนุ่มราวกับพุ่งเข้าสู่หัวใจของเขาอย่างแ่เบาเลยทีเดียวทำให้หัวใจที่ขาดอากาศเมื่อสักครู่กลับมาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ไม่ได้พวกเขาคือพี่น้องกัน พวกเขาจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทว่าเป็พี่น้องกันแล้วอย่างไร?
เรือลำน้อยลอยกระเพื่อมอยู่บนทะเลสาบ เนื่องจากลอยลึกอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกบัว กลิ่นดอกบัวหอมสดชื่นอบอวลอยู่ในอากาศไม่รู้ว่าถุงสุราของกงอี่โม่สาดกระจายไปั้แ่เมื่อไร สุราไหลรินออกมากลิ่นมึนเมาแพร่กระจายเต็มเรือลำน้อย
กงเช่อมองเื้ัของนางอย่างมึนงง หมู่ใบบัวแนบชิดพวกเขาขอแค่เขายื่นมือออกมาก็สามารถเด็ดมันได้ทันทีขณะนี้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้อยู่ใต้ใบบัว
เขามองจากมุมของตนเอง ท้องฟ้าได้ถูกใบบัวบดบังเสียแล้วเวลานี้อาทิตย์อัสดงกลายเป็สีม่วงเข้ม ดวงดาวหลายดวงเริ่มประดับประดาอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำหมึกเป็ภาพสวยงามจนไม่อยากให้จางหาย
เมื่อกงอี่โม่ััได้ว่ากงเช่อค่อยๆ สงบลง นางจึงยกตัวขึ้นอย่างช้าๆทว่าขณะที่นางกำลังลุกขึ้นมานั้น กงเช่อพลันเลียนางเบาๆนางใและผุดนั่งตัวตรงทันที
เมื่อนางนั่งลำตัวตรง ใบบัวจึงตีร่างของนาง ทำให้นางจำเป็ต้องโน้มตัวลงนางเข้าใกล้กงเช่ออีกครั้ง ลมหายใจร้อยรัดอยู่ใกล้กัน
เขา เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร
กงอี่โม่ใช้มือข้างหนึ่งจับแผ่นไม้ นางโน้มตัวลงมา แต่ไม่กล้ามองไปทางเขาในสถานการณ์คลุมเครือเช่นนี้ แม้กระทั่งประโยค ''ท่านดีขึ้นหรือยัง? '' นางยังพูดไม่ออกเลย
กงเช่อตระหนักได้ว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม เขาก็พูดไม่ออกด้วยเช่นกัน
เวลานี้เรือลำน้อยพลันโคลงเคลงไปมาจนเกิดเป็ร่องน้ำแคบกงอี่โม่รีบลุกขึ้นนั่งตัวตรง ส่วนคนที่อยู่บนฝั่งต่างรออย่างร้อนใจ
นางเกร็งไปทั้งร่าง นั่งเอนไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นกงเช่อตะลึงงันนางจึงแอบเหลือบมองกล่องน้อยในมือของเขา
นางน่าจะปลอดภัยแล้วใช่ไหม?
เมื่อสักครู่มีอยู่ชั่ววินาที นางรู้สึกกลัวจริงๆ หลังจากกงเช่อหายดีแล้วเขาอาจเกิดความคิด้าฆ่านางเพื่อเป็การปิดปากอย่างกะทันหัน ทว่าตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดท่าทางไม่ได้สื่อไปทางความหมายนั้น
เพื่อเป็การป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันนางจึงใช้พลังภายในที่เหลืออยู่ไม่มากนักพาเรือลำน้อยแล่นเข้าสู่ฝั่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่หัวเรือเข้าถึงฝั่งกงอี่โม่จึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกส่วนแรงสั่นะเืเล็กน้อยก็ทำให้กงเช่อได้สติราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
เขามองกงอี่โม่อย่างไม่รู้ตัวใบหน้าพลันแดงก่ำ
น่าเสียดายฟ้ามืดแล้ว คนรอบข้างมองไม่ชัดแล้ว เขาซ่อนกล่องชีในมือของตนอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงปีนขึ้นจากเรือลำน้อยและรีบร้อนจากไปด้วยสภาพไม่ดีนัก
ส่วนผู้ติดตามขององค์รัชทายาท แม้พวกเขาจะรู้สึกประหลาดใจทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงมองกงอี่โม่อย่างสงสัยจากนั้นจึงทำความเคารพและรีบตามออกไป เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินจากไปไกลแล้วกงอี่โม่จึงถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก
วิกฤตมากนางเกือบตายเสียแล้ว
โชคดีที่นางฉลาด โอ้! ์ ทำไมนางจึงคิดวิธีโง่ๆ เช่นการใช้ปากประกบปากเช่นนี้ล่ะ? กงอี่โม่ตีหน้าขรึมทว่าในใจนางกำลังแอบตำหนิตนเองอันที่จริงนางสามารถใช้วิธีส่งพลังภายในเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว
สุดท้ายนางจึงให้ข้อสรุปว่า ตอนนั้นนางกดดันมากเกินไป จึงคิดไม่ออก ตอนนี้นางได้แต่ภาวนาขอให้กงเช่อไม่ติดใจกับเื่นี้ อีกไม่กี่วันนางยังต้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีก
นางครุ่นคิดไปต่างๆ นานา เมื่อหมุนกายกลับมานางพบว่ากงเจวี๋ยยืนอยู่ด้านหลังของนางท่ามกลางความมืด เขาสวมชุดสีดำเส้นผมมีละอองน้ำ ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานเท่าใด
ไม่รู้เป็เพราะเหตุใด กงอี่โม่รู้สึกว่ากงเจวี๋ยมีท่าทางไม่ค่อยปกตินัก
เงาของเขาลากยาวออกไปตามแสงโคมไฟในวัง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆทว่ากงอี่โม่กลับเห็นถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างจากร่างของอีกฝ่าย ราวกับอยู่คนละโลก ราวกับเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“เ้ามาหาข้า? เ้ามานานแค่ไหนแล้ว? ทำไมจึงไม่บอกคนให้เรียกข้าล่ะ?” กงอี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเหลือบมองซินเอ๋อร์และคนอื่นๆที่เงียบกริบราวกับจักจั่นในเหมันตฤดู หากซินเอ๋อร์ร้องเรียกนางอยู่บนฝั่ง นางจะต้องได้ยินอย่างแน่นอน
เวลานี้กงเจวี๋ยจึงมองนางนิ่ง เขาเพิ่งอายุสิบเอ็ดปี ยังคงเป็หนุ่มน้อยทว่าสายตาของเขากลับแฝงไปด้วยคำพูดนับพันนับหมื่นราวกับน้ำหมึกเข้มที่ดึงดูดผู้คนเข้าไปด้านใน
เขาพลันยกมือขึ้นกุมมือของกงอี่โม่ เวลานี้นางไม่เหลือพลังภายในอีกแล้วทั้งมือและเท้าของนางเย็นเฉียบ
มีพลังภายในไหลเข้าสู่มือของนาง กงอี่โม่เงยหน้ามองอย่างประหลาดใจอีกฝ่ายกลับก้มหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเ็า
“ต่อไปอย่าพบองค์รัชทายาทตามลำพังอีก”