บทที่ 10
เช้าวันต่อมาหลังจากค่ำคืนอันวุ่นวายได้จบลง บนท้องถนนที่ตัดผ่านหน้าสำนักข่าวเป่ยจิงก็ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายเฉกเช่นเดิม เหล่าหนุ่มสาวที่กำลังจะก้าวเป็กำลังหลักในการพัฒนาประเทศ ต่างต้องตื่นกันั้แ่เช้าเพื่อออกไปทำงานเลี้ยงปากท้อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากยุคสมัยที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้ตลาดแรงงานของเมืองเป่ยหรือทั่วทั้งประเทศัต่าง้าทรัพยากรที่เรียกว่ามนุษย์เป็จำนวนมาก
แน่นอนว่าหลินห่าวซวนเองก็เป็หนึ่งในสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรมนุษย์ที่ว่าเช่นกัน หลังจากที่ไปส่งซ่งหยูเยียนที่พระราชวังเทียนเล่อ ตัวเขาก็ปั่นจักรยานคู่ใจมาทำงานที่สำนักพิมพ์ในทันที
เพียงแต่ตัวของหลินห่าวซวนก็ไม่คิดว่า ทันทีที่ตัวเขาได้วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ถานติงที่เป็หัวหน้าใหญ่ก็เข้ามาหาพร้อมกับโวยวายใส่เขาในทันที
“หลินห่าวซวน นายทำอย่างนั้นได้อย่างไง !งานเขียนของนายทำไมถึงได้ตัตตอนได้น่าเกลียดแบบนี้ ! ”
เสียงที่คล้ายกับการคำรามออกมาของถานติงได้ดังขึ้นมา ทำให้คนทุกคนในแผนกวรรณกรรมรวมถึงแผนกใกล้เคียงต่างหันมามองกันเป็ทางเดียว ก่อนที่พวกเขาจะละสายตาแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อพร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นมาเป็ระยะ ๆ
“บ.ก.ถาน มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”
หลินห่าวซวนที่โดนเรียกตัวกล่าวออกมาเบา ๆ ขณะเดินตามถานติงออกมาข้างนอกพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าตัวเองไปทำอะไรไว้จนทำอีกฝ่ายไม่พอใจขนาดนี้ หรือนิยายที่เขาคัดลอกมาจากความทรงจำนั้นมันมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองจนทำให้ไม่สามารถตีพิมพ์ได้
“มีอะไรงั้นเหรอ ?นายไม่รู้เหรอว่านายเขียนอะไรลงไป สิ่งที่นายเขียนแล้วส่งให้ฉันตรวจทำเอาเมื่อคืนฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ! ”
ถานติงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปกติพลางมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ รอบ ๆ ดวงตาของเขามีรอยคล้ำแสดงให้เห็นถึงอาหารนอนไม่หลับออกมาอย่างชัดเจน
“ตัวนิยายที่ผมเขียนมันมีปัญหาส่วนไหนเหรอครับ ผมจะได้นำมันไปแก้ก่อนที่จะส่งไปโรงพิมพ์ตอนเย็นนี้ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของถานติง หลินห่าวซวนที่ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่านิยายที่ตัวเขาคัดลอกไปนั้นมันมีปัญหาก็กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติพร้อมกับในหัวคิดหาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าคำตอบที่ได้รับจากถานติงนั้นกลับทำเอารู้สึกไร้คำพูดไปครู่หนึ่ง
“มีส่วนที่ต้องแก้ ?นายจะเอาไปแก้ส่วนไหนอีก แล้วฉันบอกตอนไหนว่าให้นายไปแก้ ฉันหมายถึงการตัดจบนิยายที่นายส่งมาต่างหาก ทำไมนายตัดจบในตอนที่เฉินเซินกำลังตัดสินใจ ซึ่งเป็่เข้าหัวเลี้ยวหัวต่อพอดี นายไม่กลัวว่าคนอ่านจะส่งจดหมายมาด่านายหรือไง?”
