บรรดาหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไม่กล้าด่าทออย่างเปิดเผย เพราะถึงอย่างไรการทะเลาะวิวาทก็เป็การทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่บรรดาสตรีที่แต่งงานออกเรือนแล้วไม่เกรงใจโจวปาผอแม้แต่น้อย
"โจวปาผอ ซ่งอวี้เป็คนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวของพวกเรา นางเกี่ยวอะไรกับป้า? ป้าที่เป็เพียงคนนอกหมู่บ้านมาพูดจานินทาว่าร้ายนาง เห็นพวกเราตายไปแล้วหรืออย่างไร?"
ในบรรดาพวกนาง สตรีที่อายุน้อยทำสีหน้าเยือกเย็น พวกนางก้าวออกมาแล้วด่าทอโจวปาผอ ทำให้โจวปาผอถึงกับวิงเวียนศีรษะ
โจวปาผอมีเพียงคนเดียว แต่คนที่ด่าทอนางมีเป็กลุ่ม แม้ฝีปากจะเก่งกล้าเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะได้
ซ่งอวี้ค่อยๆ เดินถอยหลังสามก้าว ถอยออกจากาน้ำลายพร้อมกับป้าหวัง ทำคุณงามความดีโดยไม่เปิดเผย
ระหว่างทางไปเรือนผู้ใหญ่บ้าน ป้าหวังชื่นชมซ่งอวี้ หลังจากเกิดเื่ขึ้นนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจความตั้งใจของซ่งอวี้แล้ว นางเพิ่งรู้ว่าเมื่อครู่ว่าซ่งอวี้ไม่ได้อ่อนแอและรังแกง่าย เพียงแค่อดทนเพียงอึดใจหนึ่งแล้วจบปัญหา วันข้างหน้าทุกคนจะได้ไม่ต้องนินทาว่าร้ายนางอีก
ขอเพียงสตรีเหล่านี้รับรู้ วันข้างหน้าหากมีคนบอกว่านางไปหาผู้ใหญ่บ้าน มีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่บ้าน เช่นนั้นคนที่มีเื่ไปรบกวนผู้ใหญ่บ้านตั้งมากมายล้วนหนีไม่พ้น
เพื่อชื่อเสียงของตนเอง พวกนางย่อมไม่กล้าพูดอีก
"ซ่งอวี้ สมองของเ้ามีรูปร่างอย่างไร เหตุใดจึงฉลาดหลักแหลมเช่นนี้?" ป้าหวังเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
ซ่งอวี้เพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่พูดสิ่งใด
ทั้งสองมาถึงเรือนผู้ใหญ่บ้านพร้อมกัน ประจวบเหมาะเวลานี้ผู้ใหญ่บ้านเพิ่งผูกเกวียนเสร็จ ทั้งสามคนนั่งเกวียนมุ่งหน้าเข้าเมืองโดยไม่รู้เลยว่าเื่ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้าน
รอผู้ใหญ่บ้านกลับมาแล้วได้ยินเื่ที่เกิดขึ้นก็ชื่นชมไหวพริบของซ่งอวี้ไม่หยุด จัดการพวกคนที่ชอบนินทาว่าร้ายที่ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านไม่น่าอยู่ได้ในคราเดียว
เป็จริงตามคาด หลังจากจบเื่นี้ ไม่มีผู้ใดกล้านินทาว่าร้ายซ่งอวี้และผู้ใหญ่บ้านอีก ถึงขั้นพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงชายหญิงคนอื่นๆ บรรยากาศในหมู่บ้านสดใสขึ้นมาก
ก็ได้ นี่คือเื่ในตอนหลัง เวลานี้ไม่พล่ามแล้ว
