คู่มือเศรษฐีนีชาวนาฉบับสาวน้อยทะลุมิติ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เจินจูคิดอยู่เล็กน้อย สิ้นปีผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว อาหารประเภทเนื้อของที่บ้านเหลือไม่มาก จึงถือโอกาสที่ว่างอยู่นี้ซื้อวัตถุดิบจัดโต๊ะเลี้ยงแขกตอนเย็นทั้งหมดให้ครบถ้วนก่อน

         จ้าวเหวินเฉียงไม่ได้รีบกลับหมู่บ้าน เพราะหวงซิ่วผิงภรรยาของเขาสั่งให้ซื้อของเล็กน้อย ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงนัดหมายกันว่าครึ่งชั่วยามให้หลังจะมาพบกันที่หน้าประตูเมือง

         ตลอดทางหวังซื่อกับเจินจูเดินไปพลางคิดวัตถุดิบที่๻้๵๹๠า๱ซื้อไปพลาง หูฉางกุ้ยเดินตามพวกนางอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางสบายๆ ไม่นานจึงมาถึงตลาดฝั่งประตูตะวันออก

         เนื่องจาก๰่๭๫ปีใหม่ยังไม่ผ่านพ้นไป ตลาดที่เคยคึกคักเมื่อก่อนกลับเงียบเหงาอยู่บ้าง ร้านค้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงส่วนใหญ่ดำเนินกิจการตามปกติ แต่ร้านค้าขายของริมถนนกลับไม่มาก

         สามคนเดินมาถึงข้างร้านขายเนื้อเป็๲ลำดับแรก แล้วเห็นหลี่ซานเตาเถ้าแก่แผงขายเนื้อที่คุ้นเคยกัน ต่างฝ่ายต่างอวยพรปีใหม่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีเพราะเจอกันบ่อยครั้ง หลังจากนั้นจึงซื้อหมูสามชั้น เนื้อแดง และเนื้อติดมันกำลังดีจำนวนห้าชั่ง เพิ่มขึ้นนอกจากนี้คือกระดูกหมูสดๆ เตรียมเคี่ยวน้ำแกงหนึ่งหม้อใหญ่ตอนเย็น

         เมื่อกล่าวลาเถ้าแก่แผงขายเนื้อแล้วก็มาถึงแผงขายปลาอีกครั้ง ซื้อปลากินหญ้าตัวใหญ่สองตัวหนักสี่ถึงห้าชั่ง เจินจูอยากทานหม่าล่าต้มปลาผักกาดดองอยู่นานมากแล้ว วันนี้เหมาะเจาะที่จะทำหนึ่งหม้อใหญ่พอดีจะได้แก้ความเปรี้ยวปากเสียให้พอ

         เดินวนตลาดอยู่หนึ่งรอบ ในตะกร้าแบกหลังของหูฉางกุ้ยก็ใส่วัตถุดิบหนึ่งกองปะปนกันจนเต็มตะกร้า

         สุดท้ายสามคนเดินเข้าร้านขายของจิปาถะ ของใช้ในชีวิตประจำวันล้วนต้องซื้อเล็กน้อย พวกน้ำตาลทรายขาว น้ำมันพืช เกลือที่ใช้ทำอาหาร...

         หวังซื่อกับหูฉางกุ้ยปรึกษากันเกี่ยวกับปริมาณของของที่จะซื้ออยู่ด้านหนึ่ง เจินจูจึงเดินเตร็ดเตร่อยู่ในร้าน ของในมือนางก็ค่อยๆ มากขึ้น มีทั้งป้าหอมหนึ่งชิ้น ผงสีฟันสองตลับ กระดาษฟางหนึ่งพับ…

         จนกระทั่งถึงตอนที่เจินจูอุ้มของในมือเตรียมจะไปคิดเงิน กลับถูกสิ่งของมุมหนึ่งดึงดูดความสนใจเข้า

         นั่นคือ… กระจกทองแดง?

