ห้องของที่พักนั้นเรียบง่ายและโกโรโกโสอยู่บ้าง ซึ่งไม่อาจเทียบกับโรงแรมในยุคสมัยหลังๆ ได้ ในห้องมีเพียงเตียงไม้หนึ่งหลัง เก้าอี้ไม้พนักพิงหนึ่งตัว โต๊ะไม้อีกหนึ่งตัว และเนื่องจากในห้องไม่มีคนอยู่มานาน จึงมีกลิ่นอับชื้น
คังอิงเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ จากนั้นก็อาบน้ำชำระล้างร่างกาย ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายขึ้น คังอิงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกเป็อิสระราวกับนกน้อยที่หลุดพ้นจากกรงขัง จากนั้นเธอก็เริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการหย่าร้าง
เธอััเงินก้อนโตในกระเป๋า แล้วออกจากที่พัก ก่อนมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอถ่ายภาพหัวอี้ วันนั้นตอนอยู่ที่สตูดิโอถ่ายภาพหัวอี้ คังอิงนึกถึงวิธีนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เธอก็มีเงินทุนที่จะทำให้แผนการนี้เป็จริง...
คังอิงบอกกับที่บ้านว่าจะออกไปซื้อของชำ จากนั้นเธอก็หายไปทั้งคืน ไม่ได้กลับบ้าน เหมยเหนียงกับฟู่ซินหลางพยายามตามหาเธอทุกที่ แต่ก็หาคังอิงไม่เจอ พวกเขาคิดว่าเธอคงไปได้ไม่ไกล อีกทั้งคังอิงเป็คนอ่อนแอ แถมยังไม่มีเงินติดตัว คงต้องยอมกลับมาเองแต่โดยดี สุดท้ายสองแม่ลูกจึงไม่สนใจจะตามหาเธออีกต่อไป คืนนั้นฟู่ซินหลางก็เลยไปออกเดตกับอู๋ฮวนแทน
อีกหนึ่งวันต่อมา คังอิงก็โทรหาฟู่ซินหลางโดยโทรไปยังร้านขายของชำข้างล่างตึกบ้านของตระกูลฟู่ ถ้าจะให้เถ้าแก่ช่วยไปเรียกหนึ่งครั้งต้องเสียเงินหนึ่งเหมา ในยุคสมัยนี้หากจะติดตั้งโทรศัพท์ที่บ้านต้องเสียค่าติดตั้งครั้งแรกถึงแปดพันหยวน ตระกูลฟู่จะมีปัญญาติดตั้งโทรศัพท์ได้ที่ไหนกัน
พอได้ยินว่าเป็คังอิง ฟู่ซินหลางก็โวยวายใส่เธอทางโทรศัพท์ทันที “เธอออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกตั้งสองวันแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?!”
ถ้าไม่ใช่เพราะมีลูกค้ามาซื้อของที่ร้านขายของชำมากมาย ฟู่ซินหลางคงสบถคำหยาบคายออกมาแล้ว แต่เขาเป็คนที่ดูสุภาพอ่อนโยน และมีมารยาทดีต่อหน้าคนอื่นมาตลอด เพราะแบบนี้เขาจึงต้องอดกลั้นไว้ก่อน
“นายมาที่ร้านกาแฟซินซื่อจี้เดี๋ยวนี้ ฉันจะคุยเื่หย่ากับนาย” คังอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“อะไรนะ?!” ฟู่ซินหลางยังไม่ทันได้ตอบกลับ คังอิงก็วางสายไปแล้ว
ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาคิด เธอจึงต้องคว้าโอกาสไว้ในมือ คังอิงโทรศัพท์จากร้านกาแฟซินซื่อจี้นี่แหละ พอวางสาย เธอก็สั่งกาแฟแก้วหนึ่ง แล้วนั่งรอฟู่ซินหลางอย่างสบายใจ
แต่อย่างไรเสีย กาแฟในเมืองเล็กๆ นี้ก็ไม่ให้กลิ่นและรสชาติอย่างกาแฟแท้ๆ กาแฟแก้วละสามหยวนก็แค่กาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อเนสทเล่ผสมกับครีมเทียมเนสท์เล่เท่านั้น ทำให้คังอิงที่ดื่มกาแฟสดบดด้วยมือเป็ประจำยากจะกลืนลงคอ
ฟู่ซินหลางปั่นจักรยานมาปรากฏตัวต่อหน้าคังอิงโดยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที และสิ่งที่ทำให้คังอิงไม่คาดคิดก็คือ ฟู่ซินหลางพาเหมยเหนียงมาด้วย นี่มันลูกแหง่ชัดๆ ไม่อาจแยกจากแม่ตัวเองได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“คังอิง เธอมีความสุขสบายใจนักหรือไง? สองวันมานี้ เธอไปเที่ยวเล่นที่ไหนมา?” ฟู่ซินหลางด่าว่าเธออย่างเดือดดาล
คังอิงกล่าวด้วยสีหน้าเ็า “โตเป็ผู้ใหญ่ที่เป็ถึงนักศึกษามหา’ลัยแล้ว พูดจาให้มันสุภาพหน่อย! วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อจะคุยเื่หย่ากับคุณ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังคุณด่าทอ!”
