“มิได้ๆ ทุกท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คุณหนูอะไร” เจินจูถูกคำสรรเสริญอวยพรของพวกนางทำให้ใ “ครอบครัวข้าเป็เพียงครอบครัวเกษตรกรธรรมดาละแวกใกล้เคียงเมืองไท่ผิง ข้ากับท่านพ่อมีธุระให้เข้ามาในเขตอำเภอ บังเอิญพบเข้ากับอาชิงที่กำลังลำบากพอดี เลยเชิญท่านหมอมาดูเสียหน่อย”
“นี่เป็ท่านพ่อข้า” ดึงหูฉางกุ้ยที่ไม่เป็ธรรมชาติอยู่ด้านข้างมาแนะนำ
อีกฝ่ายก็สรรเสริญเยินยอพักหนึ่งอีกครั้ง หูฉางกุ้ยจะเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ที่ไหนกัน จึงอึดอัดใจจนใบหูแแดงลามขึ้นทันที กล่าวด้วยวาจาตะกุกตะกักขึ้น
ขณะที่ทักทายด้วยคำพูดเกรงอกเกรงใจกันอยู่ เสียงของอาชิงแว่วมาจากที่ไกลๆ “ท่านหมอจาง ท่านเร็วหน่อย เร็วหน่อยขอรับ…”
อาชิงดึงท่านหมอที่หนวดเคราขาวไปครึ่งหนึ่งเข้ามายังในลาน
เจินจูกับหูฉางกุ้ยรีบก้าวเคลื่อนหลบออกไปเพื่อให้มีที่ว่าง ให้ท่านหมอเข้าไปตรวจคนไข้ได้สะดวก
ท่านหมอจางเข้ามาในห้อง ถูกกลิ่นอับปะทะเข้าจนต้องย่นคิ้ว
สภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตเช่นนี้ คนดีๆ ล้วนต้องถูกอบไว้จนป่วยออกมา เฮ้อ
เขาฝืนใจนั่งลงบนม้านั่งเล็กที่อาชิงยื่นส่งมาให้ เริ่มจับชีพจรให้ชายบนฟูก
กลุ่มคนที่มุงอยู่ล้วนเงียบกริบไม่มีเสียงออกมา กลัวมากว่าเสียงที่ออกมาสักนิดจะส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัยโรคของท่านหมอจาง
ผ่านไปนานมาก ท่านหมอจางส่ายหน้าถอนหายใจ “ยืดเวลาปล่อยออกมานานเกินไป เกรงว่าจะไม่ไหวแล้ว”
“ตุบ” อาชิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าขาวซีด เขารีบคลานโผเข้าไปที่ข้างขาท่านหมอจาง กล่าวแล้วร้องไห้ด้วยน้ำตาไหลพราก “ปีก่อนท่านไม่ใช่กล่าวว่าอาการป่วยของอาจารย์ยังพอช่วยได้หรือ? ขอแค่บำรุงรักษาร่างกายให้ดีที่สุด ยังจะสามารถมีชีวิตได้สิบกว่าปีไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งปีเอง ทำไมอาจารย์จะไม่ไหวแล้วล่ะขอรับ? ฮือ…”
ท่านหมอจางมองอาชิงที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พร้อมกับถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ปีก่อนอาการป่วยของอาจารย์เ้ายังไม่รุนแรงเช่นนี้ พิษที่อุดตันภายในไม่ได้เข้าอวัยวะปอด หากตอนนั้นสามารถจัดการพิษที่ยังตกค้างอยู่ภายในร่างกายออกมาข้างนอกได้ จะใช้ชีวิตมากกี่ปีก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้... เฮ้อ ลากเวลาออกมานานเกินไป พิษที่ยังหลงเหลืออยู่ได้เข้าสู่อวัยวะตันทั้งห้ากลวงทั้งหก [1]…”
