ตู๋กูเช่อยิ้มอย่างชั่วร้าย ผลักสื่อรั่วหนานนอนลงกับพื้น
ทันใดนั้น สีหน้าตู๋กูเช่อแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง เขารู้สึกว่าพลังในร่างกายกำลังค่อยๆ สลายไป จึงรีบโคจรพลัง รู้สึกเพียงแค่เส้นชีพจรลมปราณทั่วร่างกายเกิดอาการกระตุกวูบ ความเ็ปอย่างรุนแรงทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้การ เขาหันศีรษะกลับมา รู้สึกประหลาดใจที่เห็นเงาร่างสองคนกำลังเดินมาทางเขาอย่างช้าๆ
“ราชันพิษ เหยียนชิงชิง…” ตู๋กูเช่อรู้สึกแต่ว่าศีรษะของเขามีเสียง "วิ้งง" ดังขึ้นคราหนึ่ง เหยียนชิงชิงกลับปรากฏตัวในสถานที่นี้ ในมือยังคงประคองชิงย่วน ศิษย์สำนักหลอมโอสถซึ่งสมควรเฝ้าอยู่ข้างนอก
ดูแล้ว ศิษย์พี่น้องสามคนที่ตนจัดให้อยู่ข้างนอกคงเสียชีวิตแล้ว ตนเองก็ถูกเหยียนชิงชิงแพร่พิษใส่ หากต่อสู้ประมือกันซึ่งหน้า ภายใต้สภาพที่เขามีการป้องกัน ราชันพิษ เหยียนชิงชิงจะทำร้ายเขาได้ยากอย่างยิ่ง แต่ว่าเมื่อครู่ความสนใจของตนอยู่ที่ร่างของราชันโอสถ สื่อรั่วหนานจนหมดสิ้น ไหนเลยจะคิดว่าด้านหลังยังมีดาวมฤตยูเช่นนี้ผู้หนึ่ง
สำหรับจ้านอู๋มิ่งนั้น ตู๋กูเช่อมิเคยเห็นหน้าและไม่รู้จักมาก่อน ถึงแม้ภายนอกมีข่าวลือหนาหูว่าจ้านอู๋มิ่งถูกราชันวายุและพวกตามไล่ล่าสังหาร ภาพเหมือนของเขามีอยู่ทุกหนแห่ง แต่ตู๋กูเช่อดูแคลนแม้แต่ดูก็คร้านจะมอง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักจ้านอู๋มิ่ง
“ราชันพิษ ช่วยข้า…” ขณะสื่อรั่วหนานกำลังจะพังทลายลง พบว่าผู้มาคือราชันพิษ จึงถอนหายใจโล่งใจคราหนึ่ง หญิงสาวผู้หนึ่งอย่างน้อยก็มิ้าร่างกายนาง แม้นางจะเสียชีวิตก็ยังคงบริสุทธิ์เช่นกัน
แต่ว่า เมื่อนางเห็นจ้านอู๋มิ่งที่อยู่ข้างกายเหยียนชิงชิงกับศิษย์น้องหญิงเล็กชิงย่วนในอ้อมแขนเหยียนชิงชิง สีหน้าอดแปรเปลี่ยนมิได้ นางมีภาพเหมือนของจ้านอู๋มิ่ง นางจำศัตรูที่ฆ่าน้องชายนางออกอย่างรวดเร็ว แต่เวลานี้ นางไร้เรี่ยวแรงจะเรียกขาน เสียงที่เปล่งออกมาล้วนเป็เสียงครวญคราง เสียงนั้นจ้านอู๋มิ่งฟังจนร้อนรุ่มขึ้นมาทั้งตัว
“อับอายขายหน้าที่คบหากับเ้า!” เหยียนชิงชิงมองใบหน้าซีดขาวของตู๋กูเช่อ พูดอย่างเหยียดหยามคำหนึ่ง ถึงแม้นางจะไม่ลงรอยกับราชันโอสถ แต่เป็สตรีเพศด้วยกัน นางรังเกียจวิธีการของราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ว่านางสยบต่อจ้านอู๋มิ่งด้วยใจอันร้อนระอุ เพราะเหล่าสตรี หลังจากจิตใจนางถูกท่านพิชิตจนยอมสยบแล้ว แม้ว่าท่านจะหยาบคายและดุร้ายกับนาง นางก็ยังรู้สึกว่าสิ่งนั้นเต็มไปความรัก และเมื่อนางปฏิเสธขับไล่ท่าน แม้ว่าท่านจะกระซิบกระซาบเพียงเบาๆ นางก็ยังรู้สึกตัวลอยเหมือนแมลงวันกระพือปีกเต้นรำในอากาศ
“เ้าแพร่พิษใดใส่ข้า?” ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อสีหน้าเขียวคล้ำ
ใจเขารู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่ง สมบัติภายในถ้ำแห่งนี้เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ขณะที่กำลังพึงพอใจในความสำเร็จนั่นเอง พลันสถานการณ์พลิกผันกะทันหัน ทุกสิ่งทุกอย่างห่างไกลจากเขาไปเรื่อยๆ จะไม่ให้เขาแค้นเคืองได้อย่างไร สำหรับฝีมือของราชันพิษ เขากระจ่างแจ้งแก่ใจ ขอเพียงหญิงสาวผู้นี้มีโอกาสเท่านั้น ในหมู่สิบราชันไม่มีผู้ใดเป็คู่ต่อสู้ของนางได้ เขาเกลียดชังตนเองมากที่สุด ไฉนจึงชะล่าใจเพียงนี้
