“ไม่ต้อง” จี๋โม่หานพูดพร้อมถลกแขนเสื้อขึ้น เขาเอาข้อมือของตัวเองไปวางไว้ข้างริมฝีปากของซูิเยว่
พวกหลิงชวนมองแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
พอแขนเย็นแตะโดนริมฝีปากแห้งผากที่มีเืติดอยู่ของซูิเยว่ นางที่กำลังมึนเบลออยู่ก็กัดเข้าไปทันที
ความเ็ปแล่นเข้ามา แต่จี๋โม่หานกลับไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิด ความเ็ปแค่นี้สำหรับเขาแล้วไม่ถือว่ามากอะไร แต่ตอนที่รู้ว่าแม่หนูที่เขารักาเ็แบบนั้น หัวใจของเขาก็เจ็บจนยากจะหายใจ
ซูเฉินถอนหายใจเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจี๋โม่หานที่เปลี่ยนมาเป็แบบนี้นั้นดีหรือแย่
ก่อนหน้านี้จี๋โม่หานนั้นเ็า เข้าหายาก แทบไม่มีความรู้สึกใดใดเลยสักนิด แต่พอมีความรู้สึกก็ดันลึกซึ้งถึงขนาดนี้
ซูเฉินหันตัวมาเปิดกล่องยาแล้วหยิบมีดเล็กออกมาจากด้านใน จากนั้นก็ฆ่าเชื้ออย่างง่ายๆ “ตอนนี้กระหม่อมจะตัดเนื้อเน่าที่อักเสบบนปากแผลของคุณหนูซู พวกเ้าจับตาดูเอาไว้ อย่าให้นางขยับตัวเด็ดขาด”
แค่ฟังเฉยๆ ก็ยังรู้สึกเจ็บขนาดนี้
จี๋โม่หานเอามือข้างที่ว่างมาจับมือของซูิเยว่ไว้ ิจิ่วเดินมาด้านหน้าแล้วจับมืออีกข้างของซูิเยว่ไว้
ซูเฉินถือมีดขึ้นมาแล้วเริ่มจัดการเนื้อเน่าบนปากแผล ที่มีเืแข็งตัวเป็สีดำ ทั้งยังผสมกับกรวด ดูไปแล้วน่าใจริงๆ
การเคลื่อนไหวของซูเฉินเบามือมาก หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาเยอะมาก
จากการตัดเนื้อเน่าออกไปทีละนิ้ว ซูิเยว่ที่สลบอยู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา แรงที่กัดตรงแขนของจี๋โม่หานก็แรงขึ้นเรื่อยๆ แขนของจี๋โม่หานเริ่มมีเืไหลออกมาเล็กน้อย
หลิงชวนมองอย่างกังวลแล้วขมวดคิ้ว “องค์ชาย....”
“ไม่เป็ไร” สีหน้าของจี๋โม่หานไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับเป็เื่เล็กน้อยเท่านั้น เขาอยากช่วยลดความเ็ปของซูิเยว่ลงมาสักหน่อย
เนื้อเน่าถูกตัดออกแล้วโยนลงไปในน้ำ เพียงครู่เดียวน้ำก็ถูกย้อมจนเป็สีแดงเข้ม ดูแล้วน่ากลัวมาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ซูเฉินก็ได้หยุดการกระทำลง เขาถอนหายใจออกมาน้อยๆ พลางเช็ดเหงื่อบนหน้า “เรียบร้อยแล้ว”
ปากแผลของซูิเยว่ถูกจัดการไปได้พอสมควรแล้ว ปากแผลที่แตกบางแผลก็เริ่มมีเืไหลออกมา แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก
ซูิเยว่เองก็เริ่มผ่อนลมหายใจ นางปล่อยฟันที่กัดแขนของจี๋โม่หานออก
ซูเฉินหยิบยาทาแผลออกมาจากกล่องยา จากนั้นก็ทาลงไปที่ปากแผลของซูิเยว่ จุดที่ไม่สะดวกก็ให้ิจิ่วเอายาไปทาให้ หลังจากทายาเสร็จก็พันแผลง่ายๆ แล้วค่อยป้อนยาลดไข้ให้ซูิเยว่ หลังจากนั้นก็ให้ิจิ่วเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้ซูิเยว่
“ตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง จะฟื้นเมื่อไหร่?”
