ศิษย์ในรอบด้านสูดหายใจเฮือกตกตะลึง
หยางเวยไม่ใช่ระดับอย่างซือซุ่นชางจะเทียบได้แต่ก็ยังคงถูกเสวียนเทียนเอาชนะไปได้ อีกทั้งยังพ่ายแพ้หมดท่า ถูกเสวียนเทียนตบหนึ่งฝ่ามือ ตบจนฟันพุ่งออกมาเทียบกับซือซุ่นชางยังขายหน้ามากกว่า
ส่วนพลังของเสวียนเทียนในใจบรรดาศิษย์ในก็มองสูงขึ้นมาอีกขั้น
พากันคิดว่าไม่รู้ว่าศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองอันดับก่อนหนึ่งร้อยจะเอาชนะเขาได้มั้ย?
หยางเวยเป็คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสี่คนนอกจากหยางเวยกับซือซุ่นชาง อีกสองคนนอกจากนั้นลำดับล้วนอยู่ขั้นที่สองอันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อยสิบขนาดหยางเวยยังแพ้พวกเขาย่อมไม่กล้าท้าสู้อีก
หนึ่งคนหนึ่งหมัด หนึ่งคนหนึ่งฝ่ามือสำหรับคนของฉู่เฟิงนับว่าเป็บทเรียนไม่เล็กบทหนึ่งเสวียนเทียนยังต้องไปที่เรือนยาพลังปราณเพื่อรับยาควบปราณ หลังพูดจบหนึ่งประโยคก็เดินไปทางเรือนยาพลังปราณ
“หวงเทียน ข้าลี่เจียงไห่ขั้นสองอันดับที่แปดสิบแปด ขอท้าสู้กับเ้า!”
จากศิษย์ในที่ล้อมมุงอยู่ เด็กหนุ่มอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีคนหนึ่งเดินออกมา
อายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีก็ก้าวขึ้นพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองแล้วทั้งยังขึ้นมายืนชั้นกลางๆ จากศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองหนึ่งร้อยกว่าคนได้ลี่เจียงไห่ผู้นี้ ในหมู่ศิษย์ในก็นับว่าเป็อัจฉริยะคนหนึ่งแล้ว
เสวียนเทียนมองเขาทีหนึ่งด้วยสายตาเฉยชา เอ่ยว่า“วันนี้ข้าไม่สนใจจะประลองแล้ว!”
พูดจบก็ก้าวยาวไปทางเรือนยาพลังปราณลี่เจียงไห่มองเขม็งตามแผ่นหลังของเสวียนเทียนไป มือกำด้ามกระบี่จนกระทั่งเสวียนเทียนเดินเข้าไปในเรือนยาพลังปราณก็ไม่ได้ลงมือ
ในเรือนยาพลังปราณของสำนักในเสวียนเทียนรับรางวัลของการก้าวขึ้นชั้นเบิกนภา ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ สิบเม็ด เพราะตรงกลางเว้นหายไปสามเดือน เสวียนเทียนไม่ได้มารับของแจกจ่ายจากทางสำนักรางวัลของชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบก็ยังไม่ได้มารับไปเรือนยาพลังปราณจึงเปลี่ยนรางวัลเมื่อก่อนหน้าเป็ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ทั้งหมดมอบให้เสวียนเทียนสิบสามเม็ด
แต่ว่า สำหรับเสวียนเทียนที่ตั้งใจจะเก็บตัวฝึกฝนทะลุสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ สิบกว่าเม็ดมันจะน้อยเกินไปแล้วจริงๆ แม้ว่าที่ตัวจะยังมีอยู่ประมาณสามสิบเม็ด แต่ก็ยังไม่พอ
จะก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสองในใจเสวียนเทียนยังกะประมาณได้ไม่แน่ชัดนัก อาจจะหนึ่งเดือน หรือนานกว่านั้น ในหนึ่งวันเขาใช้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ได้ถึงสามเม็ด ต่อให้เป็ร้อยเม็ดเขาก็ไม่รังเกียจว่ามาก
เสวียนเทียนจ่ายเงินสองล้านสี่แสนห้าหมื่นตำลึงซื้อ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เจ็ดสิบเม็ดมา เสวียนเทียนยังคิดอยากจะซื้อมากกว่านี้อีกหน่อยแต่ผู้ดูแลสำนักในของเรือนยาพลังปราณอย่างไรก็ไม่ขายให้เขาอีก
ต่อให้เป็สำนักกระบี่์ที่มีนักหลอมยาชั้นนิลสามคนแต่เมื่อเทียบกับปริมาณการบริโภคของทั้งสำนัก ยาควบปราณก็มีจำกัดอย่างที่สุดขายเพิ่มให้ศิษย์คนหนึ่งเจ็ดสิบเม็ดก็นับว่าเป็ขีดจำกัดที่มากที่สุดแล้ว นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์นำ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ไปขายต่อค้ากำไรหาเงิน ‘ยาปราณแท้ชั้นล่าง’ เจ็ดสิบเม็ดที่ขายเพิ่มให้ต่างหากราคาเท่ากับราคาตลาดเม็ดละสามหมื่นห้าพันตำลึง
