“เมื่อครู่ซูเล่อมาถาม เธอสอบได้ 475 คะแนน ซึ่งไม่ได้แย่ แต่หนูไม่ได้บอกว่าได้เท่าไร บอกเธอไปแค่ว่าได้ห้าร้อยกว่าๆ”
ซูอินกล่าว
เมิ่งเถียนเฟินดึงสติกลับมาและได้ยินประโยคนี้พอดี
มีใครบ้างไม่กลัวเสียหน้า ถึงแม้พวกเขาและบ้านของคุณลุงจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่เล่อเล่อสอบได้ 475 คะแนน อินอินสอบได้มากกว่าตั้ง 100 คะแนน ไม่ว่าเป็ใครก็คงแอบรู้สึก ตัวเธอเองพอจะเข้าใจ นี่เป็คะแนนที่อินอินพยายามทำด้วยตนเอง ไม่มีใครพูดอะไร แต่หากสอบได้คะแนนขนาดนั้น พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว ไม่จำเป็ต้องเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อให้รู้สึกว่าตนเองเหนือกว่า
ยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้ทุกคนสบายใจดีกว่า
“อินอินทำถูกแล้ว เล่อเล่อมีนิสัยคล้ายกับเมิ่งเมิ่ง เป็คนไม่ยอมคน ดีแล้วที่ไม่บอกคะแนนจริงๆ กับเธอไป”
เหมือนกับเมิ่งเมิ่ง…มากเลยละ ซูอินพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดในส่วนนี้ของเมิ่งเถียนเฟิน
“อินอินสอบได้คะแนนดีขนาดนี้ อยากกินอะไร เดี๋ยวแม่จะทำให้”
ซูอินสั่งอาหารอย่างไม่เกรงใจ “ทำเกี๊ยวแล้วกันค่ะ ไส้กุยช่ายกับเนื้อ ไม่เอามันค่ะ”
“ได้จ้ะ”
เมิ่งเถียนเฟินหมุนตัวออกไป และบอกให้ซูเจี้ยนจวินไปซื้อเนื้อจากร้านเนื้อในหมู่บ้านใกล้ๆ
ซูเจี้ยนกั๋วออกไปร้านขายเนื้อ เหล่าผู้ปกครองของเด็กในหมู่บ้านที่ทำคะแนนสอบได้ดีก็ไปด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าครอบครัวของเด็กนักเรียนที่สอบได้คะแนนแย่ตกอยู่ในความทุกข์ใจ
สองพี่น้องตระกูลซูที่บ้านอยู่ใกล้กันเต็มไปด้วยความสุข ถึงแม้ซูเล่อจะสงสัยในคะแนนของซูอิน แต่ได้ตัดสินไปแล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่คุยโว และเมื่อได้รับคำชื่นชมจากคนในครอบครัว มารดาให้เงินค่าขนมเพิ่ม เตรียมอาหารอร่อยๆ ให้มากมาย เธอก็ลืมเื่ของซูอินไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่ามีหลายครั้งที่อยากปกปิดแค่ไหนก็ปิดไม่มิด
เกี๊ยวร้อนๆ เพิ่งออกมาจากหม้อ ยังไม่ทันได้เติมจิ๊กโฉ่ว ด้านนอกก็มีเสียงฆ้องและกลองดังขึ้นด้วยความครื้นเครง
“เกิดเื่อะไร ทำไมเสียงดังครึกโครมขนาดนี้”
เมิ่งเถียนเฟินเดินออกไปหน้าลานบ้าน มองผ่านรั้วออกไปด้านนอก รถกระบะมีดอกไม้สีแดงแขวนอยู่ขับเปิดทาง มีกลองถูกตีอย่างอึกทึกครึกโครมอยู่หลังกระบะ ผู้ให้ความบันเทิงสวมชุดสำหรับงานรื่นเริง ยืนตีกลองและฆ้องอยู่ตรงนั้น ด้านหลังมีรถยนต์สีดำตามมาอีกหลายคัน
ขบวนรถขับผ่านถนนลูกรังเข้ามาใกล้หมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็หยุดตรงหน้าประตูบ้านของเธอ
รถดับเครื่องแล้ว
นั่นคือปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเมิ่งเถียนเฟิน ไม่นานความคิดอื่นก็ปรากฏ ผู้ใหญ่บ้านที่นำทางะโเรียกเธอ
“เถียนเฟิน อา น่าอัศจรรย์จริงๆ ลูกสาวของเธอที่เพิ่งกลับมาสอบได้อันดับหนึ่งในเมืองผิงของเรา!”
คำพูดประโยคเดียวของผู้ใหญ่บ้านเปิดฉากความครื้นเครงต่อจากนั้น
บ้านตระกูลซูอยู่ท้ายหมู่บ้าน ลานนวดข้าวที่อยู่ข้างๆ ถูกใช้เป็ลานจอดรถโดยปริยาย
รถยนต์หลายคันจอดอยู่ตรงนั้น ครูใหญ่ของโรงเรียนทดลอง ครูที่ปรึกษาหลินซิ่ว เ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึงอวี๋ฉิง และคนอื่นๆ ที่เดินทางมาด้วยพากันลงจากรถ ก่อนจะเดินมาที่ลานบ้านของตระกูลซู
เมื่อได้เห็นบ้านดินใกล้ๆ หลายคนที่มาจากในเมืองถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าสามคนที่อยู่ด้านหน้า คือครูใหญ่ที่มักจะขึ้นเขาและเดินทางไปชนบทบ่อยครั้ง หลินซิ่วและเ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการซึ่งทั้งคู่มาจากชนบท หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และถูกส่งไปทำงานในเมือง ชีวิตของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปและมีหน้ามีตา
คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงเป็อวี๋ฉิง คุณหนูอวี๋เป็คนมีฐานะ ถึงแม้ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ั้แ่เล็ก แต่บ้านที่เธออาศัยก็เป็บ้านของคุณยายที่เป็ครอบครัวของผู้นำระดับสูง บ้านสภาพทรุดโทรมเช่นนี้ เธอเคยเหลือบมองเหล่าเพื่อนบ้านของคุณปู่ในตอนที่กลับไปยังชนบทเป็ครั้งคราวสมัยเป็เด็กเท่านั้น
ไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนใหม่ที่เธอสนิทสนมคนนี้จะอยู่ในบ้านทรุดโทรมเช่นนี้
แต่คุณหนูอวี๋กลับไม่มีความคิดดูถูกซูอินเลยสักนิด การที่เธอคบเพื่อนไม่ใช่เพราะเงิน ต่อให้มีเงิน ก็คงไม่มีใครมีมากเท่าเธอ
เธอไม่ได้ขัดสนเื่เงิน หลังจากนี้เธอจะช่วยดูแลซูอินให้มากขึ้น
คุณหนูอวี๋เต็มไปด้วยจิตใจมุ่งมั่น
ถึงแม้เธอจะเย่อหยิ่ง แต่ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาั้แ่เด็ก อวี๋ฉิงจึงปฏิบัติต่อสามีภรรยาตระกูลซูด้วยความสุภาพ หลังจากเอ่ยทักทายด้วยคำเรียกคุณลุงและคุณป้า เธอก็ไปอยู่ข้างกายซูอิน
“ฉันได้ยินคุณพ่อบอกว่าครูใหญ่กับเ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการจะมาแสดงความยินดีกับเธอ ฉันก็เลยขอมาด้วย”
เอ่ยจบจึงหันไปสังเกตด้านหลังของซูอิน
“นี่คือ”
สองพี่น้องหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนกับซูอินไม่มีผิด แค่มองหน้าอวี๋ฉิงก็รู้ทันทีว่าเด็กชายตัวน้อยเป็ใคร
“น้องชายของเธอหรือ”
ซูอินพยักหน้า เธอเอนกายหลบเล็กน้อยให้เห็นเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะแนะนำให้อวี๋ฉิงรู้จัก “นี่คือซูอัน อันที่มาจากคำว่าผิงอัน เป็น้องชายของฉัน”
เมื่อเอ่ยจบเธอย่อตัวและแนะนำอวี๋ฉิงให้เด็กชายตัวน้อยรู้จัก “อันอัน นี่คือพี่อวี๋ฉิง เป็เพื่อนของพี่เอง เรียกเธอว่าพี่สาวก็ได้”
เด็กชายตัวน้อยค่อนข้างขี้อาย ทำให้เขาก้มศีรษะด้วยความเขิน ไม่กล้ามองหน้าพี่สาวที่อยู่ตรงหน้า
ขนตายาวและหนากะพริบเล็กน้อย ก่อนที่เมฆสีแดงจะค่อยๆ ผุดขึ้นบนแก้มทั้งสองข้าง ท่าทีน่ารักเช่นนี้ทำให้อวี๋ฉิงหลงใหล
ไม่มีท่าทีสงวนตัวเหมือนตอนที่เจอซูอินครั้งแรกเลยสักนิด เธอย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของเด็กชายตัวน้อย จากนั้นยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆ ที่กำชายเสื้อของตนเองไว้
“อันอัน นี่เป็การเจอกันครั้งแรก พี่ชื่อพี่ฉิงฉิงนะ”
สีหน้าจริงจังของอวี๋ฉิงถูกเด็กชายตัวน้อยทำให้สลายหายไป เธอบีบมือเล็กๆ ที่เย็นนุ่ม ให้ความรู้สึกดีมาก
โอ๊ย ~
เด็กชายตัวน้อยหันไปมองซูอิน เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของพี่สาว แววตาให้การสนับสนุน ทำให้เขากล้าที่จะมองอวี๋ฉิง
ถึงแม้หน้าตาจะไม่สะสวยเท่ากับพี่สาว แต่ก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ดวงตาที่เหมือนผลองุ่นเหลือบมอง เขาก้มศีรษะอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “พี่ฉิงฉิง”
“เฮ้!”
อวี๋ฉิงยิ้มด้วยความดีใจ หลังจากที่รู้คะแนนสอบ บิดามารดาได้นำเงินเข้าบัญชีของเธอเพิ่ม ซึ่งตอนที่รู้เธอยังไม่ดีใจเท่านี้เลย
เมื่อทักทายกันแล้ว ขบวนแจ้งข่าวที่เดินทางมาล่าช้าไปสักหน่อยก็เดินมาถึงลานบ้าน
เมื่อเห็นผู้คนมากมาย เด็กชายตัวน้อยรู้สึกกลัวเล็กน้อย ซูอินจึงรีบให้อวี๋ฉิงพาเขาเข้าไปในบ้าน
“ในห้องค่อนข้างเงียบ พวกเธอเข้าไปเล่นกันข้างในก่อนนะ”
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ซูอินจึงเดินออกมาอยู่กับสองสามีภรรยาตระกูลซูเพื่อต้อนรับขบวนของผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดี
ครูใหญ่เริ่มเปิดการแสดงความยินดีเป็คนแรก “นักเรียนซูอิน ขอแสดงความยินดีที่ในปีนี้มีคะแนนสอบสูงเป็อันดับหนึ่งของเมือง เธอคือผู้นำความรุ่งโรจน์มาสู่โรงเรียนของเรา”
อันที่จริงแทบจะไม่มีปีไหนเลยที่นักเรียนสอบได้คะแนนสูงสุดเป็อันดับหนึ่งจะไม่ใช่นักเรียนจากโรงเรียนทดลอง หากอันดับหนึ่งเป็นักเรียนจากโรงเรียนอื่นสิถึงจะน่าแปลกใจ
แต่ปีนี้แตกต่างออกไป อันดับแรกคือครูใหญ่ที่เปลี่ยนคนใหม่ อันดับต่อมา การที่ครูใหญ่คนนี้ได้ขึ้นรับตำแหน่งก็สืบเนื่องมาจากซูอิน การขึ้นรับตำแหน่งใหม่ทำให้ครูใหญ่คนนี้แสดงความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ครูใหญ่ทำไปตามหน้าที่ แต่เขาก็รู้สึกปลื้มปีติไปกับซูอิน เมื่อเห็นว่าเธอเป็นักเรียนที่สอบได้คะแนนอันดับหนึ่ง เขาจึงทำให้การแจ้งข่าวครั้งนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
“575 คะแนน ถือเป็คะแนนสูงที่สุดที่โรงเรียนมัธยมทดลองเคยมีมา คุณพ่อซู คุณแม่ซู ลูกสาวของพวกคุณสุดยอดมากจริงๆ ครับ!”
ใบหน้าของครูใหญ่แดงก่ำ และยกย่องชื่นชมสองสามีภรรยาตระกูลหลิงไม่ขาดปาก
ผู้คนในชนบทชื่นชอบความรื่นเริง เมื่อขบวนรถเข้ามาในหมู่บ้านก็มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยออกมา เมื่อรับรู้ว่าเกิดเื่อะไร พวกเขาใมาก จากนั้นความปีติยินดีก็ท่วมท้น
มีนักเรียนสอบได้อันดับหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านของพวกเรา!
ในเวลานี้คนจำนวนไม่น้อยเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับสองสามีภรรยาตระกูลซูพร้อมกับครูใหญ่ ลานบ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก ทั้งในบ้านและนอกบ้านเต็มไปด้วยผู้คน บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความสุข
เสียงฆ้องและเสียงกลองดังสนั่น แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้ไม่อาจปกปิดบ้านของคุณลุงที่อยู่ใกล้กัน ซูเล่อเข้ามาในกลุ่มผู้คนที่แออัดและได้ยินครูใหญ่แจ้งคะแนนพอดี “575 คะแนน”
575 คะแนน มากกว่าเธอตั้ง 100 คะแนน
ที่แท้ซูอินก็ไม่ได้โกหก ทำคะแนนได้ห้าร้อยกว่าจริงๆ ไม่ใช่สิ 500.5 ก็ถือว่าห้าร้อยกว่าเหมือนกัน แต่คะแนนที่ใกล้เคียงคะแนนเต็มแบบนี้จะเรียกแบบนั้นได้ด้วยหรือ
ชั่วพริบตาแววตาของซูเล่อก็เกิดความสับสน