โฉวฝูเรียกคนสนิทข้างกายเข้ามาก่อนออกคำสั่งว่า “ไปห้องมงคลแล้วลากเคอก่วงเถียนออกมา อยากเป็ฮูหยินของข้าโฉวฝูผู้นี้ นางก็จำต้องมีชะตาเสริมดวงบ้านเกื้อหนุนสามี
ในเมื่อไม่มีสิ่งใดสักอย่าง เช่นนั้นก็เป็ได้เพียงอี๋เหนียง สตรีที่ข้าต้องตา ยังไม่มีเคยมีผู้ใดรอดพ้นเงื้อมมือของข้าไปได้”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง” คนสนิททั้งสองต่างแยกตัวออกไปทำตามคำสั่ง
ไม่นานนักพวกเขาก็ลากเคอก่วงเถียนที่สวมผ้าคลุมหน้าออกมาจากห้อง
นางออกแรงทุบตีข้ารับใช้สกุลโฉว ทั้งกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นตระหนกว่า “กรี๊ด! เ้าจะทำอันใด? เหตุใดถึงมาจับตัวข้า ข้าคือฮูหยินน้อยสกุลโฉว เ้าช่างขวัญกล้านัก ปล่อยข้า...รีบปล่อยข้าเร็วเข้า...”
ผ้าคลุมหน้าของเคอก่วงเถียนหล่นลงพื้นเพราะการขัดขืน โฉวฝูถึงกับมองพิจารณาการแต่งหน้าอย่างงามประณีตของนางด้วยแววตาเป็ประกาย
เขาพลันสาวเท้าเข้าไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพลิกฝ่ามือแบกเคอก่วงเถียนขึ้นหลัง อารมณ์แปรเปลี่ยนจากอึมครึมเป็ปลอดโปร่งในทันใด
ทั้งยังตะปบบั้นท้ายของนางอย่างหยอกล้อสองครั้งแล้วยกยิ้มเอ่ยว่า “ฮ่าๆๆ...ฮูหยิน ไม่นึกว่าเ้าจะงามขนาดนี้ วันนี้สามีมาเพื่อแต่งเ้าเข้าจวนแล้ว ฮ่าๆๆ...”
เคอเจิ้งซีทำได้เพียงมองน้องสาวของตนถูกแบกออกไป เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กรับใช้ของสกุลโฉว เขาไม่มีกำลังโต้กลับเลยสักนิด
ผู้เฒ่าเคอชะงักอยู่กับที่ มิอาจตอบสนองได้แม้แต่น้อย บุตรสาวของตนถูกโฉวฝูพาตัวไปทั้งเช่นนี้เสียแล้ว? ยังไม่ทันกราบไหว้ฟ้าดินผ้าคลุมหน้าก็หล่นพื้น ไม่เป็มงคลเอาเสียเลยมิใช่หรือ?
“ถ่วงเถียน บุตรสาว...ฮือๆๆๆ... นายท่านโฉวฝู ข้าขอร้องท่านแล้ว อย่าทำเช่นนี้กับก่วงเถียนของข้าเลย นางเป็เพียงสตรีแรกรุ่นที่ยังไม่ออกเรือน! ฮือๆๆ...”
แม่เฒ่าเคอไม่แยแสความเ็ปบนร่าง พลันหยัดกายลุกขึ้นวิ่งออกจากลานเรือนของเรือนสกุลเคอเพื่อไล่ตามไปทั้งน้ำตา
หลังโฉวฝูผ่านพ้นประตูเรือนก็รีบเหวี่ยงเคอก่วงเถียนขึ้นหลังม้า เขาพลิกกายขึ้นตามก่อนจะลงแส้ม้าห้อตะบึงจากไป
ผู้เฒ่าเคอกับแม่เฒ่าเคอที่ไล่ตามออกมา มีหรือจะยังตามทัน ทำได้เพียงทอดมองบุตรสาวของตนจากไปต่อหน้าต่อตา
ครั้นขบวนรับตัวเ้าสาวเห็นผู้เป็นายกลับไปแล้วก็พากันเก็บข้าวของวิ่งเหยาะไล่ตามไปเช่นกัน
เคอก่วงเถียนที่อยู่บนหลังม้าถูกแรงกระเทือนทำเอาอวัยวะภายในแทบทะลักออกมา มิอาจกล่าวสิ่งใดแม้แต่ประโยคเดียว
ด้วยเหตุนี้เคอก่วงเถียนจึงไม่ได้นั่งกระทั่งเกี้ยว เวลาไม่ถึงชั่วหนึ่งก้านธูป นางก็ถูกโฉวฝูแบกเข้าห้องหอแล้วโยนลงบนเตียงอย่างรุนแรง
เคอก่วงเถียนหยัดกายลุกขึ้นดิ้นรนขัดขืน “นายท่านโฉวปล่อยข้านะเ้าคะ ข้าคือฮูหยินน้อยของนายน้อยโฉว ท่านมิอาจกระทำเยี่ยงนี้ต่อข้า เช่นนี้ผิดศีลธรรมเ้าค่ะ”
โฉวฝูหรี่ดวงตาพลางยกยิ้ม จัดการเปลื้องผ้าของเคอก่วงเถียนออกภายในไม่กี่ครั้งและเอ่ยว่า
“เ้าอยากเป็สตรีของบุตรชายข้า? ไม่ต้องตาบิดาหรือ? วันนี้บิดาจะทำให้เ้าได้รู้ว่าผู้ใดคือชายชาตรีที่แท้จริง...”
