รถม้าเสียงดังกุบกับๆ เฉียวเยว่กำชายเสื้อของตนเอง ดวงหน้าเล็กจ้อยทำแก้มป่อง "ท่านแม่ อีกนานเท่าไรหรือ"
เหตุใดทางเข้าวังถึงได้ไกลขนาดนี้
แม้ว่านางจะไม่ตื่นเต้นมากนัก แต่เมื่อเช้าก็ยังเข้าสุขาถึงสี่รอบ
ไท่ไท่สามลูบศีรษะนาง พลางปลอบโยน "ใกล้แล้ว ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้วล่ะ เฉียวเยว่ไม่ต้องกลัว"
"ข้าไม่กลัว ไม่กลัวสักนิดเลย" เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่กลับขยำชายเสื้อแน่นยิ่งกว่าเดิม ดูไม่เหมือนคนปราศจากความหวาดวิตกสักนิด
เฉียวเยว่กัดริมฝีปาก "ท่านแม่ แปลกมากเลย ข้าบอกตนเองแล้วแท้ๆ ว่าเด็กน้อยเยี่ยงเ้าไม่ต้องวิตกกังวล ทุกคนล้วนชอบเ้า ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ข้าก็ยังใจเต้นโครมคราม ข้ามันไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่"
"ไม่ใช่เสียหน่อย เฉียวเยว่ทำได้ทุกอย่าง คนมากมายล้วนชมชอบ เ้ายังเล็ก ตอนแม่เข้าวังโตกว่าเ้าอีกยังกลัวเลย" ไท่ไท่สามยิ้มพลางส่ายหน้า
เห็นท่าทางของภรรยากับบุตรสาว ซูซานหลางก็ยิ้มเล็กน้อย "ตอนนี้เ้าก็ตื่นเต้นเหมือนกันมิใช่หรือ ข้าว่าเ้าตื่นเต้นยิ่งกว่าเฉียวเยว่เสียอีก ั้แ่เช้าเ้าทำผิดพลาดไปกี่เื่แล้ว"
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่เขา "ท่านเปิดโปงข้าต่อหน้าบุตรได้อย่างไร"
ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า "เฉียวเยว่อย่าพึ่งพามารดาไปเสียทุกเื่ บางคราก็ต้องปกป้องมารดาของเ้าบ้าง แท้จริงแล้วนางก็ตื่นเต้นเหมือนกัน"
เฉียวเยว่ยืดอก ตอบเสียงดัง "ได้เ้าค่ะ"
ระหว่างที่สนทนากัน คณะคนก็เข้าวังมาแล้ว รถม้าไม่สามารถผ่านเข้าไปในวังได้ พวกเขาต้องลงจากรถม้า ยามนี้อากาศหนาว แต่ก็น่าแปลก อาจเกี่ยวข้องกับรูปแบบการวางผังของวังหลวง แม้ว่าลมจะแรงมาก แต่กลับมีที่กำบังไม่น้อย จึงไม่หนาวมากนัก
"เฉียวเยว่" น้ำเสียงสดใสแฝงไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล เฉียวเยว่เอี้ยวศีรษะไป ผู้มาหาใช่ใครอื่น ก็คืออวี้อ๋องนั่นเอง
เมื่อเห็นคนรู้จัก ซ้ำยังเป็คนรู้จักที่ทำขนมอร่อยมากเสียด้วย นางก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจ
"คารวะท่านพี่อวี้อ๋อง"
วันนี้อวี้อ๋องสวมอาภรณ์สีแดง เรือนผมพิถีพิถันยิ่ง มีรอยยิ้มประดับมุมปาก
เขายื่นมือให้ "มา พี่ชายจะจูงเ้า"
แต่เฉียวเยว่กลับไม่ยอม "ข้าจะอยู่กับท่านแม่ นางกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย ข้าต้องคุ้มครองนาง"
ซูซานหลางกับไท่ไท่สามถวายความเคารพทันที
อวี้อ๋องอมยิ้ม หนุ่มน้อยทำให้คนรู้สึกจิตใจสงบ "เมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ไม่รบกวนเฉียวเยว่แล้ว วันหน้าเฉียวเยว่ไปเที่ยวจวนอวี้อ๋องอีกเมื่อไร พี่ชายจะทำของอร่อยให้กินอีก"
เขาดูราวกับแม่มดที่กำลังล่อลวงเ้าหญิงด้วยแอปเปิลพิษผลหนึ่ง
แต่ "เ้าหญิงน้อย" กลับถูกล่อลวงไปเรียบร้อย "เ้าค่ะ ข้าจะไป"
หลังตอบตกลง นางก็หันกลับไปถามซูซานหลางอย่างอึกๆ อักๆ "ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปใช่หรือไม่?"
