ตอนที่อวี๋เคอกลับมาถึงเรือนไม้ก็เห็นซ่งฉียวนกำลังทำอาหารอยู่พอดีควันสีเขียวลอยคลุ้งเป็เกลียวขึ้นมาจากเตา พร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวที่พัดโชยอบอวลอยู่ในอากาศส่วนซ่งฉียวนเองก็ได้สร้างตะแกรงย่างง่ายๆ อันเล็กอันหนึ่งขึ้นมากลางลานว่างไม่ไกลจากเตาก่อนจะนำกระต่ายป่าที่ล่ามาเสียบใส่ไม้ แล้ววางไปบนกระบอกไม้สองท่อนที่มีความสูงเท่ากันจากนั้นก็ใช้พลังปราณควบคุมความร้อนของถ่านส่วนในมือของเขาก็ถือแปรงกำลังทาน้ำมันสีทองลงไปบนเนื้ออยู่เป็ระยะๆจนกระทั่งกระต่ายนั่นถูกย่างจนมีสีทองอร่าม เนื้อย่างส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมาจนทำให้ต้องน้ำลายไหล
เมื่อซ่งฉียวนที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการย่างเนื้อเห็นอวี๋เคอเดินมาหลังจากที่ทาน้ำมันรอบสุดท้ายเสร็จแล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านอาจารย์ไปดื่มเหล้ามาอีกแล้วหรือขอรับ? ”
ตอนนี้ก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว ขณะที่อวี๋เคออยู่ระหว่างเดินทางกลับมานั้นตะวันก็คล้อยลงต่ำสู่หลังูเาแล้วในเวลานี้จึงอาศัยเพียงแสงตะวันยามเย็นโอบอุ้มท้องฟ้าไว้เพื่อไม่ให้มืดมิดก็เท่านั้นอวี๋เคอคิดในใจว่านี่คงไม่ใช่ซ่งฉียวนที่ขี้อายเหมือนอย่างในตอนกลางวันอีกต่อไปเดิมทีตั้งใจว่าจะบอกเื่ที่จะออกเดินทางไปสํานักฉิงชางกับเขาในคืนนี้ แต่ตอนนี้ตัวเขาเองกลับรู้สึกจุกในอกพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ตอนแรกที่ยังไม่พบความผิดปกติอะไรก็ยังสามารถปฏิบัติตัวกับเด็กคนนี้ได้อย่างสบายใจแต่ตอนนี้แม้แต่การสื่อสารปกติก็ยังต้องระมัดระวังเป็พิเศษ ช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ
“ไม่ ไม่ใช่สิ” ซ่งฉียวนขมวดคิ้วเรียวสวยอยู่อย่างนั้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาอวี๋เคออีกหลายก้าว กระทั่งเข้าไปใกล้จนเหลือระยะห่างไม่ถึงหนึ่งก้าวก็หยุดฝีเท้าลงก่อนจะขยับจมูกของเขาไปใกล้กับหน้าอกของอวี๋เคอ และพูดว่า “ท่านไม่ได้ดื่มเหล้าเลยนี่ขอรับหลายวันมานี้ท่านอาจารย์มักออกไปตอนเช้าแล้วกลับเอาตอนค่ำเสมอ เมื่อวันก่อนก็ยังถือเหล้ามาสองเหยือกแล้วดื่มจนเมามายล้มพับอยู่นอกหุบเขาอีก”
ซ่งฉียวนรู้สึกว่าตัวเองโกรธจนเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก่อนหน้านี้รั่วรั่วแห่งดินแดนเหมันต์ผู้ที่เดิมทีควรจะชอบตนเองกลับไปสนใจในตัวอาจารย์แถมยังสัญญากับอาจารย์เื่หมั้นหมายสิบปีอะไรนั่นอีก! ยามนี้เมื่อได้โอกาสเริ่มใช้ชีวิตใหม่มาทั้งชีวิตก็หวังจะเรียนรู้ให้มากขึ้น ตอนนี้เขาเข้าใจมันเป็อย่างดีแล้วว่าั้แ่ตัวเองยังเยาว์วัยก็มีความรู้สึกต่อเยี่ยวั่งจือที่ไม่เหมือนเดิมคนผู้นี้ที่ช่วยให้เขายืนขึ้นมาได้ใน่เวลาที่เขาอ่อนแอที่สุดอาจารย์ผู้ที่แม้จะดูเ็าแต่ก็เข้าอกเข้าใจและสงสารเขาด้วยใจจริงก็คือคนที่... เขารักมากที่สุด
หลังจากที่เขาแยกทางกับอาจารย์เพื่อเข้าสู่สำนักฉิงชางตอนอายุสิบสองปีในวันนั้นเขาก็ไม่เคยหยุดตามหาเยี่ยวั่งจือเลย ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่เป็ผลเยี่ยวั่งจือราวกับหายสาบสูญไปจากโลก จนในที่สุดก็หายออกไปจากโลกของเขา
เขาไร้ญาติขาดมิตร และไร้สิ้นคนรักหลังจากที่อวี๋เคอตายไปเขาก็ไม่มีศัตรูที่ไหนอีกแล้วแต่การฝึกตนไปโดยไร้จุดหมายนั้นกลับทำให้เขาดูโศกเศร้ามากยิ่งขึ้นในปัจจุบันเขาจึงใช้ชีวิตไปตามชะตาฟ้าลิขิตแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยตระกูลซ่งเอาไว้ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถกลับมาพบเจอกับเยี่ยวั่งจือได้อีกครั้ง
ในชาตินี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยมือไปเป็อันขาด!
