ในความคิดของนาง ปกติแล้วนายน้อยเป็คนไม่ค่อยพูดแต่เขาก็ไม่เคยโกรธเลย หากไม่นับเื่คาดเดาความรู้สึกได้ยาก รวมๆ ก็ถือว่าเป็นายน้อยที่อารมณ์ดีทีเดียว นางไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านปู่ถึงมีสีหน้าท่าทางที่ดูหวาดกลัวอยู่เสมอ
กงจื้อิเหลือบมองเซียงเซียงด้วยสายตาเรียบเฉย แล้วมองไปที่ลุงอวิ๋น เขาคาดว่าชายาุโผู้นี้คงกลัวว่าเขาจะตำหนิเซียงเซียงอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงรีบชิงพูดก่อนสองสามประโยคก่อนที่เขาจะทันตำหนินาง ความจริงแล้วผู้าุโกังวลมากเกินไป ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎของเขา เขาจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับสาวใช้ตัวเล็กๆ ทำไมกัน
เขายกมือขวาที่ขยับได้เพียงข้างเดียวปิดหน้าต่างเพื่อบดบังบรรยากาศคึกคักจากภายนอก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในขณะที่กำลังจะหยิบหนังสือข้างหมอนขึ้นมา เขาพบว่ามีอาหารหลายจานวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ บนเตียงเตา [1] ไว้ั้แ่เมื่อไรไม่รู้ เดิมทีก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเป็พิเศษ ทว่าเขากลับสะดุดตาซาลาเปาเล็กๆ สองสามลูกบนจานใบนั้น
แป้งซาลาเปาสีขาวนุ่มและเรียบเนียนถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถันเป็รูปดอกไม้ รูปทรงดอกไม้นี้ดูมีมิติมากกว่าที่พบได้ทั่วไป รอยจีบของซาลาเปาถูกบีบเป็เส้นเล็กๆ ราวเอวบางของสตรี ทำให้รูปทรงของซาลาเปาทั้งลูกคล้ายกับแจกันคอแคบ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือที่ตรงกลางของดอกไม้้ายังถูกตกแต่งด้วยถั่วดำหนึ่งเม็ดอีกด้วย
ซาลาเปาลูกนี้ช่างดูน่าอร่อย คิดว่าคงต้องใช้ความพยายามในการทำออกมาไม่น้อย ดวงตาของกงจื้อิทอประกายด้วยความสนใจ นึกไม่ถึงเลยว่าในหมู่บ้านร้างแห่งนี้จะมีอาหารที่ประณีตขนาดนี้ได้ แค่เขาไม่รู้ว่าแม่ครัวนางนี้จะเป็คนที่มีไหวพริบฉลาดหลักแหลมและมีฝีมือล้ำเลิศขนาดไหน?
เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงใช้มือขวาจับที่เตียงแล้วลุกขึ้น ในที่สุดก็หยิบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งลูก เขาััถึงความนุ่มชุ่มชื้นและอุ่นร้อนบนฝ่ามือ และทันทีที่ได้สูดกลิ่นหอมก็รู้สึกราวกับไส้ในซาลาเปาพุ่งกระทบเข้าไปในจมูก พอกัดเข้าไปก็พบว่าแป้งเหนียวนุ่มมาก ไส้ข้างในถูกสับละเอียดจนบอกส่วนผสมไม่ถูก แต่กลับมีรสชาติที่อร่อยมาก
เป็เื่ยากที่ท่านลุงอวิ๋นจะเห็นนายน้อยของเขาสนใจกับเื่อาหารเช่นนี้ ดวงตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความสุขและพูดว่า “นายน้อย ซาลาเปาดอกไม้เหล่านี้เป็ของสดใหม่ที่ซื้อมาจากร้านน้ำชาที่หัวมุมของหมู่บ้าน ข้าได้ยินมาว่าแม่ครัวที่ทำซาลาเปาเป็ลูกศิษย์ของท่านย่าเทวาูเาของที่นี่ นางคงพอมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ”
“ข้าไม่เชื่อเื่เทพเ้าและภูติผีเช่นนั้นหรอก!” กงจื้อิค่อยๆ กินซาลาเปาในมือของเขาจนหมด ท้องของเขารู้สึกสบายเป็อย่างมาก แต่คำพูดของเขากลับราบเรียบ
แม้ท่านลุงอวิ๋นจะถูกตำหนิแต่ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้เช่นเคย “ที่นายน้อยพูดก็มีเหตุผล! ทว่ามันเป็เื่ยากที่หญิงสาวนางนั้นจะทำซาลาเปาได้รสชาติถูกปากนายน้อย บ่าวคิดว่าประจวบเหมาะกับที่พวกเรากำลังหาคนงานเพิ่ม ไม่สู้รับหญิงสาวนางนี้เข้ามาทำอาหารในจวนคงจะดีไม่น้อย?”
