นางต้องคิดให้ดีว่าครั้งนี้ได้เงินเท่าไร
ไก่หนึ่งพันตัว ส่งมอบไปแปดร้อยตัว ยังเหลือไก่ไว้สองร้อยตัว
แม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ตอนนี้มีน้ำหนักสองกิโลกรัมครึ่ง หนึ่งกิโลกรัมเท่ากับห้าสิบอีแปะ เครื่องคิดเลขในใจกำลังส่งเสียงลั่น ไม่นานนักก็คำนวณออกมา ลำพังขายไก่ก็สามารถขายได้ยี่สิบห้าตำลึง
“ฉันต้องมอบไข่ไก่เท่าไร?”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบทันที “มีการวางไข่แปดหมื่นแปดพันใบ หักที่ต้องมอบให้ทางบริษัทเจ็ดหมื่นสี่ร้อยใบ คุณยังเหลือไข่อีกหนึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยใบ แต่ว่า คุณขายไปแล้วหนึ่งหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยสามสิบใบ ตอนนี้จึงเหลือเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบใบ”
ในจุดนี้นางรู้ว่ามีเงินเท่าไร เมื่อวานนับไปสามรอบ ขายไข่ได้ทั้งหมดยี่สิบหกตำลึงกับอีกหนึ่งร้อยสี่สิบห้าอีแปะ
บวกกับเงินที่จะได้จากแม่ไก่ หนึ่งเดือนนี้รายได้จากห้วงมิติของนางสูงถึงห้าสิบเอ็ดตำลึงกับหนึ่งร้อยสี่สิบห้าอีแปะ
ทันใดนั้น หลิวเต้าเซียงก็ตระหนักว่าสิ่งที่สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดพูดมานั้นถูกต้อง ขอเพียงนางพยายามมากหน่อย ก็จะสามารถเป็เศรษฐินีผู้สูงส่งในราชวงศ์โจวได้แน่นอน
“เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ขอบคุณนายมากนะ โชคดีที่นายเจอฉัน เราถึงได้เฮงขนาดนี้”
สิ่งสําคัญที่สุดคือ ครั้งนี้บริษัทยังให้ของสมนาคุณเป็ลูกไก่จำนวนมาก แล้วยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญคือ ธุรกิจที่หลิวเต้าเซียงทำนั้นไร้ซึ่งต้นทุน นอกจากต้องลงแรงกับทรัพยากรที่เหลือ นอกจากนั้นล้วนมีบริษัทของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเป็ผู้ออกให้ทั้งหมด
กล่าวคือ หลิวเต้าเซียงสามารถทําเื่ที่เปรียบเหมือนการจับหมาป่าด้วยมือเปล่าได้ทุกเดือน
“อืม เซียงเซียง คุณต้องพยายามเข้านะครับ บริษัทพึงพอใจกับผลงานของคุณมาก”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ มันก็เริ่มหลอกล่อหลิวเต้าเซียงอีกครั้ง “เซียงเซียง คุณ้าจะเอาไก่ให้บริษัทหรือไม่ครับ ทางบริษัทจะช่วยคุณจดบันทึกไว้ รอจนเดือนหน้า คุณก็สามารถเอาไก่มาแทนเงิน แล้วเพิ่มที่ดินอีกหนึ่งไร่”
หลิวเต้าเซียงเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ถ้านางเพิ่มพื้นที่เพาะพันธุ์อีกไร่ นางก็จะสามารถเลี้ยงไก่ได้อีกห้าร้อยตัว
เมื่อคำนวณเงินในมือ ถ้านางไม่นับเงินของไก่เหล่านี้ หลังจากหักเงินที่ต้องให้จางกุ้ยฮัวเจ็ดร้อยเก้าสิบอีแปะ แล้วก็ค่าใช้จ่ายในบ้าน ยังเหลืออีกห้าตำลึงกับเจ็ดร้อยสิบห้าอีแปะ
หากไม่คำนวณยังไม่รู้ แต่พอคำนวณก็ถึงกับใ ราวกับว่านางกำลังจะพุ่งสู่หนทางแห่งความรุ่งโรจน์แล้ว
ตอนนี้หลิวเต้าเซียงมีสี่สิบสี่ตำลึงกับแปดร้อยหกสิบอีแปะ
“เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ฉันไม่เคยรู้สึกว่าต้องเร่งด่วนเช่นนี้มาก่อน”
สัตว์เดรัจฉาน สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดถามนางอย่างระแวดระวังว่า “จะทำอะไรนะครับ!”
