ภายในคุกมืดมิดของศาลต้าหลี่มีความมืดครึ้มและน่าสะพรึงกลัว อากาศภายในอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเืสด
สุดขอบทางเดินมักจะมีเสียงเฆี่ยนตีด้วยความรุนแรงดังออกมา สิ่งที่ดังตามมาก็คือเสียงกรีดร้องโอดครวญ
คนร้ายที่จับกลับมาจากร้านขายสมุนไพรเสินหนงมีทั้งหมดเจ็ดคน โดยมีห้าคนเป็ผู้สมรู้ร่วมคิดในร้านขายสมุนไพร หนึ่งคนเป็เถ้าแก่ อีกหนึ่งคนเป็สตรีชุดดำที่มีความชำนาญในการต่อสู้และมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ในขณะนี้ผู้สมรู้ร่วมคิดห้าคนล้วนถูกแขวนอยู่บนเครื่องทรมานเพื่อซักถาม แส้เรียวเล็กพิเศษที่จุ่มลงไปในน้ำผสมพริกถูกสะบัดลงไปบนิัที่บอบบางที่สุดของพวกเขาอย่างใบหน้า สิ่งนี้ทำให้พวกเขาที่ปิดปากเงียบและถลึงตาจ้องมองมาโดยตลอดร้องโอดครวญออกมา
ผู้ที่ทรมานพวกเขาคือหมางจ้ง จวินจิ่วเฉินไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
บัดนี้ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ในจุดที่มืดสลัว สภาพของเขาเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก เขาพิงไปที่กำแพง ก้มหน้าก้มตาเล็กน้อย โครงใบหน้าด้านข้างมีความงดงามที่เ็าและโดดเดี่ยวเช่นเคย เพียงแต่ว่าภายใต้ความมืดมิดจะดูนิ่งเงียบและโดดเดี่ยวเ็ามากกว่าเดิม
“อ้าก…โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น! ”
“อ้าก…อ้าก…”
“ข้าไม่เคยพบองค์ชายสามเลยสักครั้ง อ้าก…”
“เถ้าแก่กับฉ่ายเวยคือผู้ที่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยอยู่ที่ไหน พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้อะไรทั้งนั้น อ้าก! ”
…..
จวินจิ่วเฉินฟังมาถึงตรงนี้ก่อนจะลุกออกไป
เถ้าแก่กับหญิงสาวที่มีนามว่าฉ่ายเวยถูกคุมขังส่วนตัวแยกไว้อีกที่หนึ่ง ปากของเถ้าแก่ปิดไม่แน่นมาก แต่สิ่งที่เถ้าแก่รู้ก็มีไม่มากนัก หญิงสาวคนนั้นที่มีนามว่าฉ่ายเวยเป็กุญแจสำคัญ แต่เมื่อลงโทษทรมานสูงสุดแล้วก็ยังไม่ร้องสักแอะ
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของห้องขังก็ได้พบกับเหมยกงกงที่เป็หัวหน้าควบคุมขันทีภายในพระราชวังคอยอยู่หน้าประตู เซี่ยเสี่ยวหม่านที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหมยกงกงพยายามส่งสายตาเป็นัยให้กับเขา
เป็ที่แน่นอนว่าฟู่หวง้าพบเขา
ทันทีที่ได้พบจวินจิ่วเฉิน เหมยกงกงก็ก้าวเข้าไปหาพลางกล่าวด้วยความเคารพนับถือ “นู๋ไฉน้อมคารวะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ฝ่าาทรงมีรับสั่งให้เตี้ยนเซี่ยเสด็จเข้าไปในพระราชวังอย่างเร่งด่วน พระองค์รับสั่งให้นู๋ไฉมาเชิญ เกี้ยวพระที่นั่งถูกจัดเตรียมไว้หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เตี้ยนเซี่ย เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
