ใช่แล้ว หากคิดให้ดีๆ แล้วก็น่ากลัวมากจริงๆ
สีหน้าและท่าทางของเขาทำให้ในใจของมู่หรงฉือรู้สึกกริ่งเกรง “ความจริงแล้วเปิ่นกงตั้งใจจะบอกท่าน...เปิ่นกงเพิ่งจะกลับถึงตำหนักบูรพาได้ไม่นาน...”
มู่หรงอวี้พูดอย่างสงสัย “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าประชาชนในเมืองหลวงเสพฝิ่นเข้าไปกันแล้วหรือไม่ แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ ในเหล่าขุนนางที่เมืองหลวงไม่ได้มีเพียงแต่จวงฉินกับกานไท่จู่สองคนที่เสพ ที่เปิ่นหวางอยากจะรู้มากกว่าก็คือ เป็พวกเขาเสพมันเอง หรือมีคนล่อลวงให้พวกเขาเสพกันแน่”
“มีคนล่อลวง...” นางเบิกตากว้างด้วยความใ หากมีคนล่อลวงให้เสพจริงๆ เช่นนั้นเื่นี้ก็น่ากลัวแล้ว
“จวงฉินกับกานไท่จู่ก่อนที่จะเสพฝิ่นรวมถึงหลังจากเสพได้ใกล้ชิดกับใครบ้าง เปิ่นหวางได้ส่งคนให้ไปลอบสืบแล้ว ส่วนทางด้านศาลต้าหลี่หากมีข่าวจะรีบมารายงานให้เปิ่นหวางรู้”
นางพยักหน้า “มิสู้เอาตัวขุนนางในเมืองหลวงมาสอบสวนรวมกันทั้งหมดทีเดียวไปเลยจะดีกว่า เพียงแต่ยังหาเหตุผลดีๆ ไม่ได้เท่านั้น”
ั์ตาของเขาเย็นเยียบขึ้นมาเล็กน้อย “ตรวจสอบอย่างไร?”
“ขุนนางร้อยกว่าคน แบ่งตรวจสอบเป็ชุด อย่างเช่นวันนี้รวบรวมขุนนางสามกรมมาที่ตำหนักใหญ่ คนที่เสพฝิ่นจะมีอาการลงแดง ทุกวันจะต้องเสพ ไม่เช่นนั้นแล้วจะทรมานเป็อย่างยิ่ง หากจับเขามาขังหนึ่งคืนก็สามารถมองความผิดปกติได้แล้ว”
“ไม่ดี ลงมือเอิกเกริกเกินไปจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้คนที่ลอบค้าฝิ่นพวกนั้นได้ข่าว”
“เปิ่นกงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว”
“เปิ่นหวางจะสั่งการคนออกไปว่าหลังจากยามไฮ่ให้จับตาดูตามห้องตำราของที่ทำการขุนนางเมืองหลวงเงียบๆ แล้วแบ่งดำเนินการเป็สามส่วน”
“เช่นนั้นค่อนข้างจะเป็ความลับ เพียงแต่ท่านมีคนเยอะถึงเพียงนั้นหรือ?”
“หรือเตี้ยนเซี่ยไม่เชื่อใจเปิ่นหวาง?”
“ความสามารถของท่านอ๋อง เปิ่นกงย่อมเชื่อถืออยู่แล้ว” มู่หรงฉือยิ้มตาหยีแต่กลับดูจอมปลอมยิ่ง “หลังจากตรวจสอบขุนนางที่เสพฝิ่นเ่าั้แล้ว จะจัดการอย่างไร?”
