“ในการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้า 40 คนแรกที่ทำคะแนนดีที่สุดจะผ่านเข้ารอบที่สาม ส่วนคนที่เหลือตกรอบ” ขุนนางใหญ่ผู้นั้นกล่าวขึ้น
จาก 128 คนจะมีเพียง 40 คนที่ผ่านเข้ารอบ งานชุมนุมหวงปั่งเป็การคัดเลือกหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ ตัดสินอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
“เจดีย์เชื่อมฟ้าคืออาวุธวิเศษชิ้นหนึ่งที่ยอดฝีมือจากยุคโบราณหลงเหลือไว้ที่อาณาจักรจ้าว เจดีย์มีทั้งหมดเก้าชั้น ถือเป็การทดสอบศักยภาพทุกด้านของผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นรอบที่สองของงานชุมนุมหวงปั่งทุกปีจะเป็บุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าเสมอ” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว
“งานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้ว องค์ชายใหญ่จ้าวหยางทำลายสถิติผู้เคยบุกถึงชั้นที่ 7 โดยเขาเป็คนแรกที่บุกถึงชั้นที่ 8 ในรอบ 500 ปี งานครั้งนี้แม้จะมีอัจฉริยะหลายคน แต่เมื่อเทียบกับองค์ชายใหญ่จ้าวหยางในปีที่แล้ว ก็ยังคงด้อยกว่ามาก”
“ใช่ องค์ชายใหญ่จ้าวหยางโดดเด่นไร้ที่ติ ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง งานชุมนุมหวงปั่งในปีนี้ไม่มีทางมีใครบุกถึงชั้นที่ 8 ได้แน่!”
“ทุก ๆ ชั้นของเจดีย์เชื่อมฟ้าล้วนมีแต่ความท้าทาย ยิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งยาก นอกจากองค์ชายใหญ่แล้ว ใน่สิบปีนี้มีแค่คนเดียวที่บุกถึงชั้นที่ 7 หากงานครั้งนี้มีคนบุกถึงชั้นที่ 7 ได้ก็ถือว่าไม่เลว แล้วนับประสาอะไรกับชั้นที่ 8!”
ผู้คนต่างพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาถึงเื่เจดีย์เชื่อมฟ้า
งานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้ว องค์ชายใหญ่จ้าวหยางทำลายสถิติในรอบ 500 ปี กลายเป็ผู้บุกฝ่าชั้นที่ 8 คนแรกในรอบ 500 ปี คะแนนเช่นนี้ทำให้ผู้คนต้องเลื่อมใสศรัทธา
“หากข้าบุกชั้นที่ 4 หรือชั้นที่ 5 ได้ก็เพียงพอแล้ว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว สำหรับคนทั่ว ๆ ไปแล้ว การที่บุกฝ่าถึงชั้นที่ 5 ได้ก็ถือว่าน่าภาคภูมิใจมากแล้ว ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงตั้งเป้าไว้ที่ชั้นที่ 5
เจดีย์เชื่อมฟ้านั้นตั้งตระหง่านอยู่ข้าง ๆ ลานประลอง แม้ตัวเจดีย์จะมีเก้าชั้น แต่กลับสูงระฟ้า อย่างต่ำก็สูงร้อยจั้งขึ้นไป
“กลุ่มที่หนึ่งเข้าเจดีย์ได้เลย!” ขุนนางใหญ่กล่าว
128 คนแบ่งเป็ 13 กลุ่ม ทุกกลุ่มจะมีประมาณ 10 คน หลังจากเข้าเจดีย์เชื่อมฟ้า สิบคนนี้จะแยกกันทำภารกิจโดยไม่รบกวนกันและกัน
เมื่อสิ้นเสียงของขุนนางใหญ่ กลุ่มที่หนึ่งก็เข้าเจดีย์ทันที สิบคนนี้มีิเสวียน ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักอี่เทียนจึงให้ความสนใจกับกลุ่มที่หนึ่งเป็พิเศษ
“ข้าได้ยินมาว่าสถิติการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าก็สร้างขึ้นโดยองค์ชายใหญ่เช่นกัน?” บนอัฒจันทร์ ผู้าุโเฉียนกล่าวพลางยิ้มให้จ้าวหยาง
“ใช่แล้ว!” จ้าวหยางพยักหน้า “ในงานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้ว ผู้น้อยบุกฝ่าชั้นที่ 7 ไปถึงชั้นที่ 8 ของเจดีย์เชื่อมฟ้า”
“องค์ชายใหญ่มีพร์ล้ำเลิศ ข้าว่าปีนี้ดูเหมือนจะไม่มีคนเอาชนะสถิติขององค์ชายใหญ่ได้” ผู้าุโเฉียนกล่าว
