เหลียงซื่อรับรู้ได้ถึงความเ็าจากสายตาหญิงชรา
รีบดันมารดาของตนเองออกไป และวิ่งไปข้างกายหวังซื่อด้วยท่าทางน่าเวทนา
เฝิงซื่อก็เห็นความเ็าเต็มไปทั่วใบหน้าของหวังซื่อเช่นกัน แต่นางไม่กลัวหรอก บุตรสาวของนางเพิ่งคลอดหลานชายตัวจ้ำม่ำให้สกุลหู เป็คุณูปการให้สกุลหูอย่างมาก
หวังซื่อโกรธแล้วอย่างไร เงินดีๆ เอามาสร้างโรงเรียนที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย แล้วช่วยเหลือแค่ชาวบ้านของหมู่บ้านวั้งหลินเพียงอย่างเดียวด้วย เพ้ย เงินมากมายเอาไปเผาทิ้งเสียเปล่า ทำไมไม่ช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ให้ญาติสักหน่อย
“เื่ของสกุลหูไม่ต้องให้ท่านเหนื่อยทุกข์ใจ บุตรสาวท่านแต่งเข้ามาให้กับสกุลหู เด็กสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออก หลักการนี้ท่านเข้าใจกระมัง ท่านถามบรรดาคนหมู่บ้านเดียวกันที่อยู่ใกล้ละแวกใกล้เคียงนี้สิ มีครอบครัวผู้ใดคล้ายกันกับท่านบ้าง จ้องเื่ในบ้านของบุตรสาวที่แต่งออกมาแล้วทุกวัน สกุลหูของพวกเราข้างบนมีชายชรา ข้างล่างมีหลานตัวน้อย จะจัดการทรัพย์สินเงินทองที่บ้านอย่างไร ก็เวียนไปไม่ถึงท่านที่ไม่ได้ใช้แซ่เดียวกันแล้วมาชี้มือวาดเท้าหรอก” หวังซื่อตีหน้านิ่งเคร่งขรึม น้ำเสียงตำหนิอย่างเด็ดขาด
เฝิงซื่อกลัวหัวหดเล็กน้อย แต่ยังกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าเป็คนต่างแซ่ไม่ผิด แต่ข้าก็เป็แม่ยายของฉางหลิน เื่ในบ้านเขาข้าจะไม่สนใจได้อย่างไร ท่านเป็แม่สามี ลำเอียงไปทางบุตรชายคนเล็ก เงินที่หามาได้ล้วนใช้จ่ายไปกับบุตรคนเล็ก แต่ตัวท่านกินอยู่กับบุตรคนโต ท่านมันลำเอียง หากข้าไม่สนใจนิดหน่อย เงินในชื่อของฉางหลินกับิฮวาคงล้วนให้ท่านสงเคราะห์ให้บุตรคนเล็กหมดแล้ว บุตรสาวที่น่าสงสารของข้า เงินที่บ้านแม่สามีหาได้กลับไม่แบ่งให้ลูกสะใภ้คนโตเลยสักส่วน นี่ใช้ชีวิตผ่านมาอย่างไรกันนะ ไม่สู้กลับบ้านไปทานรำข้าวกลืนผักกับแม่ให้สบายดีกว่าหรือ”
ตบต้นขาไปพลางร้องะโไปพลาง ขาดก็แต่ร่ำร้องออกมาเป็บทเพลงแล้ว
หวังซื่อชำเลืองผ่านเหลียงซื่ออย่างเงียบๆ
เหลียงซื่อตัวสั่น ศีรษะหดต่ำลงยิ่งขึ้น
