เวลาซักผ้า เมิ่งอู่ย่อมไม่ซักเสื้อผ้าให้ซวี่เฉินฟางเป็แน่
แต่ไม่นึกว่าซวี่เฉินฟางมาครั้งนี้จะนำห่อผ้ามาด้วย ภายในห่อผ้ามีเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนแล้วของเขา
ซวี่เฉินฟางจึงติดตามเมิ่งอู่ไปยังริมแม่น้ำอย่างเปิดเผย
ไหนเลยเหล่าสตรีในหมู่บ้านจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ไป ต่างพากันอุ้มอ่างซักผ้าของตนไปซักผ้าริมแม่น้ำ หากผู้ใดไม่มีเสื้อผ้าให้ซัก ก็หยิบเสื้อผ้าที่เพิ่งตากแห้งเมื่อวานไปซักอีกครั้ง
ภาพที่ปรากฏริมแม่น้ำจึงค่อนข้างแปลกประหลาด
บรรดาสตรีในหมู่บ้านทำทีเป็เขินอายและขลาดกลัว ก้มหน้าก้มตาซักผ้าพลางชม้อยชม้ายมากจริตอยู่ริมแม่น้ำ
เมื่อได้ยินว่าซวี่เฉินฟาง้าซักผ้าเอง จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร สตรีในหมู่บ้านเ่าั้รีบรุมเข้าไปช่วยเขาซัก
ขณะซักผ้า ทุกคนก็เริ่มเล่นน้ำที่ริมตลิ่งกันอย่างสนุกสนาน เท้าขาวๆ เสียงหัวเราะร่าเริงเกินจริง ล้วนแต่จงใจดึงดูดความสนใจของใครบางคนโดยเฉพาะ คล้ายกำลังบอกว่า มาสิ คุณชาย~ มองทางนี้สิ~
แสงสูรยามเย็นสงบมาก ซวี่เฉินฟางนอนอยู่บนหินก้อนใหญ่ริมแม่น้ำ ชายเสื้อสีแดงสดราวกับใบเฟิง [1] ทอดตัวตกลงมาข้างก้อนหินอย่างไม่ตั้งใจ เสียงน้ำในแม่น้ำดังซู่ๆ แสงสะท้อนเหนือผิวน้ำสาดผ่านใบหน้าขาวเนียนของเขา
บุรุษผู้นี้นี่จริงๆ เลย... ยามเกียจคร้านก็ยังเกียจคร้านราวภาพวาด
เมิ่งอู่ซักผ้าเสร็จ บิดน้ำออกให้ผ้าแห้ง แล้วใส่ลงในอ่าง นางจึงยืดตัวขึ้นและสะบัดน้ำที่มือออก
หยดน้ำเย็นๆ หลายหยดกระเซ็นไปถูกหน้าของซวี่เฉินฟางที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ
เปลือกตาของเขาขยับ ลมแม่น้ำพัดโชยพากลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ ของจ้าวเจี๋ย [2] จากกายของเมิ่งอู่มาเตะจมูก หอมกว่ากลิ่นแป้งหอมคุณภาพต่ำที่ฉุนจนชวนสำลักที่เด็กสาวพวกนั้นพยายามประโคมใส่ตัว
เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย ชั่วพริบตานั้นท้องฟ้าสีคราม แสงตะวันเจิดจ้า ทั้งหมดล้วนจมหายไปในดวงตาของเขาที่บริสุทธิ์ราวกับทารกแรกเกิดที่ตื่นขึ้นมา ทว่ามันมืดมนเกินไป
เขาเห็นเมิ่งอู่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ บิดเอวยืดเส้นยืดสายชั่วขณะ
แม้นางอยู่ในชุดผ้าฝ้ายธรรมดา แต่เมื่อนางเอามือเท้าเอว มองดูก็รู้ว่าเอวของนางคอดกิ่วและยืดหยุ่น แสงสายัณห์สุดท้ายเอียงส่องเรือนผมของนางจนเป็ประกายสีทองอ่อน ดูนุ่มนวลและงดงามเหลือหลาย
เมิ่งอู่ยกอ่างขึ้น เมื่อเหลียวกลับมาก็เห็นซวี่เฉินฟางหรี่ตามองนางอยู่ นางรีบเบือนหน้าหนีพลางกล่าว “ตื่นแล้วหรือ ข้ากลับก่อนนะ ญาติผู้พี่อยู่เป็ยวนยางเล่นน้ำ [3] กับทุกคนต่ออีกสักพักค่อยกลับก็ได้”
ซวี่เฉินฟางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนก้อนหินใหญ่ท่าทางเกียจคร้าน เสียงของเขายังคงแหบแห้ง ยิ้มพูด “อาอู่ เ้าเอาแต่จ้องข้าด้วยหางตาเยี่ยงนี้ ไม่กลัวมีปัญหาด้านสายตาหรือ?”
โรคตาไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวก็คือน้ำมันหมูทำให้ใจมืดบอด [4] ถูกปีศาจสะกดจิต!
บุรุษรูปงามเช่นอินเหิงนั้นปลอดภัยและไร้กังวลสำหรับนาง มิหนำซ้ำยังเป็สามีแต่งเข้าของนาง ต่อให้นางลุ่มหลงเขาก็เป็เื่ที่น่ายินดี
แต่คนอย่างซวี่เฉินฟางนั้นแตกต่าง เขาเป็คนฉลาดเท่าทันคนท่ามกลางคนฉลาดเท่าทันคน ผสานซ้ายขวาดั่งปลาได้น้ำ ทั้งยังเดินได้ วิ่งได้ ะโได้ หากเขาผลิยิ้มให้เ้าดุจดอกไม้ในพริบตานี้ พริบตาต่อมาอาจแทงเ้าข้างหลัง แล้วเ้าจะรอดหรือ?
ดังนั้นนางจะไม่มีวันหลงเสน่ห์ความงามของเขาเด็ดขาด!
เมิ่งอู่ถืออ่างเดินกลับเรือน นางก้าวเท้าเร็วรี่ ในไม่ช้าเสียงหัวเราะของเหล่าเด็กสาวริมแม่น้ำก็ค่อยๆ ห่างออกไป
ด้วยนิสัยของซวี่เฉินฟาง เมิ่งอู่คิดว่าเขาคงเล่นน้ำกับพวกนางเพลินจนลืมเวลากลับเป็แน่ แต่เมื่อเหลียวมองผาดๆ กลับพบว่าเขากำลังเดินตามหลังนางไม่ไกลไม่ใกล้
หญ้าเขียวขจีสองฟากฝั่งถนนปัดผ่านชายเสื้อของเขา เขาหรี่ตาแล้วยิ้มประหนึ่งบุรุษที่ก้าวออกมาจากแสงเรืองรองงดงามที่ขอบฟ้า
หลังเมิ่งอู่ตากเสื้อผ้าที่ลานเรือนแล้ว ก็ยุ่งกับเื่อื่นต่อ
สิ่งที่ตากภายในลานเรือนมีทั้งเสื้อผ้าสีขาวของอินเหิงและเสื้อผ้าสีแดงของซวี่เฉินฟาง
ซวี่เฉินฟางก้าวเข้ามาในลานเรือน มองอินเหิงพลางยิ้ม แต่กลับเอ่ยกับเมิ่งอู่ “ญาติผู้น้องอาอู่ วันนี้ลำบากเ้ามากจริงๆ”
เมื่อเมิ่งอู่ได้ยินดังนั้น ก็รีบโผล่หน้าออกมาจากครัว อธิบายกับอินเหิง “อาเหิง เชื่อข้านะ ข้าไม่ได้ซักเสื้อผ้าให้เขา พวกนางเป็คนซัก”
อินเหิงพยักหน้า “ข้าเชื่อเ้าอยู่แล้ว”
...
ก่อนหน้านี้เมิ่งอู่จ้างช่างไม้หลี่ทำเตียงไม้และเครื่องเรือน ยามนี้วัสดุที่ใช้ประกอบเป็เตียงพร้อมแล้ว ช่างไม้หลี่ขนมาส่งที่เรือนของเมิ่งอู่
สิ่งที่ช่างไม้หลี่นำมาส่งเป็เพียงไม้ที่ตัดแต่งรูปทรงและขนาดแล้วเป็ชิ้นๆ ต้องขนเข้าห้อง จากนั้นค่อยประกอบเป็เตียงที่สมบูรณ์
ช่างไม้หลี่มีทักษะงานฝีมือที่เชี่ยวชาญ ไม่นานก็ประกอบเตียงเสร็จไปกว่าครึ่ง มิหนำซ้ำยังไม่ต้องตอกทั้งตะปูและตะปูเกลียว ก็สามารถประกอบได้อย่างราบเรียบและงดงาม บริเวณที่เชื่อมต่อกันมีเพียงรอยบากไม้ตื้นๆ เท่านั้น
ทุกส่วนเชื่อมต่อกันแนบสนิท แข็งแรงกว่าการยึดด้วยตะปูหรือตะปูเกลียวเสียอีก
เรือนของเมิ่งอู่ก็สร้างขึ้นในลักษณะนี้เช่นกัน ดังนั้นจิติญญาของช่างฝีมือในสมัยโบราณควรค่าแก่การยกย่องชื่นชมและสืบทอดอย่างแท้จริง
ช่างไม้หลี่ประกอบเตียงหลายหลังนี้ก่อน นอกจากนี้ยังทำเก้าอี้เอนตัวหนึ่ง ยามนี้วางไว้ที่ลานเรือน เมิ่งอู่วางแผนว่าจะใช้นอนเล่นยามราตรี
ส่วนตู้เสื้อผ้าและอะไรอื่นๆ ต้องรอให้ช่างไม้หลี่ทำเสร็จแล้วค่อยนำมาส่ง
กว่าจะทำงานเสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว
ช่างไม้หลี่อยู่กินมื้อเย็นที่เรือนของเมิ่งอู่ เมิ่งอู่จ่ายค่าแรงให้เขาเสร็จเรียบร้อย เขาจึงกลับเรือน
หลังส่งช่างไม้หลี่แล้ว พอเมิ่งอู่หันกลับมาก็เห็นซวี่เฉินฟางที่เกียจคร้านดุจไม่มีกระดูก นอนสบายอยู่บนเก้าอี้เอน…
ซวี่เฉินฟางกล่าว “ญาติผู้น้องอาอู่ เ้าช่างรู้จักวิธีหาความสุขจริงๆ”
เมิ่งอู่กล่าว “เ้าลุกขึ้นนะ นั่นไว้ให้ท่านแม่นอน!”
