ไป๋เยว่ซินรีบพาไป๋เซียงมุ่งหน้ามายังโรงหมอเยว่ไหลตามที่หยางซีบอกเอาไว้ เพราะนางไม่เคยมาที่นี่ระหว่างทางจึงต้องถามเอาจากชาวบ้านแถวนั้นว่าโรงหมอเยว่ไหลอยู่ที่ใด
เมื่อมาถึงก็พบกับโรงหมอขนาดใหญ่อยู่ที่ในตลาดตามที่หยางซีบอกเอาไว้จริงๆ ป้ายหน้าโรงหมอเขียนว่า โรงหมอเยว่ไหล ไป๋เยว่ซินไม่รอช้ารีบให้ไป๋ฟานอุ้มไป๋เซียงเข้าไปในโรงหมอ ท่านหมอรีบเข้ามารับคนเจ็บไปทันที ไป๋เยว่ซินมอบป้ายประจำตัวของหยางซีให้กับท่านหมอในร้าน เขารับมันไป ก่อนจะยิ้มให้นางอย่างเป็มิตร พร้อมกับบอกว่าจะให้หมอหญิงที่เก่งที่สุดช่วยรักษาไป๋เซียงพี่สาวของนางให้ปลอดภัย ไป๋เยว่ซินยิ้มให้ท่านหมอผู้นั้นพร้อมเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
ทุก่เวลาช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก ในใจของทุกคนบีบรัดเป็อย่างมาก
ไป๋จงและไป๋ฟานลอบมองไป๋เยว่ซินเป็ระยะ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นกับตาว่านางใช้ดาบฟันมือของคหบดีหลินจนขาดออกทั้งสองข้างโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด ในใจของสองพ่อลูกพลันหนาวสะท้านเป็อย่างมาก
ไป๋เยว่ซินรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของท่านพ่อและพี่ชายใหญ่ นางจึงหันไปมองและพบว่าพวกเขามีท่าทีสะดุ้งเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจคราหนึ่ง เมื่อครู่นี้เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้นางเผลอกระทำการไม่เหมาะสมต่อหน้าพวกเขา ไป๋เยว่ซินที่คิดได้เช่นนั้นจึงเดินเข้าไปหาและเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พวกท่านกลัวข้าหรือ?"
ไป๋จงและไป๋ฟานหันมามองสบตากัน ก่อนที่ไป๋จงจะเป็ฝ่ายเอ่ยกับไป่เยว่ซินด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง
"เยว่เอ่อร์ เ้าไปเอาความใจกล้ามาจากที่ใดกัน แต่ก่อนเ้าไม่เคยทำเช่นนี้เลยสักครา"
ไป๋ฟานเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไป๋เยว่ซินไม่รู้ว่าจะอธิบายเช่นไรให้พวกเขาเข้าใจนางดี ในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดไม่ตก ก็ได้ยินเสียงของหยางซีเอ่ยขึ้นมา
“พวกท่านสองคนไม่ต้องแปลกใจไป เื่พวกนี้ข้าเป็คนสอนนางเอง เพราะนางหัวไวยิ่งจึงเรียนรู้เื่นี้พวกนี้ได้รวดเร็วยิ่งนัก พวกท่านไม่ต้องกังวล นางทำถูกแล้ว คนชั่วย่อมต้องได้รับกรรมที่สาสม”
ไป๋จงและไป๋ฟานหันไปมองหยางซีด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยโต้แย้ง รอบๆกายของหยางซีเหมือนมีอำนาจบางอย่างกดทับจนคนรู้สึกหายใจไม่ออก พวกเขาจึงไม่กล้าเอ่ยอันใด เพียงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ไป๋เยว่ซินสบตากับหยางซีคราหนึ่ง นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงช่วยเอ่ยคลี่คลายสถาณการณ์ให้กับนาง แต่การทำเช่นนี้ก็นับว่าเป็การช่วยลดความยุ่งยากให้กับนางได้ไม่น้อย อีกทั้งยังทำให้เื่เคร่งเครียดในใจของนางเบาบางไปมากกว่าครึ่ง หญิงสาวจับมือของไป๋จงและไป๋ฟานเอาไว้ พร้อมเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ต่อไปข้าสัญญาว่าจะไม่ทำเื่เช่นนี้ให้พวกท่านใอีกเ้าค่ะ แต่พวกท่านได้โปรดจำเอาไว้ หากมีคนมารังแกพวกเราอีก อย่าได้ยอมเหมือนเช่นที่ผ่านมา"
ไป๋จงพยักหน้า และมองบุตรสาวของตนด้วยความห่วงใย ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่
"พ่อเข้าใจแล้ว แต่ต่อไปเ้าต้องระวังให้มาก หากคนตระกูลหลินไปแจ้งทางการให้มาจับเ้า พวกเราคงเสียใจมากที่ปกป้องเ้าไม่ได้"
ไป๋ฟานเองก็เห็นด้วย จึงเอ่ยเสริมอีกคำรบ
"ที่ท่านพ่อของเ้าพูดมาล้วนถูกต้องทั้งหมดน้องเล็ก ที่พวกเราเอ่ยเช่นนี้ ก็เพราะเป็ห่วงและรักเ้ามาก เ้าอย่าได้โกธรเคืองพวกเราเลย เ้าเข้าใจใช่หรือไม่?"