“ไม่ดี!” เมื่อเซียงเซียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนั้นก็ะโขี้นทันที ลุงอวิ๋นโกรธมากจนดึงแขนนาง เขาให้ความสำคัญกับกฎระเบียบมากที่สุดตลอดชีวิตของเขา หากไม่ใช่เพราะเซียงเซียงเป็หลานสาวของเขาเอง เขาคงตบนางสักฉาดไปแล้ว มีบ่าวที่ไหนจะคัดค้านทั้งที่เ้านายยังไม่ทันได้เอ่ยปากด้วยซ้ำ?
ทว่ากงจื้อิกลับไม่สนใจเื่นี้ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ข้าปล่อยให้ลุงอวิ๋นตัดสินใจก็แล้วกัน พวกเ้าไปทำงานกันต่อเถอะ”
ลุงอวิ๋นรับคำอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ปู่และหลานออกมาจากห้อง เซียงเซียงก็ะโไปข้างหน้าว่า “ท่านปู่ ท่านจะรับหญิงสาวนางนั้นมาไม่ได้นะ พักนี้ในหมู่บ้านต่างลือกันทั่วว่านางตั้งครรภ์ลูกของชายชู้ คนที่ไร้ยางอายเช่นนี้ห้ามรับเข้ามาในจวนของพวกเราเด็ดขาด!”
“เ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ลุงอวิ๋นโกรธมาก ส่วนหนึ่งเป็เพราะหลานสาวของเขาไม่เข้าใจกฎระเบียบและพูดจาส่งเดชหลายครั้ง และอีกส่วนหนึ่งเป็เพราะเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป แววตาของชายชราเ็าราวน้ำแข็ง “ข้าเคยเตือนเ้าให้มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ เ้าลืมไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ? เ้าอย่าคิดว่านายน้อยเป็คนที่เ้าสามารถคุยด้วยได้ง่ายๆ นะ ข้าเลี้ยงดูนายน้อยมาหลายสิบปี คิดว่าข้าสู้เ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ? หากเ้ายังไม่หัดปรับปรุงตัว ข้าจะส่งเ้ากลับไปที่บ้านเกิดเสีย!”
หากนางถูกลงโทษโดยการส่งกลับบ้านคงเป็เื่น่าอับอายไม่ใช่น้อย ตอนที่เซียงเซียงออกมา นางอวดพวกพี่สาวและน้องสาวของนางว่าต่อไปในวันหน้านางจะสวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิด [2]
เมื่อนางสังเกตเห็นความเข้มงวดที่หาได้ยากจากปู่ของนาง ต่อให้นางจะรู้สึกน้อยใจสักแค่ไหนก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้ อย่างไรนางยังต้องพึ่งพาปู่ของนางเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีในอนาคตต่อไป
เมื่อเซียงเซียงคิดเช่นนี้ นางก็ก้มศีรษะคำนับและเอ่ยคำขอโทษ จากนั้นก็กอดแขนท่านปู่พร้อมออดอ้อน ในที่สุดเื่นี้ก็คลี่คลายไปได้
ท่านลุงอวิ๋นมีประสบการณ์มากมาย ไฉนจะไม่เห็นแววตาที่ไม่ยอมอ่อนข้อของหลานสาวตน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา และไปจัดการงานจิปาถะต่างๆ ในจวนจนเสร็จเรียบร้อยอย่างยากลำบาก ในที่สุดเขาก็เดินไปที่ร้านน้ำชาของครอบครัวสกุลติง
……
ภายในร้านของครอบครัวสกุลติง มีแค่แม่นางหลี่ว์กำลังเช็ดโต๊ะและเก้าอี้อยู่ เมื่อนางเห็นลูกค้ามาก็รีบเข้าไปต้อนรับ
“ท่านลุง จะหาอะไรรองท้องสักหน่อย หรือจะดื่มชาร้อนสักแก้วดีล่ะ? ร้านเราเพิ่งมีรายการใหม่เป็เกี๊ยวน้ำรูปแบบใหม่ มีทั้งไส้เนื้อและไส้ผัก ท่านอยากจะลองชิมดูสักหน่อยไหม...”