นางเซี่ยที่อยู่ในห้องเอ่ยขึ้นในจังหวะนี้พอดี “แม่ไม่นอนเก้าอี้นั่นหรอก หากญาติผู้พี่ของเ้าชอบ ก็ให้เขานอนเถิด”
นางเซี่ยไม่ออกมานอนตากลมในลานเรือนตอนค่ำ ยามนี้พอมีเวลาว่าง นางจะกลับเข้าห้องแล้วลงมือตัดผ้าทำเสื้อผ้าใหม่...
ผ้าหลากสีที่เมิ่งอู่ซื้อมาให้นั้น นอกจากจะตัดเสื้อผ้าให้ตนเองแล้ว ยังต้องตัดให้เมิ่งอู่อีกหลายชุด
ปกติพวกเด็กสาวในหมู่บ้านมักสวมเพียงเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดากับกางเกง แต่บางครอบครัวที่มีฐานะดีหน่อยจะตัดกระโปรงสักตัวสองตัวให้สวมใส่
แต่เมิ่งอู่ไม่เคยใส่กระโปรงเลยสักครั้ง
ดังนั้นนางเซี่ยจึงเร่งตัดกระโปรงให้เมิ่งอู่อยู่ในห้องอย่างมีความสุข ในหัวของนางจินตนาการถึงภาพที่บุตรีสวมกระโปรง ใบหน้าเกลื่อนยิ้มอ่อนโยนและรักใคร่เอ็นดู
เมิ่งอู่ที่อยู่ในลานเรือนเอ่ยถาม “ท่านแม่ ท่านตามใจเขามากเกินไปหรือไม่เ้าคะ?”
นางเซี่ยกล่าวอย่างสมเหตุสมผล “เขาเป็ญาติผู้พี่ของเ้า”
ซวี่เฉินฟางขยับไปด้านข้าง เก้าอี้เอนตัวนี้กว้างพอ เขาจึงขยับอีกเล็กน้อยเพื่อให้นางนอนด้วย เขายิ้มให้เมิ่งอู่ก่อนกล่าว “ญาติผู้น้องอาอู่ อยากนอนด้วยกันหรือไม่?”
ก่อนที่เมิ่งอู่จะโวยวาย อินเหิงก็เอ่ยในเวลาที่เหมาะสม “อาอู่ ไปตักน้ำมาอาบเถิด”
ครั้นเมิ่งอู่นึกถึงภาพที่อินเหิงจะเช็ดเรือนผมให้นางหลังอาบน้ำ ก็มีความสุขยิ่งยวด นางจึงไม่สนใจซวี่เฉินฟางแล้ว แต่เดินไปตักน้ำมาอาบ
เมื่อเมิ่งอู่ไม่อยู่ที่ลานเรือน ซวี่เฉินฟางที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอน มองดูดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำ ก็รู้สึกว่าขาดสีสันรื่นรมย์ไปมาก
ยิ่งกว่านั้น พอหันมองด้านข้างก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น อารมณ์ของอินเหิงอ่อนโยนมากยามอยู่ต่อหน้าเมิ่งอู่กับนางเซี่ย แต่พออยู่ต่อหน้าซวี่เฉินฟางกลับห่างเหินเ็าดั่งน้ำค้างแข็งและหิมะ
……….
[1] หรือใบเมเปิล
[2] เป็พืชชนิดหนึ่ง ในสมัยโบราณนำฝักมาใช้ทำสบู่ สมัยราชวงศ์ถังยังมีบันทึกว่าใช้รักษาโรคิัและช่วยบำรุงเส้นผม
[3] ยวนยางเล่นน้ำสื่อถึงคู่รัก การพลอดรักกัน หรืองานวิวาห์ มักใช้เป็สัญลักษณ์ในงานแต่งงาน
[4] หมายถึง หน้ามืดตามัว