ในใจของฉินอวี่กำลังเบิกบานใจอย่างเต็มที่ เมื่อมีเพลิงมรณะ การอยู่ในแดนมรณะก็เหมือนปลาได้น้ำ อีกทั้งยังได้ชิงอาวุธของพยนต์มรณะมาอีกด้วย
เกรงว่าตลอดหลายปีมานี้ คงมีเพียงตนเองเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้สินะ?
และสิ่งที่ทำให้ฉินอวี่เบิกบานใจเช่นนี้คือการได้อยู่ในแดนมรณะแห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับมากมาย มีพยนต์มรณะอยู่เป็จำนวนมาก ซึ่งพยนต์มรณะเหล่านี้ก็น่าจะเข้ามาที่นี่ั้แ่ยุคไท่ชู และในตอนนั้น หยาจื้อสิบสามฝ่ายนับว่ายังมีอาวุธที่หลงเหลือจากยุคสมัยหงหวงอยู่เป็จำนวนมาก หลังจากที่ผู้เป็อัจฉริยะของหยาจื้อสิบสามฝ่ายเ่าั้ได้ตายไปในสถานที่แห่งนี้...
อาวุธในยุคสมัยไท่ชูที่กล่าวถึงนั้น ก็น่าจะอยู่ในแดนมรณะแห่งนี้ทั้งหมดหรือไม่?
“ข้าไม่ค่อยหวังเื่ทหารร้างพวกนั้นแล้วล่ะ หากสามารถตามหาทหารเซียนจากที่นี่ได้ข้าก็พอใจแล้ว” ฉินอวี่พูดปลอบใจตนเอง แม้จะรู้ว่ามันไม่อาจเป็ไปได้ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็ตอนนี้หรือในอดีต ทหารเซียนล้วนเป็เื่สมบัติของสำนักและตระกูล อีกทั้งคงไม่มีผู้ใดยอมยกให้คนหนุ่มสาวคนไหนไปโดยง่าย เพียงแต่ในใจของฉินอวี่ตอนนี้รู้สึกเพียงพอแล้ว รอยประทับบนดาบใบกว้างนั่น หากเขาจำไม่ผิดละก็ เขาคงเคยเห็นมาก่อนในสำนักเทียนฉี!
เมื่อวัวสันหลังหวะอย่างเขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดตามมา ฉินอวี่ก็หยิบดาบใบกว้างนั้นออกมา
“เอ๊ะ?” ทันทีที่หยิบดาบใบกว้างนั้นไว้ในมือ ฉินอวี่ก็รู้สึกได้ว่าร่างของเขาหนักอึ้งจนขาทั้งสองจมไปในดินทันที เพราะน้ำหนักของดาบใบกว้างเล่มนี้หนักกว่าที่ฉินอวี่จินตนาการเอาไว้มาก
ด้วยพลังของร่างกายฉินอวี่ในตอนนี้ เขาสามารถแบกรับน้ำหนักได้ถึงร้อยชั่งสบายๆ แต่ดูเหมือนดาบใบกว้างเล่มนี้จะมีน้ำหนักราวล้านชั่ง
“ไม่เลวเลย ดาบขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ แสดงว่าวัสดุที่ใช้สร้างมันจะต้องไม่ธรรมดา เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสร้างดาบเล่มนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นปีแน่นอน นับว่าเป็อาวุธชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว!” ฉินอวี่กำด้ามจับของดาบไว้แน่น แม้ว่าจะใช้แรงมาก แต่ใจของเขากลับตื่นเต้น สามารถใช้เหล็กกล้าอายุหมื่นปีสร้างขึ้นมาได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาวุธชนิดนี้จัดเป็อาวุธที่อยู่ในระดับสูง และยังท้าทายต่อฟ้าดินยิ่งนัก
เมื่อปลายดาบปักลงไปบนพื้นดิน ฉินอวี่ก็ใช้มือข้างซ้ายคว้าจับด้ามดาบไว้แน่น และเช็ดดูรอยประทับบนดาบใบกว้างนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อรอยประทับนี้ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดวงตาทั้งสองของฉินอวี่ก็เบิกกว้าง จิตใจของเขาก็ตกตะลึงในทันที
เป็รอยประทับนี่จริงด้วย!
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังตกตะลึงนั้น แม้ว่าความรู้สึกอันตรายจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ฉินอวี่ก็ใขึ้นเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงเก็บดาบใบกว้างนี้ไว้ในวงแหวนมิติ แก่นปราณพุ่งออกจากร่างกายของเขา ก่อร่างเป็เกราะป้องกันที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
“ตูม!” ฉินอวี่รู้สึกเหมือนูเาใหญ่ถูกกระแทก เกราะป้องกันแก่นปราณแตกออกทันที พลังที่แข็งแกร่งนั้นส่งผลให้ฉินอวี่ถูกผลักลอยออกไป
“โฮก!” เสียงคำรามดังขึ้นมากึกก้องไปทั่วทั้งฟ้า
ฉินอวี่ที่ถอยห่างออกไปกว่าสิบจ้างกระอักเืออกมาคำหนึ่ง และปีนลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่กลับพบพยนต์มรณะหนุ่มตัวนั้นยืนนิ่งอยู่ตรงจุดที่ตนเองยืนอยู่ก่อนหน้า พยนต์มรณะตัวนี้ได้แต่ยืนมองไปรอบด้านราวกับกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
“เป็ไปได้อย่างไร พยนต์มรณะตัวนี้ตามข้ามาตลอดเลยหรือ?” ฉินอวี่ใ ด้วยไม่สามารถใช้พลังของมโนจิตได้ เขาจึงไม่รู้สึกว่าพยนต์มรณะกำลังไล่ตามเขาอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกับพยนต์มรณะตัวนี้กันแน่? แม้ว่าจะรักษาจิตสำนึกก่อนตายเอาไว้ แต่ก็ไม่น่าจะตามมาถึงที่นี่ได้” ฉินอวี่แอบใ พยนต์มรณะตัวนี้ไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างไปจากคนปกติ ตอนนี้ฉินอวี่มีเพลิงมรณะปกคลุมทั่วร่างกาย เขาจึงยังไม่เคลื่อนไหว เพราะเขาพบว่าพยนต์มรณะหนุ่มตัวนี้ยังคงมองไปรอบด้าน แต่กลับยังไม่พบฉินอวี่
“หรือจะเป็เพราะดาบนั่น? เขาอาจมีความเกี่ยวพันกันกับดาบใบกว้างนั่นก็เป็ได้ บางทีเขาอาจััได้ถึงพลังปราณของดาบ? แม้จะเป็เช่นนี้ แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ตายไปแล้ว จะรับรู้ถึงพลังปราณจากดาบได้อย่างไร?” ฉินอวี่ยิ่งรู้สึกงุนงงมากขึ้น พยนต์มรณะตัวนี้ได้ล้มล้างความรู้ของเขาทั้งหมดที่มีเลยทีเดียว
“ก่อนชายหนุ่มคนนี้จะตายต้องเป็หนึ่งในกลุ่มอัจฉริยะอย่างแน่นอน แต่เสียดายที่ไม่มีลักษณะเฉพาะของหยาจื้อสิบสามฝ่าย และยังไม่รู้ว่าเป็คนของฝ่ายไหน” ฉินอวี่หยิบโอสถออกมาเม็ดหนึ่งก่อนจะกลืนลงไปด้วยความประหลาดใจ
“โฮก!”
ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกังวลเป็พิเศษ และยังคงหันศีรษะมองไปโดยรอบอย่างไม่หยุดหย่อน
“พยนต์มรณะยังมีความแปรปรวนของอารมณ์อีกหรือ? โชคดีที่พยนต์มรณะยังไม่สามารถตรวจจับพลังของดาบใบกว้างนั้นได้อย่างแม่นยำนัก แต่ใน่ที่อยู่ในแดนมรณะแห่งนี้ คงไม่สามารถนำดาบเล่มนั้นออกมาได้อีก” ฉินอวี่พูดกับตนเอง และมองไปยังพยนต์มรณะที่กำลังส่งเสียงคำราม พลางพยายามจากไป
เมื่อฉินอวี่ออกมาได้ร้อยกว่าจ้าง ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังตามตัวฉินอวี่อยู่เช่นเดิม แต่ทิศทางของเขากลับแตกต่างไปจากฉินอวี่ ราวกับว่าเขาสามารถััได้ถึงตำแหน่งของดาบเล่มนั้นอย่างกว้างๆ เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงตามมาตลอด ฉินอวี่ก็แอบถอนหายใจ และแปลกใจมากว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถจับพิกัดของดาบใบกว้างเล่มนั้นได้อย่างไร
“ปล่อยให้ตามข้าต่อไปแบบนี้ไม่น่าจะดีแน่นอน จะต้องหาทางสลัดเขาให้ได้ เขาก็น่าจะเหมือนกับพยนต์มรณะตัวอื่นๆ ที่สามารถโจมตีคนเป็ได้ แต่น่าเสียดายนัก หากอยู่กับอันดับหนึ่งละก็คงดีไม่น้อย จะได้อาศัยให้อันดับหนึ่งหาทางสลัดพยนต์มรณะตัวนี้ทิ้ง อีกทั้งยังสามารถยืมมือพยนต์มรณะสังหารอันดับหนึ่งได้อีกด้วย” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง พละกำลังของพยนต์มรณะนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก และดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าอันดับหนึ่งอยู่มากอีกด้วย