่นี้ติงเหว่ยไม่อาจนั่งเฉยๆ อยู่ที่บ้านได้ หลังจากนางพักฟื้นมากว่าครึ่งเดือนนางก็เริ่มคิดค้นวิธีทำอาหารในรูปแบบใหม่ เป็เพราะนางสร้างเื่ รายได้ของร้านน้ำชาจึงได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย นางไม่มีวิธีที่จะหยุดพวกชาวบ้านที่ลิ้นเหมือนดาบ ริมฝีปากเหมือนหอก [3] ที่มาต่อว่าคนในครอบครัวของนาง และไม่สามารถทำให้คนในครอบครัวไม่ต้องโดนปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรม ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงตั้งใจคิดวิธีหารายได้เพิ่มเท่านั้น
เกี๊ยวน้ำรูปลักษณ์สวยงามและประณีต มีไส้ที่สดใหม่และหลากหลาย ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า แม่นางหลี่ว์และลูกสะใภ้ก็ยังห่อเกี๊ยวไม่ถนัด ดังนั้นจึงมีแค่ติงเหว่ยที่หลบซ่อนและยุ่งอยู่ในครัวด้านหลัง นางกำลังจะวางเกี๊ยวและนับจำนวนบนแผ่นเลี่ยนจื่อ [4] ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาในร้าน
เมื่อแม่นางหลี่ว์ได้ฟังท่านลุงอวิ๋นแนะนำตัว นางก็ประเมินชายาุโผู้นี้อย่างพินิจพิจารณา บุคคลภายนอกผู้นี้มาซื้อที่ดินในหมู่บ้านเพื่อสร้างจวน เช่นนั้นเขาก็คงนับว่าเป็คนในหมู่บ้านกึ่งหนึ่ง
ทุกวันนี้ใครๆ ต่างก็ปฏิบัติต่อครอบครัวสกุลติงราวกับหนีงูหรือแมงป่องพิษ [5] หากว่าพวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลภายนอกได้ ต่อให้ไม่มีข้อดีอะไรมากมายแต่ก็ไม่มีข้อเสียอะไรเช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงยิ่งกระตือรือร้น ไม่รอให้ชายาุโพูดอะไรก็หยิบเอาซาลาเปาหลากหลายรูปแบบภายในร้านจัดใส่จานจนเต็มแล้วยกออกมาให้
“หน้าตาซาลาเปาพวกนี้ช่างน่ากินจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าลูกศิษย์ของท่านย่าเทวาูเาเป็คนทำ หากเื่นี้แพร่ออกไปคงเป็เื่ที่ทุกคนสนใจและอยากรู้เป็แน่” ท่านลุงอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอันนุ่มนวล
เมื่อแม่นางหลี่ว์ได้ยินว่าลูกสาวของนางได้รับคำชม นางก็ยิ้มดีใจจนตาหยี “ท่านผู้าุโอวิ๋นชมเกินไปแล้ว บุตรสาวของข้าแค่บังเอิญโชคดีไปเข้าตาท่านย่าเทวาูเาก็เท่านั้นเอง”
ทว่าท่านลุงอวิ๋นไม่แม้แต่จะขยับตะเกียบ และยังพูดอย่างตรงประเด็นว่า “ท่านหญิง ข้าขอพูดอย่างไม่ปิดบังเลยแล้วกัน ่นี้หลานชายของข้าเป็คนที่เลือกกิน แต่เมื่อเช้าวันนี้เขากินซาลาเปาของร้านพวกเ้าแล้วรู้สึกชอบเป็อย่างมาก และข้ามาที่นี่ก็เพราะเื่นี้แหละ”
“ท่านลุงอวิ๋นมีเื่อะไร ขอท่านพูดมาตามตรงได้เลย หากว่าครอบครัวพวกข้าสามารถช่วยอะไรท่านได้ก็จะช่วยอย่างไม่บ่ายเบี่ยงแน่นอน” ใบหน้าของแม่นางหลี่ว์เต็มไปด้วยความสดใสและนางก็สมควรที่จะได้รับความสุข เดิมทีนางเป็คนจิตใจดีและกระตือรือร้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็คนในหมู่บ้าน คนแปลกหน้า หรือผู้าุโ้าความช่วยเหลือ นางก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่
