เมื่อถึงหน้าประตูห้องพักของโรงแรม ร่างของจ้าวอี้เปยก็ถีบเปิดประตูห้องพัก ผนวกกับเสียงะโของทั้งสองฝ่าย จึงดึงดูดความสนใจจากแขกที่อยู่ห้องพักอื่น บางคนถึงขั้นเปิดประตูห้องพักออกมาดู
ด้านเ้าของโรงแรมก็รีบร้อนวิ่งมาหลังจากได้ยินเสียง แต่เมื่อเห็นห้องพักที่เกิดเื่ก็รีบวิ่งหน้าตั้งกลับไปทันที
ชายหัวโล้นรู้ดีว่าชายทั้งสี่ที่พักในห้องนี้โเี้เพียงใด ทั้งยังไม่ควรก่อกวนหรือยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างยิ่ง! ค่าห้องพักเขายังไม่กล้าเข้าไปตามเก็บ ฉะนั้นอย่าพูดถึงเื่อื่นเลย...
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่หน้าประตู ชายหัวโล้นไม่เพียงแต่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง กระทั่งตำรวจยังไม่กล้าแม้แต่จะโทรแจ้ง ได้แต่หาที่หลบ
ชายหนุ่มสองคนนั้น แน่นอนว่าต้องเป็เย่เฟิงและจ้าวอี้เปย
“แกคือซือถูฉางเตาสินะ”
เย่เฟิงหัวเราะ มองคนชั่วร้ายทั้งสี่ที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นเองเขาก็รับรู้ถึงความชั่วช้าของคนจากวิหารดาบ์ ไอสังหารจากคนเหล่านี้ล้วนเป็เพชฌฆาตที่ไล่สังหารคนมาแล้วนับไม่ถ้วน!
ชายร่างเตี้ยป้อมที่ดูเหมือนคนขายเนื้อ เปิดปากใหญ่ๆ ของเขาพ่นคำพูดที่น่ารังเกียจ “หัวเราะอะไรของแก ไอ้สวะ แกกำลังรนหาที่ตายไม่รู้ตัวหรือไง?”
“ไม่ๆๆ เก็บเขาไว้ให้ฉันเถอะ ตัวเล็กบอบบางแบบนี้ฉันชอบ...”
ชายร่างผอมเหมือนต้นไผ่อีกคนพูดขัด พร้อมใช้ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองผู้มาใหม่ั้แ่หัวจรดเท้าหลายครั้ง ก่อนได้ยินเสียงเดาะลิ้น ‘จิ๊ๆ’ อย่างนึกชื่นชอบ
คนของวิหารดาบ์ล้วนน่ารังเกียจ
เย่เฟิงสบตาของเขาคนนั้น ก่อนรับรู้ได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็ความจริง แม้ไม่รู้ว่าเป็คำพูดของใคร แต่ก็นึกนับถือผู้พูดเสียจริง
คำว่าต่ำทราม สองคำนี้คงสามารถนิยามคนของวิหารดาบ์ได้ดี และไม่มีคำไหนจะเหมาะมากไปกว่านี้อีกแล้ว!
ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งสี่มีระดับวรยุทธ์สี่สิบปี และไม่มีใครสามารถใช้พลังภายในออกมาได้ พวกเขาเปรียบเสมือนการปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเย่เฟิง
เย่เฟิงเองก็คร้านจะพูดจาไร้สาระจึงก้าวเข้าไปหาพวกเขา ‘พรึ่บ’ กระบี่สีเขียวเข้มเล่มยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา
เพลงกระบี่สุริยคราส!
