ที่แห่งนี้เป็ห้องโถงอันกว้างใหญ่ บรรยากาศเย็นเยียบพุ่งเข้ามาในความรู้สึก และเมื่อรวมเข้ากับความเงียบที่ชวนให้คนหวาดผวาแบบนี้แล้ว จึงเหมือนเดินเข้าไปในบ้านผีสิงไม่มีผิด
ห้องโถงแห่งนี้สูงมาก น่าจะสูงราวๆสิบกว่าเมตรได้และยังกว้างมากอีกด้วย ที่พื้นของมันปูด้วยพรมที่มีลวดลายซับซ้อน รอบข้างมีเสาหลากสีขนาดใหญ่เรียงรายอยู่อย่างไม่เป็ระเบียบตามตำแหน่งต่างๆของห้องโถง และเมื่อมองไปท่ามกลางความว่างเปล่าของห้องโถงขนาดใหญ่ก็พบชายชราคนหนึ่งที่มีผมและหนวดเคราเป็สีขาวโพลน
ชายชราคนนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น สองตาของเขาหลับพริ้ม ปล่อยเคราสีขาวยาวจรดพื้น ใบหน้าของเขาดูสูงอายุ และมีลักษณะเหมือนพวกผู้รอบรู้ทั่วๆไป แต่บรรยากาศราวกับเทพเซียนจำแลงมาของเขาทำให้เขาดูเหมือนผู้ทรงภูมิคนหนึ่งจริงๆ สายตาของเย่เทียนเซี่ยสำรวจไปทั่วร่างของชายชราคนนั้น แล้วสุดท้ายจึงหยุดอยู่ที่หนวดสีขาวของเขาและเกิดความสงสัยว่าหนวดที่ยาวขนาดนั้นต้องใช้เวลาเลี้ยงไว้นานแค่ไหนกันนะ
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโถงแล้วเสียงพูดคุยต่างๆที่เคยมีก็หายไปจนหมด บนถนนก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเขาไม่เอาแต่ถามนั่นถามนี่กับเย่เทียนเซี่ย พวกเขาก็จะเอาแต่คุยโม้ว่าอาชีพของตัวเองเป็อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ทุกคนได้แต่เงียบกริบ แม้แต่สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็เคร่งขรึมและระมัดระวังราวกับนักเรียนผู้เชื่อฟังอาจารย์ที่เข้มงวดก็มิปาน
“อาจารย์ ศิษย์มีเื่สำคัญจะขอเข้าพบอาจารย์ครับ” ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์หันไปพูดกับชายชราที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆกับการมาถึงของพวกเขาอย่างเคารพ
“มีเื่อะไรอย่างนั้นรึ” ปากของชายชราไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ทว่าน้ำเสียงอันหนักแน่นกลับดังออกมาจากร่างของเขา ในน้ำเสียงนั้นให้ความรู้สึกเลือนราง ชวนให้คนฟังรู้สึกเหมือนเสียงนั้นดังมาจากท้องฟ้า ถ้าหลับตาแล้วฟังก็คงไม่สามารถบอกได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากทิศทางใด
“อาจารย์ หลังจากอู๋ิในเวลานั้น ตอนนี้ก็มีผู้ที่ได้รับเหรียญผู้กล้าปรากฏตัวขึ้นแล้วครับ...... อีกทั้งคนๆนี้ยังปฏิเสธอาชีพที่พวกเราทั้งเจ็ดมอบให้อีกด้วย ข้าคิดว่าท่านจะต้องสนใจในตัวเขาแน่นอน”
ความเงียบโรยตัวอยู่พักหนึ่ง และแล้วชายชราที่นิ่งเงียบอยู่นานก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องมองมายังเย่เทียนเซี่ยทันทีที่ลืมตาขึ้น ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมานั้นเย่เทียนเซี่ยไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกประหลาดอย่างที่เขาคาดหวังไว้แม้แต่น้อย สายตาของชายชราที่เขาััได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนจ้องมองสายตาของคนแก่ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมาเหมือนยอดฝีมือในตำนานแต่อย่างใด
แต่ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา สถานที่ที่เคยมีบรรยากาศเย็นเยียบแห่งนี้ก็ราวกับมีแรงกดดันปะทุขึ้นมาพักหนึ่ง และยังคงไม่มีเสียงของความเคลื่อนไหวใดๆเหมือนเดิม ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่ข้างกายเย่เทียนเซี่ยทั้งหมดราวกับถูกสะกดไว้ ไม่มีใครขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆด้วยซ้ำไป
