วันนี้หวังก่วงผิงกลับบ้านช้าเป็พิเศษ
ที่ทำงานไม่มีอะไรให้ต้องสะสาง เขาแค่ยังไม่อยากกลับไปเท่านั้น
แต่เพราะทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาถึงขี่จักรยานกลับบ้าน พอกลับมาถึงเขาก็พบว่าคืนนี้หวังเจี้ยนหัวอยู่บ้าน แต่เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้ตามมาด้วย ตอนนี้หวังก่วงผิงเห็นคนแซ่เซี่ยแล้วรู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน ดังนั้นการที่เธอไม่มาบ้านหวังจะเป็เื่ที่ดีที่สุด
หร่านซูอวี้ห่อเกี๊ยวเอาไว้ สองแม่ลูกกำลังรอหวังก่วงผิงมากินข้าวด้วยกัน
“ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้ วันนี้ต้องทำงานล่วงเวลาหรือ ถ้ากลับมาช้ากว่านี้เกี๊ยวคงเย็นหมดแล้ว”
วันนี้ไม่ใช่วันแข่งภาษาอังกฤษอะไรนั่นหรืออย่างไรกัน พอหร่านซูอวี้คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้า ซึ่งก็เท่ากับตระกูลโจวต้องเสียหน้าไปด้วย เธอก็รู้สึกดีใจจนตัวสั่น ตระกูลหวังสร้างภาพลักษณ์ประหยัดมัธยัสถ์ต่อหน้าผู้อื่น แต่วันนี้หร่านซูอวี้ไม่อยากประหยัดเงินอีกต่อไปแล้ว เธอซื้อเนื้อหมูมาถึงหนึ่งกิโลกรัมในคราวเดียว ใช้มันทำเป็ไส้เพื่อห่อเกี๊ยวหมูลูกใหญ่สำหรับเฉลิมฉลอง
ไส้ที่มีแต่เนื้อไม่ผสมผักถึงจะควรค่าแก่การเรียกว่า ‘เกี๊ยวไส้หมู’
หวังก่วงผิงได้เงินเดือนเดือนละสองร้อยกว่าหยวน แน่นอนว่าตระกูลหวังไม่ได้จนขนาดนั้น ทว่าหร่านซูอวี้ยังคงฝังใจกับสมัยอยู่ที่ไร่ ตอนนี้เธอจึงมีนิสัยชอบเก็บออมเงิน
เธอมีความคิดตรงกับหวังก่วงผิงที่้าให้คนที่บ้านสร้างภาพลักษณ์กินอยู่อย่างเรียบง่าย คุณภาพชีวิตของตระกูลหวังอยู่ในระดับธรรมดา คนที่น่าสงสารกลับเป็ลูกชายข้าราชการอย่างหวังเจี้ยนหัวที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เมื่อก่อนเซี่ยจื่ออวี้ให้เงินเขาเพิ่ม แต่หลังจากหวังก่วงผิงกลับมารับตำแหน่ง ชั้นเรียนกวดวิชาของเซี่ยจื่ออวี้ก็ขาดทุนย่อยยับ ทำให้เธอค่อนข้างเคร่งกับเื่เงินๆ ทองๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ให้เงินหวังเจี้ยนหัวเพิ่มอีกแล้ว
กลิ่นหอมของแป้งและไส้เกี๊ยวโชยเข้าจมูก แต่หวังเจี้ยนหัวกลับรู้สึกได้ว่าพ่อของตนอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
ก็จริง ให้พ่อของเขาไปทำเื่แบบนั้น ต้องลดเกียรติตัวเองไปรังแกผู้ต่ำต้อยกว่า ใครเล่าที่จะดีใจ!
“พ่อ คงเหนื่อยสินะครับ นั่งก่อนสิครับ”
หวังก่วงผิงทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ หร่านซูอวี้ยกเกี๊ยวที่กำลังอุ่นร้อนขึ้นเตรียมวางบนโต๊ะ
“กินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน!”
“พวกเธอคงอยากรู้เื่การแข่งขันภาษาอังกฤษวันนี้สินะ วันนี้เซี่ยเสี่ยวหลาน... ได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ เธอได้คะแนนเป็อันดับหนึ่ง”
หร่านซูอวี้มือสั่นจนเกี๊ยวในจานหล่นลงพื้นไปครึ่งหนึ่ง “ก่วงผิง คุณว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ได้ที่หนึ่ง!”
“เป็ไปได้อย่างไร ไหนคุณบอกว่า...”
บ้านหลังนี้เก็บเสียงได้ไม่ดีนัก หร่านซูอวี้พูดได้แค่ครึ่งเดียวก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเกี๊ยวอีกแล้ว เธอโยนจานลงบนโต๊ะพลางกดเสียงให้เบาลง
“ไหนคุณบอกว่าจะทำให้เธอไม่ได้รางวัลไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเธอยังได้ที่หนึ่งอีกล่ะ!”