“โฮ... อาจารย์ ข้าไม่อยากให้ท่านตาย... หากท่านตายแล้วอาชิงจะทำอย่างไร…” อาชิงโผเข้าไปที่ข้างขาของชายข้างกาย สะอึกสะอื้นร้องไห้โฮ
เสียงร้องไห้เศร้าสลดสุดขีด ทำให้ผู้ที่ได้ฟังต่างปวดใจ
“ท่านแม่ อาจารย์ฟางจะตายแล้วหรือเ้าคะ?” อาหยุนดึงแขนเสื้อของมารดาตนเองด้วยน้ำตาคลอ
มารดาของอาหยุนปาดน้ำตาตรงหางตาออกไป ตบบุตรสาวเบาๆ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
คนชราที่ยืนอยู่ต่างคนต่างก็จูงมือเด็กเล็กไว้ สีหน้าท่าทางเศร้าโศก ในวัดเฉิงหวงแห่งนี้ส่งคนน่าเวทนาที่ป่วยไข้แล้วไม่มีเงินรักษาจากไปมากมาย
เจินจูข่มอาการแสบจมูกไว้และถามออกไป “ท่านหมอ ท่านลองจ่ายเทียบสมุนไพรและต้มยากรอกลงไปดูก่อนดีหรือไม่ ตอนนี้อาจารย์ฟางยังมีลมหายใจอยู่เลย จะยอมแพ้เช่นนี้ได้อย่างไรล่ะเ้าคะ”
“ใช่ๆ อาจารย์ข้ายังมีลมหายใจ ท่านหมอจาง ท่านลองหน่อย ไม่แน่ว่ายังพอช่วยได้นะขอรับ?” อาชิงได้ยินดังนั้นจึงรีบกล่าว
“เฮ้อ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเขา แต่เป็พิษตกค้างเข้าสู่ร่างกาย แม้จะได้รับยาแรงช่วยชีวิตให้ฟื้นมาได้ แต่ร่างกายเขาอ่อนแอเกินไปกลัวว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่กี่วัน” ท่านหมอจางส่ายหน้า “อีกอย่าง วัตถุดิบสมุนไพรของยาแรงค่อนข้างแพง วัตถุดิบหนึ่งเทียบเดิมทีราคาเกือบหนึ่งเหลียง ถึงกรอกลงไปจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ล้วนกล่าวยาก”
สมุนไพรหนึ่งเทียบเป็เงินหนึ่งเหลียง? คำพูดของท่านหมอจาง ทำให้คนโดยรอบกระตุกลมหายใจหนึ่งเฮือก เงินหนึ่งเหลียง ตาเฒ่าติงแบกหามของหนักหนึ่งเดือนก็หาเงินหนึ่งเหลียงไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นกรอกยาลงไปไม่แน่ว่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ด้วย
เช่นนั้นก็หมายความว่าทั้งคนและเงินก็ล้วนหายไปหมดไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ มิน่าเล่าที่ท่านหมอจางจะกล่าวเช่นนี้ออกมา เงินหนึ่งเหลียงสำหรับประชาชนคนธรรมดาล้วนนับว่าเป็เงินก้อนใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่อยู่วัดเล็กๆ ชำรุดทรุดโทรมนี่เลย
ในขณะนี้ภายในห้องเงียบสงัด
อาชิงร้องไห้จนน้ำตาและน้ำมูกเต็มไปทั่วทั้งใบหน้า พอคำพูดของท่านหมอจางจบ สายตาของเขามองไปทางเจินจูด้วยความคาดหวัง
หางตาเจินจูกระตุกและละสายตาจากไป กล่าวกับท่านหมอจาง “ท่านหมอ รบกวนท่านสั่งยามาเถอะ ค่ายาสมุนไพรพวกข้าจะจ่ายเอง คนยังมีลมหายใจอยู่ต้องมีความหวังได้สักเล็กน้อยแน่นอนเ้าค่ะ”