ขณะเอ่ย นายท่านโฉวก็ปิดผนึกริมฝีปากของเคอก่วงเถียน ทั้งเอื้อมท่อนแขนไปปลดม่านเตียงสีแดงลง...
ไม่ว่าอย่างไรเคอก่วงเถียนก็นึกไม่ถึงว่าวันแต่งงานของตนจะต้องผ่านพ้นไปเช่นนี้
ไม่มีเกี้ยวเ้าสาว ไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดิน ไม่มีการร่วมดื่มสุรามงคล ถึงขั้นที่ว่าสามีก็ยังมิใช่ผู้ที่ตน้า
ด้วยเหตุนี้ เคอก่วงเถียนจึงกลายเป็สตรีของโฉวฝู คือนายหญิงคนที่ห้าของสกุลโฉว
......
ทางฝั่งหมู่บ้านเถาหยวนครึกครื้นผิดจากปกติ ทว่าทางเขาเหลียนอู้กลับต่างกันลิบลับ
พั่วหุนนำโลงศพที่เตรียมเอาไว้ให้บิดาั้แ่เนิ่นๆ ออกมา จากนั้นทำพิธีฝังบิดาของตนให้เรียบร้อย
เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของบิดา พั่วหุนจึงพาต้วนเหลยถิงไปยังแนวสันเขาทางฝั่งด้านหลัง จากนั้นเดินเลี้ยวไปมาก่อนจะเข้าไปยังถ้ำที่ดูลับตาแห่งหนึ่ง
เขาพาต้วนเหลยถิงเข้าไปยังจุดลึกสุด เคลื่อนย้ายข้าวของที่ใช้อำพรางและต้นไม้ใบหญ้าออก เผยให้เห็นแก้วแหวนเงินทองหีบใหญ่
“เฮ้อ...” พั่วหุนถอนหายใจ “ยามนี้ข้าเพิ่งจะรู้ว่าแก้วแหวนเงินทองที่ปล้นมาเหล่านี้มิอาจกินมิอาจดื่ม ทั้งยังมิอาจเอามาใช้ประโยชน์อันใดได้อีก ยังไม่จริงแท้เท่าเสบียงอาหารเสียด้วยซ้ำ”
ทว่าหีบทำจากไม้กฤษณาฉีหนานตรงมุมหนึ่งกลับดึงดูดความสนใจของต้วนเหลยถิง
ชายหนุ่มเขย่งปลายเท้าแ่เบาทะยานกายข้ามแก้วแหวนเงินทองทั้งหมด ตามด้วยส่งท่อนแขนยาวไปหยิบหีบใบนั้นออกมา
มันสูงประมาณสองฉื่อ กว้างประมาณหนึ่งฉื่อ และมีลิ้นชักเล็กซึ่งเต็มไปด้วยกลไกจำนวนนับไม่ถ้วน
มองดูแล้วเหมือนตัวเกี่ยว ทว่าต้วนเหลยถิงรู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็กลไก หากวิธีเปิดไม่ถูกต้องหรือฝืนรื้อหีบ เช่นนั้นกลไกภายในหีบจะเริ่มกลไกทำลายตนเอง
สิ่งของทั้งหมดที่อยู่ภายในหีบก็จะเลือนหายไปจากใต้หล้านี้ด้วยเช่นกัน
ต้วนเหลยถิงกอดหีบใบนั้นพลางถามว่า “เ้าไปเอาของสิ่งนี้มาจากที่ใด?”