หากเสวียนเทียน้าจะซื้ออีกต้องมาอีกครั้งในเดือนหน้า
‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ที่ตัวของเสวียนเทียนตอนนี้มีถึงหนึ่งร้อยสิบกว่าเม็ดจะทะลุชั้นเบิกนภาขั้นสองก็ไม่น่าจะขาดแคลนแล้ว
ศิษย์ในของสำนักกระบี่์มีจำนวนน้อยกว่าศิษย์นอกมาก ดังนั้นจึงไม่เบียดเสียดเหมือนที่พักของศิษย์นอกแบบนั้นแต่ละคนล้วนมีห้องส่วนตัวของตัวเอง
เพียงแต่ศิษย์ในทั่วไป ห้องจะอยู่ติดกันสิบกว่าห้องแต่ศิษย์ในที่ลำดับอยู่ในขั้นที่หนึ่งจะมีสิทธิพิเศษมีอาคารสองชั้นต่างหากหนึ่งหลังฐานะเทียบกับศิษย์ในธรรมดาแล้วสูงกว่ากันอยู่ขั้นหนึ่ง
เสวียนเทียนกลับมายังตำหนักระเบียนก็รู้ว่าที่พักของตนเองถูกจัดสรรให้อยู่บนยอดเขากระบี่สังหารบนเขาลูกที่สองด้านหลังยอดเขากระบี่์
เมื่อมาถึงที่พักก็มองดูทีหนึ่งเป็อาคารที่ประณีตอย่างมากหลังหนึ่งด้านหน้าอาคารมีลานกว้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงประตูหน้าข้างหน้าลานกว้างแขวนป้ายไม้แผ่นหนึ่งไว้ ้าเขียนว่า ‘เรือนหวงเทียน’ ตั้งชื่อตามชื่อสกุลของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนทำแผ่นป้ายไม้ชิ้นหนึ่งสลักตัวอักษรใหญ่ไม่กี่ตัวไว้ว่า ‘เก็บตัว กรุณาอย่ารบกวน’ ตั้งไว้หน้าประตูแล้วก็เข้าไปใน ‘เรือนหวงเทียน’ เตรียมตัวเก็บตัวฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ เตรียมตัวทะลวงสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง
สำนักกระบี่์มีกฎ ยามที่ศิษย์เก็บตัว นอกจากจะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นไม่เช่นนั้นรบกวนไม่ได้ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองจำนวนไม่น้อยที่มาเพื่อท้าสู้กับเสวียนเทียนเมื่อเห็นแผ่นป้ายไม้หน้าประตูก็ผิดหวังกลับไป
ส่วนศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสามเสวียนเทียนลำดับอยู่ที่ท้ายสุดของขั้นที่หนึ่ง ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพวกเขาย่อมไม่ลดตัวลงมาท้าสู้กับเสวียนเทียนที่มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง
ทุกวันนอกจากเวลากินข้าวเสวียนเทียนก็จะเก็บตัวฝึกฝน หากพบคนอื่นเข้ามาท้าสู้ก็จะปฏิเสธท่าเดียว
ส่วนการฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ ก้าวหน้าเกินกว่าที่เสวียนเทียนคาดคิดไปอยู่บ้าง
ในชั้นวิถียุทธ์สิ่งที่เสวียนเทียนฝึกฝนคือปราณเบิกนภาที่เป็วิชาปราณที่ดีที่สุดเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นแล้วแข็งแกร่งมั่นคงกว่ากันอยู่มากอีกทั้งพลังธาตุไฟในของธาตุในร่างยังเป็ระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบฝึกฝนวิชาปราณสายอัคคีได้เหนือกว่าคนธรรมดา
เวลาเพียงวันเดียว เสวียนเทียนก็ฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ จนถึงขั้นที่หนึ่งแล้ว
หลังจากนั้นสี่วัน เสวียนเทียนก็ฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ จนถึงขั้นที่สอง
พลังวัตรของเสวียนเทียนเข้าใกล้จุดสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นที่หนึ่งแล้วด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งมั่นคง พลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบ เมื่อฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ จึงไม่มีอุปสรรคหนักหนาแต่อย่างใด ราบรื่นเป็อย่างมากทุกอย่างราวกับน้ำไหลคลองถือกำเนิด1