“งั้นหรือ ญาติที่ดองกันจากการแต่งงานรู้สึกเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นพอดีเลย เหลียงิฮวาก่อกวนให้บ้านสกุลหูอันเก่าแก่ของข้าไม่สงบสุข วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ทานกับนอนอกตัญญูต่อแม่สามี แล้วยังนินทาความเท็จของสกุลหูลับหลังอยู่บ่อยครั้งอีก ทำผิดต่อข้อห้ามที่สำคัญในเจ็ดเื่ [1] เมื่อเป็เช่นนี้ญาติที่ดองกันจากการแต่งงานก็พาบุตรสาวของท่านกลับไปเถอะ รอให้ฉางหลินกลับมาค่อยเขียนหนังสือหย่า แล้วท่านกับข้าสกุลหูและสกุลเหลียงก็ไม่เกี่ยวพันกันอีกต่อไป” หวังซื่อน้ำเสียงเย็นะเื ท่าทีเ็าอย่างยิ่ง
เหลียงซื่อเงยหน้าขึ้นทันทีทันใด สีหน้าขาวซีดมองแม่สามีตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ในใจเฝิงซื่อ “ตึกๆ” เล็กน้อย ยายแก่น่าตายนี่ช่างกล้าให้ฉางหลินหย่ากับภรรยา
“พรึ่บ” เหลียงซื่อโผเข้าไปข้างขาแม่สามี กอดขาของหวังซื่อร้องไห้โฮเสียงดัง “ท่านแม่ เป็ความผิดของลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้ไม่กล้าอีกแล้ว ท่านเป็ผู้ใหญ่ใจกว้างไม่จดจำความแค้น ให้อภัยข้าด้วยเถอะเ้าค่ะ”
หวังซื่อแน่นิ่งไม่ไหวติง มองไปยังเฝิงซื่ออย่างเ็า “ท่านไม่ใช่บอกว่าความเป็อยู่ของบุตรสาวท่านผ่านไปอย่างยากลำบากหรือ นี่ไม่ใช่ว่ากำลังพอดีเลยทีเดียว รับนางกลับไปใช้ชีวิตให้ได้ดังใจเถอะ”
ลานบ้านของบ้านเก่ามีชาวบ้านมุงดูความวุ่นวายอย่างคึกคักอยู่ไม่น้อย ต่างดูสถานการณ์นี้แล้วทยอยกันเอะอะโวยวายขึ้น
“นั่นน่ะสิ ท่านยายเฝิง หากบุตรสาวท่านใช้ชีวิตอยู่บ้านสกุลหูไม่สบายใจ ท่านก็รับกลับไปเลี้ยงดูให้ดีเถอะ”
“โอ๊ะ เช่นนั้นไม่ใช่ว่าฉางหลินก็แต่งภรรยาใหม่ที่สาวและสวยได้แล้วน่ะสิ”
“นั่นน่ะสิ จากสภาพการเงินของสกุลหูตอนนี้ แม่นางน้อยครอบครัวผู้ใดที่จะสู่ขอไม่ได้กัน ยังต้องสนโผเหนียงอ้วนท้วนผู้นี้ด้วยหรือ”
ทุกคนหัวเราะเยาะขึ้นมาพร้อมกันพักหนึ่ง
บนใบหน้าเฝิงซื่อเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวสลับกัน นางฝืนใจเค้นเหตุผลโต้แย้งขึ้น “ท่านแม่สามี ดูท่านกล่าวคำพูดอะไรกัน ล้วนกล่าวกันว่ารื้อถอนวัดสิบแห่ง ไม่ทำลายครอบครัวเดียวกัน ฉางหลินและิฮวาเป็คู่สามีภรรยากันมายี่สิบปี อีกอย่างไม่ใช่ว่าิฮวาเพิ่งมีหลานชายตัวจ้ำม่ำให้ท่านหรือ ท่านทำเช่นนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย ไม่กลัวว่าผู้อื่นจะทิ่มกระดูกสันหลังท่านหรือ?” [2]
“เชอะ เื่ที่หลานชายผู้นั้นของข้าคลอดออกมาอย่างวุ่นวาย ท่านไม่น่าจะลืมไปเร็วขนาดนี้กระมัง เพื่อเื่นี้แล้วสกุลหูต้องเสียเงินไปโดยใช่เหตุตั้งเท่าไร นั่นล้วนเป็เื่ดีที่บุตรสาวของเ้าทำทั้งสิ้น ทำไมหรือ? พวกท่านสองแม่ลูกนึกถึงแต่เื่ดีๆ ไปจนหมด ส่วนเื่ว้าวุ่นใจที่ตนเองก่อโยนไปข้างหลังศีรษะไปแล้วหรือ?” เมื่อนึกถึงเงินสองร้อยเหลียงขึ้นมา ต้องอาศัยเจินจูขุดโสมคนหนึ่งต้นไปขายทิ้ง ถึงจะรวบรวมได้เพียงพอ อารมณ์ร้อนในใจของหวังซื่อก็ค่อยๆ ผุดขึ้น