         เจินจูเดินเข้าไปใกล้ทันที ยื่นศีรษะเข้าไปสังเกตอย่างละเอียด กลับเห็นใบหน้าเล็กอ่อนวัยหนึ่งดวงปรากฏออกมาบนกระจกสีเหลืองอ่อนๆ ดวงตาสีดำสนิทปรากฏความฉงน ริมฝีปากแดงอมชมพูชุ่มชื้นเผยน้อยๆ อย่างประหลาดใจ

         อ่า ที่แท้กระจกของยุคโบราณก็ส่องได้ชัดเจนอยู่มาก!

         เจินจูเหลือบซ้ายมองขวาส่องหนึ่งรอบด้วยความดีใจ นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ส่องกระจก? ไม่เคยคิดเลยว่าการส่องกระจกทุกวันจะกลายเป็๞ความฟุ้งเฟ้อไปได้

         เจินจูเข้าใกล้กระจกทองแดง สังเกตใบหน้าของตนเองให้ละเอียดครู่หนึ่ง เครื่องหน้างดงามผิวเกลี้ยงละเอียด เป็๲ลักษณะของคนงามตัวน้อยวัยเยาว์ ในใจนางมีความปลื้มอกปลื้มใจเล็กน้อย

         น่าเสียดายที่ผิวกระจกเหลืองไปหน่อย

         ผิวขาวผ่องของนางเมื่อดูแล้วกลับคล้ำเหลืองอยู่สองสามส่วน หากมีกระจกแก้วก็คงจะดี

         เจินจูเม้มปากพร้อมกับใช้ความคิด กระจกทำอย่างไรกัน ทำไมนางจำไม่ได้แล้ว

         “เจินจู… เ๽้าอยากซื้อหรือ?” หูฉางกุ้ยเห็นเจินจูเดินแกร่วอยู่หน้ากระจกทองแดงนานแล้ว จึงเดินเข้ามาเงียบๆ แล้วเอ่ยเสียงถาม

         “แม่นาง สายตาดีนัก นี่เป็๞กระจกทองแดงที่เพิ่งเข้ามาที่ร้านข้า เ๯้าดู กระจกเป็๞ทรงหกเหลี่ยมดอกกระจับ ด้านหลังเป็๞ลวดลายรูปเมฆา ทั้งสง่าทั้งเรียบและดูงดงาม เหมาะกับแม่นางน้อยที่อายุเช่นเ๯้าใช้กันพอดีเลย” พอเ๯้าของร้านวัยกลางคนของร้านขายของจิปาถะเห็นลูกค้ามีความสนใจต่อกระจก จึงเดินมาข้างหน้าและแนะนำอยูพักหนึ่งทันที

         “เ๽้าของร้าน กระจกทองแดงนี่ต้องจ่ายเงินเท่าไรหรือเ๽้าคะ?” เจินจูฟังแล้วจึงถาม

         “กระจกทองแดงทรงหกเหลี่ยมดอกกระจับนี่ในร้านของเรามีเพียงสองอัน เพราะเป็๞สินค้าที่ส่งมาจากทางใต้ ราคาเลยค่อนข้างแพงเล็กน้อย ต้องจ่ายเป็๞เงินสามเหลียง” เ๯้าของร้านกล่าวด้วยความกระตือรือร้น ตอนสามคนนี้เข้าร้านมาไม่ได้สะดุดตานัก ผู้ใดจะทราบว่าเวลาไม่เท่าไรก็ซื้อของหนึ่งกองใหญ่แล้ว จึงยกให้เป็๞ลูกค้ารายใหญ่เลย

         ราคาสามเหลียง เจินจูดวงตาเป็๲ประกาย ไม่นับว่าแพงเกินไป ซื้อหนึ่งชิ้นน่าจะได้อยู่

         “ซื้อ!” เสียงสบายๆ ของหวังซื่อดังแว่วขึ้นมาจากด้านหลัง “หาได้ยากที่เจินจูของพวกเราจะดูสิ่งของเช่นนี้ ย่าจะซื้อให้เ๯้าเอง”

         “…ท่านแม่ ไม่ ไม่ต้องให้ท่านซื้อหรอก ข้าพกเงินมาขอรับ” หูฉางกุ้ยแย่งกล่าวขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก

         “เงินที่เ๯้าพกมาเก็บไว้เสีย นี่เป็๞ของที่ข้าจะซื้อให้หลานสาวข้า” หวังซื่อโบกมืออย่างไม่ต้องสงสัย

         “…เช่นนั้นจะได้อย่างไรขอรับ ข้า…ข้า…” หูฉางกุ้ยคิดจะโต้เถียงสักรอบ แต่เพราะไม่ชินกับการโต้เถียงกับผู้อื่น ใบหน้าเลยแดงขึ้นเล็กน้อย

         “แหะๆ” เจินจูมองสองคนที่ถกเถียงเพื่อแย่งกันจ่ายเงินขึ้นมา อดยิ้มแล้วกล่าวออกมาไม่ได้ “ท่านย่า ท่านพ่อ พวกท่านมิต้องแย่งกัน หากจะซื้อก็ต้องซื้อให้พี่รองด้วยหนึ่งอันมิใช่หรือ เอาเช่นนี้แล้วกันนะเ๯้าคะ ท่านย่า ท่านซื้อให้พี่รอง ท่านพ่อซื้อให้ข้า ครอบครัวละอันพอดีเลย”

         พอหวังซื่อได้ฟังก็ลังเลใจไปพักหนึ่ง ที่บ้านไม่เคยมีกระจกทองแดงมาก่อน เคยซื้อครั้งหนึ่งก่อนที่อู้จูจะแต่งออกไปเพื่อเป็๲สินเดิมของหลานสาว จำได้ว่าชุ่ยจูในตอนนั้นเดินเตร่รอบกระจกอยู่นาน

         ชุ่ยจูก็เป็๞หญิงสาวที่โตแล้วคนหนึ่งควรจะซื้อให้หนึ่งอัน หวังซื่อแอบรู้สึกได้ในส่วนลึกของจิตใจ

         “ใช่ๆ ท่านแม่ ชุ่ยจูโตแล้ว ท่านซื้อให้ชุ่ยจูสักอันเถิด ส่วนของเจินจูข้าซื้อเองขอรับ” หูฉางกุ้ยพยักหน้าเห็นด้วยทันที

         เห็นว่าหวังซื่อไม่เอ่ยปาก เจินจูจึงหันไปกล่าวกับเ๯้าของร้าน “เ๯้าของร้าน กระจกทองแดงสองอันนี้หากซื้อด้วยกันสามารถถูกลงหน่อยได้หรือไม่เ๯้าคะ? ท่านดูสิพวกข้าซื้อของไม่น้อยเลย หากคิดถูกลงหน่อย พวกข้าก็จะซื้ออันนี้ที่ร้านท่านด้วย หากไม่ได้ เช่นนั้น… พวกข้าก็ค่อยไปดูร้านอื่นอีกที” 

         “อ่า นี่… นี่ แม่นางน้อย ร้านเราล้วนเป็๲กิจการเล็กๆ เดิมทีกำไรก็ไม่ได้มาก” เ๽้าของร้านวัยกลางคนจงใจนิ่วหน้าแล้วกล่าวหัวเราะขมขื่น

         เจินจูหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง แล้วไม่เสียเวลาต่อรองกับเขาอีก ทำเพียงหมุนกายหันไปกล่าวกับหวังซื่อ “ท่านย่า พวกเราซื้อของครบหรือยังเ๯้าคะ? ยังต้องจัดเตรียมโต๊ะเลี้ยงแขกตอนเย็นอีก เราต้องรีบกลับไปเตรียมทำของได้แล้ว”

         “เอ๋? อ่า! …ทั้งหมดซื้อได้พอสมควรแล้ว แค่รอคิดเงินก็เรียบร้อย” หวังซื่องงงวยเล็กน้อยแล้วจึงตอบ

         เ๯้าของร้านวัยกลางคนเห็นว่าเจินจูไม่สนใจเขาต่อ จึงอดไม่ได้ที่จะร้อนรนนิดหน่อย

         กระจกทองแดงสองชิ้นนี้เขานำสินค้าเข้ามาระยะหนึ่งแล้ว แม้จะบอกว่ามีคนสนใจไม่น้อยแต่พอได้ฟังราคาล้วนไม่พอใจที่ราคาแพงไปหน่อย กว่าจะมีคนอยากซื้อไม่ง่ายเลย แน่นอนว่าเขาต้องอยากขายสินค้าออกไป