“ข้าอยากจะเชิญลูกสาวของท่านไปทำอาหารที่จวนของข้าสักหน่อย” น่าเสียดายที่ทันทีที่ท่านลุงอวิ๋นเอ่ยปาก แม่นางหลี่ว์ก็ลำบากใจและคิดไม่ตกว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี
ผู้าุโคล้ายคาดเดาความคิดของแม่นางหลี่ว์ออก เขาจึงถอนหายใจออกมาและขอร้องด้วยท่าทางลำบากใจว่า “ท่านหญิง ข้ารู้ดีว่าการที่ข้าขอร้องท่านเช่นนี้เป็เื่ที่ออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย แต่ท่านไม่รู้หรอกว่าหลานชายข้าผู้นั้นสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี กินอาหารได้น้อยมาก ทำให้ข้าวิตกกังวลทุกวัน คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเช้าวันนี้ข้าส่งคนมาซื้อซาลาเปากลับไปเพียงไม่กี่ลูกกลับมีรสชาติถูกปากเขา หลานชายข้ากินจนหมดไม่เหลือเลย ดังนั้นข้าจึงแบกหน้ามาที่นี่เพื่อขอร้องอย่างน่าไม่อาย ท่านหญิงได้โปรดวางใจเถอะ จวนของข้าเงียบสงบไร้สิ่งรบกวนจากภายนอก เบี้ยรายเดือนก็สูง รับรองว่าต้องเหมาะสมกับฝีมือของแม่นางน้อยแน่นอน”
แน่นอนว่าแม่นางหลี่ว์ไม่ได้กังวลว่าเบี้ยรายเดือนจะมากหรือน้อย อันที่จริงสินน้ำใจที่ได้มาสองตำลึงในวันเปิดร้านครั้งแรกก็มาจากท่านลุงอวิ๋นนี่แหละ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เป็คนใจจืดใจดำหรือขี้เหนียวอะไร
อย่างไรก็ตาม การที่หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกมาเปิดเผยใบหน้าและไปช่วยทำอาหารในบ้านของคนอื่นถือเป็เื่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นอกจากนี้ แม้ว่าตอนนี้เหว่ยเอ๋อร์จะเชื่อฟังมากกว่าแต่ก่อนมาก แต่ภายในกระดูก [6] ของนางก็ยังคงเป็คนที่มีความคิดเป็ของตัวเอง และเื่นี้ก็ไม่ใช่เื่เล็กๆ ที่นางจะสามารถตัดสินใจได้ในทันทีอีกด้วย
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น ท่านลุงอวิ๋นก็คิดว่าอาจยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านหญิง ข้าเข้าใจว่าท่านกำลังกังวลเื่อะไร แต่ข้าแค่สนใจฝีมือของแม่นางน้อยก็เท่านั้น ไม่มีเื่อื่นมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน! นอกจากนี้จวนของข้ายังอยู่ห่างจากหมู่บ้านตั้งไกล คำซุบซิบนินทาเ่าั้ล้วนถูกกันไว้ภายนอก พูดไปพูดมาอาจเป็เื่ที่ดีก็เป็ได้”
“ท่านผู้าุโอวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านเข้าใจสถานการณ์ดี ข้าเองก็คิดว่าเป็เื่ที่ดีมากเช่นกัน แต่ลูกสาวของข้านางเป็คนที่มีความคิดเป็ของตัวเองสูง ข้าตัดสินใจแทนไม่ได้ ท่านให้เวลาข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ขอข้ากลับไปคุยกับนางและปรึกษากันในครอบครัวสักหน่อย…” แม่นางหลี่ว์ฟังแล้วก็รู้สึกสนใจ แต่นางเป็แค่ฮูหยินของคนอื่น ไม่สามารถตัดสินใจอะไรแทนได้ จึงทำได้เพียงรับปากว่าจะลองไปพิจารณาดูก่อนก็เท่านั้น