จี๋โม่หานได้ยินเสียงหายใจของซูิเยว่ค่อยๆ สงบลง หัวใจที่เป็กังวลก็วางลงได้แล้ว
“สถานการณ์ถือว่าคงที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซูเฉินเก็บของลงไปในกล่องยา “แต่ว่าไข้ยังไม่ลด จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่อาจทราบได้ จิ่งฉือเ้าไปต้มยากับข้า”
“ขอรับ”
ซูเฉินสั่งการอีกรอบ “หลายวันนี้อย่าเพิ่งให้ปากแผลโดนน้ำ จะต้องเปลี่ยนยาวันละครั้ง แต่เพราะดวงตาขององค์ชายนั้นอาจจะทำให้ไม่สะดวกเท่าไร อีกทั้งในจวนก็ไม่มีสาวใช้ ท่านก็ให้ิจิ่วเป็คนดูแลเถิด มีอะไรก็เรียกหากระหม่อมได้ทันที”
ซูเฉินพูดจบก็แบกกล่องยาเดินออกไป จิ่งฉือตามเขาไปต้มยา หลิงชวนกับจื๋อหลันเองก็ตามออกไปเงียบๆ
ิจิ่วยืนมองอยู่ริมเตียงก่อนจะพูดเสียงเบา “องค์ชาย เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปรออยู่ด้านนอกประตูนะเพคะ หากมีอะไรท่านก็เรียกหม่อมฉันได้เลย”
จี๋โม่หานรับคำเสียงเรียบ ิจิ่วออกไปพร้อมกับปิดประตูให้ดี เพียงครู่เดียวภายในห้องก็เงียบลง
จี๋โม่หานนั่งอยู่ริมเตียง เขายกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของซูิเยว่เบาๆ ฟังเสียงลมหายใจอ่อนๆ ของนาง สีหน้าก็อ่อนโยนขึ้นมาทันที ทั้งยังตำหนิตัวเองเล็กน้อย
นี่คือสาวน้อยของเขา ตอนนี้เขากลับทำให้นางเจอเื่ไม่ยุติธรรม
จี๋โม่หานไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร ด้านนอกประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ต่อมาก็เป็เสียงของจิ่งฉือ “องค์ชาย ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้ามาเถิด”
จิ่งฉือผลักประตูยกยาเข้ามา ด้านหลังมีิจิ่วตามมาด้วย “องค์ชาย ให้หม่อมฉันทำเถิดเพคะ”
“ไม่ต้อง” จี๋โม่หานไม่ได้หันหน้าไป แต่กลับยกมือออกมา “เอายามาให้ข้า พวกเ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” จิ่งฉือไม่ได้พูดอะไร แล้วส่งถ้วยยาไปให้จี๋โม่หานพร้อมกับส่งสายตาให้ิจิ่วเงียบๆ
ิจิ่วเองก็ไม่ได้รั้นอะไร “เช่นนั้นหม่อมฉันออกไปก่อนนะเพคะ องค์ชาย”
ถึงแม้ตาของจี๋โม่หานจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด พวกเขาเองก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก
หลังจากพวกจิ่งฉือออกไปแล้ว จี๋โม่หานก็ยกถ้วยยามาทดสอบอุณหภูมิก่อน จากนั้นถึงค่อยร้องเรียกเบาๆ “แม่หนู”
ซูิเยว่ที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ตอบกลับ
จี๋โม่หานถอนหายใจก่อนจะยกถ้วยยามาจ่อที่ริมฝีปากของตัวเองแล้วดื่มเข้าไปหนึ่งอึก จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของซูิเยว่ แล้วปล่อยยาที่อยู่ในปากให้ไหลเข้าไปในปากของอีกฝ่าย
ซูิเยว่อ้าปากรับยาที่ถูกแบ่งมา แต่ก็ยังมียาส่วนหนึ่งที่ไหลออกมาจากระหว่างริมฝีปากของทั้งสอง
จี๋โม่หานทำเช่นนี้ซ้ำไปมาจนป้อนยาหนึ่งถ้วยหมด หลังจากป้อนเสร็จแล้วเขาก็ลุกเอาถ้วยกลับไปวางที่โต๊ะ แล้วหยิบผ้าขนหนูแห้งบนชั้นด้านข้างมาเช็ดน้ำยาที่ไหลลงมาที่คอจนสะอาด
ซูิเยว่ไม่รู้เลยว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหน สติเลือนราง ระหว่างนั้นก็ตื่นขึ้นมาหลายครั้ง แต่สติก็ยังเลือนรางอยู่ดี ทั้งดวงตาก็ยังเปิดไม่ขึ้น
จี๋โม่หานคอยเฝ้าอยู่ข้างกายซูิเยว่ ถึงิจิ่วจะเข้ามาผลัดเปลี่ยนแล้วขอให้เขาไปพักผ่อน แต่เขาก็ไม่ยอมไป ถ้าซูิเยว่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่อาจวางใจ
ซูิเยว่นอนั้แ่เช้าจนถึงกลางดึกถึงจะฟื้นขึ้นมา คอแห้งมากจนทรมาน แต่ว่าปากแผลบนตัวก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว นางลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าพร่าเลือน นางปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง สายตาถึงค่อยๆ ชัดขึ้น
นางขยับตัวเล็กน้อย ตรงแขนรู้สึกแข็งเล็กน้อย จี๋โม่หานที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกได้ทันที เขาหันหน้ามามองด้วยความเป็ห่วง “แม่หนู เ้าฟื้นแล้ว เป็อย่างไรบ้าง?”
เขาพูดแล้วยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากของซูิเยว่ ไข้ลดลงแล้ว
ซูิเยว่ชะงักไป จากนั้นก็ยกแขนขึ้นมาจับมือของจี๋โม่หานแล้วยกยิ้ม “หม่อมฉันไม่เป็ไร”
เสียงยังคงแหบมาก แต่ความทรมานที่ร่างกายตอนนี้ไม่ได้มากแล้ว พอลืมตาขึ้นมาเจอจี๋โม่หานที่เฝ้าอยู่ข้างกาย จะบอกว่าไม่ซึ้งใจก็คงเป็การโกหก ในใจของซูิเยว่นั้นทั้งอบอุ่นและเ็ป
จี๋โม่หานเองก็หัวเราะ น้ำเสียงอ่อนโยนมาก “มีตรงไหนที่ไม่สบายหรือไม่?”
“อยากดื่มน้ำ”
“ได้ ข้าจะไปเอามาให้” จี๋โม่หานพูดอย่างรักใคร่ ก่อนจะดึงมืออกแล้วลุกไปรินน้ำอุ่นมาให้ เขาค่อยๆ พยุงซูิเยว่ลุกขึ้นมากึ่งนั่งแล้วป้อนน้ำให้
เมื่อน้ำอุ่นหนึ่งแก้วไหลลงคอ ซูิเยว่จึงรู้สึกสบายคอขึ้นมาเล็กน้อย
จี๋โม่หานพยุงนางลงไปนอนอีกครั้งแล้วกุมมือนางเบาๆ “นอนเถิด อย่ากังวลเลย ข้าจะเฝ้าอยู่ข้างกายเ้าตลอด”
สายตาของซูิเยว่จ้องอยู่ที่ใบหน้าของจี๋โม่หานโดยไม่ละสายตาไปไหน นางเอ่ยปากพูดเสียงเบา “ไม่อยากนอนแล้ว นอนไม่หลับ”
“เจ็บแผลขึ้นมาอีกแล้วใช่หรือไม่?” คิ้วของจี๋โม่หานขมวดเข้าหากัน
“เปล่าหรอก” ซูิเยว่ปฏิเสธ าแนั้นเจ็บอยู่แล้ว แต่ความเจ็บแค่นั้นไม่ค่อยเท่าไร “ก็แค่อยากมองท่าน”
จี๋โม่หานหัวเราะเบาๆ แล้วโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของซูิเยว่แ่เบา “ได้ เช่นนั้นข้าจะอยู่กับเ้า”