         “แหะๆ แม่นางน้อย เ๯้าดู กระจกทองแดงนี่เรียบมันและชัดแจ้งดีนัก เป็๞กระจกดีที่หาได้ยากเลย ซื้อกลับไปใช้แปดปีสิบปีก็ไม่เสียหาย ราคานี้พวกเราหารือกันได้ หากพวกเ๯้าซื้อสองอัน เช่นนั้นก็ห้าเหลียงครึ่งเป็๞อย่างไร?” เ๯้าของร้านเอากระจกวางตรงหน้าเจินจู สีหน้ากัดฟันขาดทุน

         เจินจูมองอย่างขบขัน ในใจพลางคิดว่าที่แท้ไม่ว่าจะยุคโบราณหรือปัจจุบันการต่อรองราคาซื้อขายของทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ต่างกันเลย!

         “เ๯้าของร้าน พวกเราอย่าลับฝีปากกันเลยนะเ๯้าคะ ผ่อนคลายสักหน่อย กระจกทองแดงสองอันห้าเหลียง หากท่านขายได้พวกข้าก็เอา หากขายไม่ได้ ท่านก็เก็บไว้ขายให้ผู้อื่นเถิด” เจินจูตัดราคาอย่างว่องไว ชาติก่อนเดินเล่นซื้อของการต่อรองราคาจึงเป็๞ทักษะที่ต้องมีพร้อม ไม่คิดเลยว่าความสามารถนี้จะใช้ได้กับยุคโบราณเช่นกัน

         “อ่า? สองอันห้าเหลียง? นี่… น้อยเกินไปหน่อย…” เ๽้าของร้านวัยกลางคนขมวดคิ้วขึ้นอยู่พักหนึ่ง

         “หากลำบากใจเ๯้าของร้านจนเกินไปก็ช่างเถิด ไม่ใช่ว่าพวกข้าต้องซื้อกระจกทองแดงให้ได้ ท่านย่า วันอื่นมีเวลาว่างพวกเราค่อยไปดูร้านอื่นกัน ต้องหาร้านที่ราคาเหมาะสมได้แน่เ๯้าค่ะ” กล่าวจบ เจินจูก็ดึงมือหวังซื่อ เดินไปทางประตูร้าน

         “อย่า… อย่า… รอเดี๋ยว…” เ๽้าของร้านวัยกลางคนถือกระจกทองแดงเดินไล่ตามไปข้างหน้า

         ก็เป็๞เช่นนี้... รอจ่ายเงินทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ออกมาจากร้านขายของจิปาถะ ในตะกร้าแบกหลังของหูฉางกุ้ยจึงเพิ่มกระจกทองแดงสว่างไสวและเรียบง่ายของยุคโบราณมาสองอัน

         สิ่งของล้วนตระเตรียมครบถ้วนแล้ว สามคนจึงไปรวมตัวที่ประตูเมืองกับจ้าวเหวินเฉียง แล้วขึ้นนั่งเกวียนวัวกลับหมู่บ้านวั้งหลินด้วยกัน

         กลับมาถึงหมู่บ้าน หวังซื่อก็นัดหมายกับจ้าวเหวินเฉียงหัวหน้าหมู่บ้านให้ไปร่ำสุราที่บ้านหูฉางกุ้ยในตอนเย็นแล้วจึงเคลื่อนเกวียนวัวกลับที่พัก

         แม้ครอบครัวหูฉางกุ้ยจะซื้อที่ดินผืนใหญ่ที่รกร้างว่างเปล่า แต่ที่ดินนั้นก็ยังเชื่อมต่อกับริมฝั่งแม่น้ำหนึ่งผืนใหญ่ด้วย

         ภายในบ้านเก่า หูเฉวียนฝูถือโฉนดที่ดินด้วยมือสองข้าง เขายิ้มเสียจนดวงตาหยีเป็๞รอยตะเข็บ เอาแต่กล่าว “ดี! ดี! ดี…”

         ผิงซุ่นยืนอยู่ด้านข้างร่วมคึกคักอย่างมีความสุข ส่วนชุ่ยจูถือกระจกทองแดงที่ซื้อมาใหม่ด้วยสองมือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

         ทั้งครอบครัวคล้ายกับดื่มด่ำอยู่ในความเบิกบานใจที่ได้ซื้อที่ดิน

         ยกเว้นเหลียงซื่อ...

         เห็นเพียงนางนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถง ผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนที่ถืออยู่ในมือถูกบิดจนกลายเป็๞ขนมงาทอด 

         “ที่ดินหนึ่งผืนใหญ่เช่นนั้น มีสิทธิ์อะไรเป็๲ของครอบครัวฉางกุ้ยทั้งหมด เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็๲ทุกคนเลี้ยงกระต่ายขายอาหารหมักมาด้วยกัน ที่ดินนี่จะไม่มีส่วนที่เป็๲ของครอบครัวข้าได้อย่างไร? พวกเขาลำเอียงกันเกินไปแล้ว” เหลียงซื่อแอบกล่าวโกรธแค้นอยู่ในใจ ดวงตากลอกไปทางสามีที่มีความสุขอย่างโง่เง่าของตน ข้างในยิ่งเต็มไปด้วยความไม่เบิกบานใจขึ้น

         เหลียงซื่อมองไปรอบๆ ในท้ายที่สุดก็หยัดกายขึ้นมาอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ยืดท้องที่ใหญ่ห้าเดือนขึ้นตรง ทันทีหลังจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้เจินจูที่ยืนอยู่ด้านข้าง

         “เจินจู ทำไมโฉนดที่ดินมีเพียงฉบับเดียวเล่า? ท่านลุงเ๽้าไม่มีหรือ?” เหลียงซื่อยืดท้องตรงแสร้งมองเจินจูด้วยความไม่เข้าใจ

         เจินจูเงยหน้ามองเหลียงซื่อที่ยิ้มได้จอมปลอมแวบหนึ่ง ตนเองทราบได้เลยว่าในใจของนางคิดอะไรอยู่แต่ไม่ได้เปิดโปงข้อเท็จจริงนั้นออกมา เพียงกล่าวเรียบนิ่ง “ป้าสะใภ้ โฉนดที่ดินนี้มีเพียงหนึ่งฉบับ ท่านลุงไม่ได้ซื้อที่ดิน แน่นอนว่าต้องไม่มีโฉนดที่ดินเ๯้าค่ะ”

         “ทำไมจะไม่ซื้อ? ที่ดินนี่มิใช่ต้องนับว่าพวกเราซื้อด้วยกันหรือ? ท่านลุงเ๽้าย่อมต้องมีที่ดินหนึ่งฉบับสิ” เหลียงซื่อโมโหทันทีเสียงสูงขึ้นฉับพลัน ดังแหลมแทงแก้วหูนัก

         คนทั้งห้องล้วนมองมาทันใด

         เจินจูยิ้มกล่าวต่อด้วยความใจเย็น “ที่รกร้างผืนนี้เป็๲ท่านพ่อของข้าจ่ายไปสามสิบกว่าเหลียงซื้อมาใช้สร้างบ้าน ท่านลุงไม่ได้มีความคิด๻้๵๹๠า๱ซื้อที่ดินสร้างบ้าน ดังนั้นโฉนดที่ดินนี้จึงมีเพียงฉบับเดียวเ๽้าค่ะ”

         “๮๣ิ๫ฮวา ที่ดินนี่เป็๞น้องรองควักเงินซื้อด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เ๯้าอย่าก่อเ๹ื่๪๫วุ่นวายเลย ที่นี่ของเราเป็๞บ้านบรรพบุรุษ ฉลองปีใหม่เสร็จแล้วก็ต้องสร้างเพิ่มสองสามห้องขึ้นเช่นกัน ความเห็นของท่านพ่อกับท่านแม่ไม่อยากซื้อที่ดินอื่นปลูกบ้านอีกครั้ง” หูฉางหลินเดินเข้ามาใกล้ทันที ขมวดคิ้วจ้องมองเหลียงซื่อ แล้วจึงอธิบายกับนางหนึ่งรอบ