หลินห่าวซวนที่ได้ยินคำพูดนี้ของถานติงก็เงียบไปพร้อมกับมองหน้าชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งุนงงว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมานั้นเป็ความจริงหรือไม่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะอารมณ์หงุดหงิดของถานติงนั้นมันคล้ายกับเขาในชีวิตที่แล้วที่เจอการตัดจบตอนที่น่าโมโหของนิยายที่ชอบ
เพียงแต่ว่าตัวของเขานั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ที่รุนแรงขนาดนี้ เพียงแค่พิมพ์ลงในช่องคอมเมนต์ในแต่ละตอนเท่านั้น
ส่วนเื่นิยายจะเป็ที่ชื่นชอบของผู้คนที่เคยกังวลไว้ในตอนแรกนั้น หลินห่าวซวนเองก็ได้รับคำตอบอย่างดีจากอาการของถานติงที่อยู่ตรงหน้า
ขนาดบรรณาธิการใหญ่ที่เข้มงวดกับทุกต้นฉบับยังแสดงถึงการอยากอ่านต่อขนาดนี้ แสดงว่านิยายที่เขาเขียนมันย่อมเป็ที่ชื่นชอบของนักอ่านทั่วไปอย่างแน่นอน
แสดงว่าแผนการที่จะเปลี่ยนเส้นเื่ที่ต้องตายของตัวประกอบอย่างหลินห่าวซวน ตอนนี้มันเริ่มได้ผลแล้วและเส้นเื่มันอาจจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ
“บ.ก.ถาน การตัดจบแบบทิ้งปมไว้ ผมคิดมาดีแล้วว่ามันสามารถดึงให้คนกลับมาอ่านต่อในฉบับหน้าได้อีก แถมมันยังเป็จุดเริ่มต้นที่กระตุ้นให้นักอ่านช่วยตามความจริงในเื่อีกด้วย ”
หลินห่าวซวนกล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อว่า
“ ส่วนเื่ที่คนอ่านจะส่งจดหมายมาด่าผมเื่การตัดจบที่ค้างคาแบบนั้น ผมคิดว่ายิ่งส่งมาเยอะก็ยิ่งดี เพราะมันแสดงให้เห็นว่านิยายของผมมันขายได้และยอดที่สำนักพิมพ์ได้ขายหนังสือพิมพ์ในวันนั้นก็เยอะตามไปด้วย ผมว่ามันเป็เื่ที่ดีเลยนะครับ ”
เมื่อได้ยินคำตอบของหลินห่าวซวน ถานติงที่เตรียมตำหนิอีกยกก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งว่า
“ถ้าผลลัพธ์มันเป็อย่างที่นายว่าจริงก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าคนอ่านเข้าไม่ชอบงานที่นายเขียนละ? คำตำหนิมันจะลงมาที่นายเต็ม ๆ เลยนะ ”
“เื่นั้นไม่ต้องห่วงครับ เพราะว่าเมื่อคืนผมกลับไปเขียนตอนที่สองได้ครึ่งหนึ่งแล้ว คิดว่าไม่เกินตอนเที่ยงนี้น่าจะเสร็จพร้อมส่งไปตีพิมพ์ในตอนเย็น ทันวางขายในวันพรุ่งนี้แน่นอนครับ ”
หลินห่าวซวนกล่าวตอบกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ทำให้ถานติงผงกรับคำด้วยวามพอใจแล้วกล่าวต่อว่า
“ถ้าเป็แบบนั้นก็ดี ถ้าเขียนเสร็จแล้วอย่าลืมส่งมาให้ฉันอ่านก่อนล่ะ? ถ้ามีอะไรผิดพลาดฉันจะช่วยได้ทัน ไม่ต้องให้เหล่าเย่มาด่าตอนตีพิมพ์ ”
“ครับ ”
แม้จะรู้ว่าเจตนาจริง ๆ ของคนตรงหน้าว่าแท้จริงเป็อย่างไร แต่เขาก็คร้านที่จะเปิดโปงมันและกล่าวตอบรับ ก่อนที่จะถามต่อว่า
“ที่บ.ก.ถานมาหาผมั้แ่เช้า คงไม่ใช่แค่เื่นี้หรอกใช่มั้ยครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามของหลินห่าวซวน ถานติงก็ส่งเสียงเดาะลิ้นออกมาหนึ่งครั้งพร้อมกับแววตาที่แสดงออกว่าเพิ่งคิดอะไรออกมาได้ จากนั้นก็กล่าวกับหลินห่าวซวนว่า
“จริงสิ !ถ้านายไม่ทักมาฉันก็ลืมไปแล้ว !วันนี้เป็วันแรกที่นายต้องไปทำงานกับฝ่ายวรรณกรรม ฉันก็เรียกนายมาคุยอะไรสักหน่อย ได้ยินมาว่าเมื่อวานนายกับพวกลูกไล่ของเซียวตงมีปากเสียงกันงั้นเหรอ?”