จวินจิ่วเฉินกำชับใต้เท้ากงที่อยู่ด้านข้างสองสามประโยคแล้วออกไปพร้อมกับเหมยกงกง ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหม่านเต็มไปด้วยความสับสน ก่อนจะรีบตามไป
ภายในพระราชวัง
เป็ดั่งที่จวินจิ่วเฉินคาดการณ์เอาไว้ เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ในสภาพประชวรอีกแล้ว หากเป็คนอื่นที่ไม่รับรู้ความจริงคงจะมองไม่ออกว่าพระองค์เคยประชวรในระยะสุดท้ายมาก่อนอย่างแน่นอน ร่างกายนี้ที่ยืนหยัดขึ้นมาได้เป็เพราะฝืนใช้ยาสมุนไพรประคองอาการเอาไว้ จวินจิ่วเฉินทราบดีว่าอาการประชวรของฟู่หวง “หาย” ดีแล้ว ทว่าก็ไม่ใช่การหายดีที่แท้จริง คงจะยืนหยัดได้ไม่นานนัก ทันทีที่หยุดยาเกรงว่าลมหายใจสุดท้ายก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้
เทียนอู่ฮ่องเต้ประทับอยู่ภายในห้องโดยที่ปราศจากท่าทางของบิดาที่มีเมตตาเช่นก่อนหน้านี้แล้ว พระองค์มีสีหน้าบูดบึ้ง เห็นได้ชัดเจนว่าพระองค์โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“เอ๋อร์เฉินคารวะฟู่หวง”
จวินจิ่วเฉินโค้งคำนับพลางเอ่ยถาม “่เวลาที่เอ๋อร์เฉินไม่อยู่ ร่างกายของฟู่หวงหายดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
“ดีดีดี! ” เทียนอู่ฮ่องเต้ทรงเอ่ยด้วยโทสะ “หากเ้าไม่ก่อเื่เช่นนี้ เจิ้นจะดีกว่านี้อีก! เ้าพูดมา เื่ใหญ่โตถึงเพียงนี้เหตุใดเ้าถึงตัดสินใจโดยพลการ! เ้าน่าจะทราบสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ดี! การที่ก่อเื่จนตกอยู่ในสถานการณ์ขึ้นหลังเสือแล้วยากที่จะลงเช่นนี้ มีผลดีอะไรกับเ้า? ”
แม้ว่าการกระทำกลั่นแกล้งรังแกถึงที่ของไป๋หลี่ิชวนนั้นจะทำให้เทียนอู่ฮ่องเต้มีความโกรธแค้นไม่น้อยไปกว่าผู้อื่น แม้ว่าเขาจะสั่งการให้กองทหารรักษาการณ์บริเวณชายแดนคอยจัดเตรียมทหารและรอรับคำสั่งมาตั้งแน่เนิ่นๆ แล้ว แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วจิตใจของเขาก็ไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยตัวตนของคนร้ายตัวจริงและไม่ยอมที่จะทำให้เกิดาใหญ่ เทียนเหยียน ไป๋ฉู่ และว่านจิ้น สามอาณาจักรนี้ล้วนก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน รากฐานล้วนไม่มั่นคง ทว่าเทียนเหยียนมีความแข็งแกร่งมากกว่าไป๋ฉู่กับว่านจิ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อสามปีก่อนไป๋ฉู่กับว่านจิ้นจึงทำสัญญาเป็พันธมิตรต่อกันเพื่อตรึงทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกของเทียนเหยียนเอาไว้ เรียกได้ว่าสามอาณาจักรสองพรรคพวก ความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน ความสัมพันธ์ละเอียดอ่อน สถานการณ์ค่อนข้างสมดุลกัน แต่ทั้งสองฝ่ายล้วน้าทำลายความสมดุลนี้เพื่อกลายมาเป็เ้ามหาอำนาจแต่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามนัก
เทียนอู่ฮ่องเต้คิดว่าคดีนี้มีวิธีการที่ชาญฉลาดโดยการไม่เปิดเผยตัวตนของคนร้ายให้ผู้คนรับรู้ ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบโดยที่บอกใครไม่ได้ จากนั้นจึงให้กองกำลังทหารชายแดนตะวันออกสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเพื่อส่งคำเตือนไปที่ว่านจิ้น และให้ผู้คนไปคาดเดาสาเหตุกันเอง แล้วค่อยไปตามล่าสังหารไป๋หลี่ิชวนอย่างลับๆ เพื่อล้างแค้นลบล้างความอัปยศ
ทว่าจวินจิ่วเฉินกลับดำเนินการอย่างฉับพลันแล้วค่อยมารายงานให้ทราบ อีกทั้งยังใช้วิธีมอบรางวัลในการเปิดโปงความจริงออกมา การกระทำเช่นนี้มีผลทำให้เกิดปัญหาสองประการ ประการที่หนึ่งคือเปิดเผยความอัปยศและยั่วยุราชวงศ์ไป๋หลี่ ประการที่สองคือมันจะบีบบังคับให้เทียนเหยียนจำเป็ต้องใช้มาตรการแก้แค้นอย่างเปิดเผย มิฉะนั้น ก่อเื่ใหญ่โตขนาดนี้ ผลสุดท้ายเื่ราวเล็กลง มันจะไม่ทำให้ตกเป็เื่ล้อเล่นของคนอื่นหรือ?
จวินจิ่วเฉินกลับมาได้สามปีแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็ครั้งแรกที่เทียนอู่ฮ่องเต้โกรธเคืองเขา
จวินจิ่วเฉินนิ่งเงียบ เทียนอู่ฮ่องเต้จึงเอ่ยถามต่อ “เ้าพูดมา เป็เพราะแพทย์หญิงตัวน้อยคนนั้นก่อกวนสติปัญญาเ้าใช่หรือไม่? เจิ้นเชื่อใจเ้าขนาดนี้เ้าไม่ควรทำผิดพลาดเช่นนี้! ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหม่านที่อยู่ด้านข้างก็เกิดความรู้สึกใ ต้องรู้ไว้ว่าตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ประทับอยู่ภายในตัวเมือง เขาได้เกลี้ยกล่อมให้ฝ่าาเชื่อว่าเตี้ยนเซี่ยไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับกูเฟยเยี่ยน
การที่เตี้ยนเซี่ยหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ทำให้เขาสูญสิ้นพละกำลังไปเปล่าๆ
เซี่ยเสี่ยวหม่านกำลังจะอธิบาย ทว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ตบลงไปบนโต๊ะด้วยโทสะ “เื่การคัดเลือกพระชายา เจิ้งได้สั่งการลงไปเมื่อสักครู่นี้แล้ว วันแรกที่เ้ากลับมาเจิ้นบอกเ้าไปแล้วว่าการจะทำเื่ใหญ่จิตใจไม่สามารถถูกหญิงสาวรบกวนได้ อย่าลืมว่าเ้าอยู่ในฐานะของบุตรชายเอกแห่งราชวงศ์จวิน อย่าลืมภารกิจที่แท้จริงของเ้า! อย่าลืมคำสัญญาที่เ้าให้ไว้กับต้าหวงซู! ”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้เซี่ยเสี่ยวหม่านก็ไม่กล้าปริปากพูดกะทันหันเพราะรู้สึกใ! เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้ค้นพบความลับอะไรบางอย่าง