“สิ่งนี้หรือ?” พั่วหุนย้อนความทรงจำ “นี่คือของที่เก็บได้จากตรงกลางสันเขาของเขาเหลียนอู้เมื่อสองปีก่อนขอรับ”
หลังจากนั้น พั่วหุนยังหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนเก็บหีบใบนี้ได้
ที่แท้ เมื่อสองปีก่อนตนพาคนไล่ตามสัตว์ป่าตัวหนึ่งบนเขาเหลียนอู้ จนสุดท้ายก็มาถึงแนวสันเขาทางฝั่งด้านหลัง
พบว่ามีบุรุษชุดดำสวมผ้าคลุมผู้หนึ่งกับคนคุ้มกันหลายคนกำลังต่อสู้กัน
แม้บุรุษชุดดำสวมผ้าคลุมจะมีเพียงคนเดียว แต่กำลังรบกลับแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว เหล่าคนคุ้มกันมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
ชายชราวัยห้าสิบถึงหกสิบปีที่ถูกกลุ่มคนคุ้มกันโจมตีได้รับาเ็สาหัส ทว่ายังฝืนพยายามวิ่งขึ้นไปบนเขา สิ่งที่อยู่ภายในอ้อมแขนก็คือหีบใบนี้
พวกพั่วหุนใคร่รู้ยิ่งนัก ต่างพากันแอบตามหลังชายชราผู้นั้นไป ทว่าร่างกายของชายชรามิอาจฝืนทน เมื่อรู้ว่าตนเหลือเวลาไม่มากแล้ว
เขาจึงใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายโยนหีบเข้าไปในโพรงไม้แห่งหนึ่ง จากนั้นนั่งลงตรงหน้าต้นไม้โดยใช้ร่างกายของตนเองปิดปากโพรงเอาไว้
หากไม่ได้เห็นภาพชายชราซ่อนหีบเอาไว้ พวกเขายังพากันนึกว่าชายชรานั่งพิงต้นไม้เพื่อประคองร่างกายเอาไว้ด้วยซ้ำ
ดังคาด หลังจากบุรุษชุดดำสวมผ้าคลุมจัดการทางฝั่งนั้นเสร็จและมายังต้นไม้ เมื่อเห็นชายชราที่หมดลมหายใจผู้นี้จึงไม่นึกสงสัยแต่อย่างใด
ทว่ากลับล้อมเขาลูกนี้เอาไว้แล้วออกค้นหาอยู่หลายครั้ง ทั้งยังตรวจสอบตามเส้นทางที่ชายชราใช้กลับไปกลับมาหลายครา แต่กลับไม่เคลื่อนย้ายศพของชายชราเลยสักนิด
ด้วยเหตุนี้ หีบที่ชายชราซ่อนเอาไว้จึงรอดพ้นจากการค้นหาของบุรุษสวมผ้าคลุมมาได้
พั่วหุนพาคนสำรวจดูอยู่หลายวัน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนมายังสถานที่แห่งนี้ถึงได้ทำพิธีฝังศพชายชราแล้วเอาหีบออกมาจากโพรงไม้
ภายหลังเป็เพราะการออกแบบที่แสนประณีตของหีบใบนี้ พั่วหุนศึกษาอยู่หลายวันก็ยังมิอาจเปิดออก
เมื่อคิดว่าชายชราพยายามปกป้องมันอย่างสุดชีวิต หีบใบนี้จะต้องเป็สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นพั่วหุนจึงนำมันมาซ่อนไว้กับสมบัติของตน
แต่ก็อาจเป็เพราะหีบใบนี้ หลังจากนั้นหลายเดือน พลันมีบุรุษชุดดำสวมผ้าคลุมจำนวนหนึ่งมาเยือนเขาเหลียนอู้
เื่ราวถัดจากนั้นก็คือสิ่งที่ต้วนเหลยถิงล่วงรู้ พวกพั่วหุนถูกควบคุมด้วยยาพิษ
ต้วนเหลยถิงถอนหายใจอย่างเชื่องช้า ขณะกอดหีบใบนี้เอาไว้ช่างรู้สึกว่าหนักอึ้งเหลือเกิน เหตุใดท่านลุงเริ่นถึงได้โง่เขลาขนาดนี้?
แค่หีบใบหนึ่งเท่านั้น เป็เพียงสิ่งของนอกกาย ให้คนพวกนั้นไปแล้วอย่างไร ยังจะสำคัญยิ่งกว่าชีวิตอีกหรือ?
ครั้นเห็นต้วนเหลยถิงกอดหีบไม่เอ่ยสิ่งใด เมื่อคิดว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้ว มิอาจมัวชักช้าต่ออีก พั่วหุนจึงออกความเห็นว่า
“นายน้อย ยามนี้เวลาล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราควรจะซ่อนสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ ภายหน้าค่อยมาเคลื่อนย้ายดีหรือไม่ขอรับ?”
คนแก่ เด็ก และสตรีข้างนอกน่าจะกินข้าวต้มกันเสร็จแล้ว พวกเขามิได้เอาเสบียงอาหารมาด้วยมากนัก จำต้องรีบออกจากที่นี่จึงจะเป็การดี
อีกทั้งที่นี่ยังมีผู้คนมาก หากเคลื่อนไหวพร้อมกันเป้าหมายจะใหญ่เกินไป พั่วหุนพยายามหาหนทางที่ปลอดภัยทุกด้าน ยามนี้ถึงกับปวดหัวเสียแล้ว
สายตาของต้วนเหลยถิงพลันฉายแววสลัว “เ้ากลับไปก่อน การอำพรางที่นี่ให้เป็หน้าที่ของข้า ติดตั้งกลไกจำนวนหนึ่งเอาไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เหล่าคนสวมผ้าคลุมต้องเสียท่าสักหน”