“ผงสลายพลังกร่อนเส้นเอ็น เ้ารู้สึกว่าเส้นชีพจรเ็ปอย่างยิ่งใช่หรือไม่? จากนั้นพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็สูญสลายไปแล้ว?” เหยียนชิงชิงยิ้มแย้มปานบุปผา นางชอบดูสีหน้าท่าทางของราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่ออย่างยิ่ง
“เ้าไม่อาจสังหารข้า เ้าจำคำปฏิญาณร่วมกันของพวกเราไม่ได้แล้วหรือ?” ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อพลันนึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้ คร่ำครวญขึ้น
“อ้อ เมื่อครู่เ้ายังมิใช่พูดว่า้าฆ่าราชันโอสถหรอกหรือ? หรือว่าเ้าไม่กลัวคำปฏิญาณร่วมกันแล้ว?” เหยียนชิงชิงถามกลับ
“เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ข้าเพียงแต่้าให้นางเป็สตรีของข้า ข้าจะฆ่านางได้อย่างไรเล่า…” ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อรีบอธิบาย
“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเ้าเช่นกัน” เหยียนชิงชิงยิ้มแล้ว ยิ้มจนดูแปลกพิกลอยู่บ้าง
“น่าเสียดายที่ระหว่างข้าและเ้าไม่มีคำสาบานอันใด ดังนั้นให้ข้าสังหารเ้าก็แล้วกัน!” จ้านอู๋มิ่งก้าวออกมาหนึ่งก้าว มีดเล่มเล็กในมือขูดไปมาบนใบหน้าตู๋กูเช่อ “จุ๊ๆ” เอ่ยชมขึ้นว่า “เป็คนโดดเด่นคนหนึ่งเชียว ความจริงแล้วพี่ชายยังยอมรับนับถือเ้าที่ไร้ยางอายมากยิ่งกว่าพี่ชายเสียอีก!”
“เ้า...เ้าคือใครกันแน่?” ในดวงตาตู๋กูเช่อฉายแววตื่นตระหนกขึ้น เขาััถึงสำนึกการฆ่าฟันที่แฝงในรอยยิ้มของจ้านอู๋มิ่ง
“จ้านอู๋มิ่ง เ้ามิใช่้าสังหารข้าตลอดมาหรอกหรือ? ยามนี้ข้าอยู่เบื้องหน้าเ้าแล้ว” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะจนดูชั่วร้าย
“เป็ไปได้อย่างไร ราชันพิษ หรือว่าเ้าไม่กลัวผู้เฒ่าจะมาจัดการเ้า เ้ากลับอยู่ร่วมกับคนผู้นี้?” ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง เดิมเขาคิดว่าจ้านอู๋มิ่งเป็ศิษย์ของสำนักเบญจพิษ คิดไม่ถึงว่าจะเป็ดาวมฤตยูที่ทุกคนเห็นแล้วครั่นคร้าม อีกทั้งดาวมฤตยูนี้ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิบราชัน สีหน้าตู๋กูเช่อที่มองเหยียนชิงชิงเปี่ยมความประหลาดใจ
“บัดซบ กระทั่งตายก็ไม่ยอมหยุด” พลันจ้านอู๋มิ่งโกรธจัดขึ้นมาทันใด
ขณะตู๋กูเช่อพูดจา กลับลักลอบแอบบี้ขวดหยกด้านหลังจนแตกละเอียด ภายใต้กลิ่นหอมของปทุมหัวใจสีม่วงพันมายา จ้านอู๋มิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ยั้งมือไว้ไมตรีอีกแล้ว ตัดหัวตู๋กูเช่อขาดด้วยมีดเดียว
“แย่แล้ว เป็ยากระตุ้นราคะกระดูกอ่อน!” เหยียนชิงชิงสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง นางคิดไม่ถึงว่าราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อที่กำลังจะตายกลับเล่นลูกไม้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่า้าทำลายชื่อเสียงของเหยียนชิงชิง