เหลียงซื่อกอดขาของแม่สามีแน่น หวาดกลัวจนสั่นเทาไปทั้งกาย
ใช่แล้ว ครอบครัวใหญ่ของสกุลหูสาเหตุเป็เพราะนางถึงได้จ่ายเงินไปสองร้อยเหลียงโดยใช่เหตุด้วยเงินมากมายเช่นนั้น หลังจากเหตุการณ์สิ้นสุดลงแม่สามีก็ไม่ได้มาคิดบัญชีอะไรกับนาง นับว่าช่างเป็วาสนาของนางแล้ว
แต่จู่ๆ มารดาของนางก็ก่อเื่ขึ้น อิจฉาริษยาเื่ที่บ้านของน้องสามีสร้างโรงเรียน
ยึดติดกับเื่นี้ไม่จบไม่สิ้น ไม่รู้จักคิดเลยสักนิดว่าเพียงสองร้อยเหลียงนั่นอย่างเดียว ก็เพียงพอให้สร้างบ้านเช่นน้องสามีได้ตั้งกี่ห้องแล้ว
ต้องโทษนางด้วยเช่นกันที่ถูกคำพูดริษยาของมารดานางกล่าวเพียงไม่กี่คำ ก็ปล่อยให้มารดากระทำผิดอย่างเหิมเกริมที่บ้านครอบครัวใหญ่ได้
ทีนี้เป็อย่างไรล่ะ ทำให้แม่สามีขุ่นเคือง จะให้ฉางหลินหย่ากับนางแล้ว เหลียงซื่อยิ่งคิดยิ่งกลัว ร้องไห้จนน้ำตาน้ำมูกไหลเปรอะไปทั่วหน้า
เฝิงซื่อถูกหวังซื่อจิ้มเข้าเช่นนี้ ความหยิ่งยโสพลันสลายหายไปทันใด นางหัวเราะเสียงแห้งสองที “แหะๆ” รู้ว่าตอนนี้นางร้องขออะไรดีๆ ไม่ได้แล้ว จึงเปลี่ยนมายิ้มแย้มขึ้น “โธ่ ท่านแม่สามี นั่นก็เป็การใช้จ่ายเพื่อหลานชายคนเล็กของท่าน โทษิฮวาผู้เดียวไม่ได้นะ อีกอย่างเงินเล็กน้อยนั่น สำหรับสกุลหูของพวกท่านไม่ใช่ว่าเป็ผักดองหนึ่งถ้วยเล็ก [3] หรือ”
ผักดองหนึ่งถ้วยเล็ก? นางช่างกล้ากล่าวจริงๆ หวังซื่อสีหน้าเคร่งขรึม
“เอ่อ... ฮ่าๆ ข้านึกขึ้นได้แล้ว ที่บ้านยังมีเื่ต้องยุ่งอยู่ ท่านแม่สามี เื่วันนี้เป็ความผิดของพวกข้าสองแม่ลูก หากท่าน้าตี้าลงโทษ ระบายกับิฮวาได้เต็มที่เลย ยายแก่อย่างข้าต้องไปก่อนแล้ว” เฝิงซื่อกล่าวไปพลางแหวกกลุ่มคนแล้ววิ่งไปนอกลานบ้านไปพลาง
“ญาติที่ดองกันจากการแต่งงาน ครั้งนี้ท่านไม่พานางกลับไป ครั้งหน้าหากมาอีกก็รับหนังสือหย่าร้างและสินเดิมของนางกลับไปเถอะ” เสียงเย็นดั่งน้ำแข็งของหวังซื่อเสียดตรงเข้าสู่ใจคน
เฝิงซื่อได้ยินดังนั้น จังหวะใต้ฝ่าเท้ายิ่งไม่กล้าหยุดพัก วิ่งหนีไปอย่างเหาะได้ก็ไม่ปาน
ระยะเวลายาวนาน่หนึ่ง คงไม่กล้ามาปรากฏอยู่ที่บ้านเก่าสกุลหูอีก
