หยางมามาเข้าใจดีจึงเอ่ยด้วยความเศร้าใจ “บ่าวรู้ว่าในบรรดาคุณหนูของตระกูล นอกจากคุณหนูใหญ่ก็มีคุณหนูสี่ที่สนิทสนมกับท่าน ตอนนี้นางกลับทำเื่เหล่านี้ลงไป คนที่เ็ปที่สุดคือเอ้อร์ไท่ไท่ นายท่านรองและเหล่าไท่ไท่ ทว่าตามความคิดเห็นของบ่าว คุณหนูสี่เพิ่งอายุเก้าขวบ จะแยกแยะความดีและความชั่วได้อย่างไร? ต้องมีบ่าวชั่วข้างกายนางคอยยุยงส่งเสริมเป็แน่ เหล่าไท่ไท่ก็รู้ เอ้อร์ไท่ไท่นั้นยุ่งที่สุดในจวนของพวกเรา แม้นางจะมีเวลาว่างแต่ก็มักจะห่วงเื่คุณหนูรองก่อนเสมอ หากปล่อยเวลาผ่านไปคงเป็เื่ยากที่จะอบรมสั่งสอนคุณหนูสี่ อีกทั้งยังทำให้พวกบ่าวรับใช้ชั่วช้ารอบตัวคุณหนูสี่ใช้ประโยชน์จากการนี้เรื่อย ๆ คุณหนูสี่เปรียบเสมือนหยกอ่อนไร้รูปร่าง หากคนรอบข้างบอกให้กลม นางก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็รูปร่างกลม แต่หากคนรอบข้างบอกให้แหลม นางก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็หนามแหลมคม”
เมื่อเห็นสีหน้ารับไม่ได้ของเหล่าไท่ไท่ หยางมามาจึงไตร่ตรองก่อนเอ่ย “บ่าวกลับมาถึงจวนเมื่อครู่ สิ่งแรกที่ทำคือให้คนหลอกสาวใช้ในเรือนคุณหนูสี่มาคนหนึ่ง ควบคุมตัวพร้อมสอบปากคำทันที สั่งให้นางเล่าชีวิตประจำวันและพฤติกรรมแปลก ๆ ใน่นี้ของคุณหนูสี่ แรกเริ่มบ่าวรับใช้ผู้นั้นไม่ยอมพูดความจริง นางเพียงหาข้ออ้างโกหกเพื่อหลีกเลี่ยง บ่าวจึงหลอกนางว่าสาวใช้อีกคนของคุณหนูสี่รายงานเื่นี้แล้ว บอกว่า่นี้คุณหนูสี่มักยุ่งอยู่กับขวดอันตรายบางอย่าง ตอนนี้สาวใช้ผู้นั้นได้เลื่อนขั้นเป็สาวใช้ขั้นหนึ่ง หากบ่าวรับใช้คนอื่นในจวนช่วยปิดบังความผิดให้นาย ก็ต้องถูกส่งไปเป็แรงงานขุดคลองที่นอกเมือง สาวใช้ผู้นั้นได้ยินเช่นนี้ก็หวาดกลัวมาก พลันเปลี่ยนท่าทีราวกับกระบอกไม้ไผ่ที่เทถั่วออกจนหมด นางเล่าเื่ที่คุณหนูชอบทำใน่นี้เสียสิ้น”
เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วมุ่น “นางบอกอะไร?”