ตู๋กูเช่อทราบดีว่าเหยียนชิงชิงเป็ธิดาเทพของสำนักเบญจพิษ หากมิใช่หยกไร้ตำหนิ[1]อีกต่อไป จะต้องถูกสำนักเบญจพิษขังไว้ในตำหนักเย็นอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเขาทราบว่าเหยียนชิงชิงสมรู้ร่วมคิดกับจ้านอู๋มิ่ง จึงจู่โจมครั้งสุดท้ายก่อนตาย เขารู้ว่าตนเองต้องตายแน่นอนแล้ว เช่นนั้นก็จะไม่ให้ราชันพิษมีจุดจบที่ดีเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งกำลังขุ่นข้องหงุดหงิด ทันใดนั้นร่างกายที่อ่อนนุ่มเหมือนหยกอ่อนมีกลิ่นหอม ทั้งยังอบอุ่นก็โถมเข้าหาจนเขาล้มลงไปที่พื้น จ้านอู๋มิ่งอุทานใคำหนึ่ง
ก้มมองดู เป็ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานที่ถูกเคี่ยวกรำด้วยยากระตุ้นราคะจนหน้ามืดตามัว ขาดสติสัมปชัญญะไปแล้วนั่นเอง จ้านอู๋มิ่งกลอกตาค้อนอย่างดุดันคราหนึ่ง รีบโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาขึ้นทันที สำหรับพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาแล้ว การสลายฤทธิ์ยากระตุ้นราคะไม่ใช่เื่ยากแต่อย่างใด
ยามที่จ้านอู๋มิ่งโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาขจัดฤทธิ์ยากระตุ้นราคะภายในร่างกายอีกฝ่าย ต้องประหลาดใจที่พบว่า ขณะพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาเข้าสู่ร่างกายสื่อรั่วหนานเพื่อสลายฤทธิ์ยา กลับถือโอกาสปลดผนึกต้องห้ามที่ชายชราปลูกฝังไว้ในร่างกายสื่อรั่วหนานไปด้วย ร่างกายของนางที่ถูกพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของตนโคจรผ่าน ยังสร้างพันธนาการบางอย่างกับร่างกายของตนขึ้นมาอย่างน่าพิศวง ความรู้สึกนั้นราวกับว่าศักยภาพร่างกายตนสามารถส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของอีกฝ่าย และความนึกคิดของตนก็ส่งผลต่อความคิดของอีกฝ่ายได้เช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งใจเต้นตึกตัก ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดี อย่างไรก็ตามยังมิทันรอให้เขาได้คิดถึงผลลัพธ์ออกมา สาวน้อยสำนักหลอมโอสถที่สลบไสลมาตลอดทางก็ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ยากระตุ้นราคะชั่วร้ายนี่ มีผลกระทบต่อสาวน้อยที่ผล็อยหลับด้วยเช่นกันหรือ?
จ้านอู๋มิ่งท่องอมิตาพุทธในใจตลอดเวลา ย่อมมิสามารถเห็นการตายแล้วไม่ช่วยเหลือ จ้านอู๋มิ่งได้แต่โคจรแผ่พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาออกอีกครั้ง…
เดิมจ้านอู๋มิ่งคิดว่าใช้พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตามากเกินไปในครั้งเดียว ถึงไม่เสียชีวิตก็ต้องเหน็ดเหนื่อยปางตาย กลับคิดมิถึงว่า ถึงแม้ว่าราชันโอสถ สื่อรั่วหนานและราชันพิษ เหยียนชิงชิงต่างก็มีธาตุไม้ที่เป็ธาตุแห่งชีวิตเทียม แต่ธาตุไม้อันเป็ธาตุแห่งชีวิตของราชันพิษเหยียนชิงชิงได้ยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว และเนื่องจากเส้นชีพจรของราชันโอสถสื่อรั่วหนานก็มีความพิเศษเช่นกัน ธาตุไม้อันเป็ธาตุแห่งชีวิตในร่างจึงอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก หญิงสาวสองนางที่มีธาตุไม้เป็ธาตุแห่งชีวิตได้ช่วยเสริมธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งแล้ว ทำให้พลังธาตุไม้ของจ้านอู๋มิ่งยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นยามที่จ้านอู๋มิ่งซึ่งฟื้นคืนสู่ความกระปรี้กระเปร่าและกระฉับกระเฉง ได้เห็นหญิงสาวทั้งสามกำลังสนทนากันอย่างสนิทสนม ในดวงตาฉายแววอบอุ่นออกมา