หลังเหลียงซื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไป ก็ไม่กล้าจงใจทำเื่สูงเกินตัวอีกเลย ทุกวันนอกจากเลี้ยงบุตรคนเล็กแล้วก็ยึดเอางานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านสกุลหูมาทำด้วยความขยัน
เทียบกับความหน้าหนาของเฝิงซื่อแล้ว คนจากบ้านสามีของหูอู้จูปรากฏความเข้าใจและมีเหตุผลมากกว่า ในงานเลี้ยงอายุครบเดือนของผิงซั่นตัวน้อย หลิวซื่อแม่สามีของหูอู้จูพาคู่สามีภรรยามาหนึ่งครั้ง นอกจากกระตือรือร้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้วก็ไม่ได้ก่อเื่หยุมหยิมอะไรขึ้น
จำนวนครั้งที่หูอู้จู่กลับมาบ้านบิดามารดาถี่มากขึ้น แต่ก็แค่มากขึ้นสองสามครั้งเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีสาเหตุอื่นใด เพราะนางกับท่านยายเฝิงซื่อพบกันถี่เกินไป ท่านยายของนางมักหยิบเื่ท้องของนางมาพูดว่าแต่งงานไปสองปีท้องยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว เดิมทีจิตใจก็กลัดกลุ้มอยู่แล้ว เฝิงซื่อยังมาจิ้มสิ่งที่อยู่ส่วนลึกในใจของนางทุกวัน หูอู้จู่ไม่มีความสุข สองคนขิงก็ราข่าก็แรง ทุกครั้งมักทะเลาะกันจนแยกย้ายกันไป
หูอู้จูกลัดกลุ้มใจอย่างมาก ี้เีเกินกว่าจะกลับไปบ้านบิดามารดา
ที่ฉลาดเฉียบแหลมที่สุดยังนับว่าเป็หูชิวเซียง
นับั้แ่ครั้งก่อนที่หลอกเอาเงินในมือหูฉางกุ้ยไป ความรู้สึกภายในใจของหูชิวเซียงก็ตื่นตัวแล้วยังกระวนกระวายไม่หยุด
นางเคยคิดเผื่อไว้แล้วว่า หากมารดาของนางมาหาถึงบ้านสกุลเจี่ยงให้นางคืนเงิน นางควรรับมืออย่างไร
แล้วก็เคยคิดเผื่อไว้ด้วยเช่นกันว่า หากหูฉางกุ้ยมาหานางด้วยตัวเอง นางควรจะทำอย่างไร
แล้วยังเคยคิดเผื่อไว้อีกด้วยว่า สองสามปีนี้จะไม่กลับบ้านบิดามารดา เื่เงิน จะสามารถผ่านไปเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่
แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสกุลหูจะไม่เห็นเงินเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตา
นางนั่งอยู่บ้านสองสามเดือนอย่างไม่สงบ ฟู่เหรินที่แต่งเข้ามาจากหมู่บ้านหม่าซานที่อยู่ข้างเคียงบอกกับนางว่าน้องชายที่บ้านบิดามารดาของนางยอดเยี่ยมนัก สร้างโรงเรียนอยู่ทางเข้าหมู่บ้านวั้งหลิน เชิญท่านอาจารย์มาสอน และเปิดโรงเรียนไม่เสียค่าใช้จ่าย กลายเป็เื่ใหญ่โตเป็ที่รู้จักไปทั่วหมู่บ้านข้างเคียง
สร้างโรงเรียน? เชิญอาจารย์? เปิดโรงเรียน? เช่นนั้นไม่ใช่ว่าต้องจ่ายหลายร้อยเหลียงถึงจะสามารถทำได้สำเร็จหรือ?
ฉางหลินกับฉางกุ้ยหาเงินได้มากมายเพียงนั้น?
