อวิ๋นซีพาบรรดาฮูหยินทั้งหลายเดินไปหยุดอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลจากศาลาแห่งนั้นมากนัก ขณะเดียวกันนั้นเมื่อได้เห็นคนทั้งสองกำลังรีบเร่งสวมใส่อาภรณ์ สีหน้าของจวินเหยียนก็เขียวคล้ำ ก่อนจะะโด้วยความโกรธเกรี้ยว “บังอาจ! พวกเ้าทั้งสองไม่เห็นเปิ่นหวางและพระชายาอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็แผนของสตรีตัวน้อยของตน ทว่า เมื่อได้เห็นกับตาว่าสองคนนี้สร้างมลทินให้กับพื้นที่ส่วนตัวของเขาเช่นไร ก็อดไม่ได้ให้โกรธมากอยู่ดี
อวิ๋นซีดึงข้อมือจวินเหยียนไว้แล้วจึงเสนอแนะ “ให้หยวนอวี่เสี้ยนจู่และชิวิซื่อจื่อสวมใส่อาภรณ์ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยให้ไปคุยกันที่เรือนรับรองใหญ่เถิด” เมื่อพูดจบ นางก็หันไปพูดกับบรรดาฮูหยินและคุณหนูที่ยืนอยู่ด้านหลัง “เื่ในวันนี้เราต้องขออภัยเป็อย่างยิ่ง ไว้วันหน้าข้าจะเชิญทุกท่านมาที่จวนอ๋องเราอีก”
จุดประสงค์ของนางแม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ก็รู้โดยทั่วกันว่า ถึงเวลาที่แเื่จะพากันกลับจวนตนได้แล้วนั่นเอง
บรรดาฮูหยินทั้งหลายล้วนเข้าใจดี เมื่อเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ในใจของอวิ๋นซีก็คงไม่ได้รู้สึกดีนัก ดังนั้น หากพวกนางจะยังรั้งอยู่ต่อก็ใช่เื่ จึงได้แต่ถวายบังคับลา ส่วนอวิ๋นซีก็สั่งให้คนส่งแขกกลับจวน
ณ เรือนรับรองใหญ่ หยวนอวี่กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ด้านหนึ่งด้วยท่าทางที่บ่งชัดว่า อย่าให้พูดเลยว่าตัวนางปวดใจเพียงไร “ขอพระชายาและท่านอ๋องช่วยออกหน้าให้หยวนอวี่ด้วยเพคะ หยวนอวี่ หยวนอวี่...” เมื่อพูดจบ นางก็ร้องต่ออีกยกหนึ่งราวกับได้พบเจอกับเื่ที่น่าน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุดก็มิปาน
หยวนอวี่ปิดซ่อนใบหน้าตนพลางคิดในใจไปว่า เหตุใดวันนี้ตนเองถึงได้บ้าคลั่งเพียงนั้น สามารถกระทำเื่นั้นกับชิวิในศาลานั่นได้ ไม่รู้ด้วยเหตุใด เพียงแต่ได้เห็นชิวิเข้ามาใกล้ ความคิดความอ่านพลันพร่าเลือน อีกทั้งใจยังวู่วามคิดเพียงอยากจะมอบร่างกายให้เขาอย่างที่แทบจะอดรนทนไม่ไหว
แท้จริงแล้วในตอนนั้นนางมีสติดีมาก ทั้งยังรู้ด้วยว่าสถานที่แห่งนั้นเป็ด้านนอก ทว่า อีกใจหนึ่งกลับให้รู้สึกตื่นเต้นนัก และคิดเพียงว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้ใจนางได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คิดๆ แล้ว บางทีตนอาจจะเป็บ้าไปแล้วก็ได้ ถึงได้ไปหลงใหลในรสััอันแ่เบาของชิวิ ขอแค่เขาััตัวนาง ความตื่นเต้นผิดธรรมดาก็เอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ
ชิวิคุกเข่าอยู่ตรงกลางเรือนพลางมองไปยังอวิ๋นซีและจวินเหยียนที่อยู่บนพื้นยก ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง พระชายา องค์ชายสี่ เื่นี้เป็กระหม่อมเองที่ทำไม่ถูก ดังนั้น กระหม่อมยินดีรับผิดชอบเื่ที่เกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
จวินเหยียนแค่นเสียงเ็า “หยวนอวี่รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาพักรักษาตัวที่หานโจว แต่เ้ากลับทำเช่นนี้ต่อนาง ด้วยเื่นี้เ้าจะให้เปิ่นหวางทูลฝ่าาเช่นไร”
“ทันทีที่กระหม่อมกลับไปถึงเมืองหลวง จักไปขอขมาต่อฝ่าาและหยวนจวิ้นอ๋องด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ” ชิวิขบคิด ไม่ว่าอย่างไร ตนก็ต้องแต่งหยวนอวี่เข้าตระกูล ถึงกระนั้นการแต่งกับหยวนอวี่ก็ถือเป็เื่ที่เขาคิดฝันมาโดยตลอด
ด้วยเื่นี้อวิ๋นซีพูดอะไรไม่ได้มากนัก นางจึงทำเพียงหันไปพูดกับจวินเหยียน “เื่นี้ เราจำต้องชี้แจงเป็ลายลักษณ์อักษรส่งไปยังเมืองหลวงให้ฝ่าา ทว่าอย่างไรท่านหนึ่งก็เป็ซื่อจื่อแห่งจวนโหว ส่วนอีกท่านคือเสี้ยนจู่แห่งจวนจวิ้นอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าฝ่าาคงไม่ตรัสอันใดมาก”
“ถูกต้อง เื่นี้ เปิ่นหวางจะเขียนพระราชสาสน์ทูลความจริงต่อเสด็จพ่อ ส่วนพวกเ้า ก็รีบเก็บข้าวของและเตรียมตัวกลับเมืองหลวงเถอะ” เมื่อพูดจบ จวินเหยียนก็หันไปพูดกับเซียงเอ๋อร์ “เซียงเอ๋อร์ เ้าจงไปอยู่ดูแลหยวนอวี่เสี้ยนจู่ด้วยตนเอง”
เมื่อหยวนอวี่ได้ยิน สีหน้าก็ซีดขาว นี่คนกำลังจะจับตาดูนาง
จวินเหยียนลากอวิ๋นซีเดินออกไป และตอนที่กลับไปถึงสวนชิงเฟิง อวิ๋นซีก็แย้มยิ้มแล้วกล่าวกับอีกฝ่าย “มิคาดท่านอ๋องจะมีพร์ในการแสดง”
จวินเหยียนมองนาง ถามเสียงเบา “ตกลงว่าเ้าเล่นตุกติกอะไรกันแน่ ทำไมพวกเขาถึงกับคนใบ้กินอึ่งโน้ย [1] พูดอันใดไม่ออกทั้งสิ้น แม้แต่จะโต้กลับว่าถูกใส่ร้ายก็ยังทำไม่ได้”
“เมื่อหลายปีก่อนข้าเคยช่วยสตรีชาวหนานเจียงผู้หนึ่งไว้ ในตอนหลังนางได้มอบกู่ [2] ยวนยาง [3] คู่หนึ่งให้ข้า ทั้งยังบอกว่า ในวันหน้าหากข้าได้เจอกับชายผู้เป็ที่รักก็จงนำกู่นี่ใส่ให้ชายผู้นั้น เพราะหากทำเช่นนั้นแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติชายผู้นั้นก็จะไม่มองผู้ใดอีกเลย จะต้องรักข้าอย่างหมดจิตหมดใจ ข้ารู้สึกว่ากู่ยวนยางนี่เป็ของที่น่าสนุกยิ่ง จึงได้เก็บไว้จนถึงทุกวันนี้” อวิ๋นซีพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย เพราะแท้จริงแล้วคนที่ช่วยสตรีชาวหนานเจียงผู้นั้นก็คือเ้าของร่างเดิม หาใช่นาง เฉียวอวิ๋นซี อีกทั้ง คนยังสนิทสนมกับสตรีต่างถิ่นผู้นั้นอยู่่หนึ่งจนได้ร่ำเรียนวิธีเลี้ยงกู่ และทำยาพิษ