ที่ทำให้นอกเหนือคาดหมายมากที่สุดคือสื่อรั่วหนานแล้ว ก่อนหน้ายังเคยโวยวายว่า้าสังหารจ้านอู๋มิ่ง เวลานี้กลับเปี่ยมความไว้วางใจและพึ่งพาจ้านอู๋มิ่ง ไม่ว่าอย่างไร จ้านอู๋มิ่งและเหยียนชิงชิงได้ช่วยชีวิตนางไว้ในยามที่น่าอับอายและน่าอนาถที่สุด และเวลานี้ไม่ว่าอย่างไร นางก็มิสามารถเกลียดชังจ้านอู๋มิ่ง ทั้งยังรู้สึกว่าสนิทสนมลึกซึ้งจนถึงก้นบึ้งของหัวใจด้วยซ้ำ สำหรับเื่นี้ สื่อรั่วหนานเองก็อธิบายมิถูกเช่นกัน
“หินจิติญญาในแม่น้ำสายนี้เก็บขึ้นมาให้เต็มที่ เก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าหลงเหลือไว้ในสถานที่นี้แม้แต่ก้อนเดียว!” จ้านอู๋มิ่งกระแอมไอคราหนึ่ง เปลี่ยนหัวข้อสนทนา โบกมืออย่างใจกว้าง เริ่มแบ่งปันของที่ริบมาได้ สำหรับแหวนจักรวาลของราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อ จ้านอู๋มิ่งก็หัวเราะและเก็บไว้เองแล้ว
สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพึงพอใจมากที่สุดยังคงเป็หินทองคำจิติญญาระดับเทพก้อนนั้น เขานั่งบนก้อนหินขนาดใหญ่มหึมา พลังธาตุทองมากมายสายหนึ่งพรั่งพรูเข้าสู่ภายในร่างกายเขาราวกระแสน้ำหลาก สถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นบนั์ตาคุนเผิงในตอนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พลังธาตุทองมหาศาลได้ทำลายความสมดุลและยกระดับเพิ่มขึ้นในธาตุแห่งชีวิตอย่างรวดเร็ว ฐานการบ่มเพาะของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน กระบวนการนี้เขาไม่รู้สึกมิคุ้นเคยแต่อย่างใด กล่าวถึงที่สุดเขาได้เปิดถ้ำนภาของธาตุวารีขึ้นแล้วในจิติญญาแห่งชีวิต
พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาโคจรอย่างรวดเร็วปานคลุ้มคลั่ง พลังธาตุทองกลายเป็ส่วนหนึ่งของจิติญญาแห่งชีวิตอย่างรวดเร็ว ภายใต้การควบคุมชักนำของจ้านอู๋มิ่ง เสียงดัง "ตูม" ในห้วงคำนึงเปิดเป็ถ้ำนภาเล็กๆ แห่งใหม่ขึ้นมาอีกแห่ง ภายในนั้น ประกายแสงสีทองไหลเวียนวน พลังเหนือธรรมชาติสีทองที่หนาแน่นดุจละอองหมอกภายในถ้ำถูกดูดซับกลืนกินเข้าสู่ภายในถ้ำนภาเล็กๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นภายในถ้ำนภาค่อยๆ ควบแน่นจนกลายเป็เม็ดธาตุทองออกมา ผันแปรกลายเป็ของเหลวสีทอง…
หญิงสาวทั้งสามจ้องมองอย่างงุนงงเมื่อกลิ่นอายของจ้านอู๋มิ่งเพิ่มขึ้นจากปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดบรรลุขึ้นสู่ราชันาหนึ่งดาวอย่างรวดเร็ว บรรลุขึ้นสู่ราชันาสองดาว…ราชันาสามดาว…จวบจนยามที่บรรลุขึ้นถึงระดับราชันาเจ็ดดาว พวกนางรู้สึกมึนงงจนชาชินแล้ว นี่คือสัตว์ประหลาดชนิดใดกัน ฐานบ่มเพาะกลับสามารถทะลวงขอบเขตสูงขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับแล่นเรือเหาะเช่นนี้ การฝึกฌานบ่มเพาะของคนอื่นๆ ยังจะมีความหมายอันใดอีกเล่า?