ซ่งฉียวนหรี่ตาลง พยายามควบคุมอารมณ์อยู่หลายครั้งกว่าจะข่มน้ำเสียงให้ฟังดูไม่เป็การซักไซ้จนเกินไป “ท่านอาจารย์ไปพบใครมาใช่หรือไม่ขอรับ? ”
อวี๋เคอรู้สึกใจนเตลิดจึงรีบถอยกรูดไปยังด้านหลังสองก้าว แล้วพยายามคิดหาคำพูดมาอธิบาย “แค่ออกไปเดินเล่นข้างนอกเท่านั้นเ้าอย่าถามมากนักเลย” เขามองไปยังกระต่ายป่าที่ย่างจนส่งกลิ่นหอมกรุ่นบนตะแกรงอย่างรู้สึกเสียดายแล้วกลืนน้ำลายลงคออยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายก็โบกมือไปมา “คืนนี้ข้าไม่กินข้าวแล้ว เ้ากินคนเดียวเถิด” เมื่อพูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไปเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากปล่อยโอกาสให้ซ่งฉียวนรั้งเขาเอาไว้
สายตาของเ้าเด็กนี่ที่มองข้าแลดูอันตรายมาก ฉะนั้นหลบเลี่ยงเอาตัวรอดไว้ก่อนจะดีกว่าเพียงแต่เนื้อกระต่ายนั่นดูน่าอร่อยมาก! แล้วเนื้อของมันก็ยังหอมมากอีกด้วย! ตอนนี้ทำข้าน้ำลายสอหมดแล้ว!
ซ่งฉียวนนะซ่งฉียวน! ทำไมเ้าถึงไม่ย่างตอนกลางวันเล่า!
ซ่งฉียวนมองอวี๋เคอที่กำลังรีบย่ำฝีเท้าเดินหนีตัวเองจนในที่สุดก็หายลับออกจากหลังประตูเรือนไม้ไป จากนั้นคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นั้แ่ที่อาจารย์เมาในวันนั้นเขาก็ดูจะทำตัวห่างเหินกับตนเองมากขึ้น หรือว่าเขาจะรู้อะไรเข้าแล้วหรือเปล่า?
เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเป็ไปได้เช่นนี้ซ่งฉียวนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคำนวณวันดูแล้ว อีกไม่เกินสามวันอาจารย์ก็จะส่งตนเองไปยังสำนักฉิงชางแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะหายไปจากโลกของตนเองอีกครั้ง
“พึ่บ! ” ซ่งฉียวนปัดมือไปยังด้านหลังทันใดนั้นกระต่ายที่อยู่บนตะแกรงตัวนั้นก็หายวับไปในพริบตาแต่ถ่านและท่อนไม้กลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดเลยว่าการควบคุมพลังปราณของเขาอยู่ในขั้นที่สูงมากแค่ไหน
“ตอนแรกก็ย่างให้ท่านนั่นแหละ แต่ในเมื่อท่านไม่กินเหลือเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์”
ซ่งฉียวนนำมือมาวางบนหน้าอกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “ซ่งฉียวน เ้าจงฟังให้ดี อย่าหลอกตัวเองอีกเลยอย่างไรเสียเ้ากับข้าก็คือคนคนเดียวกัน” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นนิ้วมือทั้งห้าก็กำเสื้อไว้แน่นขึ้น “เ้าอ่านความคิดของข้าไม่ได้หรอก แต่คำที่ข้าเคยพูดและเื่ที่ข้าเคยทำเ้าก็น่าจะจำได้หมดอยู่แล้ว ข้าขอร้องให้เ้ารั้งท่านอาจารย์เอาไว้ห้ามปล่อยเขาไปเด็ดขาด หากปล่อยเขาไปแล้ว เ้าจะไม่มีวันตามหาเขาเจออีกเลย”
เขาเอ่ยคำนี้ออกมาอย่างแ่เบา ปล่อยให้มันลอยล่องไปในอากาศเพียงครู่เดียวก็ถูกสายลมยามเย็นพัดกระจายไป จนทำให้รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาเสียอย่างนั้น