“จัดการตามกฎหมาย ลงโทษไม่ปล่อยเอาไว้” คิ้วเข้มของมู่หรงอวี้ประหนึ่งดาบ เ็าเป็อย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว ทางด้านกองทัพตรวจสอบอาวุธตรวจเจออะไรบ้าง?” นางถามอีก รู้ว่าเขาเองก็ส่งคนไปเฝ้าตอรอกระต่าย
“ว่านฟางกับหวังเทาระวังตัวนัก คาดว่า่นี้ไม่มีทางลงมือ” จู่ๆ เขาก็เหลือบตาขึ้นจ้องนาง “เตี้ยนเซี่ยตรวจสอบเจออะไรหรือ?”
“หูตาของท่านอ๋องมากมายถึงเพียงนั้นก็ยังหาอะไรไม่พบ เปิ่นกงจะไปหาเจอได้อย่างไร?” นางยิ้มน้อยๆ
“หากตรวจสอบเจออะไรเข้า อย่าลงมือด้วยตัวเอง รีบมารายงานเปิ่นหวาง” เขากำชับนางอย่างจริงจังหนึ่งประโยค
“เปิ่นกงจำได้แล้ว งานที่ต้องทำเยอะแยะ ท่านอ๋องก็กลับไปพักผ่อนเถิด” นางยิ้มตาหยี
“เตี้ยนเซี่ยกัดเข้าที่บ่าของเปิ่นหวางแรงขนาดนั้น เปิ่นหวางยังเจ็บอยู่เลย เ้าดูว่ามีเืออกหรือไม่” มู่หรงอวี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบไม่เป็ที่สังเกต
“ท่านอ๋องกลับไปให้นางกำนัลข้างกายดูให้เถิด” มุมปากของมู่หรงฉือคว่ำลงแล้วเดินนำไปด้านนอกอย่างสบายใจ ในหัวสมองปรากฏภาพหัวไหล่ขาวที่มีรอยฟันอ่อนๆ ชัดเจนหลังจากนางกัดเขาไปเมื่อครู่ “เปิ่นกงไปส่งท่านอ๋อง?”
เขามองนางที่เดินหนีออกไปแล้วก็หัวเราะออกมา
...
หลังเที่ยงวันถัดมา มู่หรงฉือก็ได้รับข่าวจากศาลต้าหลี่
เ้าพนักงานที่ศาลต้าหลี่ได้ส่งคนไปจับตามองตรอกชิงหยางเงียบๆ พบว่ามีบุรุษสวมหมวกคนหนึ่งกำลังทำการค้าขายกับอีกคนอยู่ รอกระทั่งพวกเขาจ่ายเงินและส่งของกันแล้ว เ้าหน้าที่ก็รีบพุ่งเข้าไปจับกุม
เ้าหน้าที่พาคนมาขังเอาไว้ที่ศาลต้าหลี่ เสิ่นจือเหยียนรีบเข้าไปสอบปากคำในห้องขังทันที แต่ว่าคนผู้นั้นปากแข็งนัก ทรมานไปสองวิธีก็ไม่ยอมปริปาก
มู่หรงฉือรีบร้อนมาถึงที่ศาลต้าหลี่ กู้ฮวายกับเสิ่นจือเหยียนออกมาต้อนรับ นางให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธี แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องขังทันที
“ลุงหวังพูดไม่ผิด คนผู้นั้นสูงห้าฉื่อสี่ชุ่น หน้าตาธรรมดา มองไม่ออกว่าเป็คนที่ไหน” เสิ่นจือเหยียนเดินไปก็พูดไป
“ปากแข็งขนาดนี้ ต้องใช้วิธีพิเศษถึงจะได้” นางหัวเราะเสียงเย็น
ห้องขังของศาลต้าหลี่ไม่เหมือนกับห้องขังของกรมราชทัณฑ์ที่เอาไว้ขังนักโทษโดยเฉพาะ ด้านในแบ่งเป็หลายห้อง แต่ละห้องยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแต่ละห้องเอาไว้ อีกทั้งยังเป็กำแพงแข็งแรง
พวกเขาเดินเข้ามาในห้องขังขนาดใหญ่ คนผู้นั้นถูกล่ามเอาไว้กับคานไม้ ทั้งร่างถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่
ในอากาศมีกลิ่นอับแปลกๆ แผ่กระจายโดยทั่วเพราะไม่ได้รับการระบายเป็เวลานาน มู่หรงฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางคนผู้นั้น บุรุษคนนั้นก้มหน้าลงไม่เห็นหน้าตา เสื้อสีเทาบนร่างฉีกขาดไปจนหมด ไม่สามารถปกปิดร่างกายได้ ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแส้ ยังมีรอยดำจากการถูกเหล็กร้อนนาบผิวจนไหม้เกรียม ดูแล้วน่าใ
เขาเหมือนจะได้ยินความเคลื่อนไหว จึงเงยหน้าขึ้นมาเงียบๆ เพียงครู่เดียวก็ก้มหน้าลง
“จะไม่พูดออกมาสักครึ่งคำจริงๆ หรือ?”