เขาทะลวงด่านเพิ่มขึ้นรวดเร็วปานนี้มิเกรงกลัวจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรือ? สถานการณ์ของจ้านอู๋มิ่งได้พลิกผันความเข้าใจในการฝึกฌานบ่มเพาะของพวกนางไปแล้วโดยสิ้นเชิง ขณะที่ฐานการบ่มเพาะของจ้านอู๋มิ่งบรรลุระดับราชันาสูงสุดและสุดท้ายก็หยุดลงแล้ว ในที่สุดหญิงสาวทั้งสามก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พลันราชันพิษ เหยียนชิงชิงก็ตระหนักขึ้น ที่แท้คนผู้นี้งำประกายฐานบ่มเพาะไว้ตลอดมา เดิมเขาสมควรมีฐานบ่มเพาะระดับราชันาสูงสุด มิฉะนั้นไฉนจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ กำจัดยอดฝีมือสำนักเบญจพิษดับสูญหลายคน จากนั้นเขาก็สังหารราชันวายุ หนานกงเฉิงกับราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยและคนอื่น ๆ
หญิงสาวทั้งสามยังมิทันถามจ้านอู๋มิ่งว่าเกิดเื่ใดขึ้นกันแน่ สีหน้าแปรเปลี่ยนอีกแล้ว พวกนางรู้สึกถึงสภาวะพลังของจ้านอู๋มิ่งกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง หากว่าฐานบ่มเพาะของเขาที่ทะยานเพิ่มพูนขึ้นเมื่อครู่คือกระแสน้ำขึ้นของทะเล เช่นนั้นยามนี้ ฐานบ่มเพาะและสภาวะพลังของเขาที่ลดลงก็คล้ายกับน้ำลงก็มิปาน
ราชันาเก้าดาว…ราชันาแปดดาว…ราชันาเจ็ดดาว…ราชันาสองดาว หลังจากฐานบ่มเพาะของจ้านอู๋มิ่งลดลงถึงราชันาสองดาวแล้ว ก็ยังไม่หยุด ชะงักที่ราชันาสองดาวครู่หนึ่ง แล้วลดลงถึงราชันาหนึ่งดาวอย่างรวดเร็ว
สามสาวคิดว่าครั้งนี้สมควรใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ย่อมมิอาจที่จะลดลงหนึ่งขอบเขตใหญ่กระมัง เื่การลดระดับฐานบ่มเพาะของตนเองเช่นนี้ ช่างอุกอาจเกินไปแล้ว ขัดต่อกฎเกณฑ์ของโลกหล้านี้โดยสิ้นเชิง
“ตูม…” ร่างของจ้านอู๋มิ่งสะท้านคราหนึ่ง กระอักพ่นโลหิตสีทองสว่างเจิดจ้าออกมาคำหนึ่ง
“ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุด!” เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนานมองจ้านอู๋มิ่งที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นราวมองดูสัตว์ประหลาดก็มิปาน
เ้าหมอนี่กลับลดระดับฐานบ่มเพาะลงที่ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดอีกครั้งจริงๆ ทุกอย่างเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่าพวกนางล้วนััได้ว่า กลิ่นอายแห่งชีวิตบนร่างจ้านอู๋มิ่งนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมจนสุดหยั่งคาดแล้ว หากว่าก่อนหน้านี้เขาเหมือนเช่นสัตว์อสูรรูปร่างมนุษย์ตัวหนึ่ง เวลานี้ เขาเหมือนของวิเศษรูปร่างมนุษย์ผู้หนึ่งมากกว่า
บนผิวกายของจ้านอู๋มิ่งเปล่งประกายแสงสีทองจางๆ ชั้นหนึ่ง คล้ายดั่งเป็เกราะธรรมชาติ พวกนางมิสามารถจินตนาการได้ว่าการลดระดับฐานบ่มเพาะจากราชันาสูงสุดลงมาถึงปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุด พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้และพลังเหนือธรรมชาติฟ้าดินมากมายขนาดนั้นไปอยู่เสียที่ไหนกันแน่?
เวลานี้ พลังจิติญญาธาตุทองในถ้ำถูกจ้านอู๋มิ่งดูดกลืนจนหมดสิ้นแล้ว พลังแก่นแท้จิติญญาคุณสมบัติทองมหาศาลขนาดนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็ผู้อื่น เกรงแต่ว่าร่างกายคงต้องะเิยับเยินไปนานแล้ว แต่ว่าจ้านอู๋มิ่งกลับเหมือนไร้ปัญหาใดๆ เพียงแค่กระอักโลหิตสีทองออกมาคำหนึ่งเท่านั้น บุรุษผู้นี้ดำรงชีวิตอยู่มาแบบไหนกันแน่?
[1] สาวพรหมจรรย์