“แน่นอน!” ท่านลุงอวิ๋นตอบรับทันทีพร้อมยิ้มจนตาหยี ในมุมมองของเขาไม่ว่าพิจารณาจากแง่ไหน ครอบครัวสกุลติงก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
ขณะที่เขาพูด เขาก็ซื้อซาลาเปาเพิ่มอีกสิบกว่าลูก จากนั้นก็กล่าวคำอำลาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้แม่นางหลี่ว์เดินขมวดคิ้วเข้าไปในครัว
……
ติงเหว่ยก้มตัวลงเพื่อยกเข่งออกจากเตา เสื้อคลุมและกระโปรงของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยผงแป้ง ผมเผ้าบนใบหน้าก็พันกันยุ่งเหยิงไปหมด เหงื่อไหลราวกับเปียกฝน นางบังเอิญเงยหน้ามาเห็นมารดาที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีจึงเอ่ยปากว่า “ท่านแม่ ซาลาเปานึ่งเสร็จหมดแล้ว ว่าแต่เมื่อครู่ท่านคุยกับใครอยู่ข้างหน้าหรือ”
เมื่อแม่นางหลี่ว์เรียกสติกลับมาได้และเห็นท่าทางเช่นนี้ของบุตรสาว นางจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที ขณะที่นางหยิบเข่งนึ่งซาลาเปาอันหนักอึ้งออกมาจากมือของบุตรสาวก็บ่นว่า “ไอ๊หยา ใครให้เ้าทำงานหนักขนาดนี้? สุขภาพเ้ายิ่งอ่อนแออยู่ เ้าต้องระวังให้มากๆ สิ!”
“ไม่เป็ไรหรอก!” ติงเหว่ยปาดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วยิ้มบางๆ คนในครอบครัวต้องพลอยลำบากเพราะนาง ให้นางได้ช่วยทำงานออกแรงเสียบ้างจึงจะพอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นในยุคหลังมีทฤษฎีว่าการออกกำลังหรือทำกิจกรรมต่างๆ เยอะๆ จะเป็ผลดีต่อการคลอดลูกในภายหลัง
แม่นางหลี่ว์ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ นับั้แ่ที่บุตรสาวเข้านอนแล้วตื่นมาลืมเื่ราวในอดีตไป แม้ว่านางจะฉลาดขึ้น แต่นางก็เริ่มซ่อนความกังวลในใจเอาไว้ด้วย คนเป็แม่อย่างนางบางครั้งเห็นเข้าก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
“เหว่ยเอ๋อร์ แม่มีเื่จะปรึกษาเ้า เ้ามานั่งตรงนี้ก่อนสักพัก” แม่นางหลี่ว์คว้าลูกสาวของนางที่กำลังยุ่งอยู่ และมีความตั้งใจที่จะปกป้องนางให้มากขึ้น สองแม่ลูกพากันไปนั่งที่ห้องโถงอันกว้างขวาง แล้วแม่นางหลี่ว์ก็นำคำพูดของท่านผู้าุโอวิ๋นผู้ที่เป็บุคคลภายนอกมาเล่าให้ฟัง
“ข้าไม่ไป!” ติงเหว่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด งานฝีมือของนางแม้ไม่อาจพูดได้ว่าหายาก แต่อย่างน้อยก็สามารถเป็ของหายากของที่นี่ และนางยังวางแผนที่จะขยายร้านของครอบครัวนางอีกด้วย หากไปทำงานเป็แม่ครัวให้คนอื่น แต่ละเดือนได้รับค่าจ้างสามถึงห้าตำลึง นางจะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ ท่านกังวลว่าข้าจะทนกับคำนินทาของชาวบ้านไม่ไหวใช่หรือไม่ ท่านวางใจเถอะ ข้าเป็ถึงลูกศิษย์ของท่านย่าเทวาูเา จะมัวคิดเล็กคิดน้อยได้อย่างไร ไว้หลังจากที่ข้าคลอดลูกแล้วข้าจะคิดวิธีหาเงินและทำให้พวกท่านมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน!”