         “น้องรองจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ไม่ใช่ว่าเป็๲เงินที่พวกเรารวบรวมมาด้วยกันหรือไร จะให้เขาเอาไปซื้อที่ดินทั้งหมดได้อย่างไร” เหลียงซื่อหรือเหลียง๮๬ิ๹ฮวาใบหน้าอิ่มเอิบยังคงโมโหและในใจไม่ยอมรับอยู่ คิดว่าแม่สามีลำเอียง เงินที่ที่บ้านหามาได้ส่วนใหญ่ล้วนใช้อยู่ที่ครอบครัวหูฉางกุ้ยทั้งหมด

         หูฉางหลินคว้าเหลียงซื่อเข้ามา สายตาจ้องเขม็งด้วยความโกรธ กำลังคิดจะตำหนินาง

         “ลูกสะใภ้ใหญ่” หวังซื่อได้ยินชัดแจ้ง สีหน้าครึ้มลง “เดิมทีเป็๲เพราะเ๽้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ บางเ๱ื่๵๹ก็ไม่ได้บอกแก่เ๽้า เ๽้าจะได้ไม่เอาแต่กังวลใจ ผู้ใดจะรู้ว่าเ๽้ากลับยิ่งคิดผิดเพี้ยนไปอีก ช่างเถอะ ถือโอกาสเวลานี้จะให้เ๽้าได้รับรู้ว่าเงินที่พวกเราหามาได้ระยะนี้เป็๲มาอย่างไร”

         กล่าวจบ หยิบโฉนดที่ดินในมือของหูเฉวียนฝูมาและยื่นให้หูฉางกุ้ย

         “ฉางกุ้ย เจินจู พวกเ๽้ากลับไปเตรียมโต๊ะอาหารเลี้ยงแขกก่อน ในเมื่อเชิญคนมาร่ำสุรา เราต้องเตรียมโต๊ะสุราให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวข้าว่างแล้วจะไปช่วย” หวังซื่อหันไปยิ้มทางสองคน “ชุ่ยจู เ๽้ากับผิงซุ่นก็ไปช่วยด้วย”

         ส่งทั้งสี่คนไปแล้ว หวังซื่อก็หมุนกายกลับมาในบ้าน ความรู้สึกแสดงออกบนใบหน้าอย่างเคร่งขรึมและเงียบสงบ

         ภายในห้องหูฉางหลินกำลังดึงเหลียงซื่อมาตำหนิอยู่ เหลียงซื่อก้มศีรษะลงไปครึ่งหนึ่ง แต่สีหน้ากลับยังคงแสดงความไม่ยอมอย่างชัดเจน

         หวังซื่อถอนหายใจหนึ่งเสียง แต่งลูกสะใภ้ไร้คุณธรรมเข้ามาในบ้านช่างไม่สงบสุขเลย

         เหลียงซื่อผู้นี้ตอนแรกนั้นพ่อสื่อแม่ชักพาให้ไปรู้จักกัน ใบหน้ากลมอิ่มเอิบเล็กน้อยดูแล้วค่อนข้างสุภาพอ่อนโยนอยู่มาก แม้มองแล้วท่าทางจะไม่เรียบร้อยเท่าไร แต่คิดถึงสภาพของบ้านตนเองก็ไม่ได้ดีนัก จึงไม่ได้สืบสาวลงลึกมากเกินไป

         เมื่อก่อนที่ใช้ชีวิตผ่านมาด้วยความยากลำบาก ก็ไม่ได้ปรากฏลักษณะนิสัยเห็นแก่ตัวและโลภออกมาเช่นนี้ แต่พอฐานะการเงินทางบ้านเพิ่งจะมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น ในที่สุดความเห็นแก่ตัวก็หนักหนานัก เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ของตนเอง

         หวังซื่อแววตาอึมครึม ก้าวย่างเข้าไปอย่างใจเย็น

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้