“เื่บางเื่มันขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต เื่แบบนี้ผมรับประกันได้ที่ไหนกัน”
สิ่งที่เสี่ยวเกาพูดให้ฟัง หวังก่วงผิงไม่อยากเอ่ยทวนซ้ำอีกรอบ จะให้บอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตอบคำถามได้ดีแค่ไหนหรืออย่างไร ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
คิดถึงตรงนี้หวังก่วงผิงก็อดถลึงตาใส่ลูกชายไม่ได้ “ลูกมองคนอย่างไรกัน!”
ถ้าเลือกเซี่ยเสี่ยวหลานจะดีแค่ไหนกันนะ เื่ราวต่างๆ จะวุ่นวายขนาดนี้หรือไม่ ดวงตาเจี้ยนหัวคงมืดบอดถึงได้เลือกเซี่ยจื่ออวี้ ผู้หญิงอย่างเซี่ยจื่ออวี้มีอยู่เต็มปักกิ่ง ไม่ต้องพูดถึงหัวชิงหรือจิงต้า แค่ในวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งนักศึกษาหญิงที่ดีกว่าเซี่ยจื่ออวี้ก็มีถมไป!
หวังเจี้ยนหัวพูดไม่ออก
คนเก่งตั้งมากมายเข้าร่วมการแข่งขันภาษาอังกฤษในครั้งนี้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับสามารถคว้ารางวัลอันดับหนึ่งมาได้ นี่แสดงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเก่งกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
สรุปแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีเื่ปิดบังเขาอีกมากมายแค่ไหนกันแน่
ถ้าตอนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานแสดงสิ่งเหล่านี้ให้เขาเห็น เขาจะทิ้งเธอง่ายๆ ได้อย่างไร
หวังเจี้ยนหัวมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ั้แ่แรกเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้จริงใจอยากคบกับเขา เซี่ยเสี่ยวหลานที่เขารู้จักเป็เพียงสิ่งที่เธออยากแสดงให้เขาเห็นเท่านั้น ภาพลักษณ์ดั่งดอกไม้ประดับที่มีเพียงความสวยงาม นี่คือสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานเล่นละครตบตาเขาเท่านั้นหรือ
หวังเจี้ยนหัวรู้สึกโกรธจัด เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าเขาเป็คนดีแค่เปลือกใช่หรือไม่ ถึงได้เล่นละครทำตัวราวกับเป็เพียงดอกไม้ประดับในแจกันเช่นนั้น
หร่านซูอวี้รู้สึกกังวลใจ
“ถ้าอย่างนั้นเื่นี้จะทำให้คุณเดือดร้อนหรือเปล่า”
สิ่งที่หวังก่วงผิงกำลังกลุ้มใจก็คือเื่นี้
ถ้าเื่นี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นดี ตอนนี้เขาคงเริ่มทำตามแผนการต่อไปแล้ว
ทว่าพอล้มเหลวั้แ่แผนแรกจะให้เขาก้าวต่อไปได้อย่างไรไหว
หวังก่วงผิงไม่รู้ตัวเลยว่า ความคิดของเขาได้ถูกคนอื่นวิเคราะห์เอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็ใครก็ย่อมกลัวถูกผู้อื่นทำการขุดคุ้ย ขอเพียงทุกคนเปิดอกคุยกัน บอกเล่าข้อมูลที่ตนรู้มาอย่างเปิดเผย รวมตัวกันเอาเื่จริงมากองไว้ตรงหน้า แผนการชั่วร้ายทั้งหมดก็จะถูกเปิดโปงให้เห็นอย่างชัดเจน
หลายปีที่หวังก่วงผิงอยู่ที่ไร่ทำให้เขากลายเป็คนเอาความคิดตัวเองเป็ใหญ่ คิดว่าคนที่เคยผ่านยุคสมัยแห่งความวุ่นวายมาจะระมัดระวังตัวกันเป็พิเศษ แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าคนที่ผ่าน่เวลาอันไม่สงบมาได้อย่างศาสตราจารย์สวีจะเป็คนไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น อีกทั้งเขายัง้าพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ด้วยเหตุนี้แผนการของหวังก่วงผิงจึงไม่สัมฤทธิ์ผล
“ไม่เป็ไร ถ้ามีใครมาถาม คุณก็บอกว่าแค่เป็ห่วงเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น แม้จะเป็ญาติห่างกันแค่ไหนอย่างไรก็คือญาติ ไหนจะมีเซี่ยจื่ออวี้ อย่างไรก็สามารถใช้เป็ข้ออ้างได้”
ถ้าจะหาใครมารับผิดแทน คนแรกที่หร่านซูอวี้คิดถึงก็คือเซี่ยจื่ออวี้
เซี่ยจื่ออวี้รักหวังเจี้ยนหัวเสียขนาดนั้น ทุ่มเทอะไรให้ตั้งมากมาย ยอมเสียสละอีกสักครั้งคงไม่เป็ไรสินะ?