“เสด็จพี่ข้าคือยอดฝีมือ ไม่มีใครในอาณาจักรจ้าวทัดเทียม ตามเหตุผลแล้วย่อมไม่มีใครเอาชนะเขาได้ แม้จะอยู่ที่สำนักชิงอวิ๋น แต่เสด็จพี่น่าจะได้เป็บุคคลสำคัญในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน” องค์ชายรองจ้าวเยี่ยกล่าวกับผู้าุโเฉียนด้วยรอยยิ้ม แม้ถ้อยคำจะฟังดูแล้วสรรเสริญองค์ชายใหญ่ แต่เมื่อฟังดี ๆ จะรู้ว่าในถ้อยคำแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง
“น้องรองหมายความว่าหากไม่เป็ไปตามเหตุผล จะมีคนสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
องค์ชายใหญ่ไม่เพียงแต่มีพร์ล้ำเลิศ แต่ยังฉลาดหลักแหลม พอได้ยินองค์ชายรองจ้าวเยี่ยกล่าวเช่นนั้นก็ถามกลับทันที
“เสด็จพี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? แต่ทุกอย่างล้วนมีคำว่า ‘ถ้าหาก’ หากเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้นเล่า? อย่างเช่น การวัดพลังในรอบที่หนึ่ง ใครเล่าจะคิดว่ามีคนที่สามารถทำลายสถิติที่เสด็จพี่ทำเอาไว้ได้?” จ้าวเยี่ยกล่าว
“น้องรองหมายถึงเย่เฟิงผู้นั้นสินะ?” จ้าวหยางขมวดคิ้ว เขานั้นมีนิสัยทะนงตัวไม่ชอบความพ่ายแพ้ เห็นผู้อื่นด้อยกว่าตนเสมอ โดยเฉพาะเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 แต่กลับทำลายสถิติที่เขาทำไว้ได้ นี่ทำให้องค์ชายอย่างเขาต้องเสียหน้า
จ้าวเยี่ยได้ยินคำพูดของจ้าวหยาง แต่ไม่ได้ตอบกลับ เพียงยิ้มจาง ๆ
“แม้เย่เฟิงผู้นั้นมีพละกำลัง แต่จะเทียบองค์ชายใหญ่ได้อย่างไรเล่า บุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าครั้งนี้ เย่เฟิงบุกถึงชั้นที่ 5 ได้ก็น่าจะเป็ขีดจำกัดของเขาแล้ว!” ผู้าุโเฉียนกล่าว ขุนนางคนอื่น ๆ ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย พลังขององค์ชายใหญ่ถือเป็ที่ประจักษ์ หาใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่จะเทียบเคียงได้ไม่
“เสด็จพี่อย่าโกรธเคืองไปเลย ข้าแค่พูดว่าถ้าหากเท่านั้นเอง ด้วยพลังและพร์ของเสด็จพี่ ไม่มีผู้ใดทำลายชื่อเสียงอัจฉริยะอันดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าวได้แน่นอน” จ้าวเยี่ยกล่าว
“หึ!” จ้าวหยางแค่นเสียงเย็นแล้วไม่พูดอะไรต่อ แต่ทุกคนสามารถเห็นความขัดแย้งระหว่างองค์ชายทั้งสอง และความขัดแย้งเช่นนี้อาจพัฒนาเป็การแย่งชิงตำแหน่งองค์าา
“มีคนบุกถึงชั้นที่ 3 แล้ว เร็วมาก!” พลันเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ก่อนทุกคนจะหันไปมองยังชั้นที่ 3 ของเจดีย์เชื่อมฟ้า ซึ่งไฟสว่างหนึ่งดวงนั่นหมายความว่ามีคนไปถึงชั้นนั้น แต่เมื่อผู้ฝึกยุทธ์สำนักอี่เทียนเห็นฉากนี้ต่างก็ยิ้มแย้ม
“ผู้ที่บุกถึงชั้นที่ 3 เร็วขนาดนี้ได้ ต้องเป็ิเสวียนแน่นอน!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ในบรรดาสิบคนมีิเสวียนที่โดดเด่นที่สุด อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 และอยู่อันดับที่ 8 ในรายนามเฟิงอวิ๋น แม้จะอยู่ท่ามกลางคนรุ่นเยาว์มากมาย แต่ก็ยังส่องแสงเจิดจรัส
งานชุมนุมหวงปั่งเป็เวทีของอัจฉริยะอย่างแท้จริง ผู้ใดยิ่งมีพร์และพลังแกร่งกล้า ก็ยิ่งส่องแสงอย่างเจิดจรัสมากขึ้นเท่านั้น
