รุ่งสางวันถัดมา
“หลงจู๊1 มีเข็มสำหรับใช้ในการฝังเข็มหรือไม่ขอรับ?” เสียงนุ่มนวลเรียบนิ่งดังขึ้น หลงจู๊เงยหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มสะอาดสะอ้านปรากฏสู่สายตา
“มีขอรับ คุณชายโปรดรอสักครู่” ช่างเป็คุณชายที่หล่อเหลายิ่งนัก ความสุภาพเรียบร้อยทำให้ผู้คนเพียงแค่มองก็รู้สึกดี
อวิ๋นซูเริ่มคุ้นชินกับใบหน้านี้ของตนแล้ว เซียวฮองเฮามีใบหน้าที่งดงามน่าหลงใหล เป็ที่อิจฉาของสตรีทั้งใต้หล้า แต่หลิ่วอวิ๋นซูมีใบหน้าประเภทที่สุภาพงดงามแลดูสะอาดสะอ้าน ซึ่งทำให้นางสบายใจเป็อย่างมาก เมื่อไม่มีเงาในอดีต ทุกคราที่ส่องกระจกจะได้ไม่คับแค้นใจจนตาย
อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกันไม่คุ้นชินยิ่งนักที่ต้องแต่งกายเป็เด็กรับใช้ของบัณฑิต คุณหนูของตนงดงามอนาคตรุ่งโรจน์แท้ๆ เหตุใดยามออกจากจวนกลับ้าสวมใส่เสื้อผ้าบุรุษกันเล่า ช่างน่าเสียดายดวงหน้าอันงดงามดั่งดวงจันทรานั่นจริงๆ
“หลงจู๊ มียาขายหรือไม่?”
เสียงสดใสไพเราะน่าฟังพร้อมรอยยิ้มบางทำให้อวิ๋นซีและอวี้เอ๋อร์อดทอดสายตามองไปไม่ได้ เพียงแต่การมองครานี้ทำให้รู้สึกว่าทุกสรรพสิ่งอื่นใดพลันไร้สีสัน สิ่งแรกที่ประทับสู่ม่านสายตาคือดวงตาอันแวววาวสุกสกาวคู่นั้น
นางคิดมาตลอดว่าเซียวอี้เชินเป็บุรุษรูปงามที่หาได้ยากยิ่งในโลกหล้า แต่คุณชายวัยเยาว์ตรงหน้ากลับทำให้อวิ๋นซีรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
รอยยิ้มของเขาอบอุ่นไร้พิษภัย ใบหน้าขาวสะอาดหมดจด ดวงตาเปล่งประกายราวดวงดารา ริมฝีปากบางยกยิ้มหยอกเย้าทว่าไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ จมูกโด่งเป็สันราวกับถูกสร้างมาอย่างประณีตงดงาม เป็ครั้งแรกที่มีคนสามารถทำให้ความเย้ยหยันและความสุภาพอ่อนโยนดูกลมกลืนเข้าด้วยกันได้
แม้จะสวมใส่ชุดผ้าฝ้ายหยาบ ทว่ามิอาจปกปิดความพิเศษบนกายได้ เขาเดินมาข้างกายอวิ๋นซู เมื่อสบตาเข้ากับนางที่แต่งกายเป็คุณชายน้อยคนหนึ่งก็ส่งยิ้มตามมารยาทมาให้
ส่วนนางเพียงมองเขาอย่างเฉยชาครู่หนึ่งแล้วจึงถอนสายตากลับมา เบนหน้าไปไม่ตอบสนองสิ่งใด
“...” ั์ตาของเฟิ่งหลิงเจือแววตกตะลึง ยามเมื่อเขาเห็นติ่งหูเล็กขาวของอวิ๋นซูปรากฏสีชมพูจางๆ ก็พลันเข้าใจขึ้นมา
“คุณชายน้อย ท่านลองดูเข็มอ่อนเหล่านี้ก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ขอรับ” หลงจู๊เดินยิ้มออกมา เมื่อเห็นคุณชายผู้นั้นก็ส่งรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยสัญญาณบางอย่าง ดูราวกับว่าทั้งสองคุ้นเคยกันเป็อย่างดี
อวิ๋นซูเปิดห่อผ้าที่หลงจู๊ส่งให้ ภายในปรากฏให้เห็นเข็มเงินขนาดสั้นยาวไม่เท่ากันวางเรียงอยู่ นางเลือกหยิบมาทดสอบแท่งหนึ่ง จากนั้นจึงจ่ายก้อนเงินออกไปอย่างพออกพอใจและเก็บของในห่ออย่างระมัดระวัง “ขอบคุณขอรับ”
นางเดินออกมานอกร้านแต่กลับพบว่าอวี้เอ๋อร์ไม่ได้ตามมา หันกายไปมองจึงได้เห็นว่าผู้ที่แต่งกายเป็เด็กรับใช้ของบัณฑิตกำลังจ้องมองชายแปลกหน้าอย่างหลงใหล
“พวกเรากลับกันเถิด”
ในที่สุดเสียงนี้ก็ทำให้อวี้เอ๋อร์ได้สติ ใบหน้าของนางพลันแดงเรื่อ รีบตามคุณหนูของตนออกมา
“โธ่ คุณชาย ยานี้มิอาจทานบ่อยๆ มิเช่นนั้นท่านจะป่วยเข้าจริงๆ นะขอรับ!”
“หลงจู๊วางใจเถิด ตัวข้ารู้ขีดจำกัดดี”
เสียงสนทนาดังแว่วมาเบาๆ จากด้านหลัง อวิ๋นซูมองอวี๋เอ๋อร์ที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวข้างกาย “ทำไม คิดถึงบุรุษโฉมงามเมื่อครู่นี้อยู่หรือ?”
“โธ่ คุณหนู...” ใบหน้าของอวี้เอ๋อร์แดงเรื่อ จะอย่างไรนางก็ไม่เคยพบเคยเห็นบุรุษรูปงามเช่นนั้นมาก่อน
รอยยิ้มบนในหน้าของอวิ๋นซูเจือแววเ็าอยู่หลายส่วน ต่อให้งดงามก็มิอาจต้านทานกาลเวลาได้ มิอาจชะล้างความบาดหมางในใจได้ เพียงพริบตาเดียวก็ถูกทอดทิ้ง นี่คือประสบการณ์อันเ็ปในชีวิตเดิมของนาง
“แย่เล้ว! นั่นฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ!” อวี้เอ๋อร์รีบดึงนางให้หยุดเดิน
หน้าถนนของจวนโหว กลุ่มคนดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรหยุดยืนอยู่หน้าประตูอย่างเคร่งขรึมทรงอำนาจ สตรีวัยเยาว์ใบหน้างดงามบริสุทธิ์ดั่งหยกกำลังประคองสตรีชราผู้สวมใส่ชุดสีน้ำตาลนางหนึ่ง
มองจากมุมของอวิ๋นซู สามารถมองเห็นใบหน้าอันแข็งทื่อซีดขาวและนิ้วมือที่สั่นเทาเล็กน้อยอย่างหาได้ยากยิ่งของฮูหยินผู้เฒ่าได้พอดิบพอดี
ใจนางสั่นสะท้าน ส่วนอวี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายร้อนรนจนทนไม่ไหว “คุณหนู พวกเรารีบกลับกันเถิดเ้าค่ะ หากฮูหยินรู้ว่าพวกเราออกนอกจวนโหวคงไม่ดีแน่!”
ทว่าอวิ๋นซูกลับไม่ขยับ เพียงยกยิ้มเป็นัยว่าให้รออีกสักครู่ จนกระทั่งคนทั้งหมดเข้าไปในจวนนางจึงเดินออกมาจากในตรอกอย่างไม่รีบไม่ร้อน “รีบร้อนไปไย ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากพบข้าเร็วปานนั้นหรอก”
คนของจวนโหวงมงายเช่นนี้ คงจะรอฤกษ์ยามถึงค่อยกลับมากระมัง หากเป็ไปได้พวกนางคงไม่อยากพบตนเองที่เป็ตัวโชคร้ายเท่าใดนัก แต่อย่างไรมารยาทก็มิอาจละเว้น ดังนั้นจึงไม่ต้องรีบร้อน เพราะพวกนางยัง้าเวลาเตรียมตัวสักครู่
เป็จริงดั่งว่า อวิ๋นซูเดินเข้ามาจากประตูหลัง กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจึงเพิ่งจะส่งคนมา
แม่นมท่าทางเข้มงวดคนหนึ่งพานางเดินไปยังทิศทางของเรือนฮูหยินผู้เฒ่า ไม่มีการพูดจาที่เกินความจำเป็ การแสดงออกที่เหมาะสมเช่นนั้นทำให้นางพอจะรับรู้ได้ถึงความเข้มงวดในการสั่งสอนคนใต้ปกครองของฮูหยินผู้เฒ่า
เมื่ออวิ๋นซูย่างเท้าเข้ามาภายในห้องโถง พบว่ามีเครื่องหยกและแจกันดอกไม้นานาชนิดวางเรียงราย ขวามือมีเหลยซื่อและอนุภรรยาทั้งสามยืนอยู่ ซ้ายมือเป็เหล่าพี่น้องของนาง
“อวิ๋นซูคารวะท่านย่าเ้าค่ะ”
การคารวะของนางถูกต้องทุกระเบียบนิ้ว สุภาพเหมาะสม ดูไม่เหมือนเด็กหญิงที่มาจากหมู่บ้านชนบทอย่างที่ใครๆ คาดคิด ความเกลียดชังในใจของฮูหยินผู้เฒ่าพลันลดลงไปหลายส่วน จะอย่างไรก็เป็เืเนื้อเชื้อไขของสกุลหลิ่วของพวกเขา
“เพิ่งกลับมาจวนโหว เริ่มคุ้นเคยบ้างแล้วกระมัง”
“เ้าค่ะท่านย่า เป็ท่านย่าที่ใส่ใจซูเอ๋อร์ยิ่งนัก”
เหลยซื่อที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นพลันแย้มยิ้มบนใบหน้า นังเด็กคนนี้นับว่ารู้มารยาท หากนางกล้าพูดเื่เมื่อวานกับฮูหยินผู้เฒ่า ตนเองคงจะต้องสั่งสอนนางดีๆ สักครั้ง
“มานี่ ย่าขอหยกประดับมาจากวัดเทียนฝูมาให้เ้าเส้นหนึ่ง ลองสวมดูว่าชอบหรือไม่?”