นางถามเสียงเย็น ครั้นมองคนขายฝิ่นไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา
ทำให้ฝิ่นระบาดในราชสำนัก ต่อให้ตายไปหมื่นครั้ง เฉือนศพเป็หมื่นชิ้นพันชิ้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะระบายความชิงชังนี้ได้
“คนผู้นี้กระดูกแข็งนัก” เสิ่นจือเหยียนพูดอย่างรังเกียจ
“ในเมื่อกระดูกเขาแข็งเช่นนี้ ก็ทำให้กระดูกของเขาแหลกเสียเถิด” มู่หรงฉือพูดเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“เป็ความคิดที่ดี” เสิ่นจือเหยียนหัวเราะเสียงเย็น “อีกประเดี๋ยวข้าจะหาคนที่มีกำลังภายในดีๆ มาทำให้กระดูกทั้งตัวของเขาแหลก”
“แต่ว่าก่อนที่กระดูกจะแหลก เปิ่นกงยังคิดเื่น่าสนุกอีกเื่หนึ่งขึ้นมาได้”
“เื่อะไรหรือ?”
“ไปเอาน้ำผึ้งมาราดลงตามแผลของเขา รอให้มดในห้องขังได้กลิ่นหอมของน้ำผึ้งก็จะมาตอมกัดตามแผล” นางคลี่ยิ้มสดใส แต่กลับทำให้คนถึงกับหนังศีรษะชา รู้สึกมีลมเย็นๆ พัดผ่านสันหลังไป “ใช่แล้ว ยังสามารถเอาเกลือมาโรยแผล ไม่รู้ว่าจะเป็ความเ็ปอย่างไร”
“ความคิดนี้ก็ดี น้ำผึ้ง เหลือแค่ทำให้กระดูกแตกอีกสักรอบหนึ่ง” เสิ่นจือเหยียนให้ความร่วมมือพลางเอ่ยว่า “คิดๆ แล้วข้าก็รู้สึกตื่นเต้น ภาพนั้นจะต้องน่าสนใจแน่ๆ”
บุรุษที่ถูกล่ามติดกับขื่อไม้ไม่รู้ว่าเป็เพราะกลัวถึงได้ตัวสั่นหรือไม่ เสียงโซ่สั่นกระทบกันดังขึ้นอย่างแจ่มชัดในห้องขังอันเงียบเชียบ
มู่หรงฉือยิ้มจนตาโค้ง “เ้าไม่ใช่คนแคว้นเป่ยเยี่ยน เป็คนของแคว้นตงฉู่หรือว่าหนานเยว่?”
เงียบสนิท
หน้าผากที่มีผมยุ่งเหยิงปรก ปิดบังอารมณ์ของเขาเอาไว้
ดวงตาทั้งสองข้างของนักโทษส่องประกายน้อยๆ
นางหัวเราะเบาๆ “เ้าไม่เปิดปากก็ไม่เป็ไร ในเมื่อสามารถจับเ้ามาได้ คนที่สมรู้ร่วมคิดกับเ้า รวมถึงเ้านายของเ้า อีกไม่นานก็จะสามารถจับตัวได้แล้ว ไปเตรียมเกลือกับน้ำผึ้ง!”