ในวันที่สิบ เสวียนเทียนก็ฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ จนถึงขีดสูงสุดของขั้นที่สอง เริ่มทะลุสู่ขั้นที่สามเวลาเดียวกันพลังวัตรก็กำลังพุ่งทะลวงสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง
การดูดกลืน ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ วันละสามเม็ด ทำให้ปราณแท้เบิกนภาของเสวียนเทียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วร่างกายรักษาสภาพที่ปราณแท้เบิกนภาเต็มเปี่ยมถึงขีดสุดอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เพราะการฝึกฝน ‘เคล็ดหลอมปราณ’ ปราณแท้เบิกนภาของเสวียนเทียนจึงบริสุทธิ์กว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งคนอื่นอยู่มาก ปราณแท้เบิกนภาเหมือนกันแต่พลังที่บรรจุอยู่ภายในต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองล้วนเทียบไม่ติด
ปราณแท้เบิกนภาที่บริสุทธิ์เทียบกับปราณแท้เบิกนภาทั่วไปแล้วในกระบวนการทะลวงกำแพงชั้นพลังวัตรมีฤทธิ์รุนแรงกว่ากันอยู่มาก
เพราะเส้นปราณมีจำกัด ปราณแท้เบิกนภาที่ไหลเวียนได้ก็มีจำกัดยามทะลวงกำแพงชั้นพลังวัตร เป็ปราณแท้เบิกนภาเหมือนกันแน่นอนว่าพลังที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าย่อมมีพลังแข็งแกร่งกว่า ทะลวงกำแพงง่ายดายกว่า
วันที่สิบห้า!
เพียงครึ่งเดือน เสวียนเทียนฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ จนในที่สุดปราณแท้เบิกนภาในร่างของเสวียนเทียนก็พัฒนายกระดับสำเร็จกำแพงชั้นเบิกนภาขั้นสองพังทลายในพริบตา เส้นปราณในร่างใหญ่ขึ้นมาอีกรอบหนึ่งปราณแท้เบิกนภาที่เดิมทีเบียดเสียดอยู่บ้าง พริบตาก็ไหลลื่นไร้อุปสรรคในเส้นปราณ
พลังวัตรของเสวียนเทียนยกระดับขึ้นพรวดพราดจากชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งทะลุสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสอง พลังเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว
“แต่เดิมคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้หนึ่งเดือนถึงจะก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสองได้ดูแล้วข้าจะประเมินพลังธาตุไฟระดับสุดยอดสมบูรณ์แบบต่ำไป ฝึกฝนวิชาปราณสายอัคคีน้ำไหลคลองถือกำเนิด ราบรื่นเหลือเกิน เพิ่งจะใช้ไปครึ่งเดือนก็ฝึกฝนจนถึงขั้นที่สาม เหนือความคาดหมายของข้าอย่างแท้จริง!”
เสวียนเทียนลืมตาขึ้น มุมปากมีรอยยิ้มยินดีน้อยๆ
“คงไม่มีใครคาดคิดว่าข้าเพิ่งเข้าสำนักในมาได้เพียงครึ่งเดือนพลังวัตรก็ทะลุชั้นเบิกนภาขั้นสองแล้ว ฮึ ต่อให้เป็ศิษย์ในอันดับหนึ่งตอนนี้เก้าส่วนก็ไม่ใช่คู่มือของข้า ข้าในตอนนี้ควรจะสามารถต่อสู้วัดฝีมือกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ที่แท้จริงได้แล้ว รอให้พลังวัตรของข้ามั่นคงเสียก่อนบรรลุถึงขีดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสองต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์พลังขั้นสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสี่ข้าก็ไม่กลัว หากแผ่พลังของจิตกระบี่ออกมา ใช้กระบี่ขุนเขาหนักที่เป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นกลางไม่รู้ว่าจะเสมอกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นห้าได้ไหม?”