จากปฏิกิริยาที่คนทั้งเจ็ดแสดงออกมา เย่เทียนเซี่ยมั่นใจได้ในทันทีว่าชายชราคนนี้จะต้องไม่ใช่คนที่อ่อนโยนเป็แน่
แต่แค่คิดออกมาเพียงเสี้ยววินาที ความคิดนั้นก็ถูกทำลายลงทันที
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เ้าหนุ่ม เ้าคงจะเป็คนที่พวกเขาพูดถึงสินะ เหรียญผู้กล้าบนหน้าอกของเ้าคงไม่ใช่เื่โกหก ขณะนี้ข้ารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่ต่างไปจากคนธรรมดาจากร่างของเ้า เ้าเข้ามานี่สิ” น้ำเสียงของชายชรามีความอบอุ่นและอ่อนโยน เขายืนขึ้นช้าๆ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนสายลม
เย่เทียนเซี่ยกวาดตามองสีหน้าของปรมาจารย์ทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่ข้างกายแล้วตัดสินใจเดินไปข้างหน้า จนไปหยุดยืนอยู่ข้างกายของชายชรา ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพทั้งเจ็ดคนได้แต่มองหน้ากันอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังของเย่เทียนเซี่ยอย่างผ่อนคลาย
ชายชรามองสำรวจเย่เทียนเซี่ยั้แ่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งฉายแววอ่อนโยน “นี่คือเหรียญผู้กล้าไม่ผิดแน่ ไม่คิดเลยว่าขณะที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะมีโอกาสได้พบกับคนที่ได้รับเหรียญผู้กล้าเหมือนดังเช่นอู๋ิในตอนนั้นอีกครั้ง และเ้า...... ระดับของเ้าก็เพียงแค่เลเวล 11 เท่านั้น คุณสมบัติก็ธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เดิมทีการที่จะได้รับเหรียญผู้กล้าก็ล้วนมาจากภารกิจที่ไม่อาจทำสำเร็จได้ทั้งสิ้น แต่เ้ากลับทำมันได้สำเร็จ ถ้าหากเ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าข้า ข้าคงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด...... เ้าคือคนแรกในรอบหลายปีที่ทำให้ข้าไม่กล้าเชื่อสายตาและการตัดสินใจของตัวเอง”
เย่เทียนเซี่ยยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่เลเวล 11 มีคุณสมบัติที่แสนจะธรรมดา....... แน่นอน ไม่ผิดหรอก เพราะเขาสามารถผ่านการทดสอบระดับนรกมาได้ด้วยคุณสมบัติพร์ที่สูงกว่าชาวบ้านเขาไม่รู้กี่เท่า และสุดยอดไอเทมโจมตีที่ซื้อมาจากร้านขายยาของตาแก่หยวนเชว่ในเมืองเริ่มต้นต่างหาก
พูดได้ว่าเขาผ่านการทดสอบระดับนรกโดยไม่ได้อาศัยเพียงความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีโชคและโอกาสคอยหนุนเสริมด้วย ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากสุดยอดไปเทมกองนั้นเขาคงไม่มีทางเอาชนะพยัคฆ์าอเมทิสต์ที่ด่านสุดท้ายของการทดสอบระดับนรกได้อย่างแน่นอน
เหรียญผู้กล้านั้นมีเพียงต้องทำการทดสอบในเมืองเริ่มต้นเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้มา....... แล้วตอนนั้นอู๋ิที่มีเพียงเลเวล 10 เหมือนกันใช้อะไรในการผ่านการทดสอบที่น่ากลัวแบบนั้นมาได้กันนะ? ถ้าใช้ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว...... เขาก็สมควรได้รับการยกย่องให้เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทวีปที่สาบสูญจริงๆ
“มากับข้าเถอะ” ชายชราตบไหล่ของเย่เทียนเซี่ยเบาๆ แล้วพาเขาเดินไปทางขวามือที่มีประตูหินเปิดแง้มเอาไว้ แต่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวชายชราก็รีบหันกลับมาแล้วะโออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยถึงกับหนาวสะท้าน “แล้วเ้าสารเลวเจ็ดตัวอย่างพวกเ้าจะตามมาทำไมฮะ!!!”
ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพทั้งเจ็ดชะงักฝีเท้าลงทันที แล้วเสียงะโนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็ความเงียบ ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์ลอบกลืนน้ำลายอย่างระมัดระวัง แล้วพูดออกไปเสียงอ่อน “พวกเราก็อยากจะมาดูเ้าหนุ่มที่ชื่อเซี่ยเทียนนี่ว่าแท้จริงแล้ว.......”
“ไปดูมารดาเ้าสิ! เ้าสารเลวเจ็ดตัวอย่างพวกเ้าบังอาจละทิ้งหน้าที่โดยที่ข้าไม่ได้อนุญาต แบบนี้มันน่าขายหน้าจริงๆ ปกติแล้วข้าก็สั่งสอนพวกเ้าอย่างดี! ถือโอกาสตอนที่ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะลงโทษพวกเ้าอย่างไรดี รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าซะ!!” ดวงตาของชายชราเบิกกว้า หนวดของเขาเหมือนจะชี้ฟูหน่อยๆ กล้ามเนื้อและิัแก่ชราบนใบหน้าของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“อา......ครับๆๆๆๆ” ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพทั้งเจ็ดใบหน้าซีดขาวไปพร้อมๆกันด้วยเสียงะโนั่น หัวใจของพวกเขาเต้นแรง รีบถอยหลังออกไปด้วยความใกลัว หลังจากก้าวพ้นประตูไปแล้วก็รีบหมุนตัววิ่งออกไปแบบไม่เห็นฝุ่น
สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยแข็งค้างไปถึงห้าวินาทีเต็มๆก่อนจะค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ ดูๆไปแล้วชายชราที่ดูเหมือนแกะูเาที่อ่อนโยนคนนี้ จริงๆแล้ว...... คงไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไร
เมื่อชายชราหันกลับมาเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยอีกครั้ง แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆท่าทางใจดีไร้พิษสงเหมือนแกะก็กลับมาอีกครั้ง เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “มาเถอะ เข้ามาด้านในกับข้า”
เย่เทียนเซี่ยแอบกัดฟันอยู่เงียบๆแล้วเดินตามหลังชายชราเข้าไปด้วยใบหน้านิ่งๆ
ประตูหินอ่อนหนักอึ้งถูกเปิดออกแสงอันอ่อนโยนสาดส่องมายังเย่เทียนเซี่ย ตามมาด้วยเสียง “ปั้ง” ของประตูหินด้านหลังที่ถูกปิดลงด้วยฝีมือของชายชราคนนั้น ชายชราคนนี้คือข่งซิว ผู้ซึ่งปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์กล่าวไว้ว่าเป็ปรมาจารย์เวทมนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเทียนเฉิน
ที่แห่งนี้คือห้องลับที่ถูกปิดผนึกโดยสมบูรณ์ ไม่มีแสงจากภายนอกส่องผ่านเข้ามาได้ แต่ภายในกลับมีแสงสีขาวสว่างไสวสาดส่องอยู่โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสาทการมองเห็น แสงนั้นไม่ได้มาจากกองไฟหรือหลอดไฟ แต่ทว่ามันมาจากหยกชิ้นโตก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเย่เทียนเซี่ย
มันคือหยกก้อนใหญ่ที่ส่องแสงสีขาวอบอุ่นออกมาทั้งก้อนและมีความสูงพอๆกับคน เมื่อสังเกตดีๆหยกก้อนนี้เป็รูปแปดเปลี่ยนสมมาตร มันเหมือนถูกพลังอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นจับแขวนไว้ให้ลอยอยู่กลางห้องลับแห่งนี้ และแสงทั้งหมดในห้องนี้ก็ล้วนมาจากมันทั้งสิ้น