ท่านหมอจางมองเจินจูด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง มองรูปร่างหน้าตาที่สวยและสง่างามของนาง เสื้อผ้าที่สวมอยู่สวยเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด มีความสวยสง่าโดดเด่นแตกต่างกับคนในวัดเฉิงหวงโดยสิ้นเชิง
มิน่าล่ะ อาชิงถึงได้วิ่งไปตามตนเองมารักษาอาจารย์ของเขา ที่แท้ก็มีคุณหนูใจบุญจ่ายเงินให้เขานี่เอง
ท่านหมอจางเป็หมอมาครึ่งชีวิต เห็นเหตุการณ์ต่างๆ มาจนชินจึงพยักหน้าทันที ล้วงเครื่องเขียนกับหมึกจากในกล่องยาสมุนไพรที่นำติดตัวไว้ออกมา เขียนใบสั่งยาเรียบร้อยและให้อาชิงไปร้านสมุนไพรของเขาจัดยาตามใบสั่งมาต้ม
เจินจูควักเงินหนึ่งเหลียงออกมาจากในถุงเงินของบิดาอย่างคล่องแคล่วและยื่นไปให้อาชิง
อาชิงถือโอกาสใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้า หลังจากนั้นโค้งกายรับมาด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณอย่างเหลือคณนา และในทันทีก็รีบเอาใบสั่งยาไปซื้อสมุนไพร
เหล่าผู้คนในห้อง เมื่อเห็นเจินจูหยิบเงินออกมาเพื่อรักษาอาการป่วยของอาจารย์ฟางอย่างเป็จริงเป็จัง ต่างพากันมองไปทางนางด้วยความสุภาพ อุทานด้วยความซึ้งใจต่อความใจกว้างและเอื้ออาทรของเด็กสาว
“แค่ก” สายตาของทุกคนรวมอยู่ที่นางเป็จุดเดียว ทำให้นางไม่สบายใจเล็กน้อย “ท่านหมอจาง เอาใบสั่งยาไปซื้อสมุนไพรและกลับมาต้มยายังต้องใช้เวลาพักหนึ่งเลย ไม่เช่นนั้น ท่านช่วยตรวจอาการป่วยของคนในวัดก่อนได้หรือไม่เ้าคะ ค่าตรวจของพวกนาง ท่านพ่อข้าจะเป็ผู้ช่วยจ่ายให้เอง”
สายตาของท่านหมอจางหันไปทางบุรุษที่ดูไร้เล่ห์เหลี่ยมข้างกายนาง ที่แท้เป็บิดาของนางนี่เอง ทั้งบ้านล้วนเป็คนจิตใจดีงามทั้งนั้นเลย
“ยังไม่ต้องรีบ ข้าฝังเข็มให้อาจารย์ฟางก่อน อีกเดี๋ยวมีเวลาจะตรวจให้พวกนาง” ท่านหมอจางกล่าว
ในเมื่อต้องฝังเข็ม ฉะนั้นต้องถอดเสื้อตัวนอกออก ทุกคนจึงออกไปแต่โดยดี
เจินจูถามมารดาของอาหยุน “ในวัดมีหม้อต้มยาหรือไม่เ้าคะ?”
“มีสิ แม้จะเก่าไปหน่อย แต่ยังใช้ได้” มารดาของอาหยุนตอบทุกคำที่ถูกถาม
เจินจูเงยหน้ามองท้องฟ้า พระอาทิตย์เที่ยงตรงเอียงไปเล็กน้อย น่าจะประมาณบ่ายหนึ่ง ยังห่างจากยามเซินหนึ่งชั่วยาม เช่นนั้นยังพอมีเวลาเหลือ
จึงดึงมารดาของอาหยุนมาสอบถามเื่ราวของวัดเฉิงหวงแห่งนี้
วัดเฉิงหวงทางฝั่งตะวันตกของอำเภอเจิ้นอันชำรุดทรุดโทรมมาหลายปีแล้ว ด้วยเหตุนี้คนจรและขอทานมากมายจึงใช้ที่นี่เป็ฐานที่มั่นพักอาศัย เกิดเื่ตีกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่กันหลายครั้ง ในระหว่างนั้นผู้เป็หัวหน้าล้วนเปลี่ยนมาหลายรอบแล้ว
สามปีก่อน ตาเฒ่าติงแย่งชิงอาณาบริเวณจากในมือผู้นำคนก่อนมาได้ และยังคงรักษาไว้จนถึงตอนนี้
ตาเฒ่าติงไม่เหมือนผู้นำคนอื่นอย่างมาก เขาไม่เลี้ยงดูนักล้วงกระเป๋า ขอทานและขโมยเพื่อไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แต่รับเลี้ยงเพียงเด็กกำพร้าที่ผู้อื่นทอดทิ้งหรือคนน่าสงสารไร้บ้านเท่านั้น
ตาเฒ่าติงอายุห้าสิบต้นๆ มีศิลปะการต่อสู้แข็งแกร่งและมีพลัง เขาคนเดียวเคยต่อยตีอันธพาลชั่วช้ายี่สิบถึงสามสิบคนจนหนีกระเจิดกระเจิงมาแล้ว มือขวาสี่นิ้วเรียงกันถูกตัดขาด ทั้งฝ่ามือเหลือเพียงหนึ่งนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น
ถึงจะเป็เช่นนี้ เขาก็ยังจัดการพวกคนชั่วช้าที่มาหาเื่ถึงที่จนพ่ายแพ้กลับไปอย่างยับเยินตามเดิม
ดังนั้นวัดเฉิงหวงภายใต้การนำของตาเฒ่าติงตอนนี้ มีเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง คนชราโดดเดี่ยวไร้คู่ชีวิตไร้บุตร และคนตกยากที่มาค้างชั่วคราวล้วนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง
วันนี้ตาเฒ่าติงพาเด็กชายร่างกายกำยำล่ำสันสองคนไปทำงานในอำเภอ ปกติฟ้ามืดถึงจะกลับมาในวัด
ปัจจุบันนี้คนในวัดมีมากกว่ายี่สิบคน มีเด็กน้อยสามคนอายุต่ำกว่าห้าปี เด็กโตห้าคนอายุสิบปี เด็กผู้หญิงหนึ่งคนอายุสิบสองปี ชายวัยกลางคนที่สติไม่ค่อยดีหนึ่งคน ตาเฒ่าขาเป๋หนึ่งคน คุณยายหลังค่อมสองคน แล้วยังมีเด็กชายที่สามารถออกไปทำงานได้สองคน
ส่วนครอบครัวอาหยุน เป็การใช้เงินกลับบ้านเกิดไปจนหมดจึงหยุดค้างอยู่ที่นี่เป็การชั่วคราว มารดาของอาหยุนร่างกายไม่แข็งแรง บิดาของอาหยุนเป็ซิ่วฉายร่างกายอ่อนแอ ทุกวันตั้งแผงรับเขียนจดหมายแทนผู้อื่นเพื่อสะสมเงินทีละน้อย
สถานการณ์ของอาชิงกับอาจารย์ของเขาพิเศษนิดหน่อย มือและขาฝั่งขวาของอาจารย์อาชิงล้วนพิการ ขาฝืนเดินได้ไม่กี่ก้าว มือสามารถยืดงอเคลื่อนไหวได้แต่ออกแรงมากไม่ได้ กล่าวกันว่าเอ็นมือและเท้าเคยถูกทำให้ขาดและไม่ได้ต่อคืนให้ดี ต่อมาจึงพิการ
นอกจากนั้นร่างกายยังมีอาการาเ็และป่วยอื่นๆ ติดตัวมาด้วย สรุปแล้ว อาจารย์ของอาชิงเจ็บป่วยไปทั่วทั้งร่าง อยู่ในห้องเล็กๆ นี้มานาน อาศัยอาชิงขึ้นเขาไปล่าสัตว์เก็บสมุนไพรจำนวนหนึ่งมาประคับประคองชีวิต
มารดาของอาหยุนกำลังเคี่ยวข้าวต้มหม้อใหญ่ อาหยุนตัวน้อยช่วยก่อไฟ ส่วนเจินจูนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กช่วยเติมฟืนอยู่บ่อยๆ หูฉางกุ้ยอยู่ว่างเป็ไม่ได้จึงไปช่วยผ่าฟืนอยู่ข้างนอกห้อง