“แยกบ้านกัน!” ปากสีชมพูเล็กๆ ของนางยิ้มโค้งเป็รูปจันทร์เสี้ยว
ใช่แล้ว หลังจากมีเงิน นางก็เฝ้าคิดถึงแต่เื่แยกบ้านทุกวินาที
“ถ้าเป็เื่นี้ผมช่วยคุณไม่ได้ครับ แน่นอน ด้านจิติญญาผมก็ยังสนับสนุนคุณอยู่ ย่าของคุณ ผมมองว่าสู้ย่าบ้านคนอื่นไม่ได้ ผมชอบย่าหวง โดยเฉพาะพี่หูจื่อ โอ๊ย มีกลิ่นอายความเป็ผู้ชายเหลือเกินครับ เฮ้อ คุณชายซูก็ดูดีเหลือเกิน เสียดายที่เป็บุปผาบนเทือกเขาอันหนาวเหน็บ”
หลิวเต้าเซียงยกมุมปากขึ้น ลืมตาขึ้นอย่างพูดไม่ออก
ใครก็ได้บอกนางทีว่า เ้านี่เริ่มหัดที่จะเป็ดอกไม้แรกแย้มั้แ่เมื่อไร?
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดปล่อยฟองสบู่สีชมพูออกมา อารมณ์ราวกับกำลังเล่นยิงปืน รู้สึกสนุกสนาน จึงเอ่ยถาม “เซียงเซียง ทำไมไม่พูดละครับ”
มนุษย์ตัวจิ๋วในใจของหลิวเต้าเซียงปาดน้ำตา ก็เ้าหมอนี่พูดออกมาหมดแล้ว นางยังมีอะไรให้พูดอีก?
คงเพราะรับรู้ถึงความหมั่นไส้ในใจของหลิวเต้าเซียง สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจึงแปรเปลี่ยนอารมณ์ทันใด แล้วประจบประแจงอย่างหนัก “เซียงเซียงที่รัก จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้เื่หนึ่ง”
หลิวเต้าเซียงไม่อยากสนใจมัน แต่เ้านี่ไม่รู้ไปฝึกมาจากใคร น้ำเสียงยิ่งอ่อนหวาน ทำเอาหัวใจของนางอ่อนตาม จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดี “มีอะไรก็รีบพูด!”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเพิกเฉยต่อน้ำเสียงของนาง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “โอ๊ย เกือบลืมไปเลยว่า คุณสามารถแลกลูกไก่ที่นี่ได้ ไก่หนึ่งตัวแลกลูกไก่หนึ่งตัว”
หลิวเต้าเซียงโกรธ จะเอาเปรียบกันไปถึงไหน?
ไข่ทั้งหมดที่นางมีเหลือไม่มากนัก ไก่เหล่านี้นางตั้งใจจะเอาไว้แลกข้าวสารและของอื่นๆ
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดอาจรู้ตัวว่าได้เตะเข้ากับแผ่นเหล็ก จึงบิดตัวม้วนแล้วเอ่ย “หรือไม่ก็ คุณเอาแม่ไก่มาแลก?”