เสิ่นจือเหยียนรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเ้าหยุดคิดว่าจะได้อะไรจากข้าเลย!”
บุรุษคนนั้นเงยหน้าขึ้นพูดทีละคำ เสิ่นจือเหยียนใ รีบพุ่งเข้าไป
ทว่า สายไปเสียแล้ว
บุรุษคนนั้นกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะว่าทนทรมานไม่ไหวจนเอ่ยความลับออกมา แต่เป็ซื่อสัตย์จนยอมตายอย่างที่คิด
เสิ่นจือเหยียนมองไปที่นางแล้วถาม “เบาะแสขาดไปอีกแล้ว”
สีหน้าของมู่หรงฉือเ็า “คนที่ทำการค้ากับเขาคือใคร?”
“เ้าหน้าที่ได้พาคนนั้นกลับมาที่ศาลต้าหลี่แล้ว คนผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ของสกุลหลี่คหบดีในเมือง เขาบอกว่าได้รับคำสั่งจากนายท่านของเขาให้มาซื้อฝิ่นที่ตรอกชิงหยาง”
“ไปจวนสกุลหลี่!”
นางรีบร้อนเดินออกไปด้านนอก เขาเองก็คิดถึงประเด็นสำคัญนี้ จึงวิ่งตามไป
ทั้งสองขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าไปที่จวนของคหบดีสกุลหลี่ นางจำได้ เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่จาวฮวาไปหอเฟิ่งหวง คนที่ชอบจาวฮวาก็คือคุณชายสกุลหลี่
ครั้นมาถึงจวนสกุลหลี่ ทั้งสองคนก็แสดงฐานะของตัวเองแล้วบุกเข้าไป
พ่อบ้านร้องเสียงดังอยู่ด้านหลัง บ่าวรับใช้มากมายต่างทำหน้าตะลึงมองพวกเขาบุกเข้ามาในจวน
เสิ่นจือเหยียนและมู่หรงฉือตรงไปยังห้องตำราที่เรือนหลัง พ่อบ้านคนนั้นอธิบายอีกครั้ง “นายท่านไม่ได้อยู่ที่จวนขอรับ เพิ่งจะออกไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน”
มู่หรงฉือส่งสัญญาณให้เสิ่นจือเหยียน เขาเข้าใจแล้วถีบประตูห้องตำรา
“ถึงแม้พวกเ้าจะเป็คนของศาลต้าหลี่ แต่จะทำเช่นนี้ไม่ได้ นายท่านของพวกเราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย” พ่อบ้านะโเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทางที่ดีที่สุดจงให้นายท่านของเ้าออกมา ไม่เช่นนั้นจะเป็สกุลหลี่ของพวกเ้าที่มีเื่” ดวงตาของนางเย็นเยียบ น้ำเสียงดุดัน
“นี่...” พ่อบ้านสบเข้ากับดวงตาดุดันของนางก็ก้มหน้าลงด้วยความหวั่นเกรง
เสิ่นจือเหยียนบุกเข้าไปด้านใน นางตามเข้าไป
ห้องตำราสกุลหลี่ก็มีสองห้อง ห้องตำราด้านนอกจัดวางอย่างมีระเบียบ ไม่มีร่องรอยของการขัดขืนต่อสู้ ภายในห้องกว้างขวาง วางเตียงไม้ไผ่เอาไว้หลังหนึ่ง
บนเตียงไม้ไผ่มีคนนอนตะแคงอยู่ มีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เพียงแต่ไม่รู้ว่านายท่านหลี่ตายเพราะถูกพิษหรือไม่
“อ๊ะ...นายท่านหลี่...นายท่าน...นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น?” พ่อบ้านพุ่งไปตรงหน้าเตียง ร้องไห้ออกมาอย่างเ็ป “นายท่านตายแล้ว...นายท่านตายแล้ว...นายท่านตายแล้ว...”
