การต่อสู้ในจัตุรัสสั่นะเืไปทั้งฟากฟ้า พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องน่าสังเวชที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ยอดฝีมือทั้งสี่สำนักมีมติเป็เอกฉันท์และรีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ร่างของหนิงเทียนชุ่มโชกไปด้วยเื ดวงตาของเขาเ็าราวกับใบมีด พร้อมควบคุมให้เหล่าอสูรที่เหลืออยู่สองสามตนเข้าห้ำหั่นต่อไป
ซูอวิ๋น ชิวซานอวิ๋น และหลิวจินอวิ๋นล้วนเก็บซ่อนตัวตน ทั้งยังคอยเฝ้าดูการต่อสู้ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็เร่งดำเนินการตามแผนให้สำเร็จ
ไม่มีผู้ใดสังเกตเลยว่าในจัตุรัสยามนี้มีซากศพเกลื่อนกลาดและธารโลหิตเจิ่งนอง ภายในหมอกโลหิตใกล้ปากบ่อที่เงียบงันเปี่ยมไปด้วยพลังลึกลับซึ่งถูกแสงแห่งความโกลาหลกลืนหายไป
ในสนามรบ หนิงเทียนให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวรอบตัว และในไม่ช้าเขาก็เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สำนักอินทนิล สำนักชื่อหยวนปัง สำนักหานเทียน และโถงเพลิงทมิฬต่างส่งยอดฝีมือสามคนในขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้ามาสู้กับตน ขณะที่คนอื่นๆ ก็กำลังวางแผนโจมตีิญญาอสูรและสัตว์อสูร
เหล่าศิษย์หยวนซิวถืออาวุธและอาวุธิญญาเต็มไม้เต็มมือ ยามนี้พวกเขาต่างดึงทุกกลยุทธ์ออกมาใช้และพุ่งเข้าสังหารอย่างบ้าคลั่ง
หนิงเทียนเห็นว่าศิษย์ของสำนักหยวนซิวทั้งเก้าเหลืออยู่อีกเจ็ดสิบสี่คน ซึ่งความได้เปรียบด้านความแข็งแกร่งโดยรวมยังคงชัดเจน และหากคนเหล่านี้จัดการบรรดาอสูรทั้งหมดได้แล้ว เขาย่อมตกอยู่ในอันตราย
เขาเปิดแหวนมิติขึ้นมาบางส่วน ผลึกิญญาก็ค่อยๆ ลอยอยู่รอบกายของเขา พร้อมแผ่พลังิญญาอันแข็งแกร่งออกมา
การต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้หนิงเทียนเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง สาเหตุที่เขาเก็บแหวนมิติไว้มากมายก็เพื่อการฟื้นฟูพลังด้วยหินิญญาในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้
บงกชสีมรกตแกว่งกวัดไปมา ต้นไม้แห้งเหี่ยวสั่นไหว และวังวนพลังห้ากลุ่มก็ปรากฏขึ้นข้างกาย ความเร็วในการดูดซับพลังของวังวนแต่ละกลุ่มคือหกสิบสี่เท่า ดังนั้น เขาจึงดูดซับพลังได้มากถึงสามร้อยยี่สิบเท่า
หนิงเทียนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เจตนาสังหารพุ่งทะยานสู่ท้องนภา ทะลวงพันชั้นและกระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นประกอบด้วยสองขั้วใหญ่และเล็ก ซึ่งเป็ทักษะชั้นเยี่ยมในการแยกร่างและผนึกร่าง จนทำให้บรรดาศัตรูต่างหวาดกลัว แม้แต่อัจฉริยะของสำนักอินทนิลก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น
“หมัดของเขาเปรียบเสมือนคมกระบี่ อย่าสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว!”
“จงเลือกใช้อาวุธที่สามารถลดพลังโจมตีของเขาได้!”
ยอดฝีมือของทั้งสี่สำนักต่างปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามทำความเข้าใจลักษณะการโจมตีของหนิงเทียนอย่างรอบคอบ และสรุปออกมาตามประสบการณ์ของตน
“เยาเยา!” หนิงเทียนะโขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะอันตรธานไปทันที ด้วยความช่วยเหลือจากทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารของทหาริญญาเยาเยา เขาจึงสังหารศัตรูได้อย่างน่าใ
เสียงกรีดร้องโหยหวนสามเสียงดังขึ้นจนทุกฝ่ายตกตะลึง ใบหน้าของทุกคนในยามนี้เปลี่ยนไปมาก ศิษย์สิบสองคนร่วมมือกันปราบหนิงเทียน แต่เ้านั่นกลับสังหารคนสามคนในคราวเดียว
ชิวซานอวิ๋นกล่าวว่า “เข้าไปเพิ่มอีกสามคน! สกัดเขาไว้ให้ได้!”
เหมยเอ้าซงจากสำนักหานเทียนระดมพลังทุ่งเยือกแข็งเพิ่มขึ้น และด้วยความช่วยเหลือจากศิษย์สำนักต่างๆ เขาก็สามารถเข้าล้อมอสูริญญาและสังหารพวกมันอย่างบ้าคลั่ง จนบรรลุผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
โถงเพลิงทมิฬและศิษย์สำนักอื่นๆ ก็เข้าล้อมและสังหารสัตว์อสูรเช่นกัน แม้พวกเขาจะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ทว่าครึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาก็สามารถสังหารอสูรทั้งหมดได้ เหลือเพียงงูั์เท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอด
“หนิงเทียน ถึงตาเ้าแล้ว!” อู่เจี้ยนหงยิ้มอย่างชั่วร้าย หลังจากกำจัดสัตว์อสูรและฟาดฟันอสูริญญาจำนวนมากไปแล้ว ่เวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็มาถึง
ร่างของหนิงเทียนเปล่งประกายเจิดจ้า ทันทีที่เขาะโขึ้นไปบนหัวของงูั์ พู่กันิญญาสีสันสดใสในมือของเขาก็ส่องแสงลึกลับ หญ้าสีเขียวปรากฏขึ้นพร้อมแกว่งไปมา และปราณกระบี่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
ต่งซิงอู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วกล่าวว่า “เปล่าประโยชน์! เรามีวิธียับยั้งวิชาจิตรกรรมิญญาของเ้า ศิษย์พี่หลิว ถึงตาท่านแล้ว”
หลิวจินอวิ๋นเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักชื่อหยวนปัง เขามีสายเืพิเศษและมีพลังมหาศาล อีกทั้งในที่นี้ก็มีเพียงชิวซานอวิ๋นเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเขาได้ ดังนั้น เขาจึงลำพองตนเป็อย่างยิ่ง
“หนิงเทียน วันนี้ข้าจะมอบความตายให้เ้า!”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวฉีกกระชากห้วงอากาศ ก่อนจะกลายเป็ธงที่แทงทะลุปฐีพร้อมเสียงกัมปนาท และปักลงกลางจัตุรัสอย่างแม่นยำ
ธงสีแดงอ่อนซึ่งสลักด้วยรูปแบบจิติญญาลึกลับกำลังปลดปล่อยพลังน่าพรั่นพรึง พลังิญญาที่ก่อตัวอยู่โดยรอบค่อยๆ สลายไป และส่งผลกระทบต่อทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ของหนิงเทียนโดยตรง
หญ้ากลางอากาศสลายตัวทันที ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ล้มเหลวไปชั่วขณะจนสีหน้าของหนิงเทียนมืดมนอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา ทั้งยังขัดขวางแผนการของเขาด้วย
เมื่อมองธงแยกิญญาหยวน ดวงตาของหนิงเทียนก็ฉายแววคลุ้มคลั่ง เขาต้องหาทางทำลายมันให้ได้!
เหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ อาศัยโอกาสนี้ล้อมรอบร่างเขาไว้เป็วงกลม ทำให้งูั์ขู่คำรามลั่นก่อนจะฮึดพุ่งโจมตี
หลิวจินอวิ๋นหัวเราะเยาะ “เ้าคิดว่าเราสังหารงูตัวนี้ไม่ได้จริงหรือ? ตราบใดที่ร่างของมันถูกทำลาย มันก็จะตายในที่สุด!”
หนิงเทียนยังคงยืนหยัดโต้กลับว่า “จากสี่สิบเก้าคน จะเหลือสักกี่คนที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของข้า?”
เหมยเอ้าซงตวาดดัง “จะตายอยู่แล้วยังพูดไร้สาระได้อีก! รีบแสดงให้เขาดูหน่อยเถอะ!”
ทันใดนั้น ปฏิบัติการปิดล้อมหนิงเทียนก็เริ่มต้นขึ้น เหล่าศิษย์สำนักต่างๆ รีบรุดมาข้างหน้า ทว่าด้วยอานุภาพของธงแยกิญญาหยวน ทักษะบางอย่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ธงนี้สามารถสลายพลังิญญาและระงับคลื่นผันผวนของพลังหยวนได้โดยอัตโนมัติ แม้พวกเขาจะสามารถยับยั้งพลังของหนิงเทียนได้ แต่พลังของบรรดาศิษย์หยวนซิวก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน
ทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารของเยาเยาได้รับผลกระทบโดยตรง อีกทั้งสัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าวก็ถูกรบกวนไปด้วย ทำให้เขาไม่สามารถพึ่งพากำลังภายนอกเพื่อสังหารศัตรูได้อีกต่อไป
ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้และสังเกตสถานการณ์การต่อสู้ของหนิงเทียนอย่างระมัดระวัง
กายาสุวรรณะนิรันดร์และทะลวงพันชั้นก่อตัวเป็พลังหนึ่งหยวนที่เหนือจินตนาการ เมื่อรวมกับวิวัฒนาการของเลขเก้าหลักและวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น พลังของหนิงเทียนก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แม้จะถูกห้อมล้อมจนตกอยู่ในสภาวะคับขัน เขาก็ยังมีจิติญญาการต่อสู้ที่สูงส่ง และเืในกายยังคงเร่าร้อน!
ดวงตาของซูอวิ๋นมืดมน พฤติกรรมของอดีตคู่หมั้นซึ่งถูกนางทอดทิ้งไปทำให้นางแทบจะบ้าคลั่งด้วยความอิจฉา
ผู้บำเพ็ญขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าสามารถต่อกรได้แม้กระทั่งขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า นี่มันชั่วร้ายมากจนไม่น่าเชื่อ!
แน่นอนว่ายังคงมีช่องว่างระหว่างหนิงเทียนและบรรดาหยวนซิวขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้าอยู่ เนื่องจากตอนนี้หนิงเทียนอาศัยความเป็ะของกายาสุวรรณะนิรันดร์และความแข็งแกร่งทางกายภาพ ไม่เช่นนั้นก็เป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะต่อกรกับยอดฝีมือขอบเขตผนึกดารา
กลิ่นอายสังหารของชิวซานอวิ๋นล้นหลามออกมา รากฐานของหนิงเทียนแข็งแกร่งกว่าที่เขาสันนิษฐานไว้ และผู้มีความสามารถไร้เทียมทานเช่นนี้ก็ไม่ควรได้มีโอกาสเติบโต
“เขาเชี่ยวชาญวิชากระบี่ลึกลับที่สามารถทะลวงแนวป้องกันพลังหยวนของเรา หากจะสู้กับเขาแบบเผชิญหน้าก็ควรสวมเครื่องป้องกันด้วย” ศิษย์สำนักอินทนิลคนหนึ่งเสนอความคิดเห็น แม้เขาจะยังมีชีวิตรอด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาอันหนักหน่วงเช่นการสูญเสียแขนขวาไป ดังนั้น เขาจึงช่วยสหายร่วมสำนักคิดหาวิธีป้องกันวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น
“เช่นนั้นก็สังหารเขาด้วยฝ่ามือน้ำแข็ง!” เหมยเอ้าซงออกคำสั่ง
เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่าลูกศิษย์สำนักหานเทียนก็รีบใช้ฝ่ามือน้ำแข็งแต่ก็ยังไม่ได้ผล พลังนี้ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นได้ และหน้าอกของพวกเขาก็ะเิจนเสียชีวิตทันที
“ตายไปสิบเจ็ด เหลืออีกสามสิบสองคน! พวกเ้าเคยคิดเกี่ยวกับคำสั่งเสียของตนบ้างหรือไม่?” เสียงเ็าของหนิงเทียนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ทั้งยังสังหารคนสิบเจ็ดคนพร้อมๆ กันอย่างไร้ความปรานี
หลิวจินอวิ๋นแสดงสีหน้าน่าเกลียดและพูดด้วยความโกรธว่า “จงเข้าสังหารด้วยกำลังทั้งหมด ภายใต้ธงแยกิญญาหยวน เป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะดูดซับพลังิญญาจากภายนอกเพื่อเติมเต็มการบริโภค!”
และไม่ใช่สำหรับหนิงเทียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนอื่นๆ ด้วย
ยามนี้ งูั์ถูกโจมตีด้วยอาวุธิญญาจนร่างแยกเป็สองส่วน ทว่ามันก็ยังคงฮึดสู้ต่อไป
อาวุธิญญาระดับต่ำในขอบเขตผนึกดาราถือเป็ภัยคุกคามเพียงเล็กน้อยสำหรับหนิงเทียน อาวุธิญญาระดับกลางในขอบเขตเปลี่ยนผ่านก็จำเป็ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเปิดใช้งาน ส่วนอาวุธิญญาระดับสูงในขอบเขตเหนือเมฆา โดยพื้นฐานแล้วศิษย์หลักย่อมไม่สามารถเปิดใช้งานได้
ระหว่างการต่อสู้ อาวุธิญญาส่วนใหญ่ที่โจมตีหนิงเทียนเป็อาวุธิญญาระดับต่ำ และด้วยการป้องกันของกายาสุวรรณะนิรันดร์ แม้เขาจะได้รับาเ็หลายครั้ง แต่ภัยคุกคามก็ไม่ได้ใหญ่โตเกินไป
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป สุดท้ายงูั์ก็สิ้นใจลง ทว่าจำนวนลูกศิษย์ของสำนักหยวนซิวก็ตายไปสองในเก้าเช่นกัน
สถานการณ์ปัจจุบันนี้คือยี่สิบห้าต่อหนึ่ง ซึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก แม้หลายคนจะนึกเสียใจขึ้นมา แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
“หนิงเทียน ข้าจะสู้กับเ้า!” ศิษย์คนหนึ่งออกตัว
“เ้าจะเสียใจหรือไม่?”
สิ้นคำกล่าวของหนิงเทียน ชายคนนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาจะไม่เสียใจได้อย่างไรที่ต้องถูกสังหารในสถานการณ์เช่นนี้?
ทว่าบรรดาศิษย์ร่วมสำนักก็ล้วนเสียชีวิตในสนามรบไปแล้ว ยามนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ชั่วพริบตาหนึ่งก็มีศีรษะลอยขึ้นกลางอากาศ พร้อมเืโปรยปรายเหมือนดอกไม้ และศิษย์สำนักหยวนซิวคนนั้นก็เสียชีวิตลงทันที
“อีกยี่สิบเอ็ดคน เหลือเพียงพวกเ้าสี่ฝ่ายเท่านั้น” ร่างของหนิงเทียนอาบไปด้วยเื เขาคำรามอย่างดุเดือดและฉายความเกลียดชังในดวงตาราวกับคมมีด ทั้งยังไม่มีความคิดยอมแพ้เลยสักนิด
ผลึกิญญาเกาะตามิัของหนิงเทียน ก่อนจะกลายเป็พลังิญญาที่พุ่งออกมา เพื่อชดเชยการใช้พลังิญญาของเขา
“เ้าบ้านี่มันคาดการณ์เื่นี้ไว้ก่อนแล้ว!” อู่เจี้ยนหงโกรธมาก เขาคิดว่าพลังของธงแยกิญญาหยวนจะกลืนกินหนิงเทียนจนตาย ทว่าหนิงเทียนกลับเตรียมการไว้อย่างดี และมีผลึกิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจการใช้พลังิญญาเลย
“สังหารต่อไป อย่างไรวันนี้เขาก็ไม่รอด!” ต่งซิงอู่คำรามอย่างดุเดือดพร้อมปะทุเปลวเพลิงออกมาจากหมัด เขาต่อยเข้าที่หลังของหนิงเทียน จนหนิงเทียนกระเด็นออกไปสิบจั้ง
หนิงเทียนกระอักเืก่อนจะกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด ต้นหญ้าข้างกายพลิ้วไหว ปราณกระบี่ของเขาเปรียบเสมือนลำแสงหมุนวนที่บดขยี้ห้วงอากาศและดึงดูดความสนใจของศัตรู
วินาทีต่อมา เถาวัลย์เขียวก็แผ่กิ่งก้านออกไปราวกับหอกที่เจาะทะลุกาลเวลา ซึ่งบรรจุการเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าของเถาวัลย์ั และทะลวงแนวป้องกันของศัตรูอย่างชาญฉลาด พร้อมทำร้ายศัตรูที่ลอบโจมตีจนสิ้นซากในพริบตา
หนิงเทียนถูกเตะออกไปเสียงดังปัง ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกพื้น เขาก็ถูกศัตรูอีกคนใช้โอกาสนี้ฟาดฝ่ามือใส่หน้าอก พลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวนั้นเต็มไปด้วยพลังอันดุเดือดของเปลวเพลิง ซึ่งเป็เหตุให้ภัยคุกคามร้ายแรงเข้าปกคลุมหัวใจของเขาอย่างฉับพลัน
เกิ่งเลี่ย ศิษย์หลักจากโถงเพลิงทมิฬเปิดใช้อาวุธิญญาซึ่งเป็กระจกส่องภาพที่แตกหัก มันฉายรังสีของแสงกระบี่ที่มีอานุภาพทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่น และพุ่งเป้าไปยังหัวใจของหนิงเทียน
หนิงเทียนแผดเสียงเกรี้ยวกราดในสถานการณ์ชี้เป็ชี้ตาย แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกตื่นขึ้น และน้ำเต้าเจ็ดสีก็พุ่งออกจากร่างเพื่อปิดกั้นพลังจากแสงกระบี่
พื้นผิวของน้ำเต้าปกคลุมด้วยแสงสีเงิน ทันทีที่โผล่ออกมา มันก็ถูกแสงของกระบี่ฟาดฟัน ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในบริเวณโดยรอบ
เสียงหวีดดังแหลมอย่างรุนแรง แสงสีเงินส่องประกาย แสงกระบี่แห่งการทำลายล้างแหลกละเอียดเป็ฝุ่นผงและก่อตัวเป็ลำแสงสะท้อนกลับ
“ไม่!” เกิ่งเลี่ยกรีดร้องลั่น กระจกส่องภาพที่แตกหักในมือลุกเป็ไฟ แสงกระบี่ที่สะท้อนจากน้ำเต้านั้นมีพลังเสื่อมสลาย และพุ่งมาตัดศีรษะของเขาจนขาดครึ่ง
เขาเป็ศิษย์หลักอันดับหนึ่งของโถงเพลิงทมิฬ และกระจกส่องภาพที่แตกหักนั้นก็เป็สิ่งที่ได้มาจากผู้าุโในสำนัก พลังของแสงกระบี่เทียบได้กับอาวุธิญญาระดับกลาง แต่กลับถูกน้ำเต้าเจ็ดสีทำลายจนแตกเป็เสี่ยงๆ
“ศิษย์พี่เกิ่ง!” ศิษย์จากโถงเพลิงทมิฬที่เหลือเพียงสามคนคร่ำครวญอย่างดุเดือด ก่อนจะพุ่งโจมตีหนิงเทียนอย่างบ้าคลั่ง
“พวกเ้าจงตายเสียเถอะ!” หนิงเทียนเปิดใช้น้ำเต้าเจ็ดสีอีกครั้ง เขาะเิพลังใส่ศิษย์โถงเพลิงทมิฬคนหนึ่งอย่างเ็าด้วยใบหน้าเปื้อนเื
ทันใดนั้นม้วนภาพม้วนหนึ่งก็กางออก ปรากฏูเาหลายพันลูกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและอากาศเย็นที่กัดกร่อนทุกสิ่งอย่างราวคมมีด มันยึดครองน้ำเต้าเจ็ดสีเอาไว้ ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของหนิงเทียนเคลื่อนไปอยู่ตรงศูนย์กลาง
ยามนี้ซูอวิ๋นเริ่มลงมือแล้ว นาง้าแย่งชิงน้ำเต้าเจ็ดสี จึงตัดสินใจเปิดม้วนภาพพันทิวเขาเหมันต์ขึ้นมา
แสงสีเงินบนพื้นผิวของน้ำเต้าเปล่งประกาย พร้อมปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถสลัดม้วนภาพที่กำลังรวบรวมพลังให้หดตัวลง
ซูอวิ๋นขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมเริ่มซีดเผือด และการจู่โจมของนางก็ล้มเหลวในทันที
เมื่อหนิงเทียนดึงน้ำเต้าเจ็ดสีกลับมา รัศมีก็เจิดจ้าบนร่างกาย คัมภีร์หลิงฮวงปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ และลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
เขาจ้องมองซูอวิ๋นด้วยร่องรอยความสงสัยในดวงตา เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยกับนางเช่นนี้เล่า?