หยางมามาลังเลก่อนตอบ “นอกจากทำบางอย่างกับชุดคุณหนูสามแล้ว ก่อนหน้านี้คุณหนูสี่เคยเทยาเตียวซานเย่าถึงครึ่งขวดลงบนร่างของคุณหนูสาม เื่นี้ยังนับว่าเล็กน้อย ตามคำบอกเล่าของสาวใช้ผู้นั้น ในห้องของคุณหนูสี่ยังแอบซ่อนผงยาอีกหลายชนิด ส่วนมากเป็ยาแฝด ยาทำให้เป็ใบ้และยาพิษ ยาเหล่านี้เป็ยาที่คนท่องยุทธภพใช้ อีกทั้งยังมีเื่อื่น ๆ มากมาย ตอนนี้บ่าวไม่มีเวลาเล่ารายละเอียดให้ท่านฟัง อาจีเขียนคำสารภาพของเด็กสาวผู้นั้นลงในกระดาษแล้ว ตอนนี้นางถูกมัดและอุดปากขังไว้ในห้องเก็บฟืนหลังจวนเพื่อให้เหล่าไท่ไท่สืบสวนในวันพรุ่งนี้เ้าค่ะ”
เหล่าไท่ไท่ได้ยินก็กำหมัดทุบขาตัวเองอย่างแรง ก่อนเอ่ยอย่างเดือดดาล “์ช่างไม่ปกปักรักษาตระกูลหลัวเสียเลย ปล่อยให้เื่เลวร้ายมากมายเกิดขึ้นกับจวนเช่นนี้ คุณชายจูก็รักษาไว้ไม่ได้ คุณหนูเส่าก็ยังเกิดปัญหาอีก เด็กสาวยังไม่ออกเรือนเก็บยาแฝดและยาพิษมากมายเพื่อความสุขของตัวเอง นี่คือคุณหนูที่ตระกูลหลัวอบรมสั่งสอนหรือ ข้าเกลียดยิ่งนัก เมื่อหลัวตู้จ้งยังมีชีวิตก็ไม่เคยสนใจเื่ในจวน ไม่รู้ว่าเป็ห่วงเป็ใยลูกชายทั้งสามบ้างหรือไม่ ตอนนี้ลูกชายทั้งสามในวัยสามสิบกว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากสืบทอดการค้าขายยารักษาโรคเท่านั้น พวกเขาอ่อนแอกว่าคนจวนตระกูลหลัวตะวันตกในเมืองหลวงเสียอีก เจ็ดปีก่อนคนใจร้ายผู้นั้นก็ตายจากไปพร้อมโยนปัญหาทั้งหมดให้แก่ข้า เขาได้รับตะเกียงและธูปหอมบูชาในโถงบรรพบุรุษตลอดวัน เหตุใดจึงไม่คุ้มครองลูกหลาน” เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย ใบหน้าของนางก็เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา
หยางมามารับฟังความทุกข์ในใจของเหล่าไท่ไท่เงียบ ๆ นางก็เสียใจและอยากร้องไห้เช่นเดียวกัน ขณะจะเอ่ยปลอบใจนั้น จู่ ๆ เหล่าไท่ไท่ก็เอ่ยถึงเื่ ''ไม่อาจยื้อชีวิตคุณชายจู'' ทันใดนั้นหยางมามาก็นึกบางอย่างออก พลันเขย่าแขนเหล่าไท่ไท่พลางเอ่ย “เหล่าไท่ไท่อย่าเสียใจเลย ครั้งนี้ข้าพบเื่แปลกประหลาดบางอย่างในวัดสุ่ยซัง อยากเล่าให้เหล่าไท่ไท่ฟัง”
......
“เสี่ยวเลี่ยว แขนหายดีหรือยัง?” ลู่เจียงเป่ยผลักประตูเข้ามาพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เลี่ยวจือหย่วนนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง ด้านข้างมีสตรีแปลกหน้ากำลังทายาให้เขา ท่าทางสนิทสนมยิ่งนัก ลู่เจียงเป่ยจึงรีบเอ่ย “เสียมารยาทแล้ว ข้าขอลา” สิ้นเสียงก็กำลังจะหันออกไป
เลี่ยวจือหย่วนพยายามลุกนั่งพลันะโ “หยุด ๆ ๆ ท่านหัวหน้า เ้ารีบมาถ่ายทอดพลังลมปราณของเ้าให้ข้าที เจ็บจะตายแล้ว ไอ้ตัวแสบแซ่เกาผู้นั้น เดิมทีข้าเห็นอกเห็นใจเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถึงขั้นฆ่าปิดปากข้า เพียงเพราะข้าอ่านใจเขาออก ใจคอโเี้ยิ่งนัก ปู่มันเถอะ มิน่าล่ะ คุณหนูเหอถึงไม่เอา”
ลู่เจียงเป่ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เื่ไร้สาระพวกนี้เป็อย่างไรกันแน่ เ้าได้ยินมาจากที่ใด? เกาเจวี๋ยบอกหรือว่าคุณหนูเหอไม่สนใจเขา?”
“มานี่ก่อน ๆ รีบมาถ่ายพลังลมปราณให้ข้า ข้าจะได้ผ่อนคลายบ้าง” เลี่ยวจือหย่วนโบกแขนขวาที่เพิ่งต่อกระดูกเสร็จอย่างมีชีวิตชีวา จับจ้องลู่เจียงเป่ยด้วยสายตาออดอ้อน พลางกล่าวเสียงอู้อี้ “ช่วยรักษาข้าด้วยพี่เจียง ข้ารู้ว่ากำลังภายในของเ้าดีกว่าเกาเจวี๋ย ความสามารถของเ้าก็มีมากกว่าไม่รู้กี่เท่า ได้โปรดรักษาข้า ผ่อนคลายกระดูกให้ข้าที”
ลู่เจียงเป่ยเดินไปนั่งด้านหลังเลี่ยวจือหย่วนอย่างจนปัญญา ก่อนใช้มือขวาจับที่ไหล่ของอีกฝ่าย เหลือบมองใบหน้าของสตรีท่าทีเก้ๆ กังๆ ด้านข้าง พลางเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “นี่ เ้า เหตุใดจึง...”
สตรีผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที พลันปิดหน้าสะอื้น ลู่เจียงเป่ยรีบหันมองด้านหลังศีรษะของเลี่ยวจือหย่วนพลางเอ่ยขอโทษ “ข้าเสียมารยาทแล้ว ข้าไม่ได้คิดเป็อื่น เพียง...”
เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยขัดจังหวะด้วยความเบื่อหน่าย “นี่ หัวหน้า ค่อยคุยทีหลังได้หรือไม่? หากช้ากว่านี้อาจรักษาไม่ได้แล้ว อีกอย่างอาการาเ็ของข้าสามารถแจ้งเป็ ''อาการาเ็ในหน้าที่'' เพื่อรับเงินเยียวยาและวันหยุดชดเชยได้หรือไม่? ท่านพี่ลู่ไม่รู้อะไร ตอนนี้ครอบครัวข้าเกิดเื่วุ่นวาย น้องสาวขโมยเงินเดือนทั้งปีของข้าหนีไปไหนก็ไม่รู้ แม้แต่เงินจะไปพบหญิงงามก็ไม่มีสักแดงเดียว”
ก่อนใต้เท้าเกิ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็องครักษ์เสื้อแพร ลู่เจียงเป่ยมีอายุมากที่สุดในบรรดาจิ่นอีเว่ยทั้งยี่สิบคน ทุกคนจึงเรียกเขาว่าหัวหน้าจนเคยชิน นอกจากต้วนเสี่ยวโหลวแล้ว ลู่เจียงเป่ยคือบุรุษแปลกประหลาดอีกคนหนึ่ง ว่ากันว่าเขาไม่เคยพูดคำหยาบขณะสอบปากคำนักโทษ คนอื่นมักพูดกันว่าการที่ท่านหัวหน้าสนิทสนมและใจดีกับเพื่อนร่วมงานนั้นเป็เื่ดี แต่เขากลับมีมารยาทและสุภาพกับศัตรู ถือเป็การทำลายภาพลักษณ์โเี้ของจิ่นอีเว่ยในใจของผู้คน ไม่สามารถยอมรับได้ยิ่งกว่าการที่ต้วนเสี่ยวโหลวช่วยเหลือสตรีระหว่างทำคดีเสียอีก
“ต้องโทษปากของเ้าที่พาลหาเื่ล่วงเกินเกาเจวี๋ย ทั้งยังทำให้ข้าถูกหางเลขไปด้วย” ขณะลู่เจียงเป่ยรวบรวมกำลังภายในก็เอ่ยอบรมสั่งสอนราวกับเลี่ยวจือหย่วนเป็น้องชาย “เ้าใกล้จะแต่งงานแล้วก็ควรหยุดเล่นไปเรื่อยเหมือนแต่ก่อน หอนางโลมก็ไปน้อยลงหน่อย ให้ว่าที่เ้าสาวของเ้าสบายใจก่อนแต่งเข้าจวนบ้าง หลีกเลี่ยงไม่ให้นางเกิดความคิดด้านลบว่าเ้า ''เชื่อถือไม่ได้'' ”
ทันใดนั้นเลี่ยวจือหย่วนก็ััได้ถึงความอบอุ่นที่หลั่งไหลไม่หยุดจากมือบนไหล่ มันไหลเข้าสู่เส้นลมปราณ ซ่อมแซมข้อต่อและกล้ามเนื้อที่ได้รับาเ็ เลี่ยวจือหย่วนสบายจนเผลอครางเสียงต่ำ “อ๊ะ อ๊ะ อืม... ต่ำกว่านี้อีกนิด ใช่... ตรงนั้นแหละ เพิ่มแรงหน่อย อ๊า ดี อย่างนั้นแหละ...”
“อืม ต้องเพิ่มแรงอีกหรือไม่? เ้าทนไหวหรือ?” ลู่เจียงเป่ยขมวดคิ้วถาม “พวกเราเปลี่ยนตำแหน่งกันเถอะ เ้าอยู่หัวเตียงจะดีกว่า มิเช่นนั้นเส้นลมปราณของไตจะผ่านไม่ได้แล้วจะอ่อนแรง ข้าจำได้ว่าครั้งที่แล้วเสี่ยวต้วนก็เป็เช่นนี้”
สตรีด้านข้างพยายามใช้แรงจากสองมือบิดชายเสื้อ พลางบีบน้ำตา ดวงตาคลอน้ำตาคู่นั้นกลอกไปมาระหว่างบุรุษทั้งสองตรงหน้าไม่หยุด
เมื่อััได้ถึงสายตาแปลก ๆ ที่มองใบหน้าของตน เลี่ยวจือหย่วนจึงโบกมือราวกับไล่ยุงก่อนเอ่ย “ไป ๆ ไปหาเหล้าที่หน้าลานจวนมาให้ข้า เอาเหล้าหนี่ว์เอ๋อร์หงสองไห อุ่นร้อนแล้วค่อยยกเข้ามา” คำสั่งของเขาทำให้สตรีที่ยืนดูต้องเดินออกไปอย่างไม่ยินยอมนัก
เมื่อแผ่นหลังของหญิงสาวลับหายไปจากประตู ลู่เจียงเป่ยก็อดถามเลี่ยวจือหย่วนไม่ได้ “แมวป่า สตรีผู้นั้นเป็ใคร เหตุใด... เหตุใดนางไม่มีปลายจมูก?” ลู่เจียงเป่ยไม่ใช่ไม่เคยเห็นผู้สูญเสียจมูกหรือดวงตา และตนก็ไม่เคยทำให้ผู้ใดเป็เช่นนั้น แต่เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามทว่าปลายจมูกหายไปส่วนหนึ่ง มองอย่างละเอียดคล้ายแผลเพิ่งตกสะเก็ดใหม่ ลู่เจียงเป่ยจึงอดใไม่ได้
เลี่ยวจือหย่วนครางด้วยความสบาย ขณะเดียวกันก็เอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน “ก็เห็นอยู่ว่าถูกคนเฉือน นางชื่อหลิ่วซุ่ย เป็สาวใช้ของหลิงเมี่ยวอี้ที่น่ารำคาญผู้นั้น ครึ่งเดือนก่อนหลิงเมี่ยวอี้ให้สินบนลูกน้องของพวกเราจนรู้เบาะแสของจิ่นอีเว่ย จึงตามพวกเราไปที่เมืองหยางโจว เมื่อฮูหยินใหญ่ตระกูลหลิงรู้เื่ก็ไม่รู้จะระบายความโกรธที่ใด จึงลงมือกับสาวใช้ของหลิงเมี่ยวอี้แทน หลิ่วซุ่ยผู้นี้มีไหวพริบ เมื่อได้ยินว่าฮูหยินใหญ่หลิงจะตัดจมูกพวกนาง จึงหาจมูกปลอมที่หลิงเมี่ยวอี้เคยใช้ปลอมตัวมาใส่ โชคดีที่นางหลอกคนอื่นได้ ตอนถูกเฉือนจึงสูญเสียปลายจมูกไปเพียงนิดเดียว แต่นางก็คิดในแง่ดี บอกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่มีสภาพน่าเวทนาเหมือนสาวใช้คนอื่น”
ลู่เจียงเป่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเป็ปม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “ได้ยินว่าตระกูลหลิงเป็ตระกูลผู้ดี เหตุใดจึงมีสตรีที่ร้ายกาจเช่นนี้?”
“ไม่ใช่ ความจริงแล้วตระกูลหลิงมีสตรีเพียงไม่กี่คน สตรีที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายที่สุดคือ ฮูหยินเกาภรรยาของเกาเจวี๋ยและแม่ของนาง แม้หลิงเมี่ยวอี้จะร้ายกาจแต่ก็ยังไม่เท่าแม่ลูกคู่นั้น” เลี่ยวจือหย่วนบิดเอวก่อนนอนคว่ำหน้า ก่อนหันมาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็โอกาสที่หาได้ยากนัก หัวหน้าช่วยนวดหลังให้ข้าที ข้าเคยได้ยินเสี่ยวต้วนบอกว่าั้แ่ที่เ้าช่วยเขารักษาอาการาเ็ กำลังภายในของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก ทั้งยังเพิ่มความสามารถควบคุมฝ่ามือพลังลมปราณเย็นได้อีกสองเท่า ปู่เขาเถอะ ข้าอิจฉาตาร้อนนัก แม้แต่เหล้าก็ยังไม่ทำให้ข้าพอใจถึงเพียงนี้ ท่านหัวหน้า ได้โปรดแบ่งประโยชน์ให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้า ''แมวป่า'' ขอทวยเทพเป็พยาน ต่อไปข้าจะไม่ี้เีทำงาน ยามทุกคนกิน ข้าจะไม่พูดเื่ตลก ยามทุกคนหลับ ข้าจะไม่กรน พอได้หรือไม่ท่านหัวหน้า? ”
ความจริงแล้วองครักษ์จิ่นอีเว่ยที่เข้ามายังหอฉางเยี่ยจะมีชื่อเล่นของตัวเอง ลู่เจียงเป่ยชื่อว่า ''กวางซีกา'' เกาเจวี๋ยคือ ''ไห่ตงชิง'' เจี่ยงพีนาม ''อิงสุ่น'' ทว่ากลับไม่มีชื่อใดสดใสเท่า ''แมวป่า'' ของเลี่ยวจือหย่วน เขามีไหวพริบลื่นไหล มีเล่ห์เหลี่ยมดุจ ''แมวป่า'' บางครั้งก็ดุร้าย บางครั้งก็ออดอ้อน ทุกคนจึงเรียกเขาด้วยชื่อนี้จนคล่องปาก แม้แต่เลี่ยวจือหย่วนก็ยังใช้ชื่อ ''แมวป่า'' เป็ชื่อจริงของตน
ลู่เจียงเป่ยหัวเราะก่อนเอ่ย “แมวเช่นเ้าฉวยโอกาสได้ดีเสียจริง ครั้งที่แล้วเส้นลมปราณของเสี่ยวต้วนถูกยอดฝีมือลึกลับตัดสะบั้น ข้าจึงช่วยเหลือเขา ตอนนี้เ้ายังวิ่ง ยังะโได้ ทั้งยังมีกำลังวังชามากกว่าข้าเสียอีก แต่กลับบอกให้ข้านวดหลัง ไม่มีทาง หากมีตัวอย่างให้เห็น พรุ่งนี้เจี่ยงพีก็มาหาข้า วันถัดไปตู้เหยาก็มาหาข้า ข้าควรช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่? หากทุกคนล้วนอยากใช้ทางลัด ไม่ยอมลำบากฝึกฝนจนความแข็งแกร่งของจิ่นอีเว่ยถดถอย มันคงเป็ความผิดของข้าที่ช่วยเหลือพวกเ้า”
เลี่ยวจือหย่วนถลึงตามอง ก่อนเบะปากพลางเอ่ย “เ้าขี้เหนียวเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเ้าหาข้ออ้าง เจี่ยงอี้พี่ชายของเจี่ยงพีก็เป็ยอดฝีมือ หากเขาอยากขอความช่วยเหลือก็ขอพี่ชายของเขาไม่ดีกว่าหรือ ตู้เหยาไม่ใช่ศิษย์สำนักเดียวกับพวกเรา เส้นทางวรยุทธ์ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากเ้าช่วยผิดก็อาจเกิดปัญหากับลมปราณชี่กงได้ ท่านหัวหน้าขอรับ ช่วยนวดหลังให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ เอาล่ะ ข้ายอมเทหมดหน้าตัก ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งของคุณหนูเหอให้ฟัง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้