แม่นางหลี่ว์ลูบผมของลูกสาว ดางตาของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ “แม่จะไม่เชื่อเ้าได้อย่างไร แต่แม่สงสารเ้าต่างหาก เ้าไม่คิดเผื่อตัวเองบ้างหรือ หรือไม่ก็คิดเผื่อลูกในท้องเ้าบ้าง ใน่สองสามเดือนแรกจะแท้งง่ายมาก แล้วเ้าทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่หยุด พักผ่อนก็ไม่ค่อยพอ ข้ากลัวว่าสุขภาพเ้าจะไม่ไหวเอาเสียก่อน”
“บ้านสกุลอวิ๋นเงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวนจากภายนอก ท่านผู้าุโอวิ๋นเองก็ดูจะรักหลานชายของเขามาก เขายังบอกว่าก่อนหน้านี้เขารู้เื่ของเ้าแล้วและเขารับปากกับแม่ว่าจะไม่มีใครในบ้านสกุลอวิ๋นนินทาเ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นก็ถือซะว่าไปเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายแล้วกัน” นางฟังที่ท่านแม่เกลี้ยกล่อมแล้วจึงลองไตร่ตรองความคิดอย่างถี่ถ้วน
ติงเหว่ยเหลือบมองไปที่ผมสีขาวเล็กน้อยของมารดา ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง นางอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานจึงพูดว่า “ให้ข้าไปเป็แม่ครัวที่บ้านสกุลอวิ๋นใช่ว่าจะเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ แต่ข้าจะไม่พักอยู่ที่นั่น แต่ละเดือนให้กำหนดว่าจะให้ข้าไปกี่ครั้งและต้องไปเช้าเย็นกลับ อย่างไรข้าก็อดห่วงเื่ที่บ้านกับร้านทางนี้ไม่ได้จริงๆ”
-----------------------------------------
[1] เตียงเตา 炕 หมายถึง เตียงหรือแท่นที่ก่อด้วยอิฐ ด้านล่างมีปล่องเตาเพื่อจุดให้ความอบอุ่น ้าจะปูด้วยฟูกหรือเบาะรองนั่ง พบมากในบ้านเรือนของชาวจีน
[2] สวมเสื้อไหมปักกลับบ้านเกิด 衣锦还乡 หมายถึง สำนวนจีนที่มาจากสมัยก่อน หลังเสร็จสิ้นการสอบจอหงวน ผู้สอบได้จอหงวนจะได้รับพระราชทานรางวัลมากมายจากฮ่องเต้รวมถึงเสื้อนอกผ้าไหมปักที่เป็สัญลักษณ์ของผู้สอบได้จอหงวน พร้อมทั้งมีขบวนเกียรติยศแห่จากเมืองหลวงกลับไปส่งถึงบ้านเกิดก่อนเข้ามารับราชการในเมืองหลวงต่อ มักใช้อุปมาว่า คนที่จากบ้านเกิดไปทำงานจนประสบความสำเร็จและกลับมาช่วยเหลือครอบครัวญาติมิตร
[3] แผ่นเลี่ยนจื่อ 帘子 หมายถึง ม่านเกี๊ยวไม้ไผ่(แผ่นรองทรงกลมทำจากไม้ไผ่ที่ไว้วางเกี๊ยว)
[4] ลิ้นเหมือนดาบ ริมฝีปากเหมือนหอก 唇枪舌剑 หมายถึง ถ้อยคำคมกริบเหมือนหอกหรือดาบ
[5] ราวกับหนีงูหรือแมงป่องพิษ 如避蛇蝎 หมายถึง ผู้คนต่างพากันหลีกเลี่ยงและหวาดกลัว
[6] ภายในกระดูก 骨子里 หมายถึง การเปรียบเปรยถึงจิตใจหรือเนื้อแท้(ความหมายเชิงลบ)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้