หลิวเต้าเซียงหายใจเข้าลึกๆ และบอกตัวเองว่า อย่าโกรธไป หากว่าเราโกรธเท่ากับเป็ผู้โง่เขลา
“แลกอย่างไร?”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดปะทะกับอารมณ์โกรธของนาง จึงรีบทำเป็ไม่ได้ยินแล้วบอกกล่าวจำนวนออกมาอย่างเร็วรี่ “อิงตามโลกของคุณครับ แม่ไก่หนึ่งตัวราคาหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะ สามอีแปะสามารถซื้อไข่ได้สองใบ บริษัทกำหนดว่า อิงตามราคาไข่เพื่อแลกไก่ให้คุณ”
นางคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ยังดีที่พอยอมรับได้ จากสถานการณ์ปัจจุบัน แม่ไก่โตเต็มวัยสิบสองตัวแลกลูกไก่ได้หนึ่งพันตัว
“ถ้าเป็อย่างนั้น นายก็รีบแลกให้ฉัน” นางเข้าใจดีว่าแม้ลูกไก่จะราคาถูก ตนเองมีต้นทุนแค่เื่ลูกไก่กับค่าเช่าที่ ที่เหลืออีกฝ่ายเป็ผู้รับผิดชอบทั้งหมด พอคำนวณเช่นนี้ เงินเดือนของนางก็ถือว่าไม่เลว
เพียงแต่คำพูดนี้นางจะบอกกับสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดไม่ได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้มันหางชี้ขึ้นฟ้าแล้วมาอวดดีต่อหน้านางทุกวัน
ดอกกุ้ยฮัวร่วงโรยใต้แสงจันทร์ กลิ่นหอมจาก์ลอยละล่องไปกับเมฆหมอก
อารมณ์ของหลิวเต้าเซียงในเดือนนี้เบิกบานเต็มที่ ห้วงมิติของนางได้พื้นที่มาเพิ่มอีกหนึ่งไร่ ส่วนเงินเก็บที่มีก็สูงถึงหนึ่งร้อยกับสองตำลึง กระทั่งในทุกเดือนยอดผลผลิตไข่ไก่ของนางก็สูงถึงยี่สิบหกตำลึงกับหนึ่งร้อยสี่สิบห้าอีแปะ บวกกับก่อนหน้านี้อีกสี่สิบหกตำลึง แล้วก็แม่ไก่ที่โตเต็มวัยสามเดือน หักจากส่วนที่บริษัทหักไป สามตำลึงเงินกับอีกแปดเฉียน
“โอ๊ย เ้าสัตว์ปีศาจ นายนี่ใจร้ายจริง ที่แท้ในโลกของพวกนายก็มีเงินตำลึงอยู่ด้วยนี่นา!”
หลิวเต้าเซียงกวาดเงินสามตำลึงกับแปดเฉียนมา ผ่านไปอีกไม่นานก็จะเป็ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ตอนนี้ในมือนางมีเงินแล้วอยากตัดชุดอ๋าวฤดูใบไม้ร่วงบางๆ ให้ทั้งครอบครัวใส่จริงๆ
แม้ว่าจะยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนเศษกว่าจะถึง แต่ยุคโบราณนี้หากจะทำเสื้อผ้าดีๆ สักตัวนั้นใช้เวลานานเหลือเกิน มิน่าแต่ก่อนนางชอบเห็นในบทกลอน เอะอะก็มอบเสื้อผ้าเป็ของกำนัลให้กัน ที่แท้ก็เพราะว่าเ้าสิ่งนี้มีมูลค่ายิ่งนัก
เื่นี้ทำให้นางได้แต่คิดวนเวียน มันเป็เื่เพียงชั่วอึดใจ
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดอยากจะบอกว่า ตัวมันเองก็ลำบากเหลือเกิน!
การเป็วัตถุเสมือนจริงก็ไม่ง่ายเลย!