ผ่านไปสักพัก ไฟบนชั้นที่ 6 ของเจดีย์เชื่อมฟ้าก็สว่างขึ้น ิเสวียนบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าได้น่าทึ่งยิ่งนัก แต่ถึงชั้นที่ 6 ก็ถือว่าเป็คะแนนที่ไม่เลวแล้ว ต่อจากนั้นหลาย ๆ กลุ่มเริ่มบุกฝ่าเจดีย์ ในนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามเฟิงอวิ๋นมากันอย่างไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีใครทำคะแนนสูงเท่าิเสวียนได้เลยสักคน
“เซ่าเจี๋ย จงบุกถึงชั้นที่ 6 ให้ได้!” ด้านหอชิงหลง ผู้าุโคนหนึ่งกล่าวกับหลงเซ่าเจี๋ย
“ขอรับ” หลงเซ่าเจี๋ยพยักหน้าพลางดวงตาเผยประกายคมกริบ
ในบรรดาสิบคนของกลุ่มนี้ หลงเซ่าเจี๋ยเป็ที่จับตามองมากที่สุด ตอนที่ไฟบนชั้นที่ 6 สว่างขึ้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หอชิงหลงต่างระบายยิ้มอย่างพอใจ แต่ไฟบนชั้นที่ 7 ที่พวกเขารอคอยกลับไม่สว่างเสียที จากนั้นเห็นหลงเซ่าเจี๋ยเดินออกจากเจดีย์เชื่อมฟ้า บุกถึงชั้นที่ 6 ได้ก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้ว
“กลุ่มนี้ทรงพลังมาก น่าจะเป็ตัวแทนที่แข็งแกร่งสุดในงานนี้แล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองผู้ฝึกยุทธ์ 10 คนกลุ่มต่อไป ใน 10 คนนี้มีโอวหยางเจิน และมู่เยี่ยนผู้อยู่สิบอันดับแรกในรายนามเฟิงอวิ๋น ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็พิเศษ ครั้งนี้มู่เยี่ยนสุขุมเยือกเย็นไม่มีท่าทีโอหังเฉกเช่นรอบที่หนึ่ง แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นของเขาตวัดไปมองเย่เฟิงแวบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในเจดีย์เชื่อมฟ้า
“โอวหยางเจินแห่งสำนักหลิวอวิ๋นคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดนอกจากองค์ชายใหญ่ ครั้งนี้บุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าน่าจะบุกถึงชั้นที่ 7 ได้!” ผู้ฝึกยุทธ์สำนักหลิวอวิ๋นกล่าวด้วยความมั่นใจ
เป็ไปตามที่ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวไว้ แม้โอวหยางเจินจะสุขุมเยือนเย็น แต่เขาแข็งแกร่งมากและยังมีพร์ล้ำเลิศ อย่าว่าแต่บุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้ารอบที่สอง แม้จะถึงรอบสุดท้ายของงานชุมนุมหวงปั่ง โอวหยางเจินก็อาจจะมีสิทธิ์คว้าอันดับหนึ่งไปครอง ซึ่งคู่แข่งหลักของเขาคือจ้าวซิงและต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ตราบใดที่เอาชนะสองคนนี้ในรอบที่สามได้ เช่นนั้นอันดับที่ 1 ก็จะตกเป็ของโอวหยางเจิน
“งานชุมนุมหวงปั่งครั้งนี้ ฝีมือของมู่เยี่ยนถือว่าร้ายกายมาก หลังจากบรรลุขั้นยุทธ์แท้ พลังของเขาก็น่ากลัวขึ้นมาก ในกลุ่มนี้มู่เยี่ยนอาจจะสามารถบุกชั้นที่ 6 ไปจนถึงชั้นที่ 7” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยถึงมู่เยี่ยน มู่เยี่ยนคืออัจฉริยะที่ค่อนข้างมีฝีมือ แม้อันดับของเขาในรายนามเฟิงอวิ๋นจะต่ำกว่าโอวหยางเจิน แต่อายุของมู่เยี่ยนน้อยกว่าโอวหยางเจิน หากให้เวลามู่เยี่ยนหนึ่งปี เขาจะต้องเหนือกว่าโอวหยางเจินอย่างแน่นอน
เมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักศึกษาเสินเจียงและตระกูลมู่ได้ยินคนเ่าั้สรรเสริญมู่เยี่ยนต่างก็ภาคภูมิใจ
หลังจากกลุ่มนี้เข้าเจดีย์เชื่อมฟ้าและผ่านไปสองชั่วยาม ไฟบนชั้นที่ 6 ก็สว่างขึ้น แม้ผู้คนจะไม่ได้เห็นการบุกฝ่าของโอวหยางเจิน แต่ก็ต่างรอคอยผลลัพธ์ เวลาผ่านไปสองก้านธูป เห็นคนหนึ่งในฝูงชนชี้นิ้วไปยังชั้นที่ 7 ของเจดีย์เชื่อมฟ้า “ไฟบนชั้นที่ 7 สว่างแล้ว มีคนไปถึงชั้นที่ 7 แล้ว!”