สำหรับสี่คนนี้ เย่เฟิงไม่อยากสิ้นเปลืองพลังชี่ในการใช้กระบี่ไร้ตัวตน แค่เพลงกระบี่สุริยคราสก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
เขาค้นพบว่าการใช้เคล็ดวิชาทั่วไปของโลกนี้ไม่ต้องใช้พลังชี่มากนัก แต่หากเป็วิชาเซียน เขากลับต้องเสียพลังชี่ไปจำนวนมาก
จากคำกล่าวของซูเฟยหยิ่ง ในการต่อสู้ไม่จำเป็ต้องพูดให้มากความ ดีที่สุดคือพยายามเคลื่อนไหวให้น้อย หากสิ้นเปลืองพลังมากไปอาจต้องพบจุดจบที่น่าเศร้า
เพลงกระบี่สุริยคราสทั้งสี่กระบวนท่า แผดเผาเทพเ้า ผลาญสมุทร ส่องสว่างนภา สุริยคราส แต่ละกระบวนท่าให้ผลลัพธ์ต่างกัน แต่สำหรับเย่เฟิง ดูเหมือนว่าผลของมันจะไม่ต่างกันมากนัก เพราะทุกกระบวนท่าล้วนเป็กระบี่ปราณเพลิง แม้แคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวแต่ผลลัพธ์กลับทรงพลังมากกว่าหนึ่ง นอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองพลังชี่อีก
เมื่อใช้เพลงกระบี่สุริยคราสออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความร้อนที่กำลังแผดเผา
เย่เฟิงวาดกระบี่ปราณเพลิงเพียงครั้งเดียว อุณหภูมิในห้องก็พุ่งสูงขึ้นห้าองศาอย่างฉับพลัน!
“ไอ้เด็กเวร แกถึงกับกล้าลงมือก่อนเชียวเหรอ!”
ชายร่างเตี้ยป้อมเหมือนคนขายเนื้อแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะดึงดาบเล่มยาวที่ถูกพันด้วยห่อผ้าออกมา แล้วตวัดดาบออกไปขวางกระบี่ปราณเพลิงของเย่เฟิง
เื่ที่เย่เฟิงเป็อัจฉริยะนั้นพวกเขาล้วนเคยได้ยิน จึงไม่ได้แปลกใจที่เห็นเย่เฟิงสามารถใช้พลังภายในออกมาได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีของพวกเขาทั้งสี่ ต่อให้ใช้พลังภายในได้จะมีประโยชน์อะไร?
ชายร่างอ้วนเหมือนคนขายเนื้อฟาดกระบี่ใส่กระบี่ปราณเพลิง!
“แย่แล้ว!”
ชายร่างเตี้ยป้อมกรีดร้องขึ้นมาทันทีที่ดาบเล่มยาวปะทะกับกระบี่ปราณเพลิง เพราะอุณหภูมิของดาบในมือพุ่งสูงกลายเป็เหล็กร้อน หากไม่ใช่คำสอนที่ห้ามให้ดาบห่างกายของวิหารดาบ์ เขาคงโยนดาบในมือทิ้งไปนานแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถถือดาบได้อย่างมั่นคงอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับเย่เฟิงเลย
“ระวังด้วย นั่นเป็เคล็ดวิชากระบี่สุริยคราสของตระกูลเย่ อย่าประมาทเด็ดขาด!”
สีหน้าของซือถูฉางเตาแปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมทันที
ส่วนอีกสองคนที่เหลือคือชายผอมแห้งรูปร่างเหมือนต้นไผ่ และอีกคนที่ผอมโซเหมือนหนูต่างะโพุ่งเข้าหาเย่เฟิง
ทั้งคู่ถือดาบเล่มยาวพุ่งเข้าหาเย่เฟิง คนหนึ่งเล็งที่หัว ส่วนอีกคนเล็งที่ลำตัว
“เคลื่อนไหวช้าจังนะ”
เย่เฟิงเคลื่อนไหวโดยใช้ย่างก้าวไร้เงาขั้นที่สอง เมื่อผนวกกับระดับพลังของเขาทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าคนของวิหารดาบ์มาก
เพียงเย่เฟิงเคลื่อนไหวก็หลงเหลือภาพติดตาไว้ด้านหลัง เขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายร่างเหมือนต้นไผ่ ก่อนฟาดกระบี่สุริยคราสที่เปลวเพลิงลุกโชนลงที่ดาบเล่มยาวของอีกฝ่าย
เคร้ง!