ความเป็จริงการโอนย้ายที่ดินช่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ ยุคสมัยนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์คอยช่วยบันทึก ทุกอย่างอาศัยเพียงสัญญาและบันทึกต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูลในอดีตเท่านั้น
แต่โชคดีที่ดินผืนที่ซ่งอวี้ซื้อว่างมาเพียงสิบกว่าปี ยามสืบหาจึงเป็เื่ง่าย
นายทะเบียนและผู้ใหญ่บ้านเคยเจอกันหลายครั้ง สนิทสนมกัน ด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกนางไปดำเนินงาน นายทะเบียนจึงไม่ได้ทำให้ลำบากใจแต่อย่างใด ในตอนหลังซ่งอวี้แอบยื่นเงินให้นายทะเบียน นายทะเบียนคนนี้ใจดีมากยิ่งขึ้น รีบโอนย้ายที่ดินที่ไม่มีเ้าของมานานสิบกว่าปีให้อยู่ภายใต้ชื่อของซ่งอวี้
"วันนี้ลำบากใต้เท้าแล้ว นี่คือยาบำรุงที่ข้าทำขึ้นเอง ทานวันละหนึ่งเม็ดช่วยให้นอนหลับสบาย หวังว่าใต้เท้าจะไม่รังเกียจเ้าค่ะ" ซ่งอวี้ถือสัญญา รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก นี่ถือเป็สินทรัพย์แรกของนาง
นางรีบหยิบยาบำรุงที่ตนเตรียมเอาไว้ั้แ่แรกขึ้นมา ยาบำรุงหนึ่งขวดมีสามสิบเม็ด รับประทานได้หนึ่งเดือนพอดี
แม้จะไม่ใช่ตัวยาล้ำค่า แต่ประสิทธิภาพของยานั้นดีมาก เพียงพอให้นำมาเป็ของขวัญขอบคุณได้
นายทะเบียนยิ้มตาหยีแล้วรับไว้ ตำแหน่งของเขาได้เบี้ยหวัดไม่มาก โชคดีที่ได้รับสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เขาเป็คนฉลาด ไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์โดยไม่คิดถึงสิ่งที่ตามมา ด้วยเหตุนี้ในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้จึงมีคนขอให้เขาช่วยงานมากมาย
"เ้าเป็หมอหญิงหรือ?" นายทะเบียนได้ยินซ่งอวี้บอกว่านางทำด้วยตนเองจึงเอ่ยถาม ยุคสมัยนี้หมอส่วนมากล้วนเป็บุรุษ นอกจากตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจคอยอบรมเลี้ยงดูหมอหญิงแล้ว โดยทั่วไปแทบจะไม่พบเจอหมอหญิง
ซ่งอวี้ตอบอย่างไม่ถ่อมตนและไม่โอหัง "ข้าเป็หมอ ไม่ใช่หมอหญิง"
ความแตกต่างระหว่างหมอหญิงและหมอ ตอนที่ซ่งอวี้ฝากตัวเป็ลูกศิษย์ของท่านจ้าว ท่านจ้าวก็ได้อธิบายให้นางฟังแล้ว
หมอหญิงคือหมอที่เชี่ยวชาญด้านสูตินารี รักษาโรคเฉพาะของสตรี แต่ซ่งอวี้ไม่ได้เป็เช่นนั้น นางรักษาโรคทั่วไป ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นว่านางเป็หมอหญิง
นี่คือเหตุผลหนึ่ง อีกหนึ่งเหตุผลคือ ว่ากันว่าหมอหญิงและหญิงนางโลมมีฐานะใกล้เคียงกัน สามารถซื้อขายและยกให้กันได้ ถือเป็ทาส นางไม่อยากให้ผู้อื่นเข้าใจว่านางเป็ทาสหลบหนี
นายทะเบียนยิ้มพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ หลังจากนั้นไถ่ถามซ่งอวี้เล็กน้อยทำให้รู้ว่านางเป็ลูกศิษย์ของท่านจ้าว ความคิดหนึ่งก็แล่นขึ้นมา "วิชาแพทย์ของหมอซ่งเป็อย่างไร? หากสะดวกช่วยจับชีพจรภรรยาของข้าได้หรือไม่?"