นาทีนี้ผู้คนต่างเงยหน้าขึ้นมองยังชั้นที่ 7 ด้วยใจเต้นระรัว
“ในที่สุดก็มีคนไปถึงชั้นที่ 7 นี่คือคนที่สองหลังจากองค์ชายใหญ่จ้าวหยางที่ขึ้นไปถึงชั้นที่ 7 เช่นนั้นคนนี้จะเป็โอวหยางเจินหรือมู่เยี่ยน? หรือทั้งสองคนจะไปถึงชั้นที่ 7 ในเวลาไล่เลี่ยกัน?” ผู้คนคิดในใจ ใครก็ตามที่ไปเหยียบชั้นไหนของเจดีย์เชื่อมฟ้า ไฟของชั้นนั้นก็จะสว่าง แต่ผู้คนที่อยู่ข้างนอกกลับไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครถึงชั้นไหนแล้ว
“บัดนี้อีกแปดคนออกจากเจดีย์เชื่อมฟ้าแล้ว เหลือโอวหยางเจินและมู่เยี่ยนที่ยังอยู่ข้างใน เพราะงั้นข้าเดาว่าสองคนนี้ไปถึงชั้นที่ 7 ทั้งคู่!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
ครู่ต่อมาเงาร่างมู่เยี่ยนปรากฏตัวในสายตาของผู้คน ก่อนจะตามมาด้วยโอวหยางเจิน
ผู้าุโของทั้งสองกองกำลังต่างเดินมาหาแล้วซักถามถึงการบุกฝ่าของทั้งสองคน คำตอบที่ได้คือชั้นที่ 7 นี่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักศึกษาเสินเจียง ตระกูลมู่ และสำนักหลิวอวิ๋นเืเดือดพล่านพร้อมเผยสีหน้าปลื้มปีติ มู่เทียนหลงและมู่เทียนหู่ก็อยู่ด้วย พวกเขามองบุตรหลานชายของตัวเองก็ต้องรู้สึกภาคภูมิใจเป็อย่างมาก
“ผู้าุโฉิน ศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงข้าบุกถึงชั้นที่ 7 ได้ หากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเ้ารั้งท้ายพวกเรา คงขายหน้าแย่เลย!” ผู้าุโอวิ๋นซื่อเทียนกล่าวกับฉินเจิ้นถิงด้วยสีหน้าได้ใจ
สีหน้าของฉินเจิ้นถิงผันผวนเล็กน้อย แม้เขาจะเชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง ซึ่งเขารู้ดีว่าการบุกฝ่าเจดีย์เชื่อมฟ้าเป็ด่านที่ยากมาก ๆ ไม่เช่นนั้นอวิ๋นซื่อเทียนคงไม่เย้ยหยันเขาหลังจากมู่เยี่ยนบุกฝ่าไปถึงชั้นที่ 7
“สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าจะรั้งท้ายสำนักศึกษาเสีนเจียงเ้าได้อย่างไร? ตั้งหน้าตั้งตารอดูไปเถอะ!” ฉินเจิ้นถิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“ดี ข้าก็อยากเห็นนักว่าความมั่นใจของเ้าฉินเจิ้นถิงจะแตกละเอียดตอนไหน!” อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพลางแสยะยิ้ม แม้แต่ผู้าุโใหญ่โม่ไห่เฟิงจากหอชิงหลงและผู้าุโใหญ่ซูอวี่จากสำนักอี่เทียนก็ชำเลืองมองฉินเจิ้นถิงด้วยสายตาดูแคลน
“องค์ชายใหญ่ยินดีด้วย มีอัจฉริยะบุกชั้นที่ 7 ถึงสองคน” ทูตทั้งหกอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋นกล่าวยินดีกับองค์ชายใหญ่จ้าวหยาง จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าการบุกถึงชั้นที่ 7 ของเจดีย์เชื่อมฟ้าหมายถึงอะไร
“ข้าจ้าวหยางขอขอบคุณทุกท่านแทนสองคนนั้นด้วย!” จ้าวหยางก็มีความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะมู่เยี่ยน ภายภาคหน้าเขาจะอมรบสั่งสอนเป็อย่างดี และความสำเร็จในวันนี้ยังทำให้เขาปลื้มใจเป็อย่างมาก
“มู่เยี่ยนกับโอวหยางเจินเก่งกันทั้งคู่ เย่เฟิงเ้าก็พยายามเข้าละ ต่อสู้เพื่อสำนักยุทธ์เทียนเสวียน!” ฉินเยียนหรานกล่าวพลางยิ้มหวานให้เย่เฟิง
“ข้าจะพยายาม” เย่เฟิงกล่าว แม้เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่ข้างในเจดีย์เชื่อมฟ้า แต่ก็รับรู้ได้ว่าการบุกฝ่าเจดีย์นี้ไม่ใช่เื่ง่าย