เสวียนเทียนคิดในใจ “ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลยในเมื่อคนอื่นคาดไม่ถึงว่าพลังวัตรของข้าจะเลื่อนชั้น พอดีกับที่ข้าได้ฝึก ‘ศาสตร์ลับผนึกสูญ’ ผนึกพลังวัตรไว้ที่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง เมื่อเป็เช่นนี้ ต่อให้มีคนคิดร้ายกับข้า เมื่อประเมินพลังผิดไปขั้นหนึ่งความเสี่ยงของข้าก็ย่อมลดลงไปมาก”
เสวียนเทียนจดจำได้ชัดเจน ‘มือกระบี่เงาผี’ ถ้าไม่ใช่เขาเป็คนพบแต่เป็พวกเฟิงปู๋จื้อสามคนพบเข้า คงถูกทำร้ายสาหัสหรืออาจถึงขั้นตาย
‘ศาสตร์ลับผนึกสูญ’ เป็เพียงศาสตร์ลับผนึกพลังอย่างหนึ่ง ฝึกฝนไม่ยากเพียงแค่เวลาครึ่งชั่วยาม เสวียนเทียนก็ฝึกฝนสำเร็จ เมื่อใช้ ‘ศาสตร์ลับผนึกสูญ’ พลังวัตรของเสวียนเทียนก็เปลี่ยนกลับมาที่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง
“ดีล่ะ! ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เพิ่งใช้ไปเพียงสี่สิบห้าเม็ด ยังเหลืออีกราวเจ็ดสิบเม็ดพอให้ข้าฝึกฝนอีกหนึ่งเดือนกว่า แต่พลังวัตรเลื่อนระดับแล้ว ข้าก็ฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นที่สี่ให้ลึกขึ้นไปอีกหน่อยได้ร่างกายยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีกบางทีความเร็วในการดูดกลืนยาพลังปราณอาจจะเพิ่มเร็วขึ้น ยาควบปราณพวกนี้จะพอให้ข้าฝึกฝนถึงหนึ่งเดือนได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่”
“ตอนนี้ฝึก ‘กระบี่เพลิงโลกันตร์ผลาญฟ้า’ กับ ‘ดาบไฟบรรลัยกัลป์’ ที่สำนักก่อนชั่วคราวรอผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ไปซื้อยาควบปราณจากเรือนยาพลังปราณมาอีกจำนวนหนึ่งได้ถึงตอนนั้นก็ควรออกไปทำภารกิจของสำนักเพื่อเตรียมพร้อมหลังจากพลังวัตรก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสามจะได้เรียนคัมภีร์วิชาปราณชั้นนิลขั้นกลางได้”
สามวันหลังจากนั้น เสวียนเทียนก็ฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นที่สี่อยู่พักหนึ่ง ระดับขั้นขยับขึ้นมาเล็กน้อยร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาอีก ทำให้การดูดกลืนยาพลังปราณของเสวียนเทียนรวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างที่คาด หนึ่งวันดูดกลืนแปรพลัง ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ได้สามเม็ดครึ่งความเร็วการฝึกฝนของเสวียนเทียนเป็เจ็ดเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกัน
ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้มีเพียงคำว่าน่าหวาดกลัวเท่านั้นที่ใช้บรรยายได้
เช่นเดียวกันการบริโภคยาควบปราณของเสวียนเทียนสำหรับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นก็น่าหวาดกลัวเช่นกัน
สิบวันให้หลัง ใช้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ไปแล้วสามสิบห้าเม็ด ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ที่มีอยู่ใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ส่วนการฝึกฝน ‘กระบี่เพลิงโลกันตร์ผลาญฟ้า’ กับ ‘ดาบไฟบรรลัยกัลป์’ เสวียนเทียนก็ฝึกได้เข้าขั้นในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘กระบี่เพลิงโลกันตร์ผลาญฟ้า’ เสวียนเทียนหัวไวในการฝึกฝนเพลงกระบี่มากขาดเพียงก้าวหนึ่งก็ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้ว ส่วน ‘ดาบบรลัยกัลป์’ เพิ่งจะชั้นบรรลุบางส่วน
หลังผ่านการฝึกฝนสิบกว่าวัน ดูดกลืน ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ สี่สิบกว่าเม็ด เสวียนเทียนก็ทำให้พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองมั่นคงได้ห่างจากขีดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสองอีกไม่ไกลแล้ว
----------
1. น้ำไหลคลองถือกำเนิด (水到渠成) เมื่อน้ำไหลไปที่ใดที่นั้นย่อมเกิดเป็ทางน้ำขึ้นมาเปรียบเทียบว่าเมื่อมีเงื่อนไขบางอย่างแล้ว เื่ราวย่อมสำเร็จได้เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้