ความอบอุ่นสายหนึ่งพาดผ่านเข้ามาในหัวใจของไป๋เยว่ซิน นางยิ้มให้พวกเขา ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
รออยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดท่านหมอก็มาแจ้งว่าไป๋เซียงปลอดภัยแล้ว แต่เพราะถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก จึงควรพักที่โรงหมอสักสองสามวันเพื่อให้ร่างกายของนางดีขึ้นเสียก่อน อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายนางส่งเดชไม่อย่างนั้นร่างกายภายในอาจจะบอบช้ำมากกว่าเดิม ไป๋เยว่ซินพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ย
"ขอบคุณท่านหมอมากเ้าค่ะ ส่วนค่ารักษา..."
“นายท่านจัดการเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ แม่นางโปรดวางใจได้”
ท่านหมอเอ่ยจบก็จากไป ไป๋เยว่ซินหันไปมองหยางซีด้วยแววตาที่วูบไหว ก่อนจะเอ่ยกับเขา
“ขอบคุณท่านมาก”
เดิมทีนางรู้ว่าตระกูลหยางนั้นยิ่งใหญ่มากอำนาจและบารมี แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่โรงหมอนอกนครหลวงเช่นนี้ก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา
นางยื่นป้ายประจำตัวคืนให้เขา หยางซียิ้มและรับของๆตนมาเก็บเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยว่าไม่เป็อันใด จากนั้นจึงขอตัวไปสะสางปัญหาที่เหลืออยู่ ไป๋เยว่ซินยิ้มให้เขาเล็กน้อย หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไปจนลับสายตา ก่อนจะหันมาเอ่ยกับท่านพ่อและพี่ใหญ่ของตน
"ท่านพ่อ ท่านรีบกลับไปที่อำเภอเซียงถงก่อนเถอะเ้าค่ะ แจ้งท่านลุง ท่านแม่และท่านป้าสะใภ้ว่าพี่รองปลอดภัยดี ส่วนพี่ใหญ่ท่านอยู่กับข้าที่นี่ คอยดูแลพี่ใหญ่ เมื่อนางหายดีแล้ว พวกเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน"
พวกเขารีบพยักหน้ารับ ไป๋จงรีบเดินทางกลับอำเภอเซียงถงทันที เหลือเพียงไป๋เยว่ซินและไป๋ฟานที่อยู่ดูแลไป๋เซียง
ไป๋ฟานลอบมองน้องเล็กของตนด้วยแววตาที่ล้ำลึกคราหนึ่ง เขาเองเป็บุรุษมีหรือจะมองไม่ออกในความคิดของแม่ทัพใหญ่หยาง แต่ว่าคนผู้นั้นเป็ถึงคนที่มีอำนาจ น้องสาวของเขาเป็เพียงสตรีต่ำต้อย จะคู่ควรกันจริงหรือ
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดที่ไร้สาระเหล่านี้ออกไปเสีย เื่ราวอื่นใดยังมาไม่ถึง เขาไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ อีกอย่างไป๋เยว่ซินก็ไม่ได้มีท่าทีสนิทสนมกับแม่ทัพใหญ่หยางจนเกินงามเลยด้วยซ้ำ
ไป๋เยว่ซินให้ไป๋ฟานดูแลไป๋เซียงไปก่อน ส่วนนางจะไปที่ท่าเรือเพื่อดูว่าหยางซีจัดการคนพวกนั้นไปถึงไหนแล้ว
เมื่อมาถึงนางก็พบว่าตอนนี้เหล่าทหารจับตัวพวกผู้คุมเรือทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำชั่วไปไต่ส่วนแล้ว ส่วนคหบดีหลินนั้น หัวกับศีรษะแยกกันอยู่คนละที่
เขาถูกหยางซีฆ่าตายไปแล้ว
กลิ่นโลหิตคาวคละคลุ้งชวนให้คนรู้สึกคลื่นเหียนยิ่งนัก ไป๋เยว่ซินยกมือขึ้นปิดจมูกก่อนจะปรายตามองศพของคหบดีหลินด้วยแววตาเ็าคราหนึ่ง
คนชั่วก็ย่อมต้องมีจุดจบของคนชั่ว
ในขณะที่นางกำลงมองภาพตรงหน้า กลับมีมือข้างหนึ่งยื่นมาปิดบังดวงตาของนางเอาไว้ ทำให้ภาพเบื้องหน้าที่แสนหวาดหวั่นเลือนหายไปจากครรลองสายตาของนาง
"อย่ามอง"
กลิ่นหอมสุราอ่อนๆที่แสนคุ้นเคยมันทำให้หัวใจของไป๋เยว่ซินเต้นผิดจังหวะ นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะจับมือของหยางซีออกและหันกลับมามองเขา
ใบหน้าของชายหนุ่มยามมองนางฉายแววอ่อนโยนเป็อย่างมาก อ่อนโยนเหมือนตอนที่เขาและนางยังเป็สหายรักกัน
ไป๋เยว่ซินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็ปกติ และเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย
"ท่านเป็คนฆ่าคหบดีหลินอย่างนั้นหรือ?"