ตนเองเอามาสิบกว่าเหลียง หลบอย่างกระวนกระวายไม่สงบไม่กล้าออกจากบ้าน? หูชิวเซียงมึนงง รู้สึกว่าตนเองราวกับเดินมาผิดทาง
วันต่อมาหูชิวเซียงจึงพาเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนออกเดินทางกลับมาบ้านบิดามารดาตนเอง
ร่ำไห้ต่อหวังซื่ออยู่พักหนึ่งก่อน แล้วยอมรับความผิดของตัวเอง ทันทีหลังจากนั้นนำเงินจำนวนเท่าเดิมคืนให้หูฉางกุ้ยที่มาเพราะได้ยินข่าว ขอโทษขอโพยแสดงความลำบากของตนเองออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายคร่ำครวญเล่าความเศร้าโศกลำบากของตนเองอีกรอบ
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนหลุบตาเช็ดน้ำตาตามมารดาของนางอยู่ด้านข้าง ผ่านไปหนึ่งรอบ แผนการโศกเศร้าก็ได้ผลไปตามคาด
หวังซื่อกับหูฉางกุ้ยล้วนแสดงออกว่าให้อภัยอย่างใจกว้าง
เจินจูมองอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ พบว่าการได้รับความเห็นใจที่ใช้ความอ่อนแอของคนแสดงออกมา ช่างเป็วิธีการที่ได้ผลอย่างแท้จริง
ทั้งครอบครัวทานอาหารอย่างปรองดองรักใคร่กันอีกครั้ง
วันถัดมาหูชิวเซียงนำเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเดินเล่นรอบบริเวณโรงเรียนวั้งหลินหนึ่งรอบ
ชายคามุมกระดกยกขึ้น ผนังสีขาวกระเบื้องสีดำ สิ่งก่อสร้างสูงใหญ่กว้างขวางทำให้ดวงตาทั้งคู่อิจฉาตาร้อน
แม้แต่พื้นถนนล้วนปูลาดด้วยแผ่นอิฐสีฟ้าทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้ต่างเป็เงินทั้งนั้น!
หูชิวเซียงทราบจากปากผู้เป็มารดาของนางว่าความคิดเริ่มก่อตั้งโรงเรียนของน้องชายคนรอง ที่จริงเป็ความคิดของหูเจินจู
แม่นางตัวน้อยหนึ่งคน สองสามร้อยเหลียงดวงตาล้วนไม่กะพริบก็โยนเข้าไปในโรงเรียนที่ไม่มีการตอบแทนกลับมาเลยสักเพียงนิด เพียงเพื่อได้รับชื่อเสียงที่ดีอย่างเดียวหรือ?
หูชิวเซียงคิดไม่ออกจริงๆ มารดาของนางเป็คนที่ฉลาดเฉียบแหลมมีความสามารถในการทำงาน ทำไมถึงได้เห็นด้วยที่บ้านน้องรองปล่อยให้คนรุ่นหลังจ่ายเงินไปอย่างไม่เหมาะสมเช่นนี้
แม้ชื่อเสียงสำคัญแต่ต้องใช้เงินมากมายเพียงนั้นซื้อมา ไม่คุ้มค่าเกินไปแล้วจริงๆ
นางคิดเช่นนี้แต่ไม่กล้ากล่าวออกมา
หูชิวเซียงพาเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนลาจากไป หลังพักอยู่บ้านบิดามารดาสองวันอย่างประพฤติตัวดี
ก่อนจากไปยังไม่เลิกร้องไห้เป็ทุกข์ใจอีกครั้ง
ผลที่ได้รับทำให้หูชิวเซียงและเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หวังซื่อให้เงินห้าเหลียงกับผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสองพับ แล้วกล่าวเป็พิเศษว่ากลับไปให้นางหารือกับคนในบ้านเื่เลี้ยงกระต่าย
ครอบครัวสกุลเจี่ยงคนมาก กระต่ายสามารถเลี้ยงได้มากหน่อย รอหลังจากเลี้ยงและขยายพันธุ์ได้มาก กำไรของการขายกระต่ายก็ไม่น้อยเลย
หูชิวเซียงซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก กลับไปได้ไม่กี่วันจึงพาสองพี่น้องของสกุลเจี่ยงมา