หลินห่าวซวนผงกศีรษะรับเมื่อได้ยินคำถามของถานติง แล้วกล่าวถามต่อว่า
“เมื่อวานผมมีปากเสียงกับพวกเหล่าเถี่ยกับเหล่าจูจริงครับ แต่ว่าก็เป็เื่การโต้เถียงกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ถึงขั้นมีเื่มีราวกัน… ”
“เอาน่า ๆ ฉันรู้ว่าพวกนายไม่ได้มีเื่กัน เพียงแค่เถียงกันนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ต้องอธิบายให้ฟังหรอก ฉันไม่ได้จะมาว่าอะไรนายสักหน่อย ”
ถานติงที่ได้ยินคำอธิบายของหลินห่าวซวนที่แฝงความกังวลออกมาในน้ำเสียง ก็รีบบอกปัดอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวต่อออกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นเดิม
“แต่ฉันอยากจะเตือนอะไรสักหน่อย ก่อนที่นายจะถูกโยกไปที่ฝ่ายวรรณกรรมและต้องรับผิดชอบในคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวฯ คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ก่อนหน้านายก็คือเซียวตง ”
หลินห่าวซวนเงียบไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำพูดของถานติงพร้อมกับแววตาที่แสดงความงุนงงออกมา เพราะในตอนที่ตัวเขาอ่านนิยายในชาติก่อนนั้น ตัวละครที่ชื่อเซียวตงนั้นตัวของเขาไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อสำรวจในความคิดของเ้าของร่างเก่าก็ทราบได้ว่า เซียวตงคนนี้เป็ไม้เบื่อไม้เมากับเ้าของร่างมาั้แ่สมัยเรียนจนมาถึงในวัยทำงาน หากว่าหลินห่าวซวนมีถานติงเป็คนหนุนหลังในสำนักพิมพ์ ตัวของเซียวตงเองก็มีสงเหว่ยเป็คนหนุนหลังเช่นกัน
และด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างคนรุ่นใหญ่อย่างถานติงกับสงเหว่ย ทำให้เซียวตงกับหลินห่าวซวนที่ไม่ชอบหน้ากันเป็ทุนเดิมกลายเป็คู่แข่งที่เกลียดขี้หน้ากันและพร้อมที่จะหาเื่ให้อีกฝ่ายตกอับในทันทีเมื่อมีโอกาส
“ตอนนี้นิยายที่เซียวตงเขียนได้รับการตอบรับเป็อย่างดีจากฐานลูกค้าของเรา ขนาดที่ว่าหมอนั่นหยุดพักเพราะอาการข้อมืออักเสบ ยังมีจดหมายถามไถ่เป็จำนวนมากอาการและโรงพิมพ์เข้ามาติดต่อซื้อลิขสิทธิ์เพื่อเอาไปตีพิมพ์ไม่น้อย การที่เ้าจิ้งจอกสงให้นายไปรับไม้ต่อแบบนี้ก็้าใช้มวลชนกดดันให้นายลาออก ”
ถานติงกล่าวต่อออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าหรือความสงสัยของหลินห่าวซวน และด้วยคำพูดพวกนี้เองก็ทำให้หลินห่าวซวนที่จมอยู่กับความคิดตัวเองได้สติขึ้นมาแล้วหันมาสบตากับถานติงแล้วค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา
หากอีกฝ่าย้าใช้คนอ่านมากดดันให้ฉันลาออก งั้นเราก็มารอดูกันว่าหลังจากที่นิยายที่ฉันเขียนได้ตีพิมพ์ออกไป ใครกันที่จะเป็คนที่ได้หัวเราะออกมาเป็คนสุดท้าย !
.................................................................................................................................................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้