ตำแหน่งนายทะเบียนไม่ใหญ่โตมาก ถือเป็ขุนนางเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจเลี้ยงดูหมอหญิงได้ แต่บางครั้งก็ไม่สะดวกที่จะตามหมอมาจับชีพจรของภรรยา เขากำลังเคร่งเครียดกับเื่นี้
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอกับสตรีที่เป็หมอ ช่างบังเอิญยิ่งนัก
ท่านจ้าวเป็หมอเลื่องชื่อ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหมอเทวดาเลื่องชื่อในใต้หล้าคนนี้อยู่ในอำเภอเล็กๆ ของพวกเขา ครั้งหนึ่งนายทะเบียนคนนี้ก็เคยมีความคิดจะเชิญท่านจ้าวมารักษาที่เรือน แต่เพราะเป็ที่ลับจึงยอมถอดใจ
เวลานี้ได้ยินว่าซ่งอวี้เป็ลูกศิษย์ของท่านจ้าว ทั้งยังเป็สตรี ความคิดนี้จึงแล่นขึ้นมา
ซ่งอวี้รับปาก "ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นทำตามที่ท่านใต้เท้าจัดเตรียมได้เลย ข้าอยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวหนิว ใต้เท้าให้คนมาบอกข้าได้ทุกเมื่อ"
เมื่อนายทะเบียนเห็นซ่งอวี้ตอบตกลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จริงจังมากยิ่งขึ้น ใจดีกับผู้ใหญ่บ้านขึ้นมาก ทั้งสองอารมณ์ดียิ่งนัก
ในตอนหลังนายทะเบียนคนนี้ถึงกับให้คนไปจองโต๊ะที่ภัตตาคารให้พวกนางทานมื้อค่ำก่อนแล้วค่อยกลับ แต่หมู่บ้านเสี่ยวหนิวไกลจากที่นี่มาก ไม่สะดวกเป็อย่างยิ่ง ผู้ใหญ่บ้านและซ่งอวี้จึงปฏิเสธ กว่านายทะเบียนจะยอมแพ้ ซ่งอวี้ถึงกับต้องบอกว่าคราหน้านางจะไปเยี่ยมเยือนถึงเรือน
เมื่อขึ้นเกวียนกันแล้ว ป้าหวังก็พูดถึงความยิ่งใหญ่ของที่ว่าการอำเภอ นางเป็เพียงหญิงชาวบ้านไม่เคยเข้าไปด้านในมาก่อน ทุกครั้งที่เดินผ่านเห็นสิงโตหินน่าเกรงขามสองตัวที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสองด้านของทางเข้าที่ว่าการอำเภอ นางใจนตัวสั่นจึงอย่าพูดถึงเื่เข้าไปด้านใน
ซ่งอวี้ตอบป้าหวัง จากนั้นจู่ๆ นางก็พูดถึงฮูหยินของนายทะเบียน "ผู้ใหญ่บ้าน ท่านรู้หรือไม่ว่าฮูหยินของนายทะเบียนป่วยเป็อะไร?"
แม้เมื่อครู่นายทะเบียนบอกจะให้นางช่วยตรวจรักษาฮูหยินของเขา ทว่าตอนพูดถึงอาการป่วยกลับอ้ำอึ้ง ไม่พูดให้ละเอียด
นางรู้ดีว่าไม่อาจได้คำตอบจากนายทะเบียน จึงไม่ได้ถาม นายทะเบียนจะได้ไม่ต้องรำคาญ แค่ว่าหากไม่อาจทำความเข้าใจคนไข้ได้คงไม่ดีเท่าใดนัก ด้วยเหตุนี้จึงจำต้องหาเป้าหมายคนที่สองนั่นคือถามกับผู้ใหญ่บ้าน
น่าเสียดายที่ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้แน่ชัด คนที่จะรักษาคือฮูหยินนายทะเบียน โรคของสตรีในยุคสมัยนี้ถือเป็สิ่งต้องห้ามและนับว่าเป็ชื่อเสียงอย่างหนึ่ง ตระกูลที่เคร่งครัดในกฎระเบียบของตระกูล ถึงขั้นหย่าร้างกับภรรยาเพราะเื่นี้ ดังนั้นได้ยินเพียงว่าฮูหยินนายทะเบียนป่วยมานานหลายปี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็โรคอะไร ช่างลึกลับยิ่งนัก
ซ่งอวี้ขมวดคิ้วเป็ปม สัญชาตญาณของนางบอกว่าฮูหยินนายทะเบียนอาจจะป่วยเป็โรคมีบุตรยาก แต่หลังจากถามผู้ใหญ่บ้านแล้ว ผู้ใหญ่บ้านบอกว่านายทะเบียนมีทายาท ทั้งยังเป็ลูกชายจึงไม่น่าจะใช่มีบุตรยาก
หลังจากซ่งอวี้และทุกคนกลับไปถึงหมู่บ้านเสี่ยวหนิว สายตาของคนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวที่มองมาทางซ่งอวี้แปลกพิกลเล็กน้อย มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกละอาย
แม้ผู้ใหญ่บ้านจะไม่เข้าใจ แต่รู้สึกว่าเป็เื่ที่วิเศษมาก ป้าหวังและซ่งอวี้มองตากันแล้วยิ้ม คาดว่าคนในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวจัดการโจวปาผอสำเร็จแล้ว มิเช่นนั้นสีหน้าของคนทุกคนคงไม่เป็เช่นนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้