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ดวงตาของฉินอวี่ก็เปล่งประกาย เมื่อคิดดูแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปยังขอบทางด้านหนึ่ง และตัดสินใจเบนความสนใจของพยนต์มรณะไปยังศิษย์ของเผ่าหยาจื้อ
ฉินอวี่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มขีดจำกัด เมื่อมีเพลิงมรณะอยู่กับตัว เขาจึงสามารถทำตัวเหมือนเดินเล่นอยู่ในแดนมรณะแห่งนี้ได้อย่างสบายใจ โดยไม่มีความกังวลต่อพยนต์มรณะทั่วไปเหล่านี้
ครึ่งวันต่อมา
ฉินอวี่หยุดลงอย่างกะทันหัน มองดูพยนต์มรณะหนุ่มด้วยความแปลกใจ ฉินอวี่รู้สึกว่า พยนต์มรณะดูเหมือนจะตกอยู่ในความโกรธ สิ่งที่พยนต์มรณะตนนั้นััมาตลอดทางล้วนแต่ถูกเขาผ่าครึ่งไปหมดทั้งสิ้น ดูเหมือนว่ากำลังระบายความโกรธที่อยู่ภายในใจออกมา
“สรุปว่านี่คืุ์หรือพยนต์มรณะกันแน่?” ฉินอวี่ตกตะลึง แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็พยนต์มรณะ แต่ก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งฟังดูเป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
เมื่อมองไปยังพยนต์มรณะที่ถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ ฉินอวี่ก็พึมพำในใจ “ดูเหมือนว่า หากจะเบนความสนใจพยนต์มรณะตัวนี้ คงต้องอาศัยอันดับหนึ่งเสียแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อันดับหนึ่งไปอยู่ที่ใดแล้ว”
ครึ่งวันมานี้ เขาพบว่าไม่ว่าตนเองจะเพิ่มความเร็วไปมากเพียงใด พยนต์มรณะตัวนี้ก็สามารถตามเขาได้ทัน หาก้าหลุดพ้นจากการไล่ตามของเขา อาจจะต้องเพิ่มระยะห่างออกไปให้มากขึ้น และพละกำลังของพยนต์มรณะตัวนี้มีความแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นคงมีเพียงอันดับหนึ่งที่จะสามารถสู้กับพยนต์มรณะตัวนี้ได้
“ไม่สิ!” ฉินอวี่หันหลังวิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
“ในเมื่อพยนต์มรณะตัวนี้สามารถเอาชนะพยนต์มรณะระดับทั่วไปได้ แล้วเหตุใดจึงโจมตีข้าเพียงครั้งเดียว และไม่เคยโจมตีซ้ำอีกเลยล่ะ?”
“หรือว่า...”
ฉินอวี่หรี่ตาลง กลอกตาทั้งคู่ไปมา มองไปโดยรอบ และพูดขึ้นในใจ “หรือว่าหลังจากโจมตีข้าแล้ว เสี่ยวหลิงจะปรากฏตัว? หรือพูดอีกอย่างคือ พยนต์มรณะรู้อยู่ตลอดว่าข้าอยู่ตรงไหน หากพูดให้ชัดเจนคือรับรู้มาตลอดว่าดาบใบกว้างเล่มนั้นอยู่กับข้า? แต่เพราะความน่ากลัวของเสี่ยวหลิง ดังนั้น เขาจึงยังไม่กล้าโจมตี?”
“จะต้องเป็เช่นนี้แน่นอน!” ฉินอวี่หรี่ตาลง และเมื่อหวนนึกถึงดวงตาอันน่ากลัวที่เปล่งประกายของิญญามรณะ ก็ยังรู้สึกแอบกลัวอยู่ในใจ
เมื่อมองลึกไปยังพยนต์มรณะหนุ่ม ฉินอวี่ก็รู้สึกใจสั่นเป็อย่างยิ่ง เขายังไม่แน่ใจว่าพยนต์มรณะตัวนี้เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาหรือไม่ หรือเป็เพียงจิตสำนึกก่อนตาย
ฉินอวี่ถอนหายใจ ความคิดที่้าเบนความสนใจพยนต์มรณะก่อนหน้านี้หายไป ตอนนี้เมื่อลองคิดดูแล้วมันคงเป็ไปไม่ได้ และเกรงว่าถ้าไม่คืนดาบเล่มนั้นไป พยนต์มรณะตัวนี้ก็คงไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน
แต่ดาบใบกว้างเล่มนั้น... ฉินอวี่ก็ไม่สามารถให้กลับไปได้จริงๆ
เป็เพราะรอยประทับที่อยู่บนนั้น คือสิ่งที่ฉินอวี่เคยเห็นบนกระบี่ของปรมาจารย์สำนักเทียนฉี
หรืออาจพูดได้ว่า ดาบใบกว้างเล่มนี้และกระบี่ของปรมาจารย์สำนักเทียนฉีต่างมาจากมือของบุคคลเดียวกัน!