“หย่างั้นหรือ? เป็ไปไม่ได้ พวกเธอเป็สามีภรรยากันอยู่ดีๆ ทำไมต้องหย่าด้วย? มีเื่เข้าใจผิดอะไรก็พูดจากันดีๆ เถอะ” เหมยเหนียงขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
“พูดคุยกันดีๆ เหรอ? มีอะไรให้พูดคุยกัน? ลืมตาขึ้นมาดูให้ชัดๆ สิว่า คนไร้ยางอายสองคนนี้เป็ใคร”
คังอิงเขวี้ยงรูปถ่ายปึกหนึ่งไปที่ใบหน้าของฟู่ซินหลาง ท่าทางแข็งกร้าวของเธอในเวลานี้แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่เชื่อฟังและซื่อสัตย์ในอดีตอย่างสิ้นเชิง
ฟู่ซินหลางตกตะลึงเล็กน้อย พอเขาหยิบรูปถ่ายที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดู สีหน้าของเขาก็พลันซีดเผือด รูปพวกนี้ล้วนแต่เป็รูปที่เขาไปเดตกับอู๋ฮวนเมื่อคืนนี้ ทั้งรูปจับมือ รูปกอดกัน แล้วยังมีรูปที่... เกินเลยมากกว่านั้น...
“เธอ... เธอสะกดรอยตามฉันเหรอ?” ฟู่ซินหลางทำท่าดุร้ายทั้งที่ในใจหวาดหวั่น
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะไร้ยางอายขนาดนี้ เพิ่งจะสอบเข้ามหา’ลัยได้ ก็อยากจะเป็เฉินซื่อเหม่ย [1] แล้วรีบกลับไปคืนดีกับอู๋ฮวน”
คังอิงกล่าวอย่างเ็า เธอจ้างเด็กฝึกงานประจำสตูดิโอหัวอี้ให้เขาไปแอบถ่ายรูปพวกนี้มา เธอให้เงินห้าสิบหยวนแก่เด็กฝึกงานคนนั้น ถือว่าเขาทำงานได้คุ้มค่ามาก เขาสามารถถ่ายรูปพวกนี้ได้ตามที่เธอ้า
“เื่นี้ฉันอธิบายได้ ฉันไม่ได้คบกับอู๋ฮวน หล่อนได้ยินว่าฉันสอบติดมหา’ลัย ก็เลยตามมาตอแยฉัน ฉันคิดว่าอย่างไรก็เคยคบกันมาสักพัก เลยไม่อยากปฏิเสธหล่อนอย่างไร้เยื่อใย แต่เธอวางใจได้ ฉันไม่มีทางคบกับหล่อนแน่นอน”
เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของฟู่ซินหลาง เขาได้แต่โทษว่าตัวเองประมาทเกินไป ทำไมถึงปล่อยให้คังอิงถ่ายรูปพวกนี้มาได้?
เพียงแต่ว่า คังอิงคนนี้ฉลาดขึ้นมาั้แ่เมื่อไหร่กัน? ฟู่ซินหลางเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาอันแหลมคมของคังอิงที่จ้องมองมาที่เขาประหนึ่งมีดคมเล่มหนึ่ง ทำเอาเขาใกลัวโดยไม่รู้ตัว
คังอิงที่เป็เช่นนี้ช่างดูแปลกไปมาก เธอไม่เหมือนผู้หญิงที่ยอมทำงานหนัก คอยดูแลเขาและแม่ของเขาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนใน่สามปีที่ผ่านมาเลย
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว พวกเราหย่ากันเถอะ!”
คำพูดของคังอิงราวกับสายฟ้าฟาดดังเปรี้ยงอยู่ข้างหูฟู่ซินหลาง
การหย่ากับคังอิงนั้นเป็เื่ไม่ช้าก็เร็ว ทว่าฟู่ซินหลางวางแผนจะหย่ากับคังอิงหลังจากเรียนจบจากวิทยาลัยในอีกสามปีต่อจากนี้ต่างหาก ก่อนที่เขาจะเรียนจบ เขายัง้าให้คังอิงอยู่ที่บ้านหาเงินเลี้ยงดูเขา และคอยดูแลแม่ที่ร่างกายอ่อนแอของเขาอยู่
“ไม่นะ ฉันไม่หย่ากับเธอ อู๋ฮวนเป็ฝ่ายมาตามตอแยฉันเอง ต่อไปฉันจะไม่เจอหล่อนอีก”
ฟู่ซินหลางคิดอยู่สักพัก ก่อนจะรีบให้คำมั่นกับคังอิง คังอิงเป็คนอารมณ์อ่อนไหว ควบคุมง่าย ขอแค่เขาเอาใจเธอดีๆ เธอต้องให้อภัยเขาแน่ๆ
“ใช่แล้ว เื่นี้ซินหลางผิดไปเอง เขาก็รับปากว่าจะสำนึกผิดแล้ว เธอจะดื้อดึงไปเพื่ออะไรกัน วันนี้ซินหลางก็สอบเข้ามหาลัยได้แล้ว ในที่สุด่เวลายากลำบากก็จบลง ทำไมต้องหย่ากันด้วย?”
พอเหมยเหนียงเห็นรูปถ่ายพวกนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง ในความคิดของหล่อน คังอิงเป็คนอ่อนแอไม่ต่างจากก้อนแป้ง จัดการได้ง่ายมาก ดังนั้นเื่นี้ก็ยังควบคุมได้อยู่
“บอกตามตรงนะ ฉันไม่อยากใช้ชีวิตกับซินหลางแล้ว วันนี้ฉันจะหย่าให้ได้ คุณกลับบ้านไปเอาสมุดทะเบียนบ้านมาเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันที่สำนักกิจการพลเรือน ถ้าคุณไม่มาล่ะก็ ฉันจะส่งรูปภาพพวกนี้ไปที่สำนักงานการศึกษา ส่งไปวิทยาลัยครูอำเภอหลี่ว์ ให้ทุกคนได้เห็นว่าคุณเป็เฉินซื่อเหม่ย!”
คังอิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
พอเหมยเหนียงหยิบรูปถ่ายที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดูไม่กี่รูป นางก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไป ลูกชายของนางกับอู๋ฮวนดูสนิทแแ่กันมาก... ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์ มันเหมือนกับสมบัติของนางถูกแย่งชิงไปอย่างนั้นแหละ
“นี่... คนหนุ่มสาวแบบนี้ ใครบ้างจะไม่ทำผิดพลาด? ซินหลางก็บอกแล้วว่าเป็เพราะอู๋ฮวนมาตอแยเขาเอง ต่อไปเขาคงไม่ทำผิดอีกแล้ว เธอก็ให้อภัยเขาเถอะนะ”
แม้ว่าเหมยเหนียงจะไม่ชอบใจคังอิงมากนัก แต่นางยิ่งไม่ชอบใจอู๋ฮวนที่ดูสนิทสนมกับลูกชายของตนมากยิ่งกว่า ใน่สามปีที่คังอิงแต่งงานเข้ามาในบ้าน ลูกชายของนางยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคังอิงเลย หากลูกชายของนางแต่งงานกับอู๋ฮวนล่ะก็ เกรงว่าลูกชายของนางจะจมอยู่ในห้วงเสน่หาของหล่อนแน่นอน กลายเป็แต่งภรรยาแล้วลืมแม่ คำกล่าวล้อเลียนของคนในชนบทจะกลายเป็จริงขึ้นมา ทำให้เหมยเหนียงตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“นอกจากรูปถ่ายที่ฟู่ซินหลางนอกใจฉันแล้ว ฉันยังมีบันทึกการรักษาที่ฟู่ซินหลางทำร้ายร่างกายฉัน แล้วยังมีรูปถ่ายาแบนร่างกายของฉันอีก ถ้าคุณยังไม่ยอมหย่ากับฉัน ฉันจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ การาเ็ที่ศีรษะอย่างนี้ ถือว่าเป็การทำร้ายร่างกายรุนแรง มีโทษจำคุกสามถึงห้าปี”
คังอิงหยิบหลักฐานต่างๆ ออกมาจากซองเอกสารทีละอย่าง เธอไม่กลัวว่าฟู่ซินหลางกับเหมยเหนียงจะแย่งมันไป เพราะเธอเตรียมเอกสารพวกนี้ไว้สองถึงสามชุด
สองแม่ลูกมีสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคังอิงที่ในอดีตเคยเป็คนซื่อสัตย์และไร้ประโยชน์จะใช้วิธีการเช่นนี้ได้ พวกเขาเคยชินกับการรังแกคังอิง และคิดอยู่เสมอว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำบงการของพวกเขาเท่านั้น
ฟู่ซินหลางไม่ได้สนใจอะไร เขาวางแผนจะหย่ากับคังอิงเพื่อแต่งงานกับอู๋ฮวนอยู่แล้ว ส่วนเหมยเหนียงที่ปกติดูแข็งกร้าว พอเจอกับหลักฐานที่ชัดเจนของคังอิงเข้าก็จนปัญญาทันที นางทำได้แค่ชี้ไปที่ปลายจมูกของคังอิงด้วยความโมโหจนหายใจแทบไม่ทัน แล้วตะคอกใส่เธออย่างดุร้ายทั้งที่ในใจสั่นกลัว
“แก... แกกล้าแข็งข้อ!”
เชิงอรรถ
[1] เฉินซื่อเหม่ย ตัวละครจากเื่เปาบุ้นจิ้น ตอน ปะาราชบุตรเขย เป็บัณฑิตจากชนบทที่แต่งงานมีครอบครัว แต่กลับใช้เงินของภรรยาเข้ามาสอบยังเมืองหลวง จนต่อมาได้เป็จ้วงหยวน และได้รับสมรสพระราชทานกับองค์หญิง จึงทอดทิ้งภรรยาเก่าและบุตรชายบุตรสาว ปิดบังเื่ที่เคยมีครอบครัวอยู่ก่อนเอาไว้ ภรรยาและลูกเดินทางมาตามหาจึงคิดฆ่าปิดปากทั้งหมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้