ซูซานหลาง "หึหึ"
เขาแทบจะรักษารอยยิ้มไม่อยู่
แต่เฉียวเยว่กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น นางตบพุงน้อยๆ ของตนเอง "ท่านพ่อข้าตกลงแล้ว"
ซูซานหลางสาบานว่า กลับไปจะต้องตีก้นน้อยๆ ของนางให้ได้ นับวันนางก็ยิ่งซุกซน และยิ่งเก่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
อวี้อ๋องยิ้ม "เฉียวเยว่เข้าวังครานี้ก็เพื่อฉลองวันคล้ายวันประสูติของเสด็จย่า เตรียมของขวัญมาหรือไม่? ข้าอ๋องน้อยได้ยินว่าเฉียวเยว่ประดิษฐ์สิ่งของเก่งยิ่ง"
คำกล่าวนี้ถึงกับแพร่งพรายออกไปภายนอก แต่ซูซานหลางลองพินิจอย่างถี่ถ้วนก็ไม่รู้สึกแปลกใจ บ้านของพวกเขามีแตรใหญ่อยู่หลายอัน
พลังในการเป่าทรงประสิทธิภาพยิ่ง
ตัวอย่างเช่น ท่านพ่อตาของเขา ตัวอย่างเช่น บิดาเขา ตัวอย่างเช่น...
พวกเขาล้วนเป็เช่นนี้กันหมด วันไหนไม่ได้อวดเฉียวเยว่ก็คงจะกินข้าวไม่ลง
เพียงแต่วันคล้ายวันประสูติไทเฮากลับมิได้เตรียมของขวัญก็ดูไร้ความจริงใจไปสักหน่อย ขณะกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ของเฉียวเยว่พูดขึ้นมา "ข้าเตรียมแล้ว"
นางยิ้มตาหยี "ข้าเตรียมร่ายรำ"
อวี้อ๋องมองนางอย่างมีความหมายซ่อนเร้น พินิจนางั้แ่หัวจรดเท้า "ร่ายรำ? อ้อ....." หางเสียงของเขาลากยาว
เฉียวเยว่พยักหน้า "ถูกต้อง บิดาข้าบอกข้าช้าเกินไป เดิมทีข้าคิดจะทำของขวัญชิ้นหนึ่ง แต่เวลาไม่เพียงพอ ข้าคิดว่า ไทเฮาจะต้องมีครบทุกสิ่งสรรพแล้วเป็แน่ คงไม่ขาดสิ่งใด เมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ร้องเพลงร่ายรำก็พอ ในวังต้องไม่มีเทพธิดาน้อยที่สามารถขับร้องและร่ายรำเช่นข้าอย่างแน่นอน"
หากพูดเื่คุยโวโอ้อวด ซูซานหลางคิดว่าไม่มีผู้ใดเทียบบุตรสาวคนนี้ของพวกเขาได้
มุมปากของอวี้อ๋องโค้งขึ้น เขาพยักหน้า "เฉียวเยว่ต้องแสดงได้ดีมากอย่างแน่นอน"
"ของมันแน่อยู่แล้ว คนที่ล่อลวงผู้อื่นกินดื่มเยี่ยงข้า จะทำไม่ดีได้อย่างไร" เฉียวเยว่ตอบอย่างมั่นใจ
พูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกคล้ายว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางรีบปิดปากน้อยๆ ยิ้มตาหยี "วันนี้ท้องฟ้าสดใสดีนะเ้าคะ"
การเปลี่ยนเื่สนทนาคือความปราชัยย่อยยับ
แต่เคราะห์ดีที่อวี้อ๋องดูเหมือนจะไม่เก็บมาใส่ใจ เขาอมยิ้ม "ด้านหน้าก็ถึงแล้ว ท่านย่าเป็สตรีอ่อนโยนต้องชอบเฉียวเยว่เป็แน่"
ดวงตาของเฉียวเยว่เป็ประกายระยิบระยับ "จริงหรือ? ประเสริฐยิ่ง"
ซูซานหลาง "..."