“เซียงเซียงที่รัก นี่จะโทษผมก็ไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าบริษัทมีการเตรียมของเหล่านี้ไว้ด้วย” มันไม่มีทางบอกหรอกว่าในคลังเก็บของของบริษัทยังมีของอีกมาก ล้วนแล้วแต่เตรียมไว้สำหรับโฮสต์ที่ตัวอยู่ในโลกยุคโบราณทั้งสิ้น
“จริงๆ นะครับ คุณต้องเชื่อนะ ตอนนี้ผมยังมีอำนาจไม่พอ ตอนที่บริษัทส่งเื่นี้ให้ผม ผมเองก็ถึงกับอึ้งไปเลย”
นับเป็เื่เหลวไหล อันที่จริงมันรู้มานานแล้ว แต่เื่อำนาจนั้นมันมีไม่ถึงจริงๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้เงินมาเป็ตัวแลกเปลี่ยนกับหลิวเต้าเซียง
หลิวเต้าเซียงถามอีกครั้ง “ในเมื่อบริษัทของนายสามารถใช้เงินจ่ายได้ เช่นนั้นนายไปถามดูสิว่าต่อไปจะสามารถใช้เงินตำลึงจ่ายได้ตลอดหรือไม่?”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าในระบบของมันไม่มีข้อมูลนี้หรืออย่างไร แต่หลิวเต้าเซียงรออยู่สักพัก จากนั้นก็ไปทำเื่อื่นต่อ
ตอนนี้ครอบครัวของนางไม่เพียงแต่กินอิ่ม สวมใส่อบอุ่น หลิวซานกุ้ยก็เรียนคัมภีร์พันอักษรกับกฎของลูกศิษย์จบแล้ว ตอนนี้เขากำลังเรียนคัมภีร์หลุนอวี่
หลังจากอาหารเย็นในวันนี้ จางกุ้ยฮัวนั่งขัดสมาธิอยู่บนคั่งที่มีถาดหลายอัน ในถาดมีน้ำมันที่เหลือน้อยนิดอยู่บนแผ่นกระเบื้อง ด้านในยังมีด้ายผ้าฝ้ายหนาอีกเส้นที่กำลังอยู่เหนือแสงไฟ
หลิวซานกุ้ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ถาด เขากำลังพลิกบทปาอี้ของคัมภีร์หลุนอวี่ที่วันนี้ได้เรียนมา ทว่าวันนี้กัวซิวฝานสอนเพียงแค่ย่อหน้าเล็กๆ ให้เขาท่องจำให้คล่องและแตกฉานกับความหมายของบทนี้ จึงจะสอนที่เหลือต่อ
เมื่อได้ยินเสียงแผ่นทองแดงที่น่ารื่นรมย์ เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์เพื่ออ่านหนังสือได้ เขาจึงวางหนังสือในมือ เงยหน้ามองจางกุ้ยฮัวและหยอกล้อนาง “เ้าเอาแต่นับทุกคืน ไม่เหนื่อยหรือ?”
จางกุ้ยฮัวยิ้มและเอื้อมมือไปััทองแดงในกล่องเล็กๆ ที่ต้องใช้กล่องเล็กนี้เพราะว่าเงินทองแดงของพวกเขานับวันยิ่งเยอะขึ้น โอ่งแหว่งๆ นั้นใส่ไม่พอแล้ว หลิวซานกุ้ยจึงหาเวลาว่างทำกล่องให้นาง
มันไม่ได้สวยงามหรือมีดอกไม้แกะสลักเหมือนในร้านค้า แต่เป็เพียงกล่องไม้ธรรมดาทั่วไป แต่จางกุ้ยฮัวก็ยิ้มสุขใจอย่างไม่หยุดหย่อนยามที่มอง
“ข้าชอบนับเหรียญทองแดง! ฟังเสียงของแผ่นทองแดงนี้สั่นกระทบกัน อารมณ์ของข้านั้นดีจนไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร”