“นายท่านหลี่เองก็สูบฝิ่น” นางหยิบกล่องทองแกะสลักรูปดอกไม้ เปิดออกแล้วดม “เป็ฝิ่นจริงๆ เพียงแต่ว่าใช้ไปจนหมดแล้ว”
“ดูจากตำแหน่งสภาพการตายแล้ว นายท่านหลี่คงจะถูกสังหารระหว่างที่สูบฝิ่นอยู่” เสิ่นจือเหยียนตรวจดูบริเวณใกล้หัวกล้องสูบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นายท่านของข้าถูกคนฆ่าตาย...ใต้เท้า ท่านจะต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้นายท่านของข้า...” พ่อบ้านร่ำไห้อ้อนวอน
“เ้าถอยไปก่อน ข้าจะตรวจสอบศพของนายท่านของเ้า เช่นนี้ถึงจะสามารถหาหลักฐานการลงมือของฆาตกรได้” เสิ่นจือเหยียนกล่าว ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาถุงมือมาด้วย จึงทำได้เพียงใช้มือเปล่าตรวจ
พ่อบ้านถอยหลังไปพลางร้องไห้เสียใจ มู่หรงฉือกล่าว “รีบไปแจ้งฮูหยินของเ้าเสีย”
พ่อบ้านดึงสติกลับมาได้ก็รีบไปแจ้งฮูหยิน
นางยืนอยู่ในห้อง มองไปรอบๆ “นายท่านหลี่ตายได้อย่างไร?”
เสิ่นจือเหยียนตรวจสอบไปก็พูดไป “ผู้ตายอายุประมาณห้าสิบปี ร่างกายยังอุ่นอยู่ น่าจะตายได้ราวหนึ่งชั่วยาม ศพอยู่ในท่านอนตะแคงเืไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด บนตัวศพไม่มีาแ....”
นางเดินไปที่หน้าต่าง บานหน้าต่างเปิดไว้เพียงครึ่งเดียว บนนั้นมีรอยรองเท้าจางๆ
ดอกไม้ใบหญ้าสีเขียวนอกหน้าต่างเหมาะจะเป็ที่ซ่อนตัวและหลบหนี
“เตี้ยนเซี่ย นายท่านหลี่ไม่ได้สูบฝิ่นเกินขนาดจนตาย” เสิ่นจือเหยียนพูดผลชันสูตรออกมา
“เช่นนั้นเขาตายได้อย่างไร?” มู่หรงฉือเดินเข้าไปถาม
“หากข้าเดาไม่ผิด คงจะถูกการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้อวัยวะภายในฉีกขาดจนตาย” เขาแหวกเสื้อของผู้ตายออก “ท่านดู ที่หน้าอกของเขามีรอยฝ่ามือจางๆ”
“กำลังภายในของคนร้ายแข็งแกร่งนัก ตบลงไปครั้งเดียวก็ทำให้นายท่านหลี่สิ้นใจได้ ตอนนั้นนายท่านหลี่คงจะเห็นคนร้ายเข้ามาแต่กลับไม่ขัดขืน ภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลย” นางพูดอย่างครุ่นคิด “หรือว่านายท่านหลี่จะรู้จักมักคุ้นกับคนร้าย?”
“ยังมีอีกความเป็ไปได้หนึ่ง ตอนที่คนร้ายเข้ามา นายท่านหลี่กำลังสูบฝิ่น กำลังอยู่ใน่ล่องลอย ิญญาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่ามีคนเข้ามา คนร้ายโจมตีเขาครั้งเดียวเขาถึงได้สติ แต่เพียงไม่นานก็ตาย จึงไม่ทิ้งร่องรอยการต่อสู้ไว้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้