ความสามารถในการได้ยินของหูฉางกุ้ยดีมาก เนื้อหาที่สองคนคุยกันเขาล้วนได้ยินทั้งหมด
ในวัดเฉิงหวงชำรุดทรุดโทรม เก็บเอาคนชรา คนร่างกายอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการมาเลี้ยงมากมายเพียงนี้ โดยปราศจากการบริจาคใดๆ ไม่ได้อาศัยการรวบรวมพรรคพวกทำสิ่งไม่ดีหรือต้มตุ๋นฉกชิงทรัพย์ พึ่งเพียงกำลังส่วนตัวของตาเฒ่าติงเพียงคนเดียว คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ปรากฏสถานการณ์คนหิวจนอดตายออกมา หูฉางกุ้ยเลื่อมใสตาเฒ่าติงอย่างมากทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
เจินจูก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตาเฒ่าติงมากเช่นกัน มีฝีมือการต่อสู้ดีกลับนิ้วหักไปสี่นิ้ว ไม่มีครอบครัว แต่เลี้ยงดูคนชรา คนอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการได้ทั้งหมด การกระทำของเขาเจินจูเลื่อมใสมาก แต่เื้ัความเลื่อมใสนั้น คือเื่ราวของตัวเขาที่ควรค่าให้ขบคิดยิ่งกว่า
เวลานี้เหล่าเด็กโตที่ขึ้นเขาไปเก็บฟืนขุดผักป่าและเก็บผลไม้ป่าล้วนกลับมาแล้ว ต่างพากันวางสิ่งของที่เก็บกลับมาใส่เข้าในครัวอย่างแออัดและวุ่นวาย แต่ละคนมองเจินจูที่แต่งกายสว่างสดใสไปทั่วทั้งตัวด้วยความประหลาดใจไม่หยุด
เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่หน้าเหลืองซูบซีด เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง
เด็กสาวคนหนึ่งที่โตสุดนามว่าอาหยวน ท่าทางอายุสิบเอ็ดถึงสิบสองปี ผิวคล้ำนิดหน่อยและร่างกายผอมเล็ก บนหน้าผากมีปานมาแต่กำเนิดขนาดเท่าฝ่ามือ
เด็กชายไม่กี่คนถัดมา ส่วนใหญ่ล้วนมีจุดบกพร่องเล็กน้อย อากางอายุเก้าปีมีหกนิ้วโดยกำเนิด อากวงอายุแปดปีไม่สามารถพูดได้ และก่าจืออายุเจ็ดปีขาซ้ายเป๋เล็กน้อย
ล้วนเป็เพราะเด็กๆ มีความไม่สมบูรณ์จึงถูกทอดทิ้ง ทั้งเจินจูและหูฉางกุ้ยล้วนหนักใจเล็กน้อย
เจินจูยิ่งเคารพเลื่อมใสต่อตาเฒ่าติงผู้นั้นขึ้นไปอีกสองสามส่วน ราวกับเป็การเปิดสถานที่สงเคราะห์ด้วยตนเองคนเดียวจริงๆ
อาหารกลางวันของพวกเขาเป็โจ๊กธัญพืชเพิ่มผักกวางตุ้งเข้าไปหนึ่งถ้วย ทุกคนจะได้โจ๊กหนึ่งถ้วยพร้อมคีบผักกวางตุ้งหนึ่งตะเกียบ เมื่อเข้าแถวกันตักเสร็จแล้ว ต่างคนต่างยกไปฝั่งหนึ่ง ไม่ก็ยืนอยู่ หรือนั่งยองลงทานจนพอใจ
เจินจูปฏิเสธการต้อนรับของมารดาอาหยุนด้วยความสุภาพ กล่าวออกไปตามตรงว่าพวกนางทานอาหารกลางวันกันแล้วถึงมาที่นี่ มารดาของอาหยุนยิ้มแล้วไม่ได้ฝืนบังคับ สภาพความเป็อยู่ของที่นี่ทำได้เพียงพอถูไถเพื่อประคองชีวิตให้ท้องอิ่มร่างกายอบอุ่นเพียงเท่านั้น ด้านอาหารการกินย่อมเรียบง่ายไม่พิถีพิถัน หากคนเขาจะทนมองไม่ได้ก็เป็เื่ธรรมดามาก
เจินจูรู้ว่ามารดาของอาหยุนอาจเข้าใจผิดได้ ตนเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีก เมื่อสักครู่ถือโอกาสตอนที่นางยุ่งอยู่ เจินจูเติมน้ำแร่จิติญญาจากมิติช่องว่างลงไปในโจ๊กธัญพืชไม่น้อย หวังว่าจะสามารถบรรเทาความเจ็บป่วยของคนในห้องใหญ่นี้ได้บ้าง
ท่านหมอจางออกมาจากในห้องของอาจารย์ฟาง เริ่มจับชีพจรให้ทุกคนในวัดเรียงลำดับไป หลังจากนั้นสั่งยาให้ทีละคน เด็กโตไม่กี่คนร่างกายพอใช้ได้ แค่บำรุงร่างกายไม่เพียงพอเล็กน้อย โรคภัยไข้เจ็บของเหล่าคนชราร้ายแรงหน่อย มีไอรุนแรง มีปวดข้อต่อกระดูก มีกระเพาะและลำไส้ไม่ดี ส่วนใหญ่เป็การเจ็บไข้เรื้อรังจำนวนหนึ่ง แล้วยังมีเด็กเล็กสองคนที่น้ำมูกไหลและสุขภาพร่างกายอ่อนแอตลอดทั้งปี...
อาการป่วยของมารดาอาหยุนสลับซับซ้อนเล็กน้อย มักใจสั่นหายใจถี่ ไม่มีแรงหน้ามืด ร่วมกับหายใจลำบากและไออยู่บ่อยๆ สีหน้าท่านหมอจางเคร่งขรึม การเจ็บป่วยเช่นนี้ล้วนเกี่ยวกับหัวใจ โรคหัวใจเป็โรคที่ยากจะรักษาอย่างมาก หากโรคกำเริบขึ้นมาจะเจ็บหัวใจและเป็ลมได้ง่ายนัก
มารดาของอาหยุนได้ฟังคำของท่านหมอจาง เงียบไม่พูดไม่จาไปนานมาก นางรู้ว่าตัวเองร่างกายไม่ค่อยดีมาั้แ่เด็ก วิ่งไม่กี่ก้าวบริเวณส่วนหน้าอกล้วนชาหนึบหายใจลำบาก ตอนให้กำเนิดอาหยุนเกือบจะเอาชีวิตรอดมาไม่ได้แล้ว
ท่านหมอจางส่ายหน้า โรคภัยเช่นนี้ทำได้เพียงระมัดระวังใส่ใจตัวเอง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นเขาจึงเขียนใบสั่งยาสามวันตามดุลพินิจ
อาชิงซื้อสมุนไพรกลับมาแล้ว กำลังต้มยาสมุนไพรขึ้นด้วยความระมัดระวังอยู่ในห้องครัว
รอจนท่านหมอจางตรวจคนป่วยในวัดทั้งหมดจนเสร็จ ยาก็ต้มได้ที่พอสมควร
“อาชิง เ้าไปทานโจ๊กก่อนเถอะ ข้าจะช่วยเ้าเฝ้าไฟเอง” เจินจูยิ้มอย่างอ่อนโยน
แต่อาชิงกลับมองไปทางนางด้วยความระวังตัว เขายังไม่ลืมว่าตอนที่ตนเองถูกจับไว้ นางแสดงออกอย่างกล้าหาญและมีพละกำลังเพียงใด
เชิงอรรถ
[1] อวัยวะตันทั้งห้ากลวงทั้งหก หมายถึง อวัยวะภายในทั้งหมด โดยอวัยวะตันทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างและเก็บสารจำเป็ และควบคุมการไหลเวียนเืของลมปราณ ส่วนอวัยวะกลวง ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ และซานเจียว (ช่องั้แ่โคนลิ้นผ่านลำคอไปถึงช่องทรวงอก) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการย่อย ดูดซึม และขับถ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้