เสียงปะทะดังเสียดหู ดาบเล่มยาวของอีกฝ่ายถูกกระบี่ของเย่เฟิงฟันอย่างรุนแรงจนกระเด็นขึ้นไปติดบนเพดาน
จากนั้นเย่เฟิงใช้กระบี่เล่มยาวที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ตวัดเข้าลำคอของชายร่างผอมเหมือนต้นไผ่จนหัวขาดกระเด็นลงมา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนชั่วช้า ชายหนุ่มก็ไม่มีความจำเป็ต้องเมตตาพวกเขา เย่เฟิงสังหารอีกฝ่ายแบบเดียวกับที่เคยสังหารศิษย์ของตำหนักไท่จี๋โดยไม่รู้สึกผิดบาปเลยสักนิด
เพียงกลิ่นอายสังหารของพวกเขาก็ทำให้ทราบถึงความชั่วช้าของวิหารดาบ์ได้ กลิ่นอายสังหารระดับนี้พวกเขาล้วนต้องเคยสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน!
ภายใต้เปลวเพลิงที่อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงจนแทบแผดเผา ร่างที่หัวหลุดกระเด็นไม่มีเืไหลออกมาสักหยด เนื่องจากถูกไฟแผดเผาระเหยจนแห้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันก็ทำให้คนอิ่นๆ ตื่นใไม่น้อย
ซือถูฉางเตาและพรรคพวกของเขาต่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับพวกเขา ที่ผ่านมาแต่เป็พวกเขาที่สร้างฉากนองเื แต่มาวันนี้พวกเขากลับกลายเป็ลูกแกะที่กำลังถูกเชือด!
“ตายซะเถอะ ดาบ์วายุคลั่ง!”
ชายร่างเล็กเริ่มตวัดดาบในมือ ก่อนที่โซฟาและโต๊ะที่อยู่ในห้องจะลอยตัวขึ้นและหมุนราวกับพายุคลั่ง จากนั้นถูกดาบฟันจนเหลือเพียงเศษซากภายในพริบตา ทันใดนั้นเอง ดาบ์วายุคลั่งก็พุ่งไปยังทิศทางของเย่เฟิง!
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในห้องทำให้แขกห้องอื่นที่อยู่ตรงทางเดินต่างตกตะลึง แท้จริงแล้วนี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น ทำไมภายในห้องถึงมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้?
พวกเขาคงคาดไม่ถึงว่าภายในห้องกำลังเกิดการต่อสู้เพื่อชี้ชะตาความเป็ความตายของเหล่ายอดฝีมือในยุทธจักร
นี่เป็ครั้งที่สองที่เย่เฟิงได้เผชิญหน้ากับดาบ์วายุคลั่ง
เขายังจำครั้งแรกตอนที่อยูู่เาฉางไป๋ได้ ระหว่างที่เขากำลังปะทะกับหลีฮวาและไห่ถาง ก็ถูกดาบ์วายุคลั่งโจมตีจนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคยังดีที่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจากแหวนกระบี่ัโบราณมาได้อย่างทันท่วงที ทำให้เขาสามารถตัดแขนข้างหนึ่งของหลีฮวาได้ จนอีกฝ่ายต้องรีบหนีเตลิดเปิดเปิง หากไม่เป็เช่นนั้น ตอนนี้คงไม่มีเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
แต่การเผชิญหน้ากับดาบ์วายุคลั่งในครั้งนี้ ผลลัพธ์จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่แค่ระดับพลังที่เพิ่มสูงขึ้น แม้แต่การเคลื่อนไหวของกระบวนท่าและวิชาเซียนก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว
หนึ่งกระบี่
แค่ตวัดกระบี่เพียงครั้งหนึ่ง ลำแสงกระบี่ปราณเพลิงก็ผ่าทะลุวงล้อมของดาบ์วายุคลั่งในทันที จากนั้นภายในวงล้อมของดาบ์วายุคลั่งก็แปรเปลี่ยนเป็ทะเลเพลิง แผดเผาเขาจนสิ้นชีพในทันที!
สุดยอดเคล็ดวิชาของวิหารดาบ์ แม้แต่ยอดฝีมือที่ใช้พลังภายในออกมาได้ยังยากที่จะรับมือเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิงมันกลับไร้ประโยชน์
ถูกปลิดชีพไปสองคนแล้ว
ในเวลานั้นเอง ซือถูฉางเตาและชายร่างท้วมอีกคนต่างหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
เย่เฟิงแข็งแกร่งมากขนาดนี้เชียว ไม่ใช่ว่าเขามีระดับพลังแค่ยี่สิบปีเองหรอกเหรอ? แม้แต่พวกเขาที่มีระดับวรยุทธ์สี่สิบปีก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย!