ยิ่งอยู่คนยิ่งมาก นอกจากมือปราบแขนเสื้อแดงเ่าั้แล้ว ยังปรากฏทหารรักษาการณ์ ทหารป้องกันเมือง เหล่าองครักษ์ดาบขี่ม้ากรูกันเข้ามา การต่อสู้เมื่อครู่น้อยครั้งจะปรากฏในราชธานีที่มีการป้องกันหนาแน่น
ยิ่งกับเมืองหลวงที่มีพยุหะใหญ่ครอบคลุมป้องกันเอาไว้ เหล่าทหารและมือปราบจึงคาดเดาได้ว่ามิใช่ผู้คนจากภายนอก
ผู้มาล้วนเป็ระดับผู้บัญชา เป็บุคคลระดับสูงของเมืองหลวง ผู้ทรงอำนาจของแต่ละหน่วย อันที่จริงไท้หยูสามารถจากไปได้ ทว่าเขาพานไม่ไป เพื่อเฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรต่อเขาจึงยังรั้งอยู่ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หากเขาสามารถผูกสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ย่อมเป็เื่ที่ดี
หากกลายเป็มิตรเขาจะมีผู้ช่วยสืบค้นและตามหาเหล่ามือมืดเื้ัเหล่านี้ และเขาไม่เกรงกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด สำหรับฐานะประมุขสำนักพันปีเช่นเขา มีหน้ามีตามีเกียรติไม่ต่างจากขุนนางระดับสูงผู้หนึ่ง
อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับขันทีผมขาวที่อยู่วังหลวง แม้นว่าวันนี้จะขุ่นเคืองเขาอยู่บ้างก็ตาม ยังไม่ต้องเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และสำนักพันปีที่มีความลึกซึ้งกว่าที่คาดไว้
หลังจากถูกปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งด่าอยู่หนึ่งร้อยรอบ ไท้หยูพลันสรุปให้ตนเองว่าหลังจากนี้จะตั้งใจฝึกตนให้มากยิ่งขึ้น ทั้งจะฝึกวิชาต่างๆ โดยให้ปรมาจารย์ผู้รอบรู้คนนี้สั่งสอน
เขาค้นพบว่าปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งเป็ผู้รอบรู้ในโลกจริงๆ เพราะขนาดคำด่ายังเรียบเรียงด่าทออย่างเจ็บแสบ ไม่ได้ใช้คำหยาบคายทว่าเจ็บจี๊ดจนอยากมุดไปอยู่ในดิน แม้แต่บัณฑิตเช่นเขายังยอมรับว่าด่าสู้ตาเฒ่าผู้นี้ไม่ได้
เหล่าผู้บัญชาของแต่ละหน่วย ผู้กุมอำนาจส่วนใหญ่ของเมืองหลวงปรากฏขึ้นพร้อมกัน น้อยครั้งนักที่คนเหล่านี้จะปรากฏตัวสู่โลกภายนอก ทั้งปรากฏตัวพร้อมกันเช่นนี้ นอกจากฮ่องเต้เรียกประชุมแล้วมีน้อยจนสามารถนับนิ้วมือได้
นอกจากเ้ากรมราชทัณฑ์และเหล่าผู้ที่อยู่ในวังหลวงเ่าั้ ผู้ถืออำนาจใหญ่ในเมืองหลวงเกือบครึ่งล้วนมารวมตัวกันที่นี่ นี้ยังสามารถฝืนนับโบ๋เวินและไท้หยูรวมเข้าไปด้วย
ผู้บัญชาการทหารป้องกันเมืองสวมชุดทหารสีดำกระชับร่าง สวมหมวกดำ ใบหน้าหยาบกระด้าง ปากคาบยาสูบควันลอยอ้อยอิ่ง สองตาเจิดจ้า ตาขาวไร้เส้นเืเจือปน ตาดำเป็ล้ำลึกทว่าไร้แวว
ชุดทหารรัดรูปตามตัวเหน็บอาวุธสั้นหลากหลายชนิด ล้วนวางตำแหน่งที่หยิบดึงได้อย่างถนัดมือ อย่างเช่นต้นขานอกใน แขนทั้งสองข้างเหน็บอาวุธลับ ข้างเอวขวาเป็มีดสั้น ข้างเอวซ้ายห้อยเกาทัณฑ์เล็กทว่าอานุภาพยิงรุนแรงเอาไว้