"ถูกต้อง"
"แล้ว..."
"ข้ารู้ว่าเ้ากำลังกังวลเื่ใด แต่เ้าวางใจเถอะ คหบดีหลินทำเื่ชั่วช้ามาไม่น้อย ทั้งลอบค้าขายสตรีอย่างผิดกฎหมายและยังทำร้ายคนอื่นไปทั่ว ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ระหว่างที่ถูกจับกุมเขาคิดจะทำร้ายเ้าหน้าที่ จึงถูกสังหารทันที เพียงเท่านี้ก็ไม่มีเื่ใดให้ต้องกังวลแล้ว"
ไป๋เยว่ซินมองหยางซีที่เอ่ยวาจาเหล่านี้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีก็อดที่จะรู้สึกหนาวสะท้านในใจไม่ได้ แต่นางกลับไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีก เพราะคนเช่นคหบดีหลินก็สมควรไปปรโลกจริงๆ
เวลาล่วงเลยมาจนถึง่เย็นย่ำแล้ว ท้องฟ้ากลายเป็สีดำสนิทราวกับถูกอาบย้อมด้วยหมึกชั้นดี ดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า สายลมพัดมาผะแ่ ร้านค้าต่างๆเริ่มปิดทำการค้าขายเพราะเข้าสู่่เวลาแห่งการพักผ่อนแล้ว
ที่โรงหมอแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบอย่างยิ่ง คนดูแลโรงหมอได้สั่งให้พ่อครัวทำอาหารง่ายๆมาให้พวกนางกินรองท้อง ไป๋เยว่ซินกินไปเพียงไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มแล้วเพราะนางเป็ห่วงไป๋เซียงจึงทำให้กินอันใดไม่ใคร่จะลงเท่าใดนัก
่กลางดึกในที่สุดไป๋เซียงก็ได้สติฟื้นขึ้นมา นางกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไป๋เยว่ซินและไป๋ฟานที่นอนเฝ้าไข้เมื่อได้ยินเสียงของไป๋เซียงจึงรีบมากอดนางเอาไว้ ไป๋เยว่ซินและไป๋ฟานต้องปลอบประโลมไป๋เซียงอยู่นาน นางจึงสงบลงได้
ไป๋เซียงกอดไป๋เยว่ซินเอาไว้แน่น พร้อมกับสะอื้นไห้เป็ระยะ ไป๋เยว่ซินยื่นมือของตนมาตบที่ไหล่พี่สาวเบาๆเพื่อเป็การปลอบใจ
"พี่รอง ท่านไม่เป็อันใดแล้ว ต่อไปนี้ ใครก็จะมารังแกท่านไม่ได้อีก ท่านไม่ต้องกลัวนะ"
ไปเซียงพยักหน้าทั้งน้ำตา เมื่อตั้งสติได้แล้วนางจึงเล่าให้พวกเขาฟังทั้งน้ำตาว่า ตอนที่นางกำลังเดินไปที่แปลงนาและผ่านป่าไผ่ที่ไร้คน อยู่ๆกลับถูกคนเอากระสอบทรายมาคลุมศีรษะจากนั้นพวกมันก็ลากนางไป และทุบตีนางจนสลบ นางได้สติอีกคราก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเรือ โดยมีคหบดีหลินยืนมองนางด้วยแววตาเกลียดชัง ทั้งยังบอกว่าเขาขายนางให้คนบนเรือแล้ว นางใยิ่งคิดหาทางหนีแต่กลับไม่เป็ผล พวกมันคิดจะลวนลามนาง แต่นางไม่ยอมพวกมันจึงใช้แส้ฟาดนางอย่างทารุณ นางทนไม่ไหวจึงสลบไป
ไป๋เยว่ซินและไป๋ฟานเงยหน้าขึ้นมาสบตากันคราหนึ่ง คืนนั้นทั้งคืนไป๋เซียงนอนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ตลอดทั้งคืน
หยางซีมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เจือความสงสาร
เขาไม่เคยคิดเลยว่า นางจะปรับตัวเข้ากับสถาณการณ์ได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากองค์หญิงใหญ่ผู้สูงส่ง กลายเป็สาวน้อยฐานะยากจน มีพี่น้องให้ต้องดูแล ต้องทำงานหนัก แต่นางกลับอดทนได้โดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
หรือว่าแท้จริงแล้ว ิจูเหมาะที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีเช่นนี้มากกว่ากันนะ
ไป๋เยว่ซินรับร้้ได้ว่ามีคนจ้องมองมาที่ตน นางจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง พลันดวงตาของนางก็สบประสานเข้ากับดวงตาของหยางซีเข้าพอดี
แววตาที่เขามองนางมีทั้งความสงสัยและความห่วงใยสงสาร ไป๋เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเบี่ยงสายตาไปอีกทาง ทำราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาที่มองมาของเขา