…
เฉียวเยว่สาบานได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นเด็กคนไหนโกหกเก่งเช่นนี้มาก่อน ไทเฮาเป็สตรีอ่อนโยนมาก!
หลอกลวงทั้งเพ!
รูปโฉมของไทเฮางามพิลาส หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย ดูเป็ตัวร้ายในละคร แม้มิเอ่ยวาจาก็มองออกว่าเป็คนที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว อวี้อ๋องมองจากตรงไหนว่าคนผู้นี้เป็สตรีอ่อนโยน
เฉียวเยว่ทำความเคารพตามบิดามารดา แล้วไปยืนด้านข้าง
เด็กน้อยน่ารักอ้วนจ้ำม่ำ
ไทเฮาประทับบนพระที่นั่ง้า ทอดพระเนตรพิจารณานางั้แ่หัวจรดเท้า พระเนตรไร้อารมณ์ความรู้สึก "นี่คือแม่หนูน้อยของครอบครัวจิ้งหรั่นรึ"
"ทูลไทเฮา ใช่พ่ะย่ะค่ะ ธิดาน้อยเฉียวเยว่อายุห้าขวบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
เฉียวเยว่เงยหน้าดวงน้อยขึ้นยิ้มเผยฟันซี่เล็ก ดูเ้าเล่ห์แสนกล
อวี้อ๋องนั่งลงตรงตำแหน่งไม่ไกลจากข้างพระวรกายไทเฮา เขาเอนกายอย่างเกียจคร้านเอ้อระเหย เอ่ยเสียงเบา "เสด็จย่า เมื่อครู่มาถึง ได้ยินว่านางมีของขวัญเตรียมมาถวายด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
คนน้ำเสียงไพเราะ ยามสนทนายิ่งคล้ายกับการร่ายลำนำ
ไทเฮาเลิกพระขนง "จริงรึ? ข้าชักอยากเห็นเสียแล้วสิ ว่าแม่หนูน้อยเตรียมสิ่งใดมา"
มุมโอษฐ์โค้งขึ้นแย้มสรวลคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนี้ กลับทำให้เฉียวเยว่นึกทอดถอนใจ ยามไทเฮาทรงเยาว์วัยจะต้องเป็โฉมงามเพริศพริ้งเป็แน่ แม้บัดนี้จะอายุห้าหกสิบชันษาแล้ว ยังคงดูงดงามมาก เห็นได้ว่าเมื่อยังเป็สาวรุ่นก็คงจะมีรูปโฉมโดดเด่นเหนือผู้ใด
ไทเฮาเห็นนางเหม่อลอยก็ตรัสว่า "หนูน้อยตะลึงงันไปเสียแล้ว"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก เอ่ยอย่างจริงจัง "เมื่อครู่ท่านยิ้ม ช่างน่ามองเหลือเกิน"
แต่เด็กน้อยห้าหกขวบก็รู้จักประจบสอพลอเป็แล้ว เฉียวเยว่ย่อมตระหนักได้ว่าลูกไม้นี้มิอาจใช้บ่อยนัก เพราะไม่แน่ว่าไทเฮาจะทรงเห็นว่านี่คือความจริงใจ
นางกระแอมกระไอเบาๆ แล้วออกมายืนตรงกลาง "ของขวัญที่ข้าเตรียมมามอบแด่ท่านก็คือตัวข้าเอง"