อวิ๋นซูก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้า ก้มหน้าค้อมกายรับหยกปรับสีเขียวมรกตเส้นนั้น ชีวิตก่อนนางมีฐานะเป็ฮองเฮา ได้เข้าออกวัดต้าหลี่อยู่บ่อยครั้ง ย่อมรู้ประโยชน์ของหยกประดับเช่นนี้เป็ธรรมดา มันเอาไว้ใช้ขับไล่สิ่งชั่วร้าย!
“ขอบคุณท่านย่าเ้าค่ะ”
สายตาตกอยู่ที่นิ้วมืออันคดงอเล็กน้อยของฮูหยินผู้เฒ่า ในใจของอวิ๋นซูเข้าใจแจ่มแจ้ง ไม่ผิดไปจากที่ตนคาดคิดเท่าไรนัก
“น้องสาว เ้าต้องรับระวังๆ เสียหน่อยเล่า หยกประดับนี้ทั่วทั้งแคว้นเฉินมีอยู่เพียงเส้นเดียว” ผู้กล่าวคือสตรีที่ใบหน้างดงามดั่งหยก เป็สตรีอายุน้อยที่นางเห็นตรงหน้าประตูจวน นางแย้มยิ้มเล็กน้อยทว่ามิอาจปกปิดความเหยียดหยามและความรังเกียจในสายตาของนางได้
“นี่เป็พี่สาวของเ้าผู้เกิดจากภรรยาเอก วันหน้าหากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามนางเสียให้มาก” เหลยซื่อยังคงท่าทางภูมิฐานเปี่ยมด้วยจรรยา นางมองไปยังบุตรีของตน ใบหน้าปรากฏความภาคภูมิใจอย่างเก็บงำไว้ไม่อยู่
นี่คือหลิ่วอวิ๋นฮว๋า บุตรีภรรยาเอกแห่งจวนชางหรงโหว กิ่งท้อชูช่อไสว งามวิลัยสวยสะพรั่ง2 ช่างสมชื่อตนเหลือเกิน
“เอาล่ะ ข้าเองก็ล้ามากแล้ว พวกเ้าออกไปเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว ทั้งหมดพากันคารวะแล้วถอยหลังออกไป อวิ๋นซูไม่แปลกใจแม้แต่น้อยกับการพบหน้าอันแสนสั้นของครอบครัวในครั้งนี้ เพราะผู้ใดก็ไม่อยากอยู่ร่วมกับตัวโชคร้ายอย่างนางนานเกินไปนัก
ภายในห้อง อวี้เอ๋อร์มองหยกประดับที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้ จ้องจนดวงตาเบิกกว้าง ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนโหวมอบของอย่างใจกว้างถึงเพียงนี้เชียว เกรงว่าหยกทุกเม็ดคงมีค่าไม่น้อยเลยทีเดียว!
ทว่า อวิ๋นซูที่อยู่ตรงหน้าต่างเห็นข้ารับใช้ผู้หนึ่งกำลังก้มหน้าทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงระเบียง เขาสบเข้ากับสายตาของนางพอดี จึงรีบร้อนวิ่งจากไป
“อวี้เอ๋อร์ ไปเรียกชุ่ยเอ๋อร์เข้ามา”
****************************
คำอธิบายเพิ่มเติม
1 หลงจู๊ คือคำเรียกผู้ดูแลร้านค้า
2 กิ่งท้อชูช่อไสว งามวิลัยสวยสะพรั่ง มาจาก่หนึ่งของบทกวีที่ปรากฏในหนังสือรวมบทกวียุคโบราณ