เื่เหล่านี้อวิ๋นซานล้วนไม่ทราบ และคิดมาตลอดว่า บุตรสาวตนมีพร์ยิ่งเฉพาะในด้านวิชาแพทย์ ซึ่งความจริงนางยังเก่งกาจในด้านวิชาพิษด้วย
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็มีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มขณะจดจ้องไปยังใบหน้านาง “เหตุใดมีของดีเพียงนี้ถึงไม่ใส่ไว้ในตัวเปิ่นหวางบ้าง เ้าจักได้ไม่ต้องกังวลว่าเปิ่นหวางจะหักหลัง คืนคำ ทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าสักวันเปิ่นหวางจะทำผิดต่อเ้า”
ถ้อยคำนั้นทำเอาอวิ๋นซีถึงกับนึ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใช่แล้ว เหตุใดตอนแรกนางถึงไม่เคยคิดจะนำกู่ไปใส่ไว้ในตัวของจวินเหยียนกันนะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็ตัวสั่น จากนั้นก็ส่ายหน้าระรัวแล้วจึงกล่าวตอบ “ของเช่นนั้น ข้าไม่เคยคิดจะใช้กับตนเอง ดังนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวท่านเลย จวินเหยียน หากข้าจำเป็ต้องใช้ของเช่นนี้มาสยบให้ชายผู้หนึ่งรักข้า เช่นนั้นข้ายอมให้ทั้งชาตินี้ท่านไม่รักข้าเสียยังจะดีกว่า เพราะความรักที่หลอกลวงตนเองและผู้อื่นนั้น ข้าไม่้า”
เมื่อจวินเหยียนได้ฟังแล้วก็กอดนางแน่น พูดเสียงเบา “อาซี ต่อให้ไม่มีของเช่นนั้น ข้าก็มิใช่คนที่ได้ใหม่แล้วลืมเก่า” เพราะว่า ข้าได้โดนกู่ของเ้าไปแล้ว ชีวิตนี้มีเพียงเ้าที่ถอนพิษได้ ส่วนคนอื่นๆ ข้าล้วนไม่เสียดาย และไม่้า
อวิ๋นซีมองเขา ถอนใจเบาๆ “จวินเหยียน ท่านอย่าได้บังคับข้าให้มากเกินไปนักเลย เพราะข้าในตอนนี้ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของท่านได้” เพราะข้ากังวล หากวันหนึ่งถลำลึกลงไปในความอ่อนโยนของท่าน ข้าจะหลงลืมความเ็ปในกาลก่อน จะหลงลืมความแค้นในกาลก่อน
จวินเหยียนพยักหน้า “อาซี เ้ารู้เพียงแค่ว่า ชาตินี้ ขอแค่เ้า้าข้า ข้าก็จะอยู่ข้างกายเ้าเสมอ ไม่จากไปไหน นอกเสียจากวันที่ข้าหยุดลมหายใจไปแล้ว”
ชาตินี้ เขาพูดถึงชาตินี้ อวิ๋นซีเงยหน้ามองเขาอย่างไม่กล้าเชื่อ “ท่าน...” นางนึกอยากจะถามเป็อย่างยิ่ง ตัวท่านคงคาดเดาอะไรออกแล้วกระมัง?