นางตั้งท่าที่คิดว่าตนเองดู "เย้ายวน" ที่สุด ก่อนเอ่ยว่า "ข้าจะขับร้องและร่ายรำให้ท่านชมเ้าค่ะ"
"ขับร้องและร่ายรำรึ เมื่อเป็เช่นนี้ก็มาเถอะ ข้ามิได้เห็นเด็กน้อยขับร้องร่ายรำมานานแล้วเหมือนกัน" ไทเฮาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
สถานที่แห่งนี้มิได้มีเพียงแต่พวกเขา ยังมีสนมชายาอีกจำนวนหนึ่ง พวกนางล้วนเป็ "สะใภ้" ของไทเฮา แต่ละนางต่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่มีการชำเลืองหางตา เห็นได้ถึงความเข้มงวดของไทเฮา
เฉียวเยว่มองไปโดยรอบ ไม่เห็นรัชทายาท หลังจากนั้นก็เริ่มร้องเพลง "ข้ามีลาน้อยหนึ่งตัว แต่ไรมาไม่เคยขี่มัน วันหนึ่งเกิดคิดหมายมั่น อยากจะขี่มันไปตลาดสักครา..."
เฉียวเยว่ร้องไปก็เต้นไป นางแสร้งทำเป็ลาน้อยกระดกก้น แล้วแกล้งล้มลงไป
ไทเฮา "..."
ทุกคนต่าง... อึ้งงัน
อย่าว่าแต่ผู้อื่น แม้แต่ซูซานหลางก็ตะลึงพรึงเพริด มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ รู้สึกะเืใจอย่างรุนแรง การแสดงนี้นางไม่เคยบอกผู้ใด
แม้แต่เขาผู้เป็บิดายังไม่เคยเห็น การร่ายรำนี้ พูดตามตรง ดูน่ารักไร้เดียงสาแบบเด็กๆ
แต่ก็ดูโง่งมจริงๆ
ขณะรัชทายาทมาถึงเฉียวเยว่ยังทำการแสดงอยู่
รัชทายาทกลั้นยิ้ม ทำความเคารพแล้วเดินไปนั่งด้านข้าง
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็แสดงจบ ทอยิ้มตาหยี "ขอบพระคุณทุกท่าน ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ"
รัชทายาทปรบมือทันที คนอื่นๆ... ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วน
แต่เฉียวเยว่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย นางมองไทเฮาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "ข้ายังทำอย่างอื่นเป็ด้วย ข้าเป็เทพธิดาน้อย"
การคุยโอ้อวดตนเองเช่นนี้ ไทเฮาไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ จึงตรัสว่า "อย่างอื่นก็เป็หรือ? ไหนลองว่ามาซิ เ้าทำอะไรเป็อีกบ้าง?"
เฉียวเยว่กางนิ้วมือนับอย่างจริงจัง "มีเยอะเลย สิ่งที่ข้าทำได้มีค่อนข้างเยอะมาก ข้าประดิษฐ์สิ่งของเป็ เขียนอักษรเป็ วาดภาพก็เป็ ข้ายังสามารถ..."
เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ เดินก้าวเข้ามา "เด็กคนนี้ช่างพูดไปสักหน่อย ขอไทเฮาทรงเมตตาอย่าได้ตำหนิโทษ"
หลังจากนั้นก็เอามืออุดปากเ้าตัวน้อยของตนเองแล้วลากไปด้านข้าง
ขาสั้นๆ อวบอ้วนยังคงดิ้นไปมา ดูแล้วทั้งน่าสงสารและน่าขบขัน
ไทเฮาชำเลืองพระเนตรไปที่ซูซานหลาง เห็นใบหน้าที่มักสุขุมอยู่เสมอแดงก่ำขึ้นมา ตกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากตอนแรกที่มีแต่รอยยิ้ม
"เด็กคนนี้มีนามว่าอันใด?" พระนางดูเหมือนจะไม่ใส่พระทัยกับเื่เมื่อครู่
"เฉียวเยว่ เฉียวเยว่พ่ะย่ะค่ะ" ซูซานหลางถลึงตาใส่บุตรสาว ก่อนวางมือลง
เฉียวเยว่ไม่พูดจ้ออีก นางเม้มริมฝีปาก แต่สายตามองไปที่อวี้อ๋อง
ไท่ไท่มองตามสายตาของนางไป เห็นนิ้วมือของอวี้อ๋องกำลังไล้ขอบจานบนโต๊ะ ในจานมีขนมอันประณีตงดงาม ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงเห็นความเ้าเนื้อของเด็กน้อยก็รู้ว่านางเป็นักกินตัวยง
สายตาของแม่หนูน้อยเลื่อนไปที่มือของเขา
ไทเฮาแย้มพระสรวลน้อยๆ "ได้ยินว่าเฉียวเยว่ชอบของหวาน"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า "ใช่เ้าค่ะ ใช่เ้าค่ะ"
อวี้อ๋องหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยิ้มเอ่ยว่า "เฉียวเยว่อยากกินขนมหรือ?"
ท่าทางดุจกำลังหลอกล่อเด็กน้อย
เฉียวเยว่ขยำอาภรณ์ตัวน้อย ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด "ข้าไม่กินเ้าค่ะ"
อวี้อ๋องค่อยๆ หยิบใส่ปาก แล้วเคี้ยวอย่างช้าๆ "ในความหวานมีกลิ่นหอมแทรก ไม่เลี่ยนเกินไป กลิ่นผกาหอมอบอวล ละลายทันทีเมื่อเข้าปาก"
เฉียวเยว่คิดตามความเคลื่อนไหวของเขาพลางกลืนน้ำลาย
เขาจงใจพูดเช่นนี้ทั้งที่รู้ว่านางอยากกิน ฮือๆๆ
เฉียวเยว่รู้สึกว่าตนเองช่างน่าเวทนายิ่งนัก
แต่นางก็ยังยืนกรานหนักแน่น กลับจวนก็ยังมีของอร่อยกินอีกเยอะ ควรระวังของในวังไว้หน่อยดีกว่า
นางพยายามเกลี้ยกล่อมตนเองเบาๆ "ต้องไม่อร่อยแน่ๆ ต้องไม่อร่อยแน่ๆ"
รัชทายาทไหนเลยจะไม่รู้อุปนิสัยของเฉียวเยว่ พลันรู้สึกปวดใจ "มาสิ เฉียวเยว่ เสด็จพี่รัชทายาทจะจูงเ้าไปหยิบของอร่อย"
เฉียวเยว่สูดหายใจลึก ทอยิ้มหวาน "ขอบพระคุณเสด็จพี่รัชทายาท ข้าไม่อยากกินเ้าค่ะ เมื่อเช้าข้ากินมาจากบ้านเยอะแล้ว" นางตบพุงน้อยๆ ของตนเอง แล้วพูดอีกว่า "ข้าสามารถอดทนต่อความเย้ายวนได้"
รัชทายาทยังไม่ทันเอ่ยวาจา ก็เห็นอวี้อ๋องยิ้มน้อยๆ "ซื่อผิง วันนี้ข้าทำขนมมาให้เสด็จย่าเองเลยนะ"
ดวงตาของเฉียวเยว่เบิกกว้าง เสียงกลืนน้ำลายดังยิ่งกว่าเดิม เช่นนั้นก็ยิ่งอร่อยน่ะสิ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้