หายากที่หวังเจี้ยนหัวจะคัดค้าน เขาแค่อ้าปากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
มนุษย์เราเป็เช่นนี้ เสียสละเพื่อหวังเจี้ยนหัวครั้งแรก เขายังพอรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่พอเสียสละครั้งที่สองความซาบซึ้งอย่างไรก็คงไม่มากเท่าเดิม และพอเกิดเื่หลายครั้งเข้า หวังเจี้ยนหัวก็จะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็เื่สมควรแล้ว
ความอยุติธรรมที่เซี่ยจื่ออวี้ได้รับในตอนนี้ อนาคตเขาจะชดเชยให้อย่างแน่นอน
“พ่อ พ่ออย่ากังวลมากไปเลยครับ ถ้าตระกูลโจวมาถามก็ยิ่งดีน่ะสิ หลังรู้อดีตของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วพวกเขาคงเลิกปกป้องเธออย่างแน่นอน”
มีผู้ชายคนไหนอยากถูกสวมเขาบ้าง
หวังเจี้ยนหัวคิดว่าตนเป็ฝ่ายที่ไม่้าเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้แต่พวกนักเลงในชนบทยังแตะต้องเธอได้ หากโจวเฉิงรู้เื่พวกนี้แล้วจะไม่รู้สึกขายหน้าบ้างเลยหรือ ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานยุยงตระกูลโจวก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายกับเธอก็แล้วกัน
หวังก่วงผิงแค่นหัวเราะ
“ถ้าเมื่อก่อนลูกเด็ดขาดแบบนี้ ตอนนี้ก็คงไม่เดือดร้อน”
—-------------------------------------------------
หวังก่วงผิงนึกว่ามีคน้าทะเลาะกับเขา ทว่าความจริงแล้วไม่มีใครคิดเช่นนั้นแม้แต่คนเดียว
รองหัวหน้าถังไม่มีวันทะเลาะกับเขา ย่าโจวที่กลับบ้านพร้อมโทสะก็ยิ่งไม่มีทางหาเื่ทะเลาะกับคนรุ่นหลัง
ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่ามากมิใช่หรือ?
ย่าโจวกลับบ้านมาก็เล่าเื่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบบใส่สีตีไข่เพิ่มให้คุณปู่โจวฟัง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าหวังก่วงผิงคนนี้เป็คนชั่วร้ายมากแค่ไหน คุณปู่โจวได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น “คนแบบนี้ทำไมถึงส่งให้ไปทำงานในระบบการศึกษาได้นะ”
กระทรวงศึกษาธิการคือหน่วยงานที่ไม่มีผลประโยชน์ให้ตักตวง
หากดูจากระดับเงินเดือนและสวัสดิการแล้ว กระทรวงศึกษาธิการสู้กระทรวงไปรษณีย์โทรเลขไม่ได้ และไม่หรูหรามีหน้ามีตาเหมือนกระทรวงการต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ
แต่การศึกษาคือรากฐานของประเทศชาติ ปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลาสิบปี จะสร้างคนสักคนย่อมต้องใช้เวลาเป็ร้อยปี หากไม่ลงทุนกับการศึกษาเป็เวลาหลายสิบปี บุคลากรของประเทศทุกแขนงก็จะขาด่ส่งต่อ! คุณปู่โจวคิดว่าการศึกษาเป็สิ่งที่สำคัญมาก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตระกูลโจวถึงชื่นชอบเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กเรียนดี เหมาะสมกับความคาดหวังของตระกูลโจว
ไม่ใช่เพียงเพราะหวังก่วงผิง้าทำลายเซี่ยเสี่ยวหลานคุณปู่โจวถึงได้ขมวดคิ้วเช่นนี้ แต่เป็เพราะหลายๆ เื่ที่คุณย่าโจวเล่ามา ทั้งชั้นเรียนกวดวิชา ทั้งหาเื่นักธุรกิจฮ่องกงที่มาบริจาคทุนการศึกษา ตอนนี้ยังใช้การแข่งขันภาษาอังกฤษเป็เครื่องมือบ่อนทำลายเพื่อนร่วมงานอีก... ทั้งที่ถูกส่งให้ไปเป็รองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษายังไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ พฤติกรรมของหวังก่วงผิงทำให้คุณปู่โจวหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ
แม้เขาจะเกษียณแล้วแต่ก็ยังคงเป็ห่วงประเทศชาติ
หากการแต่งตั้งตำแหน่งของฝ่ายบริหารมีข้อบกพร่อง สหายนักปฏิวัติเก่าของคุณปู่โจวคิดว่าตนมีหน้าที่ต้องเตือนเบื้องบนให้รับรู้ถึงข้อผิดพลาดนี้ เพื่อที่จะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
นี่ไม่เกี่ยวกับความแค้นส่วนตัว ทว่ามันคือความรับผิดชอบต่อสังคมของชายชรา