จวินเหยียนจุมพิตริมฝีปากนางเบาๆ จากนั้นจึงพูดเสียงเบา “ไม่ต้องถามอะไร และไม่ต้องพูดอันใดอีก”
อวิ๋นซีอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขาพลางขบคิดถึงคำพูดที่ยากจะคาดเดา ไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูด นี่เขาจะหมายความว่า เขาจะไม่ถามนางเกี่ยวกับเื่ที่ผ่านมา และสิ่งที่เขา้ามากที่สุดก็คือ ไม่้าให้นางฟื้นฝอยหาตะเข็บ พูดเื่ที่ชวนปวดใจในอดีตที่ผ่านมาแล้วเ่าั้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก “จวินเหยียน ข้าจะช่วยท่าน”
เขามองนาง กล่าวตอบเสียงเบา “ข้ารู้”
“จริงสิ ยามนี้ลู่อวี้ฉิงตั้งครรภ์แล้ว” อวิ๋นซีดันอ้อมแขนเขาออกพร้อมๆ กับที่คิดถึงเื่ของฮูหยินลู่ขึ้นมาได้ นางพูดต่อ “ฮูหยินลู่เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ปกตินัก”
“มิใช่ว่าเ้าได้ตั๋วเงินมาหนึ่งหมื่นตำลึงแล้วหรอกหรือ พรุ่งนี้ยามที่กลับบ้านเดิมไปมอบตั๋วเงินให้บิดา ก็ถือโอกาสถามเื่นี้เสียเลยก็ได้นี่” วันนี้ในตอนที่เ้าทาสเงินตัวน้อยของเขาได้รับตั๋วเงินมา คนมิวายยิ้มแย้มจนตาหยี ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
มิคาดนางจะยังเป็คนที่รักเงินมากเพียงนี้
อวิ๋นซีหัวเราะฮี่ฮี่ “ก็จริง ท่านพ่อข้ามักจะบ่นบ่อยๆ ว่า ทุกปีเมื่อเข้าฤดูหนาวแล้ว ชาวบ้านที่นอกเมืองมักจะป่วยไข้ แต่ไม่มีเงินมารักษา ดังนั้น เงินกว่าหมื่นตำลึงนี่จะสามารถช่วยคนได้เยอะทีเดียว”
“ท่านพ่อตาช่างเป็คนดี ทว่า ทุกครั้งที่เขาเจอข้าจักต้องถลึงตาใส่เสมอ หรือว่า ลูกเขยเยี่ยงข้าจะแย่เพียงนั้นเชียวหรือ? ” จวินเหยียนอดพึมพำไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาก็แค่ขู่อีกฝ่ายเพื่อให้ยอมยกลูกสาวมาแต่งให้ตนก็แค่นั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวเขาจักต้องดีต่ออาซีแน่ ดังนั้น คนเป็พ่อก็ควรจะมีความสุขเมื่อได้เห็นบุตรสาวมีชีวิตที่ดี และได้อยู่กินกับคนที่ดูแลเอาใจใส่เป็อย่างดีเช่นเขาถึงจะถูก
อวิ๋นซีมองเขาด้วยสายตาฟ้องร้อง และอดหัวร่อถามกลับไม่ได้ “หากว่าวันหน้าหวานหว่านจักต้องแต่งออก ท่านจะดีต่อลูกเขยของท่านมากเชียวหรือ? ”
“ไม่ได้แน่นอน ไข่มุกเม็ดงามที่ข้าโอบอุ้มอยู่ในฝ่ามือ ใครกล้ามาสู่ขอ ข้าจักซ้อมคนผู้นั้นจนบิดามารดาผู้ให้กำเนิดก็ยังจดจำไม่ได้” เมื่อจวินเหยียนนึกไปว่าวันนั้นจะมาถึง ธิดาสุดรักสุดดวงใจของตนจะต้องกลายไปเป็ภรรยาของชายอื่นก็ให้รู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] คนใบ้กินอึ่งโน้ย(哑巴吃黄连)อุปมาว่ามีความทุกข์ใจ แต่ยากจะพูดออกมาได้
[2] กู่(蛊)เป็พิษที่ได้มาจากสัตว์มีพิษตามความเชื่อทางภาคใต้ของประเทศจีน ทำขึ้นโดยนำสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ (เช่น ตะขาบ งู แมงป่อง) ใส่ลงในภาชนะ แล้วปิดผนึก จากนั้นก็ปล่อยให้สัตว์เ่าั้บริโภคกันเอง และตัวสุดท้ายที่รอดมาได้เพียงหนึ่งเดียวก็มีความเชื่อว่า มีพิษร้ายแรงที่สุด
[3] ยวนยาง(鸳鸯)คือ นกเป็ดน้ำแมนดาริน เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่า นกยวนยาง เป็นกที่มีคู่เดียวไปจนตาย วันใดที่คู่ของมันตายแล้ว มันก็จะครองตัวเป็โสดไปตลอดโดยไม่มีคู่ใหม่ “นกยวนยาง” จึงเป็สัญลักษณ์ของรักเดียวใจเดียว เปรียบกับสามีภรรยาที่มีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวไปจนตายในวัฒนธรรมจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้