เขากับหมางจ้งนับได้ว่าเป็คนที่เข้าใจเตี้ยนเซี่ยมากที่สุด พวกเขาล้วนคาดเดามาโดยตลอดว่าเหตุใดเตี้ยนเซี่ยในตอนนั้นถึงได้ถูกส่งตัวออกไป ในเมื่อส่งออกไปนานหลายปีแล้ว เหตุใดจึงกลับมาและมาช่วยเหลือองค์รัชทายาทในด้านการเมือง? ในเมื่อฝ่าาให้เตี้ยนเซี่ยกลับมาแล้วพระราชทานอำนาจกับฐานะเทียบเท่ารัชทายาท เหตุใดจึงไม่เปลี่ยนให้เป็รัชทายาท? เตี้ยนเซี่ยคือบุตรชายเอก เดิมทีแล้วตำแหน่งว่าที่กษัตริย์เป็ของพระองค์ พระองค์สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เหนือกว่า! องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์วัย และในแต่ละวันล้วนกระซิบกระซาบบอกว่าไม่้าอาศัยในตำหนักบูรพา ให้ท่านพี่มาตำหนักบูรพา หากองค์รัชทายาทไม่ได้ไปท่องเที่ยวทางด้านทิศใต้ ทันทีที่ทราบว่าเตี้ยนเซี่ยเข้าไปในพระราชวัง พระองค์ต้องมาก่อกวนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามข้อสงสัยเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าไหร่
สิ่งที่ทำให้เซี่ยเสี่ยวหม่านรู้สึกสงสัยมากที่สุดก็คือเตี้ยนเซี่ยทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือรัชทายาท แต่กลับปราศจากความคิดในตำแหน่งของว่าที่กษัตริย์
“ภารกิจที่แท้จริง? คำสัญญาต่อต้าหวงซู? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านพึมพำคำเหล่านี้อยู่ภายในใจ เขาคิดว่านี่คือสาเหตุอย่างแน่นอน เตี้ยนเซี่ย ฝ่าา และต้าหวงซูที่ไม่เคยเผยให้เห็น และมันจะต้องมีความลับที่ไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้แน่ๆ !
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่กล้าปริปากพูดแล้ว จวินจิ่วเฉินก็ไม่ได้แก้ตัวทันที ใบหน้าของเขานิ่งเงียบ อีกทั้งไม่เปิดเผยอะไรออกมาเลยสักอย่าง เขาทราบว่าฟู่หวงกำลังมองมาที่เขาและกำลังหยั่งเชิงเขา
เขารออยู่ชั่วขณะ เมื่อแน่ใจแล้วว่าฟู่หวงไม่พูดอะไรแล้ว เขาจึงคุกเข่าลงพลางกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม “เอ๋อร์เฉินมีความผิด ฟู่หวงโปรดลดโทษให้ด้วย”
เมื่อเห็นเช่นนี้มือของเทียนอู่ฮ่องเต้ก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เขา้าไม่ใช่การน้อมรับผิด แต่เป็คำอธิบาย!
เขาปฏิบัติต่อบุตรชายคนนี้แตกต่างจากคนอื่นมาโดยตลอด มีหลายครั้งเลยที่ยกเว้นมารยาทมากมายระหว่างบิดากับบุตรชาย ทว่าบุตรชายกลับปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพมาโดยตลอด แม้กระทั่งมีความเคารพมากกว่าองค์ชายคนอื่นเสียอีก ความเคารพเช่นนี้ราวกับความนอบน้อมที่ขุนนางมีต่อกษัตริย์ อีกทั้งให้ความรู้สึกเกรงใจและห่างเหิน
จวินจิ่วเฉินคือบุตรชายที่แท้จริงของเขา เป็บุตรชายที่เขากับต้าหวงซูรอคอยมานานกว่าสิบปี พวกเขาพยายามอย่างมากในการลบความทรงจำวัยเด็กที่ไม่ควรมีออกไป ทว่าจวินจิ่วเฉินก็ยังคงไม่สนิทสนมกับพวกเขา
ความโกรธและความไม่พอใจของเทียนอู่ฮ่องเต้ล้วนอยู่ภายในใจ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยอมถอยพลางเอ่ยด้วยความโกรธเคือง “ลุกขึ้นมา เจิ้นให้โอกาสเ้าอธิบายมา! ”