หลิวซานกุ้ยออกไปจับปลาทุกรุ่งสาง หนึ่งเดือนก็ได้เงินมาสองถึงสามตำลึง การกินอยู่ของทั้งครอบครัวไม่ได้ลำบากอะไร จางกุ้ยฮัวเป็คนมัธยัสถ์ หากว่าผ่านไปสามเดือน นอกจากค่าหมึกและพู่กันของหลิวซานกุ้ยแล้ว ในกล่องนี้ของนางคงเก็บเงินแท่งได้สามสี่ตำลึง แล้วยังมีเงินอีกสองพวง
หลายวันมานี้ นางนอนหลับและมักจะตื่นกลางดึกด้วยความดีใจ
หลิวซานกุ้ยเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เงินเก็บไว้ให้ดี อีกไม่นานหากอากาศหนาว เกรงว่าคงไม่ได้ไปจับปลาอีก อีกอย่าง จากที่เห็นว่าพี่สะใภ้รองไม่ได้กลับมาบ้าน แต่พี่รองก็แอบแม่ไปรับพี่สะใภ้รองกลับไปพักค้างคืนที่ตำบลบ้าง เพียงแต่ทำอย่างระมัดระวัง ท่านแม่ไม่เคยรู้”
จางกุ้ยฮัวหุบยิ้มแล้วเก็บเงินตำลึงกับเงินทองแดงไว้ทีละพวง แล้วจึงเอ่ยถาม “เ้าว่าท่านแม่คิดอะไรกันนะ? แม้ว่าพี่สะใภ้จะขี้คร้านไปหน่อย แต่นางก็มีหลานชายตัวอ้วนสองคนให้กับบ้านเราไม่ใช่หรือ? จากข้อนี้ ข้าว่าท่านแม่จัดการเื่นี้เกินไปหน่อย”
“ข้าเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้ห้ามท่านแม่ เพียงแต่ เ้าเองก็เห็น เพียงแค่เอ่ยถึงพี่สะใภ้รอง สีหน้าของท่านแม่ก็บึ้งตึง ข้าว่าครั้งนี้นางเด็ดขาดแล้ว ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้รองไปทำอะไรให้ท่านแม่เคืองโกรธ” สำหรับเื่ที่หลิวฉีซื่อหาเื่หลิวซุนซื่ออย่างกะทันหันในปีนี้ หลิวซานกุ้ยยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
ส่วนคนที่รับผลกรรมกลับนั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองกล่องเงินด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ครอบครัวของนางมีเงินเก็บจำนวนมาก รอถึงสิ้นปีหากนางขายไก่ออกไป อีกทั้งทุกเดือนจะได้เงินจากการแลกไข่ไก่ คิดว่าพอถึงสิ้นปีคงได้อีกสักก้อน รอเพียงโอกาสที่จะได้แยกบ้าน ครอบครัวนางก็จะสามารถมุ่งสู่หนทางแห่งการเป็เศรษฐีแล้ว?
“ท่านพ่อ ท่านเลิกไปทำเื่ที่ท่านย่าไม่ชอบเถิด เหตุใดลุงรองไม่ไปพูดเอง? เขากลายเป็หนูขี้ขลาดั้แ่เมื่อไรกัน? ก็เพราะกลัวท่านย่าไม่พอใจไม่ใช่หรือ? ท่านพ่อเองก็เห็นว่า ่หลายวันมานี้ ท่านย่าเริ่มมองครอบครัวเราด้วยท่าทีไม่พอใจ”
หลิวซานกุ้ยใมากเมื่อได้ยินดังนั้น ่เช้าเขาต้องเรียน ่บ่ายต้องจับปลา ่เดือนกรกฎาเป็่ที่ยุ่งกับฤดูกาลซวงเฉี่ยง จึงไม่ทันได้ใส่ใจเื่นี้
ฤดูกาลซวงเฉี่ยงคือคำโบราณของตำบลเหลียนซาน ความหมายก็คือต้องรีบชิงเก็บเกี่ยวข้าวและไถนาเพื่อดำนา
หลิวซานกุ้ยและหลิวต้าฟู่ยุ่งมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ถึงได้จัดการงานเกษตรในบ้านของตนจนเสร็จสรรพ ส่วนลินินที่ปลูกบนที่ดินแห้ง ก็เก็บเกี่ยวไปหนึ่งรอบ
-----