ผู้ที่มาเป็เจี่ยงจินเป่าพี่ชายคนโตและเจี่ยงจินไฉน้องชายคนรอง ส่วนเจี่ยงจินหยวนน้องชายคนที่สามไปทำงานรับจ้างชั่วคราวอยู่ต่างถิ่น
ผู้ที่หูชิวเซียงแต่งงานด้วยคือบุตรชายคนที่สองของสกุลเจี่ยงนามว่าเจี่ยงจินไฉ
สองพี่น้องสกุลเจี่ยงอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าสามวัน ใช้เวลาไปสองวันในการเรียนรู้วิธีและหัวข้อพื้นฐานของการเลี้ยงกระต่ายกับจ้าวหงซาน
จ้าวหงซานเลี้ยงกระต่ายมาได้สองสามเดือน สำหรับหัวข้อแต่ละอย่างของการเลี้ยงกระต่ายล้วนคุ้นเคยเป็อย่างมาก ทำงานขยันจริงจังแล้วยังตั้งใจจริง ไม่ว่าจะเป็กระท่อมกระต่ายหรือคอกที่ปล่อยเลี้ยงบนเนินลาด ล้วนดูแลได้สะอาดเป็อย่างมาก
เจินจูพึงพอใจเป็อย่างยิ่ง มอบพื้นที่เลี้ยงกระต่ายให้เขาดูแลทั้งหมดได้อย่างสบายใจ เพียงมารอบหนึ่งอย่างเว้นไปสามวันห้าวัน แอบเพิ่มเติมฟางจากมิติช่องว่างเล็กน้อยลงไปในอาหารให้กระต่าย
ผ่านไปสามวันพี่น้องสกุลเจี่ยงจึงนำกระต่ายตัวผู้สองตัวกับกระต่ายตัวเมียสิบสี่ตัวเร่งกลับไปอย่างรีบร้อน
หลังจากพวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสกุลหู ความกระตือรือร้นในการเลี้ยงกระต่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ปีที่แล้วสกุลหูยังยากจนอย่างถ้วยชามเสียงดังก๊อกแก๊กอยู่เลย พอพลิกตัวได้ การเปลี่ยนแปลงย่อมมากเป็ธรรมดา
นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าเลียนแบบคหบดีชุมชนที่มีชื่อเสียง สร้างโรงเรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายขึ้น
จุ๊ๆ ดูบุตรชายของสกุลหูคนรองที่ตอนแรกขี้กลัวหัวหด ซื่อๆ และขี้ขลาดผู้นั้นสิ ตอนนี้พูดจาได้คล่องแคล่ว ใจกว้างเชื่อมั่นในตนเองแล้ว ช่างเป็ทรัพย์สินเงินทองเสริมให้คนกล้าหาญเสียจริง
ผู้ใดจะจินตนาการได้ว่าหูฉางกุ้ยไร้เล่ห์เหลี่ยมประพฤติตัวดีและไม่มีตัวตนเช่นนั้น จะกลายเป็บุรุษที่มีฐานะร่ำรวยเงินทอง และมีชื่อเสียงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงได้
เชิงอรรถ
[1] เจ็ดเื่ คือ ข้อห้ามในสังคมศักดินาของจีนสมัยก่อน หากลูกสะใภ้ทำผิดเพียงหนึ่งในข้อห้ามที่มีทั้งเจ็ดข้อขึ้น สามารถไล่ลูกสะใภ้ออกจากวงศ์ตระกูลได้ อันได้แก่ 1. ไม่เชื่อฟังพ่อแม่สามี (เมื่อผู้หญิงแต่งงานออกไปแล้ว พ่อแม่สามีย่อมอยู่เหนือกว่าพ่อแม่ตนเอง) 2. ไม่มีบุตร (หญิงสาวที่แต่งเข้าบ้านสามีแล้วไม่ให้กำเนิดบุตรชายย่อมไร้ความหมาย หรือจะเป็การมีบุตรแล้วไม่ยอมเลี้ยง เลี้ยงแล้วไม่สั่งสอน สั่งสอนแล้วแต่ไม่ถูกวิธี) 3. มัวเมาในโลกีย์ (การมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตนเอง) 4. อิจฉา (ความอิจฉา รวมไปถึงความหึงหวง อันก่อให้เกิดความแตกแยกของครอบครัว) 5. มีโรคร้ายแรง 6. พูดมาก (รวมไปถึงขี้นินทา ดูถูกเหยียดหยาม กล่าวไม่มีมูลความจริงอันนำไปสู่ความวุ่นวาย หรือแตกแยกของครอบครัว) 7. ลักขโมย
[2] ทิ่มกระดูกสันหลัง หมายถึง การพูดถึงข้อบกพร่องลับหลัง
[3] ผักดองหนึ่งถ้วยเล็ก หมายถึง เื่ง่ายๆ เื่เล็กๆ หรือเื่จิ๊บจ๊อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้