คนอายุราวสี่สิบ ทว่ายังแข็งแรงเต็มเปี่ยมด้วยพลังราวกับวัยฉกรรจ์อายุยี่สิบ เพียงมองปราดเดียวก็ทราบว่าเป็คนดื้อรั้นไม่สนใจกฎเกณฑ์
ผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์และหัวหน้าองครักษ์ดาบะโจากหลังม้า ม้าที่ขี่ล้วนเป็ม้าแดงโลหิตที่ร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้อกำยำตัวใหญ่กว่าม้าปกติเท่าตัว จัดเป็ม้าชั้นยอดหายากในเจ็ดดินแดน
ผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์อายุอ่อนกว่าผู้บัญชาการทหารป้องกันเมือง ดูแล้วคาดว่าอายุไล่เลี่ยกับไท้หยู อาจจะมากกว่าสองสามปี ที่หลังสะพายดาบยาวห้าเชียะ ตัวดาบสีเขียวพร่างพราย ราวกับทำมาจากมรกต ยามถูกแสงแดดส่องกระทบเกิดประกายระยิบระยับบาดตา ดาบไม่ได้เสียบในฝัก ราวกับว่าไม่้าลดทอนและบดบังประกายอันแพรวพราวนี้
หัวหน้าองครักษ์ดาบกลับเป็ชายสูงวัยผมดำจอนขาวผู้หนึ่ง ใบหน้า หางตา สองแก้มปรากฏรอยเหี่ยวย่นรอยขีดตามวัย ทว่าดวงตายังสุกสกาว คิ้วสีขาวกลับเป็สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้า
เป็ชายสูงวัยที่ใบหน้าอ่อนโยน ยามจ้องมองให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายมองผู้ใหญ่ในบ้าน ราวกับท่านปู่ที่รักเอ็นดูลูกหลานผู้หนึ่ง สองมือสวมถุงมือหนังกวางสีน้ำตาล ที่ข้างเอวสองข้าง ห้อยถุงหนังสัตว์สีดำมิทราบด้านในบรรจุสิ่งใดไว้ ที่ด้านหลังเป็ดาบยาวสี่เชียะใบดาบหน้ากว้างและโค้งเล็กน้อย คล้ายดาบตัดกระดูกบั่นศีรษะ
ผู้บัญชาการเหล่านี้หากเทียบบรรดาศักดิ์กับเหล่าขุนนางในราชสำนักอาจไม่สูงเท่าใด ทว่าอำนาจของหน่วยที่กุมไว้ในมือ แม้แต่ขุนนางชั้นสูงระดับต้นยังไม่กล้าล่วงเกินไม่ให้เกียรติ
อวี้เทียนเฉินมือปราบแขนเสื้อแดง หน่วยปักษาชั้นเพลิงหันมองผู้มาแวบหนึ่งก็ดึงศีรษะกลับมาสำรวจไท้หยู อวี้เทียนเฉินคิดในใจว่า คนผู้นี้ไม่เคยเห็นในเมืองหลวงมาก่อน ทว่าเมื่อครู่หลินกงกงยื่นมือช่วยเหลือเขา ศัตรูที่ลงมือก็เป็ถึงขั้นเทพปรากฏ คาดว่าคงมีความเป็มาไม่ธรรมดา อาจมีความสัมพันธ์อันดีกับหลินกงกงหรือฝ่าา
เขาคิดเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล การกระทบกระทั่งปะทะกันของยอดฝีมือในเมืองหลวงมีอยู่บ่อยครั้ง ระดับสูงประมือกันก็มีไม่น้อย หากไม่ใช่ผู้ร้ายที่เข้ามาก่อกวน หรือต่อสู้ทำลายบ้านเมืองเสียหายยับเยิน ทางการน้อยครั้งจะออกหมายจับลากตัวเข้าคุก และยิ่งเป็บุคคลที่มีระดับฝึกตนสูงส่ง
หลายครั้งทางการยังประนีประนอมอยู่บ้าง เพราะการต่อสู้แตกหักกับคนเหล่านี้ได้ไม่คุ้มเสีย ยามระดับสูงถูกต้อนจนตรอก อาจคลุ้มคลั่งยินยอมเป็หยกแหลกลาญเสียหายไปพร้อมกัน การต่อสู้แตกหักหากยอดฝีมือของเมืองหลวงตกตาย ยิ่งจะทำให้รากฐานอำนาจของอาณาจักรชางไห่เสียความมั่นคง
อีกเหตุผลหนึ่งที่คิดเช่นนั้นก็คือ หลินกงกงอยู่ในวังหลวงไม่ยุ่งเกี่ยวเื่ราวภายนอก ั้แ่ขันทีผมขาวผู้นี้เข้าสู่วังหลวง รับใช้ฮ่องเต้เขาก็ไม่เคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการต่อสู้ของผู้ใด ครั้งนี้หลินกงกงยื่นมือเข้าช่วย ย่อมต้องได้รับอนุญาตจากฝ่าาก่อน
ผู้กุมอำนาจเดินมาเรียงแถวโดยไม่ตั้งใจ ทุกคนกวาดมองไท้หยูและโบ๋เวิน ทว่าส่วนใหญ่สายตาจับจ้องที่ไท้หยู
ไท้หยูกวาดมองแผ่นป้ายที่ติดตัวของทุกคน สำหรับหน่วยงานต่างๆ นอกจากขุนนางแล้ว ทหารและมือปราบ เมื่อเป็ระดับหัวหน้าจะมีแผ่นป้ายประจำตัวติดเอาไว้
ผู้บัญชาการทหารป้องกันเมือง ระดับหนึ่ง หลิงเย่
ผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์ ระดับหนึ่ง จิ่งโม่
หัวหน้าหน่วยองครักษ์ ระดับหนึ่ง กู้หวาย
มือปราบปักษาเพลิง อวี้เทียนเฉิน
ระดับผู้บัญชาการของแต่ละหน่วย ผู้ที่มีระดับสูงสุดจะถูกเรียกเป็ระดับหนึ่ง มีเพียงมือปราบแขนเสื้อแดงที่มีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป ซึ่งแต่ละหน่วยของมือปราบแขนเสื้อแดงมีหน้าที่แตกต่างกัน พวกเขาแทนตำแหน่งเป็สัตว์ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดแทนหน้าที่ของตนเอง
อย่างเช่นปักษา ทำหน้าที่สอดส่องตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง วานรเป็สายลับจารชนแฝงตัวสืบเื่ราวทั้งนอกและในอาณาจักร ราชสีห์สายต่อสู้ะเิพลัง เป็ทัพนักสู้อันเป็ที่เกรงขามและครั่นคร้ามของทุกคน
ระดับสูงต่ำ ไล่เรียงจากธาตุ ชั้นดินต่ำสุด ชั้นวารีระดับกลาง ชั้นเพลิงระดับสูง ชั้นทองระดับเหนือผู้บัญชา ซึ่งชั้นทองมีเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น
ดวงตาสี่คู่จ้องไท้หยูเขม็ง ไม่ได้แสดงความรู้สึกเป็ศัตรูแต่ก็ไม่ได้เป็มิตร จะอย่างไรล้วนไม่เคยพบหน้า ใบหน้าจึงประดับด้วยความสงสัย ไท้หยูคล้ายมองเห็นใบหน้าคนทั้งหลายเขียนคำว่าแนะนำตัวเ้ามา
“ข้าไท้หยู ประมุขสำนักพันปี ส่วนเ้านี่องครักษ์ของข้า เ้าสำนักเมฆั โบ๋เวิน” น้ำเสียงไม่สูงไม่ต่ำ ไร้ความตึงเครียด แม้นรับาเ็ไม่น้อยทว่าไม่ได้หอบหายใจแรง
โบ๋เวินขมวดคิ้วมองไท้หยูด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง คิดในใจว่า เ้าผู้นี้ไฉนไม่รู้จักรักษาหน้าตาให้ผู้อื่นบ้าง จริงอยู่ที่ข้าทำสัญญาเืและอยู่ในฐานะองครักษ์ ทว่าข้าเองก็มีศักดิ์เป็เ้าสำนักเช่นกัน ไม่คิดว่าผู้อื่นจะเสียหน้าบ้างหรือ
ผู้บัญชารักษาการณ์ จิ่งโม่สีหน้าไม่พอใจอยู่บ้าง รู้สึกว่าประมุขสำนักพันปีผู้นี้ไม่เคารพคนจึงกล่าวน้ำเสียงเ็าว่า
“บ้านเรือนเสียหายไปไม่น้อย ชาวบ้านได้รับาเ็มากกว่ายี่สิบราย ต่อให้เ้าเป็ประมุขสำนักพันปีก็ต้องรับผิดชอบ ต่อสู้กลางเมืองจนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเช่นนี้ มีความผิดร้ายแรง”
ที่เขตนี้มิใช่ส่วนที่พักอาศัย ส่วนใหญ่เป็ร้านค้า ร้านอาหาร เป็เขตค้าขาย ซึ่งปกติผู้คนสัญจรมากมาย ทว่าวันนี้มีน้อยนิด จึงโชคดีอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงมีคนล้มตายและาเ็มากกว่านี้
ไท้หยูส่ายหน้ากล่าวอย่างไม่สนใจว่า
“ไม่ใช่ความผิดของข้า ข้าถูกลอบสังหารพวกเ้าจะมาโทษข้าได้อย่างไร หากจะหาผู้ต้องหารับผิดชอบ พวกเ้าก็ไปตามหาผู้ร้ายพวกนั้น”
หัวหน้าองครักษ์ดาบ กู้หวายพลันกล่าวขึ้นมา
“ที่แท้ก็คือประมุขสำนักพันปี ท่านประมุขเก็บตัวอยู่แต่ในเทือกเขา ไม่ได้มาเยือนเมืองหลวงเสียนาน จนทุกคนลืมเลือนไปแล้วว่าอาณาจักรชางไห่เรามีบุคคลยอดเยี่ยมเช่นนี้” น้ำเสียงราบเรียบอ่อนโยนฟังไม่ออกว่าตั้งใจกล่าวหรือแสร้งเหน็บแนม
คนผู้นี้มีบุคลิกไม่ต่างจากหน้าตา คืออ่อนโยนอบอุ่น กู้หวายผู้นี้ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในชีวิตก่อน นึกถึงพ่อบ้านของเขาซึ่งมีลักษณะคล้ายกันเช่นนี้ ไม่ทราบหลังจากเขาตายไป บ้านหลังนั้นจะเป็เช่นไรบ้าง จะถูกฮ่องเต้น่าตายผู้นั้นรังแกหรือไม่ น่าเสียดายที่ตนเองไม่มีลูกศิษย์ ไร้ผู้สืบทอด ดูท่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตนคงถูกราชสำนักยึดครองไปแน่
ผู้บัญชาป้องกันเมือง หลิงเย่พลันขมวดคิ้วเอ่ยถามสิ่งที่ทุกคนคิดอยู่ในใจออกมา
“เ้าไม่ได้มีอำนาจใด ในเมืองหลวงยังมีผู้ใดคิดสังหารประมุขสำนักพันปี ทั้งยังไม่เกรงกลัวราชสำนัก จะว่าไประยะนี้ผู้มีตำแหน่งผู้นำแต่ละสำนักล้วนมีแต่ปัญหา หรือมีคนคิดกวาดล้างขุมอำนาจเหล่านี้”
ไท้หยูพลันขมวดคิ้วรู้สึกเหลือเชื่อแปลกใจอยู่บ้าง เ้าลูกเต่าพวกนี้อยู่ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดทราบถึงการมีอยู่ของพรรคอัปสรอะไรนั้นเลยหรือ นี้ยังใช้ได้รึ ช่างไม่ได้เื่เสียจริง เขาคิดว่าเมื่อมาเมืองหลวง รู้จักเหล่าผู้มีอำนาจพวกนี้จะมีคนทราบการมีอยู่ของพรรคอัปสรอยู่บ้าง ดูท่าคงต้องผิดหวังแล้ว
ปักษาเพลิงอวี้เทียนเฉินสีหน้าครุ่นคิดจากนั้นกล่าวคล้ายคิดได้สิ่งใดว่า
“ระยะนี้มีกลุ่มอำนาจกลุ่มหนึ่งกำลังก่อร่างสร้างฐานในเมืองหลวง มิทราบผู้อยู่เื้ัเป็ผู้ใด แต่สามารถรวบรวมเหล่านักเลงชั้นเลวมาเข้าด้วยเป็ปึกแผ่น คล้ายว่าจะชื่อ .....พรรคปักสร มิใช่มิใช่ ชื่อ....ใช่แล้ว พรรคอัปสร”
เหล่าสามระดับหนึ่ง จิ่งโม่ หลิงเย่ กู้หวายต่างขมวดคิ้วมองอวี้เทียนเฉินโดยพร้อมเพรียง คล้ายกับว่าพวกเขาก็อยู่เมืองหลวงเช่นกัน แต่สายข่าวไม่เคยรายงานเื่เหล่านี้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีกลุ่มอำนาจกลุ่มหนึ่งสามารถรวบเหล่านักเลงชั้นเลวไม่ภักดีพวกนั้นเข้าด้วยกันทั้งหมด